ตอนที่ 348 พาข้าไปด้วย!
แม้ว่าโจวเจ๋อจะไปแล้ว แต่นักโทษที่ ‘เลือดออกบริเวณรูดาก’ ซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ในห้องขังของเรือนจำคนนั้น ตอนนี้ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะนอน
เขาห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม ดวงตาทั้งคู่แง้มเปิดออกดูข้างนอกเป็นระยะๆ จากนั้นเป็นเหมือนนกกระทาที่ตื่นตกใจรีบหดกลับเข้าไปทันควัน
แน่ละว่าเขาอยากนอนแต่มันนอนไม่ได้ แต่ตามนิสัยของเขาแต่ก่อน ยังพอสามารถใช้การทำสมาธิที่ทนายอันสอนมาช่วยบรรเทาความทรมานจากการนอนไม่หลับได้ แม้ว่าประสิทธิภาพที่ได้จะหลับไม่สนิทหรือไม่เต็มอิ่มก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็สามารถบรรเทาความทรมานจากการนอนไม่หลับได้
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ ทันทีที่เขาหลับตาลง ในหัวก็นึกถึงฉากที่เห็นตรงริมหน้าต่าง สายตาเหยี่ยวของยมทูตตนนั้นที่กำลังจ้องมองเขา จากนั้นก็จากไปอย่างงงๆ
พูดตามตรง ต่อให้ยมทูตผู้ยิ่งใหญ่ตนนั้นกระโดดเข้ามาฟาดใส่เขาสัก ‘ป้าบ!’
เขาโอดครวญไปสักที แล้วเปลี่ยนท่านอน!
ไม่แน่เขาอาจจะสงบจิตสงบใจได้สักหน่อย เขาในตอนนี้เป็นเหมือนกระต่ายน้อยสีขาวที่นายพรานข้ามน้ำข้ามภูเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อมาหาคุณ แล้วบอกกับคุณว่า ‘ฝันดีราตรีสวัสดิ์’ จากนั้นก็กลับไป
ความรู้สึกแบบนี้แปลกมาก
…
ความรู้สึกแบบนี้มันแปลกมากจริงๆ โดยเฉพาะหลังจากที่โจวเจ๋อมองเห็นปากกาด้ามนี้
ราวกับว่าท่ามกลางความมืดมิด ภายในปากกาด้ามนั้นมีงูพิษจำศีลอยู่ในนั้นและพ่นพิษทิ้งไว้ เฝ้ารอคอยให้เขาก้าวย่างไปข้างหน้า
เรื่องประเภทฆ่าชิงทรัพย์ เถ้าแก่โจวไม่ยอมทำหรอก มีหนังสือแฟนตาซีในร้านหนังสือของเขาตั้งมากมาย ส่วนใหญ่แล้วก็ใช้มุกซ้ำซากจำเจอย่างนี้แหละ เถ้าแก่โจวรู้สึกว่าการทำเรื่องพวกนี้มันไร้รสนิยมสิ้นดี
แต่ทว่า ในความเป็นจริง เถ้าแก่โจวเป็นแบบอย่างของพวกที่ปากว่าไม่แต่ร่างกายขยับอย่างซื่อสัตย์โดยแท้ ดูผิวเผินบอกว่าไม่ทำ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ทำ แต่ในความเป็นจริงเมื่อไปเจอของดีเข้า ไม่สนว่าจะใช้การได้หรือไม่ เป็นคนหรือว่าเป็นผีดิบ เป็นชายหรือว่าเป็นหญิง เป็นคนหรือเป็นสัตว์ร้าย เถ้าแก่โจวล้วนอยากขนกลับบ้านทั้งนั้น
ครั้งหนึ่งหวังเคอเคยวิเคราะห์ให้โจวเจ๋อว่าอาจจะเป็นเพราะเคยกลัวความยากจนตอนเด็กๆ ดังนั้นเมื่อโตขึ้นจึงมีความต้องการที่จะครอบครองตามสัญชาตญาณ เรียกได้ว่าเป็นโรคชอบเก็บสะสมสิ่งของ มีเพียงการกักเก็บตุนไว้เท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ไม่อย่างนั้นจะกระวนกระวายใจไปทั้งวัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือสมุดหยินหยางของเถ้าแก่โจว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้วิธีใช้มันแบบจำเพาะเจาะจง แม้กระทั่งเทพเจ้าแห่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือหลายองค์ที่ถูกกักไว้อยู่ข้างใน ยังหากินเศษดินตามซอกตามมุมอยู่เลย อยากจะปลดปล่อยแต่ก็ปลดปล่อยไม่ได้
แต่ทว่า ตอนที่เผชิญหน้ากับปากกาด้ามนี้ โจวเจ๋อเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายภายในใจ แม้ว่าสิ่งนี้จะดูเรียบง่ายมาก เรียบง่ายเสียจนเหมือนปากกายี่ห้อฮีโร่ด้ามแรกที่โจวเจ๋อซื้อตอนอยู่ชั้นประถม
แต่มันจะรับมือยากไหมนะ
เถ้าแก่โจวลังเลเล็กน้อย สมุดหยินหยางนั่นแม้จะใช้ไม่ได้ แต่ได้เก็บสะสมไว้ที่บ้านก็รู้สึกถึงความสำเร็จแล้ว แม้จะควบคุมเทพเจ้าแห่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือไม่ได้ แต่ก็รู้สึกมีเกียรติที่รับเข้ามา
เพียงแต่ว่าปากกาที่อยู่ตรงหน้าทำให้โจวเจ๋อรู้สึกถึงอันตรายมากๆ อย่างหนึ่ง หากนำกลับไปละก็ เป็นไปได้ว่าอาจจะถึงตายได้ แม้ว่าจะไม่ทราบต้นสายปลายเหตุที่จำเพาะเจาะจง แต่ให้ความรู้สึกนี้รุนแรงมาก
หายใจเข้าลึก หายใจเข้าลึกๆ สูดหายใจเข้า ตามด้วยหายใจออก หายใจต่อไป และสูดหายใจอีกครั้ง!
เถ้าแก่โจวหันหลังกลับ ปล่อยให้มันนอนอยู่ที่เดิมตรงนั้นเงียบๆ เหมือนภาพแผ่นหลังของหญิงสาวที่ถอดเสื้อผ้าเผยให้เห็นเห็นเนื้อเนียนขาวนอนหันหลังให้อย่างสง่างาม
ใช่แล้ว เถ้าแก่โจวทำตามใจตัวเองและกำลังจะออกไป
ใครสนว่าแกจะเป็นของวิเศษอะไรและมีประโยชน์อะไร ฉัน! ไม่! เอา!
ดูเหมือนว่าโจวเจ๋อหันกลับมาอย่างรวดเร็วเกินไป ทั้งยังเดินออกไปแบบไร้เยื่อใยเกินไป แม้แต่ปากกาด้ามนั้นก็ไม่ทันได้ตั้งตัว ตัวปากกาสั่นไหวเล็กน้อย เกือบจะร่วงลงจากโต๊ะแล้ว
แต่ทว่า โจวเจ๋อหยุดเดินหลังจากก้าวไปแล้วสองก้าว ร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทาเล็กน้อย และมือทั้งสองข้างก็เริ่มกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
โจวเจ๋อไม่ได้กำลังต่อสู้อยู่กับสิ่งที่สะท้อนออกมาจากจิตใจ และไม่ใช่ตัดใจไม่ลงแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะว่าตอนที่โจวเจ๋อกำลังจะสละทิ้งและเตรียมจะจากไปนั้น จู่ๆ เจ้าจิตสำนึกในร่างของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว โดยที่โจวเจ๋อไม่ได้เรียกมันออกมาก่อน แต่มันเริ่มใช้กำลังยื้อแย่งเข้าควบคุมร่างกายนี้!
นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เตรียมพร้อมใช้กำลังยึดอำนาจแล้วงั้นเหรอ
เม็ดเหงื่อหยดลงมาจากหน้าผากอย่างต่อเนื่อง โจวเจ๋อกัดฟันแน่นและต่อสู้กับเจ้านั่น
แม้จะรู้ว่าการทำให้มันตื่นขึ้นไม่เป็นผลดีกับตัวเองก็ตาม แต่บางครั้งเมื่อต้องเผชิญกับอันตรายและสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โจวเจ๋อก็ยังเลือกที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
ตอนนี้ผลร้ายจะตื่นขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่
โจวเจ๋อค่อยๆ ทรุดตัวลง เล็บทั้งสองมือของเขาเริ่มงอกยาวออกมาอย่างช้าๆ ผิวหนังเริ่มปรากฏเป็นสีเขียวคล้ำ เขี้ยวที่มุมปากเริ่มงอกออกมาเช่นกัน เบ้าตาเว้าลึกมีความมืดอันน่าสะพรึงกลัวไหลเวียนอยู่
“เอา…ปากกาด้ามนี้ไป”
เสียงที่กดต่ำของโจวเจ๋อดังลอดออกมา
แต่ชั่ววินาทีต่อมา ความมืดมิดในดวงตาของเถ้าแก่โจวเริ่มจางหาย ความชัดเจนปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“มีสิทธิ์อะไร!”
ใช่แล้ว มีสิทธิ์อะไร!
แม้จะบอกว่าหนึ่งร่วงล้วนร่วง ลงเรือลำเดียวกันหลายครั้งแล้ว แต่ในความเป็นจริงระหว่างทั้งสองยังมีความสัมพันธ์ของการแข่งขันที่ชัดเจนมาก เดิมทีโจวเจ๋อไม่อยากได้ปากกาด้ามนั้นแล้ว ตอนนี้เจ้านั่นในร่างดันอยากได้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ยิ่งไม่อยากได้เข้าไปอีก!
‘วืด!’
ความมืดเริ่มปกคลุมรูม่านตาของโจวเจ๋ออีกครั้ง โจวเจ๋อพูดด้วยเสียงทุ้มและเฉียบขาด
“หยิบมัน!!!”
วินาทีต่อมา ความมืดสลายไปกลับมาสดใสอีกครั้ง
“ไม่เอาโว้ย!!!”
หากมีคนนอกมาเห็นฉากนี้เข้า คงคิดว่าตัวเองเจอกับคนป่วยโรคหลายบุคลิก พูดคุยงึมงำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ต่างกันอยู่ตรงนั้น
“หยิบมัน มันมีประโยชน์!”
“ฝันไปเถอะ!!”
“เจ้าขยะนี่!”
แม่เจ้าโว้ย โจวเจ๋อตะลึงไปครู่หนึ่ง ไอ้ฉิบหาย ยังด่าทอเสียๆ หายๆ ได้อีกต่างหาก!
“แกมันไอ้ขี้ขลาดไม่ใช่หรือไง ก่อนหน้านี้ที่สะพานไน่เหอโผล่ขึ้นมา แกยังไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาด้วยซ้ำ!”
หือ สะพานไน่เหอคืออะไร ทำไมฉันถึงพูดว่าสะพานไน่เหอกันนะ
โจวเจ๋อตกอยู่ในภวังค์ แต่ยังไม่ทันจะครุ่นคิด เพราะลมหายใจดุร้ายของเจ้าจิตสำนึกนั่นกำลังอาละวาดในหัวของเขาอย่างบ้าคลั่ง
“หยิบมัน ปากกาด้ามนี้มันมีประโยชน์ต่อข้า”
“เลิกฝันได้แล้ว!”
‘วืด!’
ทันใดนั้นมวลหมอกสีดำพัดหอบเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ โจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปทางปากกาด้ามนั้น หมอกสีดำกลายเป็นกรงเล็บแหลมคมพุ่งออกไปคว้าเกี่ยวปากกาให้ลอยมาทางนี้
แต่ในวินาทีต่อมา แววตาในดวงตาของโจวเจ๋อเปลี่ยนไปอีกครั้ง กรงเล็บแหลมคมเปลี่ยนทิศและเขวี้ยงปากกากระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง!
‘พลั่ก!’
ปากกาที่กระแทกผนังตกลงบนพื้นพลันส่งเสียงเจ็บปวดออกมา
แต่ทันใดนั้นกรงเล็บแหลมคมก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง จับปากกาขึ้นมาแล้วดึงกลับ!
แต่แล้วกรงเล็บแหลมคมก็เสียการควบคุมอีกครั้ง เขวี้ยงปากกาอัดลงพื้นอย่างแรง
‘พลั่ก!’
“…” ปากกา
‘พลั่ก!’
‘พลั่ก!’
‘พลั่ก!’
‘พลั่ก!’
“@#¥%&*!!!” ปากกา
ในที่สุดมวลหมอกสีดำก็จางหายไป หลังจากที่เจ้าจิตสำนึกในร่างโจวเจ๋อใช้พลังไปมหาศาลก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งโดยไม่เต็มใจ
“เอามันไป…ต้องเอามันไป…มันไม่ใช่ปากกาของผู้พิพากษา…มันเป็น…”
อาจเป็นเพราะเจ้าจิตสำนึกในร่างยังไม่พร้อมจะแข็งกร้าวกับโจวเจ๋อ โจวเจ๋อยังสามารถปลอบใจตัวเองได้ อย่างน้อยๆ ร่างกายนี้ ชีวิตนี้ยังเป็นของเขาอยู่
‘เฮ้อ…’
เขานอนแผ่หลาบนพื้น ทั้งเนื้อทั้งตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ปากกาด้ามนั้นถูกกระแทกจนเสียทรงไปแล้วนิดหน่อย แม้แต่หมึกยังกระเซ็นออกมา นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นอย่างน่าสังเวชใจเป็นที่สุด
โจวเจ๋อกลืนน้ำลาย และค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น
สิ่งนี้น่ะ อย่าเอาไป
แต่ทว่า ในเวลานี้เอง จู่ๆ ร่างเงาหนึ่งปรากฏขึ้นข้างๆ ปากกา เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่แปลกหน้าแต่ช่างคุ้นเคย ผู้ชายมักจะมีความรู้สึกคุ้นเคยต่อผู้หญิงสวยๆ
เฮ้ คนสวย เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า
แต่ในความเป็นจริงหน้าตาของหญิงสาวคนนี้ไม่สวยเลย โดยเฉพาะสภาวะของเธอในตอนนี้ ยืนอยู่ตรงนั้น ในดวงตาเหลือเพียงความขาวซีด ราวกับหุ่นเชิดที่สูญเสียความเป็นตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง กระทั่งสามารถพูดได้ว่าเธอถูกลบความเป็นตัวเองไป
หลังจากที่หญิงสาวปรากฏตัว อีกด้านหนึ่งยังมีชายหนุ่มในชุดนักโทษปรากฏตัวขึ้น ชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาไร้ซึ่งวิญญาณ
ปากกาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับกำลังเรียกร้องอะไรบางอย่าง
โจวเจ๋อเบิกตากว้างทันที
เชี่ย ปากกาด้ามนี้มันฉลาด!
เถ้าแก่โจวมีลางสังหรณ์ว่า ถ้าวันนี้เขานำปากกาด้ามนี้กลับบ้านไปอย่างลิงโลดละก็ บางทีอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เขาอาจจะยืนอยู่ข้างๆ สองคนนี้ ดวงตาหม่นหมอง ดวงตาไร้ชีวิตชีวา ดูโง่ๆ ทึ่มๆ เสียเอง
เวรเอ๊ย นี่มันเป็นคำสาปแช่งนี่หว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าแม้แต่ความทรงจำของเขา ความทรงจำของคนเป็นๆ ต่างก็ถูกปากกาด้ามนี้ลบเลือนออกไปจนหมดสิ้น ดาเมจแบบนี้ช่างน่ากลัวเกินไปจริงๆ
หญิงสาวและนักโทษพุ่งไปหาโจวเจ๋อพร้อมกัน เล็บของโจวเจ๋อหวดออกเพื่อซัดร่างทั้งสองให้ลอยลิ่วออกไป แต่ในวินาทีต่อมา โจวเจ๋อที่เพิ่งสู้รบปรบมือกับอีกตัวตนหนึ่งภายในร่างตัวเองหนักหน่วงจนเกินไปรู้สึกเพียงว่าขาทั้งสองข้างอ่อนปวกเปียก ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้น
ทั้งสองที่เพิ่งถูกเล็บของโจวเจ๋อแหกร่างกลับมาหลอมรวมกันใหม่อีกครั้ง และพุ่งเข้าหาโจวเจ๋ออย่างไร้ความรู้สึก
ครั้งนี้โจวเจ๋อยังไม่ทันตั้งตัว ถูกทั้งสองชนกระเด็นและถูกกดลงกับพื้น
พวกเขาใช้มือคนละข้างกดโจวเจ๋อเอาไว้แน่น เห็นๆ อยู่ว่ามันไม่มีกายหยาบ แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงการกดขี่จิตวิญญาณที่รุนแรง
โจวเจ๋อกำลังจะรวบรวมแรงต่อต้าน แต่ในขณะที่เงยคางขึ้นก็มองเห็นปากกาด้ามนั้นที่ก่อนหน้านี้ร่วงลงในระยะไกลๆ ไม่รู้ว่ามันมาโผล่อยู่บนหน้าอกของเขาตั้งแต่เมื่อไร แถมยังหันปลายปากกาเข้าหาเขาอีกด้วย
“พาข้าไปด้วย! ข้าสามารถทำให้ฝันเจ้าเป็นจริงได้!”
“พาข้าไปด้วย! ข้าสามารถทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริงได้!”
“พาข้าไปด้วย! ข้าสามารถเรียกลมให้เจ้าได้!”
“พาข้าไปด้วย! ข้าสามารถเรียกฝนให้เจ้าได้!”
ชายหนึ่งหญิงหนึ่งพากันตะโกนใส่โจวเจ๋อไม่หยุด ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์บางอย่างแอบแฝงอยู่ในนั้น มันสามารถยั่วยุอารมณ์โลภ โกรธ หลงทุกประเภทในใจของคนเราให้อยากครอบครองมัน!
แต่เถ้าแก่โจวสามารถต้านทานภาพลวงตาได้ อีกทั้งเมื่อสักครู่เจ้าจิตสำนึกในร่างกายต้องการปากกาด้ามนี้มากจนยอมก่อกบฏต่อต้านเถ้าแก่โจวอย่างไม่ลังเล เถ้าแก่โจวยังระงับความโกรธและยืนกรานไม่ยอมได้ แล้วการตะโกนล่อลวงออกมาไม่กี่คำในเวลานี้จะทำให้เขาหลงผิดได้อย่างนั้นเหรอ
หากเจ้านี่มีประโยชน์ขนาดนั้น สหายที่ทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่คงจะยึดครองโลกไปตั้งนานแล้ว
แต่ทั้งสองคนนี้ยังคงกดโจวเจ๋อเอาไว้และแหกปากอย่างต่อเนื่อง ตะโกนจนทำให้โจวเจ๋อรู้สึกรำคาญเล็กน้อย จึงด่าปากกาด้ามนั้นที่อยู่ตรงหน้าทันที
“เจ้างั่ง!”
………………………………………………………