ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 354 ปราบมาร

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 354 ปราบมาร

ทางด้านนี้ เดดพูลกำลังตกอยู่ในโหมด ‘สงสัยตัวเอง’ ส่วนอีกด้านหนึ่ง หลังจากส่งคุณป้าคนนั้นแล้ว ทุกคนในร้านหนังสือก็อาบน้ำเข้านอนเลย

ทุกคนไม่มีใครสังเกตว่าเดดพูลไม่อยู่ แม้แต่นักพรตเฒ่าที่อยู่ห้องเดียวกับเดดพูลก็ไม่ทันได้สังเกต เพราะเดดพูลไม่เคยทำตัวมีตัวตนอยู่ในร้านหนังสือมาตลอด

ดังนั้นฉวีหมิงหมิงและฉวีเจินเจินสองพี่น้องจึงต้องลำบากหน่อย เกิดเรื่องแบบนี้ไม่สามารถแจ้งความได้ หากแจ้งความก็จะเกี่ยวพันกับความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นอีกมากมาย และตัวเองที่เลี้ยงแมลงพิษในย่านกลางเมืองที่ผู้คนแออัดพลุกพล่านก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

แต่ปัญหาคือ ไอ้หมอนี่ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย โดนหักแขนแล้วเขาก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว โดนบิดคอก็แล้วแต่ก็ยังบิดกลับมาเองได้อีก

โชคดีที่ลักษณะการโจมตีของไอ้หมอนี่ไม่ชัดเจนมาก ก่อนหน้านี้เขาก็แค่แอบเข้ามากินแมลง ถึงแม้ต่อมาฉวีเจินเจินจะจัดการเขากระทั่งคิดจะฆ่าเขา แต่หลังจากที่เขาฟื้นกลับสภาพเดิมแล้วก็ไม่คิดที่จะแก้แค้นทันที

แต่คนประเภทนี้อยู่ในบ้านของตัวเอง สุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี สำหรับฉวีหมิงหมิง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาห่วงปัญหาเรื่องแมลงของตัวเองเสียหาย แต่อยากหาทางส่งตัวซวยตัวนี้ออกไปโดยเร็วมากกว่า

ชั่วเวลาหนึ่ง ฉวีหมิงหมิงทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง จึงมองไปยังถนนฝั่งตรงข้าม “ไปเรียกคนในร้านหนังสือมาช่วยเถอะ” ฉวีหมิงหมิงพูดกับน้องสาวของตัวเอง

“เอ่อ…” ถึงแม้ในใจจะไม่ยินยอมและอยากปฏิเสธ แต่ฉวีเจินเจินรู้ดีว่า นี่คือหนทางเดียวในตอนนี้

สาเหตุที่ปฏิเสธและไม่สมัครใจไม่ใช่เพราะพวกเขาพี่น้องมีอคติต่อร้านหนังสือแต่อย่างใด อย่างแรกเป็นเพราะคนในร้านหนังสือน่ากลัวเกินไป อย่างที่สองเป็นเพราะเรื่องครั้งที่แล้วพวกเขาสองพี่น้องรู้สึกละอายใจต่อคนที่ร้านหนังสือ

เวลานี้ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น รู้สึกหน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ แต่ก็ต้องทนหน้าด้าน ฉวีเจินเจินกระโดดลงทางหน้าต่างวิ่งข้ามถนนอย่างเร็วจี๋ วิ่งไปที่ร้านหนังสือ แต่ร้านปิดแล้ว ฉวีเจินเจินจึงได้แต่เคาะประตู

ผ่านไปสักพักหนึ่ง นักพรตเฒ่าที่เพิ่งอาบน้ำใส่ชุดนักพรตสีขาวกำลังเช็ดผมพลางเดินมาเปิดประตู “อ้าว น้องสาวร้านเน็ตคาเฟ่ฝั่งตรงข้าม”

ถึงแม้ฉวีเจินเจินสองพี่น้องจะรู้สึกละอายใจต่อร้านหนังสือ อย่างไรเสียในคืนนั้น ฉวีเจินเจินถูกชายชราคนนั้นควบคุมก่อน ภายใต้การคุกคามของชายชรา พวกเขาเลือกที่จะเอาตัวรอด ไม่เลือกที่จะเสียสละตัวเองส่งข่าวให้ร้านหนังสือ

แต่สำหรับร้านหนังสือแล้วไม่คิดถือสาอะไร เพราะในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ต้องเผชิญหน้ากับชายชราที่มีความสามารถขั้นสูงแบบนั้น นอกจากเถ้าแก่โจวที่สามารถใช้วิชาอู๋ซวงต่อสู้กับเขาได้แล้ว คนอื่นมีแต่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงทั้งนั้น

หากคุณอยากขอให้คนที่เพิ่งรู้จักกันเสียสละชีวิตเพื่อคุณ นั่นคือสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้ “บ้านของพวกเรา มีตัวประหลาดโผล่เข้ามา อยากขอให้พวกคุณไปช่วยหน่อยค่ะ” ฉวีเจินเจินก้มหน้าขอร้อง

“ตัวประหลาดเหรอ” นักพรตเฒ่าเกาศีรษะแกรกๆ เวลานี้ นักพรตเฒ่าไม่มีอารมณ์อยากโม้ถึง ‘ร่องรอยเกียรติยศ’การสู้รบกับปีศาจร้ายของตัวเองเมื่อห้าร้อยปีก่อน แต่ลูบคางพลางครุ่นคิด

“เจ้ารอก่อนนะ ข้าจะไปเรียกคนอื่นมาช่วย”

“คุณ…คุณไม่ไปเหรอคะ” ฉวีเจินเจินตกตะลึง ในความเข้าใจของเธอ นักพรตเฒ่าเป็นเซียนคนหนึ่ง เป็นคนเป็นๆ ที่มีอยู่น้อยนิดในร้านหนังสือ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ตอนแรกฉวีเจินเจินมาที่ร้านหนังสือพยายามที่จะสืบความลับในร้านหนังสือนั้น เหล่าสวี่โดนพิษผีดิบจนเกือบจะกลายเป็นผีดิบไปแล้ว ตอนนั้นคนเป็นเพียงคนเดียวในร้านหนังสือแท้จริงแล้วก็คือนักพรตเฒ่า

และจากการสำรวจครั้งนั้น นักพรตเฒ่าได้ทิ้งความประทับใจอันตราตรึงให้กับฉวีเจินเจินด้วยความบังเอิญ

“เอ่อ…ให้ข้าไปเหรอ” นักพรตเฒ่าลูบคางต่อ นักพรตเฒ่าอ่านใจผู้หญิงมาเยอะดังนั้นจึงมองเห็นความเคารพและเลื่อมใสจากดวงตาของเธอที่มีต่อเขา ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าความเคารพและเลื่อมใสนั้นมาจากที่ไหนก็ตาม

แต่นักพรตเฒ่าเป็นผู้ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ก็เหมือนตอนที่เขาช่วยเหลือสาวบริการพวกนั้น ทุกครั้งที่อยากจะช่วยเพิ่มสักสองสามคน แต่มักจะอยู่ในสถานการณ์ที่อยากช่วยแต่หมดแรง ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องถอยออกมาแล้วกลับบ้าน คนเราต้องรู้จักประมาณตน “บทบาทเล็กๆ น้อยๆ ไม่ควรค่าพอให้ข้าลงมือ ข้าจะขึ้นไปตามลูกศิษย์…แค่กๆ ปีศาจที่นี่มาหนึ่งคน ไปช่วยปราบสัตว์ประหลาดตัวนั้นให้เจ้า”

“ปีศาจ ที่นี่” น้ำเสียงที่เย็นชาดังมาจากด้านหลังของนักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่าตัวนิ่งทื่อทันที หันไปมองแล้วจึงเห็นสาวน้อยโลลิยืนอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์

“เจ้าๆๆๆ…เจ้าขึ้นไปนอนหลับแล้วไม่ใช่เหรอ” นักพรตเฒ่าพูดด้วยความตกใจตื่น ก่อนหน้านั้นเถ้าแก่กับอิงอิงเข้านอนไปแล้ว สาวน้อยโลลิก็รีบอาบน้ำแล้วเข้านอนเหมือนกัน

“หิวน้ำนิดหน่อย เลยลงมาดื่มน้ำ” สาวน้อยโลลิจ้องตาพลางเดินเข้าหานักพรตเฒ่าทีละก้าว แล้วถามว่า “เมื่อกี้คุณพูดว่า ใครเป็นปีศาจของคุณเหรอ”

“เดดพูล เดดพูดไง ฮ่าๆๆๆ!!!!” นักพรตเฒ่าหัวเราะเสียงดังขึ้นมา สาวน้อยโลลิไม่สนใจนักพรตเฒ่าอีก แต่มองไปที่ฉวีเจินเจิน “สัตว์ประหลาดเหรอ”

“ใช่แล้ว สัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดที่ฆ่าไม่ตาย” ฉวีเจินเจินพูด

“ฆ่าไม่ตาย” สาวน้อยโลลิขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้จึงถามว่า “เดดพูล ไปไหนเหรอ”

“หืม” นักพรตเฒ่าตกใจเล็กน้อยเช่นกัน ใช่แล้ว เมื่อกี้ไม่เห็นเดดพูลเหมือนกัน แต่จะโทษที่ทุกคนมองข้ามการมีตัวตนอยู่ของเดดพูลก็ไม่ได้ เพราะคุณจะให้ความสนใจยากันยุงที่บ้านของคุณว่าอยู่ที่ไหนตลอดเวลาไหมล่ะ สาวน้อยโลลิจึงมองไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วหัวเราะ “คุณไปเถอะ”

นักพรตเฒ่าเกาศีรษะแกรกๆ พลางขานรับ ดูท่าแล้วสัตว์ประหลาดที่ฆ่าไม่ตาย มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเดดพูลที่ไม่อยู่ในบ้าน

ไอ้เด็กคนนี้ ทำไมวิ่งออกไปข้างนอกไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน พ่อของนายก็ไม่สนใจ แม่เลี้ยงตัวน้อยที่อยู่ข้างกายพ่อของนายก็ไม่สนใจแน่นอนอยู่แล้ว

นักพรตเฒ่าอยากจะเดินออกไปเลย แต่พอคิดดูแล้วก็บอกให้ฉวีเจินเจินรอก่อน จากนั้นตัวเองจึงเข้าไปเปลี่ยนชุดนักพรตเต็มยศ ใส่รองเท้าผ้าปักโบราณ สะพายดาบไม้ท้อไว้ข้างหลัง คล้องกระจกแปดเหลี่ยมไว้ที่หน้าอก สวมหมวกเทียนกวน ถ้าหากเพิ่มเพลงประกอบพื้นหลังแนวฮึกเหิมตอนที่ตัวเอกของภาพยนตร์ออกมาจะยิ่งเหมาะสมที่สุด

สาวน้อยโลลิดื่มน้ำอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ มองนักพรตเฒ่าโพสท่าอยู่หน้าน้องสาวร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่อย่างเย็นชา เธออยากจะเตือนนักพรตเฒ่าเหลือเกินว่า นักพรตหรือพระที่เก่งๆ ในหนังผีทั่วไปจะมีภาพลักษณ์ที่สกปรกมอมแมม ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเขาเก่งและตายยาก แต่นักพรตหรือพระที่แต่งตัวเหมือนหญิงออกเรือนแบบนั้นมักจะตายเพราะเข้าไปลองเชิงปีศาจ ออกตัวอย่างเวอร์วังอลังการ แต่จุดจบกลับน่าเศร้า โดยพื้นฐานแล้วนี่ก็คือชะตากรรมของพวกเขา

“สาวน้อย เดินนำทางได้เลย การปราบมารร้าย คือหน้าที่ของนักพรตที่ทรงคุณธรรมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้! ข้าเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ไม่เคยกลัวอยู่แล้ว!!!”

“เอ่อ…ได้ค่ะ” ฉวีเจินเจินรีบเดินนำทันที ถึงแม้ทางจะใกล้มากก็ตาม เพราะอยู่แค่ช่วงถนนกั้นเท่านั้น ภายใต้การเดินนำทางของฉวีเจินเจิน เธอผลักประตูของชั้นสาม นักพรตเฒ่ายืนอยู่ข้างหลังพลางคลำหายันต์กระดาษจากเป้ากางเกงอย่างเงียบๆ กันไว้ดีกว่าแก้ กันไว้ก่อนดีกว่า

ถึงแม้มีโอกาสเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นฝีมือของเดดพูลก็ตาม แต่ถ้าหากไม่ใช่เดดพูลล่ะ นักพรตเฒ่ารู้ดีว่ากระจกแปดเหลี่ยมและเครื่องแต่งตัวของตัวเองซื้อมาจากพินตัวตัว (แพลตฟอร์มออนไลน์หนึ่งของจีน) ถ้าใช้ประโยชน์ได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าตกใจมากจริงๆ!

ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยยันต์กระดาษนี้ก็ยังพอแก้ไขได้ ถึงอย่างไรพวกเถ้าแก่ก็อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง ถึงตอนนั้นเขาแค่ตะโกนหน่อย กำลังสนับสนุนก็จะมาถึงทันที

เมื่อผลักประตูเปิดออก ฉวีเจินเจินตกตะลึง นักพรตเฒ่ากลับมีสีหน้าดีใจ สิ่งที่นักพรตเฒ่าดีใจก็คือ ว้าววว! เป็นเดดพูลจริงๆ! เพื่อนร่วมห้องของเขานั่นเอง! ไม่ต้องกลัว ไม่กลัวแล้ว!

ฉวีเจินเจินตกใจเพราะพี่ชายของตัวเองนั่งอยู่กับเดดพูล ยื่นแมลงพิษใส่ปากให้เขาไม่หยุด แถมพี่ชายของตัวเองก็ยังยิ้มอยู่ตรงนั้น “พี่” ฉวีเจินเจินเรียกเขา ฉวีหมิงหมิงเงยหน้า มองน้องสาวรวมทั้งนักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างหลัง

“มารร้ายที่ไหน กล้ามาก่อกวนความสงบในโลกมนุษย์ กินลูกหลานของข้า…ลองกินดาบของข้าสักหน่อย!”นักพรตเฒ่าชูดาบไม้ท้อแล้วแทงเข้ามาหาเดดพูลโดยตรง เดดพูลนั่งเหม่ออยู่กับที่ ก้มหน้ามองดาบไม้ท้อของนักพรตเฒ่าจ่ออยู่ที่ท้องของตัวเอง

เขารู้จักนักพรตเฒ่า หลังจากเห็นนักพรตเฒ่าแล้ว เขากลับยิ้มดีใจเตรียมตัวจะลุกขึ้น นักพรตเฒ่ารีบเดินไปข้างหน้า จับคอของเดดพูลจากนั้นลากเดดพูลไปข้างหลัง

เดดพูลคิดว่านักพรตเฒ่ากำลังเล่นเกมกับตัวเอง จึงไม่ต่อต้านปล่อยให้นักพรตเฒ่าจับลากไปข้างหลัง

“มารร้ายถูกข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว!!!” นักพรตเฒ่าตะโกน แม่งเอ๊ย สะใจจริงๆ! โดยเฉพาะเวลาที่มีผู้ชม สะใจมาก! แน่นอนว่า สิ่งที่สะใจมากที่สุดคือมารร้ายกลับเป็นเพื่อนร่วมห้องของตัวเอง!

นักพรตเฒ่ามีจิตใจรักความเป็นธรรมมาตลอด แต่กลับไม่มีดวงด้านนี้ จึงได้แต่อาศัยวิธีนี้แก้อยากไปก่อน

อืม ถ้าเขาอยากปราบมารแท้จริงแล้วสะดวกมาก มีมารร้ายเป็นกองอยู่ในร้านหนังสือให้นักพรตเฒ่าต่อสู้ได้ แต่ปัญหาคือเขาไม่กล้า

“ข้าจะต้องกลับไปสั่งสอนมารตัวนี้ อาวุธทั่วไปไม่สามารถฆ่าเขาได้ ข้าขอตัวก่อน!” ขณะที่พูด นักพรตเฒ่าได้ลากเดดพูลออกไปข้างนอก

“ท่านนักพรต เดี๋ยวก่อนค่ะ!” ฉวีเจินเจินตะโกนเรียกนักพรตเฒ่า “ค่าเหนื่อยค่ะ”

“อ้อ ไม่ต้องหรอก การปราบมารเพื่อผดุงธรรม เดิมทีเป็นหน้าที่ของอาตมา…อ้อไม่ เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว เก็บเงินจะดูไม่งาม แน่นอนว่า ถ้าหากเจ้าต้องการจริงๆ วันพรุ่งนี้เช้าก็ไปซื้อหนังสือที่ร้านสักสองสามเล่ม ถือเสียว่าเป็นเงินค่าธูปเทียน แล้วก็ ช้าก่อน ไม่ต้องส่งนะ ไม่ไกลๆ” นักพรตเฒ่ารีบลากเดดพูลกลับบ้าน

หลังจากออกจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แล้ว นักพรตเฒ่าเคาะศีรษะของเดดพูลไม่หยุด “เก่งกล้านักเหรอ แอบหนีออกมาข้างนอกคนเดียว ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ตอนนี้พวกค้ามนุษย์ข้างนอกเยอะมาก ถ้าไม่ระวังโดนจับตัวไปเป็นลูกเขยในป่าในภูเขา ถึงตอนนั้นก็จะเหมือนกับพ่อของเจ้า ไม่ได้เรื่อง”

“กลับมาแล้วเหรอ”

“อ้าาาาาาาา!!!!!” นักพรตเฒ่าตกใจร่างกายเริ่มหดเกร็งขึ้นมา เพราะเถ้าแก่ไม่ได้นอนกอดอิงอิงหลับอยู่ข้างบน แต่มายืนอยู่หน้าประตูร้าน “เถ้าแก่ ทำไมยังไม่นอนอีก”

“ลงมาสูบบุหรี่นิดหน่อย ได้ยินหลินเข่อพูดว่าเดดพูลวิ่งออกไปข้างนอก จึงมาดูหน่อย”

“อ้อ ไม่เป็นไรแล้ว เถ้าแก่ เขาถูกข้าพากลับมาแล้ว”

เดดพูลมองโจวเจ๋อ เขาเริ่มยิ้มอย่างเซ่อซ่า เพราะทุกคนในร้านหนังสือ เขาสนิทกับโจวเจ๋อที่สุด โจวเจ๋อยื่นมือตบศีรษะของเดดพูลเบาๆ แล้วยิ้ม “กลับไปพักผ่อนเถอะ คราวหน้าถ้าฉันไม่อนุญาต ห้ามออกจากบริเวณร้านหนังสือ”

เดดพูลพยักหน้าอย่างเชื่อฟังแล้วเดินขึ้นข้างบน นักพรตเฒ่าก็แอบดอดหนีเข้าไปในร้านหนังสือ แต่ไม่ช้าเสียงของโจวเจ๋อได้ดังขึ้นมา “ผมได้ยินว่า…”

“เถ้าแก่ การสร้างเมืองสุขภาพดีสำเร็จแล้ว ข้าได้ดูข่าวเป็นพิเศษ!!!” นักพรตเฒ่ารีบรายงานทันที

“อ้อ ผมไม่ได้พูดถึงอันนี้ เมื่อวานอ่านหนังสือพิมพ์ ดูเหมือนจะสร้างเมืองอารยธรรมอีกแล้ว”

“เมืองอารยธรรม” นักพรตเฒ่ารู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี “เมืองอารยธรรมจะทำอะไร”

“ก็ต้องไปทำความสะอาดยังไงเล่า”

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท