ตอนที่ 371 เพื่อนทางจดหมายของเถ้าแก่โจว
แมลงตัวเดียวไม่พอกิน อย่างมากก็แค่แก้อยากเท่านั้น
โจวเจ๋อโบกมือให้ตัวตลก เหมือนเรียกพนักงานว่าเอาอาหารมาเสิร์ฟได้แล้ว ตัวตลกเริ่มเดินถอยหลัง แต่ร้านหนังสือกว้างแค่นี้ เขาจะไปที่ไหนได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนร้านหนังสือให้กลายเป็นทะเลทราย แต่ตำแหน่งที่เขากับโจวเจ๋ออยู่กลับเป็นพื้นที่สีเขียวกลางทะเลทรายที่มีขนาดไม่ถึงสองร้อยตารางเมตร มีทรายดูดล้อมรอบ มาพร้อมกับอุณหภูมิที่ร้อนระอุ
ตัวตลกลองวิ่งออกไป แต่ทันทีที่เขาก้าวออกไป ทรายดูดตรงหน้าพลันเปลี่ยนเป็นกำแพงสูงทันที บดบังทางข้างหน้า สูงเสียดฟ้าบดบังแสงแดดและท้องฟ้า
โจวเจ๋อยืนอยู่ที่เดิม ยืนเท้าเอวมองตัวตลกดิ้นรนไปมา ตัวตลกลองเปลี่ยนอีกครั้ง ที่นี่กลายเป็นถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เขากับโจวเจ๋อกำลังยืนอยู่ท่ามกลางถนน ทว่าตอนที่เขาเดินเข้าไปในกลุ่มฝูงชน ผู้คนตรงหน้ากลับหนาแน่นมากขึ้นในพริบตา บางคนเดิน บางคนคลาน ถ้าคุณอยากจะมุดเข้าไป ก็หาช่องว่างไม่ได้เลย!
ถ้าคุณอยากจะวิ่งขึ้นไปด้านบน ทันทีที่คุณกระโดดขึ้นไป กลับมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านล่างดึงคุณกลับไปที่เดิมอีกครั้ง ออกไปไม่ได้เหมือนเดิม ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนฉากสักกี่ครั้งก็ออกไปไม่ได้!
โจวเจ๋อหันหน้าหรี่ตาเล็กน้อย เขาไม่รีบร้อนลงมือ แต่กลับมองตัวตลกทำหน้าที่ของเขาด้วยความสนใจ ถ้าหากสามารถออกไปได้ ตัวเองคงออกไปนานแล้ว แต่ปัญหาคือมีปากกาที่ชื่อเจ้างั่งอยู่ด้วย ทำให้ภาพย้อนกลับไปสู่จุดตั้งต้นของความอลวน ใต้เท้าของตัวตลกกับโจวเจ๋อเป็นพื้นสีเทา และรอบๆ ถูกปกคลุมไปด้วยสีดำทั้งหมด เหนือศีรษะของพวกเขามีตัวหนังสือคำว่า ‘ผนึก’ ขนาดใหญ่ลอยอยู่
ตัวตลกหมดหวัง เขาออกไปไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเขายอมแพ้แล้ว โจวเจ๋อจึงรู้สึกหมดสนุก เขาเดินเข้าไปช้าๆ จากนั้นหมอกสีดำเป็นสายได้กระจายออกมาจากตัวของเขา แล้วยึดแขนขาของตัวตลกไว้ ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้เขาจะเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวตลกยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่สามารถขยับได้
โจวเจ๋อยื่นมือดึงหน้ากากของตัวตลกออก ภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใบหน้าที่น่าหลงใหลที่สุด ทำให้เขานึกถึงแม่ครัวสาวในร้านหนังสือของสุนัขเฝ้าประตูของตัวเอง หน้าตาดูดีไม่เบาแต่กลับเป็นผู้ชาย ไม่หยินไม่หยาง ถือเป็นลูกครึ่งเลือดผสมที่โดดเด่นที่สุด
ตัวตลกเผยความหวาดกลัวออกมาจากแววตาของเขา เขากลัวมาก กลัวมากจริงๆ เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนกระต่ายน้อยสีขาว ตั้งใจวิ่งเข้าไปในถ้ำเสือแล้วถามมันว่ากินข้าวกลางวันหรือยัง
“ไม่ต้องกลัว…” โจวเจ๋อยื่นมือแตะแก้มของตัวตลกเบาๆ ตัวตลกยิ่งกลัวเข้าไปอีก กระทั่งเริ่มมีน้ำตาคลอและน้ำตาก็ไหลลงมาไม่น้อย
โจวเจ๋อโน้มตัวจับมือของตัวตลกมาแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง ทำท่าจูบอย่างเป็นสุภาพบุรุษ แต่ตัวตลกไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งจากสิ่งนี้ ตรงกันข้ามกลับยิ่งรู้สึกตกใจกลัว และภาพต่อไปคือการพิสูจน์การคาดเดาของตัวตลก ถ้าหากบันทึกเสียงไว้สามารถนำไปใช้ทำเป็นเสียงโฆษณาของขนมมันฝรั่งทอดหรือเนื้อติดกระดูกปิ้งก็ยังได้
โจวเจ๋อเคี้ยว ‘ตีนไก่’ ที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกำลังเล่นของเล่นที่น่าสนุกบางอย่าง หลังจากนั้น…
“คุณดูวิปริตมากขึ้นเรื่อยๆ” มีเสียงหนึ่งดังเข้ามา โจวเจ๋อตกตะลึง จากนั้นสายตาของเขาเต็มไปด้วยสีแดงฉานเขาเงยหน้ามองตำแหน่งที่อยู่เหนือศีรษะ มีผู้ชายคนหนึ่งนอนหมอบอยู่บนคำว่า ‘ผนึก’ และมองลงมาข้างล่าง
ผู้ชายคนนั้นหน้าตาเหมือนตัวเองทุกอย่าง
เวลานี้ศีรษะของเถ้าแก่โจวเต็มไปด้วยคราบเลือด น่าอนาถจนทนดูไม่ได้ เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองซวยแน่ ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่ให้ความใส่ใจเขามากที่สุดก็คือเจ้างั่งปากกาที่อยู่ข้างกาย
ตัวตลกคนนั้นน่าจะเป็น ‘ผี’ ตัวนั้น ปากกาได้จับตัวตลกมาอยู่ตรงหน้าจิตสำนึกที่อยู่ภายในร่างกายของเขา และจิตสำนึกที่อยู่ภายในร่างกายของเขาก็ไม่ทำให้เขาต้องผิดหวัง สิ่งที่เรียกว่าบาปเจ็ดประการสำหรับเขาแล้วไม่มีอิทธิพลใดๆ เลย เพราะไอ้หมอนี่ก็คือศูนย์รวมของความดุร้าย
แต่ภาพที่ค่อยๆ กัดกินอย่างช้าๆ แบบนี้ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกชาหนังศีรษะ เขารู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยกับการที่คนผู้นั้นกลืนเข้าไปทั้งตัวในคำเดียวเหมือนเมื่อก่อนมากกว่า
โจวเจ๋อที่กำลังกินอาหารอยู่ด้านล่างเริ่มเต้นเร่าๆ ด้วยความโกรธจัด ความรู้สึกแบบนี้เหมือนเด็กหนุ่มกำลังช่วยตัวเองอยู่ในห้องแล้วจู่ๆ คุณครูกับเพื่อนนักเรียนได้บุกเข้ามาเซอร์ไพรส์วันเกิดให้เขา
ฉากที่น่าอับอายที่สุดของตัวเองถูกสุนัขเฝ้าประตูมาเห็นเข้า ทำให้เขาโกรธสุดๆ! เขากระโดดขึ้นมาตะโกนด่าคำว่า ‘ผนึก’ ไม่หยุด เขาคำรามและเคาะอย่างแรง
คำว่า ‘ผนึก’ สั่นไม่หยุด เริ่มมีขีดอักษรค่อยๆ หายไป แต่ปากกาที่อยู่ข้างกายได้เขียนทับเข้าไปอีกสองขีดทันที จึงกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
เถ้าแก่โจวเช็ดเลือดบนหน้าผากพร้อมกับยิ้มไปด้วย “ความรู้สึกแบบนี้ดีเหมือนกัน วันหลังถ้าใครคิดจะใช้ภาพลวงตาหรือสิ่งที่คล้ายกันแบบนี้กับผม ผมจะซัดตัวเองให้สลบ ถึงตอนนั้นคุณก็มาจัดการ”
“เจ้า…ฝันไปเถอะ…”
“เหอะ อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ เราสองคนอยู่ในร่างเดียวกัน ช่วยผมก็เหมือนช่วยตัวคุณด้วย”
“เปิด…ผนึก…เปิด…”
“โอเค ผมจะปลดผนึกให้คุณ เจ้างั่ง รีบมาเร็ว” ปากกาเจ้างั่งมาทันที “การเขียนครั้งนี้จางไปนิด คุณเขียนเพิ่มทำให้มันเข้มอีกหน่อย ไม่ต้องกลัวจะเปลืองน้ำหมึก อย่างมากหลังจากนี้ผมก็แค่กินข้าวให้มากขึ้น แล้วก็ซื้อโสมกับถังเช่ามาบำรุงเลือด เวลาคุณดื่มจะได้มีกำลัง” พูดจบ เถ้าแก่โจวก็โบกมือให้คนผู้นั้นที่อยู่ข้างล่าง
“ขอบใจนะ ผมตื่นแล้ว แล้วจะมาเยี่ยมคุณครั้งหน้านะ แต่รู้สึกแปลกมากจริงๆ หลังจากมีปากกาด้ามนี้รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างคุณกับผมกลับใกล้ขึ้น พวกเราเป็นแบบนี้ถือว่าเป็นเพื่อนกันทางจดหมายหรือไม่” เสียงคำรามยังคงดังต่อไป ความโกรธเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่โจวเจ๋อขี้เกียจสนใจคนข้างล่าง จากนั้นเขาจึงหลับตา
…
เถ้าแก่โจวลืมตาขึ้น ความรู้สึกปวดศีรษะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เขาลุกนั่งบนพื้น จากนั้นเอามือป้องหน้าอกอาเจียนแห้งประมาณสิบกว่านาที ตอนที่เขาลุกขึ้นรู้สึกว่าพื้นไหว เหมือนเท้าของตัวเองลอยขึ้นมา
“สมองกระทบกระเทือนหรือเปล่า ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นหนัก” โจวเจ๋อเป็นหมอในชาติที่แล้ว แน่นอนว่าเขารู้ปัญหาเล็กใหญ่อันเกิดจากสมองกระเทือน ถือว่าเป็นปัญหาที่ค่อนข้างแก้ไขยาก
เขาโน้มตัวเพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายประมาณสองสามนาที จากนั้นโจวเจ๋อจึงยืดตัวตรงอีกครั้ง ตรงหน้าขอเขา กู่เหอตายแล้ว ตายแล้วจริงๆ
ในฐานะผู้จับกุม หลังจากโดนโจวเจ๋อแทงทะลุถ้าหาวิธีช่วยรักษาทันที ไม่แน่อาจจะยังมีชีวิตต่อ อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นร่างกายคนธรรมดา แต่ดวงวิญญาณกลับไม่ใช่ เมื่อคิดดูแล้ว ต้องหาวิธีได้แน่นอน
แต่น่าเสียดาย หลังจากที่เขาล้มลงก็ถูกเงาดำเข้าแทรกแล้วจึงเสียชีวิตทันที นับว่าเป็นจุดอ่อนของยมทูตอย่างหนึ่ง เพราะใช้ร่างกายมนุษย์ธรรมดาเป็นหลัก
ตอนแรกที่สาวน้อยโลลิเผยตัวตนทำให้คนขับรถตกใจ เป็นผลให้เขาเหยียบคันเร่งแทน ถ้าหากตอนนั้นไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อกำลังไปหาภรรยาของตัวเองที่โรงพยาบาลพอดี สาวน้อยโลลิอาจจะตายแล้วไปรายงานตัวที่นรกเรียบร้อยแล้ว
“วิญญาณ ไม่มีแล้ว” โจวเจ๋อไม่สามารถรับรู้ถึงวิญญาณจากตัวของกู่เหอได้ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดอะไรมาก แล้วจึงเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว เจิ้งเฉียงก็นอนอยู่บนพื้น แต่หน้าอกของเขายังกระเพื่อมขึ้นลงอยู่ ถึงแม้เขาจะผอมแห้งติดกระดูกแล้ว แต่เขายังไม่ตาย เพราะว่าตัวตลกถูกกินเมื่ออยู่ในร่างของโจวเจ๋อ ดังนั้นจึงเป็นผลทำให้การเคลื่อนไหวของเขาที่อยู่ภายในร่างของคนอื่นต้องหยุดลง
โจวเจ๋อยื่นมือตบไปที่หน้าอกของเจิ้งเฉียง “เฮ้ คุณโอเคไหม” ปากก็ร้องเรียก แต่กลับจงใจเก็บแรง อยากให้ไอ้หมอนี่หมดลมไปเลยเพื่อลดความยุ่งยาก แล้วโจวเจ๋อก็จะได้รับสมุดยมทูตอย่างหวานหมู
เขากับทนายอันร่วมมือกันทำธุรกิจนำคนลักลอบเข้าเมือง สมุดยมทูตแน่นอนว่ามีเยอะย่อมดีกว่า ทว่าโจวเจ๋อตบหนึ่งครั้งกลับตบให้เจิ้งเฉียงตื่นขึ้นมาจริงๆ
เขาลืมตามองโจวเจ๋อแล้วยิ้มกับโจวเจ๋อพลางพูดว่า “ขอบคุณครับ…ที่ช่วยชีวิตผม…” เถ้าแก่โจวลังเลเล็กน้อยสุดท้ายไม่ได้บีบคอไอ้หมอนี่ให้ตาย
เขาลุกขึ้นเดินลงไปที่บันไดอีกฝั่งหนึ่ง หลี่เซินตายแล้ว ไฟริษยาของเขายิ่งใหญ่เกินไป จึงแผดเผาให้ตัวเองตายภายในไม่กี่นาที แต่ยังมีอีกหนึ่งคน ผู้หญิงตาเป็นเข็มคนนั้นถ้าหากตายละก็ อย่างนั้นโจวเจ๋อจะได้ริบสมุดยมทูตเสีย เข็มเงินเข็มทองพวกนั้นดูแล้วก็ใช้ได้ เขาจะเก็บไปเหมือนกัน วันหลังหากอิงอิงรู้สึกเบื่อ จะได้ใช้เข็มเย็บผ้า เถ้าแก่โจวตอนนี้เลี้ยงดูครอบครัวอย่างเห็นได้ชัด
เพียงแต่ตอนที่โจวเจ๋อเดินเข้าไป กลับพบว่าเยวี่ยหยานอนอยู่บนพื้น แต่ร่างกายกลับไม่มีบาดแผลที่ชัดเจน เมื่อเข้าใกล้อีกนิด โจวเจ๋อจึงยิ้ม หมดลมหายใจแล้ว เธอตายแล้ว
สองมือของโจวเจ๋อเริ่มคลำหาของบนตัวของเยวี่ยหยา เข็มล่ะ เข็มเงินเข็มทองซ่อนอยู่ที่ไหน เขาคลำหาอยู่นาน ในที่สุดโจวเจ๋อก็คลำเจอสิ่งที่ยาวและแข็งมาก โจวเจ๋อใช้แรงดึงเข็มยาวเล่มหนึ่งออกมา
แม่งเอ๊ย เข็มเล่มใหญ่มาก ยาวเท่ากับสองฝ่ามือของผู้ใหญ่ได้ ตอนที่เขาดึงเข็มออกมา คอของเยวี่ยหยาและหน้าอกได้ปรากฏเข็มขึ้นมาอีกหลายเล่ม เข็มเหล่านี้เริ่มลอยขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมาและไม่เห็นบาดแผลปรากฏ
หลังจากเข็มเหล่านี้ลอยขึ้นมาแล้ว เยวี่ยหยาเริ่มขยับหนังตา โจวเจ๋อจึงตระหนักได้ว่าเธอยังไม่ตาย นี่คือใช้เข็มผนึกร่างกายและจิตวิญญาณของตัวเองเอาไว้ เป็นวิชารักษาชีวิตเหรอ
แน่นอนว่า ถ้าหากโจวเจ๋อไม่ได้กินตัวตลก เยวี่ยหยาก็คงปิดบังไม่อยู่ และต้องตายเหมือนกัน วิชานี้อันที่จริงถือว่าเดิมพันด้วยความหวัง
เถ้าแก่โจวลังเล เขากำลังคิดว่าจะใช้เข็มในมือแทงเธอให้ตายเลยดีไหม และไม่รู้ว่าเป็นอะไร อาจจะเป็นเพราะผลกระทบซึ่งกันและกัน เถ้าแก่โจวตอนนี้มองยมทูตแวบแรกจะคิดว่าฆ่าเขาดีไหมโดยอัตโนมัติ
ทันใดนั้นเยวี่ยหยาเริ่มมีน้ำตาไหลจากมุมตา เหมือนกำลังละเมอพูดพึมพำว่า “ขอโทษ…ที่ฉันมีลูกไม่ได้…ขอโทษ…อย่าจากฉันไป…” จากความโกรธกลายเป็นความเศร้าที่ทำให้คนสิ้นหวัง โจวเจ๋อจึงถอนหายใจวางเข็มในมือลง เดาะปากเสียงดังแล้วพูดปลอบใจว่า “โอเค ไม่มีลูกก็ไม่มีลูก ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีบัลลังก์ให้สืบทอดอยู่แล้ว”
…………………………………………………………………………