ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 372 ร้านยาของเถ้าแก่โจว

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 372 ร้านยาของเถ้าแก่โจว

โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่านรกคัดเลือกยมทูตอย่างไร แน่นอนว่านรกยังมีพื้นที่เหลืออีกมากในการคัดเลือกยมทูต ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาสูงต่ำ ความยากจนมั่งคั่ง ทุกคนล้วนมีสักวันที่ต้องไปของานทำที่นรก ขอเพียงเป็นคนที่ตายแล้ว จะต้องมีจุดที่น่าสงสารของตัวเอง

คำว่า ‘มนุษย์’ บางครั้งสามารถหลุดพ้นจากระดับของ ‘สัตว์’ และ ‘ชีวิต’ เลื่อนขั้นไปถึงเขตแดนที่เรียกว่า ‘ความคิด’ โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นคน เพราะเขายังมีความคิดที่เหมือน ‘คน’ ขอแค่เป็น ‘คน’ ก็ต้องมีจุดอ่อน

ผีที่ใส่หน้ากากตัวตลก ใช้แนวทางของบาปเจ็ดประการ ก็เกือบจะทำลายยมทูตกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้ได้อย่างราบคาบ และสามารถแสดงให้เห็นได้มากพอว่า ถึงแม้จะเป็นยมทูต ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจุดอ่อนของ ‘ความเป็นคน’ ได้เช่นกัน

เยวี่ยหยาร้องไห้ตะโกนปาวๆ ว่าตัวเองมีลูกไม่ได้ คิดดูแล้วก็น่าสนใจ ความยึดติดของชาติที่แล้ว ชาตินี้ก็ยังปล่อยวางไม่ได้ ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นปมที่อัดแน่นอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจ

เถ้าแก่โจวพลันรู้สึกว่า ‘คนอื่นมึนเมาแต่ตัวเองยังมีสติอยู่’ เมื่อย้อนนึกถึงตัวเองในชาติที่แล้ว เขาตั้งใจทำงานอยากจะยกระดับตัวเองให้สูงขึ้นแม้ยามหลับฝัน ใช้ชีวิตอย่างลำบากและเหนื่อยยาก ชาตินี้จึงอยากปล่อยตัวตามอิสระนอนอาบแดดดื่มน้ำชาเท่านั้น

โจวเจ๋อไม่เคยคิดว่าตัวเอง ‘ขี้เกียจ’ แต่คิดว่าตัวเองเป็นคนที่ ‘ตัดใจได้’ และ ‘ใจกว้าง’ อย่างแท้จริง แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะเถ้าแก่สลบไสลไม่ได้สติก่อนหน้านั้น จึงไม่ได้สังเกตว่ามีคำว่า ‘ขี้เกียจ’ อยู่บนหน้าผากของตัวเอง ก่อนที่จะมีข้อสรุป ไม่ว่าความรู้สึกดีต่อตัวเองหรือการโต้แย้งใดๆ ล้วนไม่มีประโยชน์

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาผู้อำนวยการหลิน โทรศัพท์ดังสองสามครั้งแล้วจึงถูกตัดสาย ไม่ช้าก็มีข้อความตอบกลับมาว่า ‘ยุ่ง’ โดยทั่วไปแล้วหมอเข้าห้องผ่าตัด ถ้าหากเป็นการผ่าตัดเล็กอย่างการขลิปหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายหรือผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบจะไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่จริงจังจะต้องตั้งใจและทุ่มเทอย่างยิ่ง จะไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์และอุปกรณ์การสื่อสารใดๆ เข้าห้องผ่าตัดเด็ดขาด

ไม่อย่างนั้นถ้าทางนี้กำลังผ่าตัดปลูกถ่ายนิ้วที่ต้องใช้ความละเอียดประณีต ทางนั้นดันมีเสียงเพลงดังขึ้นมา ‘ลุกขึ้นมา บันทึกสถิติใหม่ที่สดใสลุกขึ้นมา…’

แต่ผู้อำนวยการหลินน่าจะมีสิทธิพิเศษของตัวเอง อย่างไรก็ตามนอกจากฐานะหมอแล้ว เธอยังรับผิดชอบการบริหารจัดการและดูแลโรงพยาบาลเช่นกัน

เถ้าแก่โจวตอบข้อความอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘มีผู้บาดเจ็บสองสามคน ต้องการคนสองสามคนกับรถหนึ่งคัน’

ในเมื่อเยวี่ยหยากับเจิ้งเฉียงไม่คิดที่จะฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ ดังนั้นจะทิ้งพวกเขาตามมีตามเกิดอยู่ที่นี่คงไม่ได้ จะต้องเรียกคนมาหาม อีกทั้งตอนนี้สามารถพูดได้ว่าสภาพร่างกายของพวกเขาแย่มาก จำเป็นต้องผ่าตัด และต้องจัดการศพของหลี่เซินกับกู่เหอด้วยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นถ้าพรุ่งนี้เช้านักศึกษาผู้เป็นเยาวชนของชาติเข้ามาเรียนแล้วเห็นศพนอนอยู่ตรงนี้สองศพ คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร

ผ่านไปสักพัก ทางนั้นตอบข้อความกลับมาว่า ‘ข้างบ้านคุณสิ 150XXXXXXXX’

เถ้าแก่โจวครุ่นคิดครู่หนึ่ง ‘ข้างบ้านคุณสิ’ หมายความว่าอย่างไร สมองของเขาเพิ่งถูกกระทบกระเทือน ดังนั้นความคิดจึงสับสนเป็นธรรมดา เมื่อคิดได้ครู่หนึ่งโจวเจ๋อจึงเข้าใจแล้ว ‘ข้างบ้านคุณสิ’ หมายถึง ‘ข้างบ้านคุณ’ จริงๆ ร้านขายยาที่ติดกับร้านหนังสือตกแต่งเสร็จพร้อมดำเนินการแล้วเหรอ

เถ้าแก่โจวจู่ๆ รู้สึกเกรงใจขึ้นมา ผู้อำนวยการหลินเป็นคนเปิดร้านยานั่นให้เขา ปรากฏว่าเขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด เขาโทรศัพท์ไปตามข้อความที่ถูกส่งเข้ามา มีผู้หญิงเสียงหวานคนหนึ่งรับสาย “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ที่นี่ร้านยาประชาชนค่ะ”

ดึกป่านนี้แล้วยังมีคนรับสาย เดี๋ยวนะ ร้านยาประชาชน ยังตั้งชื่อร้านได้เชยมากกว่านี้อีกไหม

“ร้านยาของพวกคุณตอนนี้สามารถเรียกออกมาได้กี่คน” โจวเจ๋อถาม

สาวเสียงหวานตกตะลึง ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของโจวเจ๋อ เพราะโจวเจ๋อถามเหมือนคนเมาเหล้าที่อยากได้สาวแต่ดันโทรผิดถามว่าพวกคุณส่งสาวๆ มาได้กี่คน

“ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย พวกเราเป็นร้านยา ไม่รับบริการค่ะ เอ๊ะ!!!” ดูเหมือนผู้หญิงจะสังเกตเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของโจวเจ๋อ จากนั้นจึงพูดด้วยความดีใจว่า “เถ้าแก่หรือเปล่าคะ พวกเราได้บันทึกเบอร์ของคุณไว้ค่ะ ก่อนหน้านั้นหัวหน้าบอกพวกเราว่า ช่วงนี้เถ้าแก่ไปร่วมงานสัมมนาที่ต่างประเทศ ดังนั้นกลับมาไม่ทันชั่วคราวค่ะ”

โจวเจ๋อตกตะลึงครู่หนึ่ง ร่วมงานสัมมนาที่ต่างประเทศเหรอ เขาอยู่ที่ร้านข้างๆ แท้ๆ “พอจะเรียกคนมาสองสามคนได้ไหม มีรถไหม ทางที่ดีขอรถฉุกเฉิน”

“มีค่ะ เถ้าแก่ ร้านของพวกเรามีรถฉุกเฉินรุ่นใหม่ล่าสุดค่ะ ตอนนี้ถ้านับรวมฉันด้วยอีกคน มีหมอสองคนและพยาบาลสองคนค่ะ”

“ดังนั้น คุณรู้แล้วว่าผมเป็นใครใช่ไหม” โจวเจ๋อถาม

“ใช่ค่ะเถ้าแก่ พวกเราได้บันทึกเบอร์มือถือของเถ้าแก่ไว้แล้ว แต่พวกเราโดนสั่งว่าห้ามเป็นฝ่ายโทรไปรบกวนคุณค่ะ”

“อืม งั้นทำตามนี้ พวกคุณเตรียมห้องผ่าตัดให้พร้อม แล้วก็ช่วยไปที่ร้านหนังสือที่อยู่ข้างร้านยา ตอนนี้น่าจะเปิดร้านแล้ว บอกคนที่อยู่ในนั้นว่า โจวเจ๋อเรียกพวกเขามาที่มหาวิทยาลัยทงเฉิง ส่วนคนของพวกคุณไม่ต้องมา แล้วให้พวกเขาใช้รถฉุกเฉินแทน”

“ได้ค่ะ เถ้าแก่” ผู้หญิงวางสาย ผ่านไปนานพักหนึ่ง โทรศัพท์ของโจวเจ๋อดังขึ้น เป็นสายของสวี่ชิงหล่าง

“ดึกแล้วคุณไปอยู่ไหนมา แถมสั่งให้ผมขับรถฉุกเฉินอีก อยากใส่ยูนิฟอร์มเล่นเหรอ”

“เรียกคุณมาช่วยผมเก็บศพ”

“จริงๆ เลย!”

หลังจากผ่านไปยี่สิบนาทีกว่าๆ สวี่ชิงหล่าง นักพรตเฒ่า รวมทั้งเดดพูล ทั้งสามคนแอบเข้าไปในอาคารเรียนตามคำสั่งของโจวเจ๋อ รถพยาบาลจอดอยู่นอกรั้วมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตามถ้าขับรถเข้าไปอย่างโจ่งแจ้งจะดูไม่เหมาะสม

โจวเจ๋อนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงบันได เมื่อเห็นพวกเขามาแล้วจึงพยักหน้า แล้วตัวเองก็อุ้มเยวี่ยหยาขึ้นมา จากนั้นพูดว่า “ยังเหลืออีกสามคน เอาไปให้หมด”

สวี่ชิงหล่างมือไวตาไว แบกเจิ้งเฉีงที่ยังกึ่งสลบอยู่ขึ้นหลัง เดดพูลกลับไม่สนใจ แบกศพของกู่เหอขึ้นมา

นักพรตเฒ่ามองซ้ายแลขวา อยากจะหาเยวี่ยหยาคนที่สองมาอุ้ม แต่หลังจากพบว่าของที่ดีที่สุดถูกเลือกไปหมดแล้ว สุดท้ายเขาจึงแอบชูนิ้วกลางอยู่ในใจให้เถ้าแก่ด้วยความจนใจ แล้วอุ้มหลี่เซินที่โดนเผาเป็นตอตะโกขึ้นมา ทั้งสี่คนแบกคนขึ้นหลัง แอบเดินย่องออกมาจากอาคารเรียนไม่ต่างจากหัวขโมย

รั้วกั้นตรงจุดที่รถฉุกเฉินจอดอยู่มีช่องว่างขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ น่าจะเป็นพวกนักศึกษาแอบงัดไว้เพื่อรับอาหารที่สั่งมาจากข้างนอก ดูเหมือนว่ามีช่วงหนึ่งเพื่อปกป้องร้านอาหารที่จ่ายเงินเพื่อเข้ามาทำธุรกิจในมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยได้สั่งห้ามคนส่งอาหารเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย

แต่ที่ใดมีความบีบบังคับที่นั่นย่อมมีการต่อต้าน และตำแหน่งรั้วกั้นที่โดนนักศึกษางัดก็คือหลักฐานที่ดีที่สุด

ทุกคนขึ้นไปนั่งรถพร้อมกัน และจอดรถระหว่างทาง นักพรตเฒ่ากับเดดพูลต่างคนต่างแบกศพไว้บนหลังของตัวเองแล้วลงจากรถเพื่อหาจุดที่ลับตาคน พวกเขาต้องจัดการกับศพที่อยู่กับตัวเอง ส่วนโจวเจ๋อนั่งรถฉุกเฉินกลับไปที่ข้าง…ร้านหนังสือโดยตรง

เถ้าแก่ลึกลับปรากฏตัวในร้านยาเป็นครั้งแรกก็พาคนไข้บาดเจ็บหนักมาสองคน ทำให้หมอสองคนและพยาบาลอีกสองคนรู้สึกตื่นเต้นมากอย่างเห็นได้ชัด

แต่เถ้าแก่ต้องการแค่พยาบาลผู้หญิงที่รับสายก่อนหน้านั้นเข้าไปในห้องผ่าตัดกับตัวเอง และสั่งคนที่เหลือให้กลับไปพักผ่อน จริงๆ แล้วการผ่าตัดไม่ยาก ถึงแม้พยาบาลที่เป็นผู้ช่วยอยู่ข้างๆ จะมองด้วยตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว เพราะโจวเจ๋อได้แสดงประสิทธิภาพและเทคนิคยามที่อยู่บนเตียงผ่าตัดออกมาอย่างถึงอกถึงใจ

จะว่าไปแล้ว ทุกสาขาอาชีพล้วนมีเหตุการณ์ที่นำคนนอกสายงานมาบริหารองค์กรภายใน ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือฟุตบอลจีน เดี๋ยวก็ให้คนที่เล่นแบดมินตันมาเป็นหัวหน้าสมาคม เดี๋ยวก็ให้คนที่เล่นปิงปองมาเป็นหัวหน้าสมาคมแทน อาจจะเป็นเพราะว่าในสายตาของผู้นำมันก็คือลูกบอล ใครบ้างจะเล่นไม่เป็น

เหตุการณ์ที่คล้ายกันแบบนี้ได้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเหมือนกัน จะว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่บริสุทธิ์มากกว่า อย่างไรก็ตามความเก่งของจริงและตำแหน่งของจริงต้องวัดกันบนเตียงผ่าตัด อาศัยความสามารถในการทำมาหากิน ด้วยเหตุนี้บรรดาหมอที่มีฝีมือดีและเก่งในโรงพยาบาลจึงได้รับความสำคัญและตำแหน่งที่เด่นอย่างแท้จริง

ปัญหาของเยวี่ยหยาไม่ใหญ่มาก มีเข็มสองสามเล่มที่เอาออกเองไม่ได้ ถูกโจวเจ๋อผ่าตัดดึงออกมาแล้ว จากนั้นพันแผลให้เรียบร้อย

เจิ้งเฉียงกระดูกหักสองสามแห่งกับโดนหนามทิ่มเข้าไปในเนื้อบางส่วน เสียแรงในการดึงออกมาพอสมควร และที่สำคัญที่สุดคือ ไอ้หมอนี่อยู่ในสภาพที่เสพยาเกินขนาด สภาพร่างกายไม่ค่อยดีเท่าไร แต่อาศัยปณิธานและจิตใจที่แข็งแกร่งของยมทูต จึงรอดมาได้ไม่มีปัญหา

การผ่าตัดสองเคสสิ้นสุดลง โจวเจ๋อเหงื่อซึมไปทั้งตัว เขาขี้เกียจมานานและไม่ได้ใช้เตียงผ่าตัดนานเกินไป ถึงแม้ทางด้านเทคนิคฝีมือยังไม่ตก กระทั่งเป็นเพราะประสบการณ์พิเศษของตัวเอง เป็นผลทำให้โจวเจ๋อเข้าใจโครงสร้างของร่างกายมากขึ้น รวมทั้งทัศนคติต่อชีวิตของคนไข้ก็ได้รับการยกระดับขึ้น และทางด้านศิลปะก็รู้สึกเหมือนทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่นดั่งใจคิด

แต่การผ่าตัดติดต่อกันสองเคส ทำให้เถ้าแก่โจวเหนื่อยพอสมควร ย้อนนึกถึงช่วงเวลาของตัวเองในตอนนั้น ที่อยู่ในห้องผ่าตัดทั้งวัน กระทั่งกลับบ้านนอนก็ยังฝันว่าตัวเองกำลังผ่าตัดอยู่ เฮ้อ กลับไปไม่ได้อีกแล้ว

พยาบาลเสียงหวานรินน้ำชาให้โจวเจ๋อหนึ่งแก้ว โจวเจ๋อนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ พลางสำรวจสภาพการฟื้นฟูของเยวี่ยหยาและเจิ้งเฉียงขณะดื่มน้ำชา

“เถ้าแก่ คุณเจอคนบาดเจ็บทั้งสองคนได้ยังไงคะ”

“เจอโดยบังเอิญ”

“พวกเขาฆ่าตัวตายเหรอคะ ทำไมต้องฆ่าตัวตาย” พยาบาลเสียงหวานเหมือนเด็กขี้สงสัย

“ผู้หญิงเป็นเพราะมีลูกไม่ได้ คิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย”

“อ้อ โหดจริงๆ ใช้เข็มทิ่มร่างกายตัวเอง แล้วผู้ชายล่ะคะ”

“ก็เป็นเพราะมีลูกไม่ได้เหมือนกัน จึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย”

“จากนั้นพวกเขาจึงนัดกันฆ่าตัวตายเหรอคะ”

โจวเจ๋อพยักหน้าแบบขอไปที

“อ้อใช่ นี่คืออะไร” โจวเจ๋อชี้ไปทางโต๊ะที่อยู่ข้างๆ เพราะมีคราบของน้ำซุปอยู่บนโต๊ะ

“อ๋า!” พยาบาลเสียงหวานถึงแม้ร้องกรี๊ดก็ยังเสียงไพเราะ

“ขอโทษค่ะ เถ้าแก่ เพราะว่าๆ…เพราะว่าพวกเราไม่เคยเห็นคุณเลย ปกติจะมีคนมาซื้อยาเท่านั้น ดังนั้นก่อนหน้านั้นพวกเราจึงกินข้าวในห้องผ่าตัดค่ะ”

“เอาออกไป ต่อไปไม่อนุญาตแล้ว”

สภาพแวดล้อมในห้องผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญมาก และที่สำคัญที่สุดคือเถ้าแก่โจวเป็นคนอนามัย โดยเฉพาะในด้านนี้

“ได้ค่ะ เถ้าแก่” พยาบาลเสียงหวานใช้มือข้างเดียวยกโต๊ะสำหรับสี่คนนั่ง ซึ่งเป็นโต๊ะสแตนเลสอีกด้วย จากนั้นจึงเดินฉับๆ ออกไป

เขามองดูเงาหลังที่ใหญ่และกว้างของเธอ หน้าอกน่าจะหนักจนทุบลูกวอลนัตได้ น่าจะหนักประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบห้ากิโลกรัม โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงตัวอ้วนจะเสียงเพราะ และร้องเพลงเพราะมาก

เถ้าแก่โจวดื่มน้ำชาหนึ่งที แล้วนึกถึงพยาบาลตัวผอมฝ้ากระเต็มหน้าที่เขาเห็นตอนที่เดินเข้ามา ขณะที่ในใจนึกถึงผู้อำนวยการหลินที่ใส่เสื้อกาวน์พร้อมกับถุงน่องสีดำ จากนั้นจึงส่ายหน้า “เหอะ ผู้หญิง”

…………………………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท