ตอนที่ 381 พูด
ถึงแม้จะรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และไม่รู้ว่าทำไม ลางสังหรณ์แบบนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของโจวเจ๋อหรี่ขึ้นมาเล็กน้อย เขายื่นมือลูบแหวนสัมฤทธิ์บนนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองตลอดเวลา
เขาได้แหวนวงนี้มาจากหมู่บ้านซานเซียง ต่อมาเคยมอบให้จิตสำนึกของคนผู้นั้นใช้ครั้งหนึ่งหลังจากที่ตื่นขึ้นตอนอยู่ที่ภูเขาเจียงจวิน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้อีกเลย เถ้าแก่โจวมีของล้ำค่าแบบนี้ไม่น้อย อย่างเช่นสมุดหยินหยางที่ตอนนี้ยังใช้ไม่ได้ ถึงแม้นักพรตเฒ่าจะไปหาพังพอนและงูมาแล้ว แต่พวกเขายังไม่สามารถออกมาได้ ต่อมาเขาจึงสั่งให้นักพรตเฒ่าเอาไปต้มเป็นน้ำซุปให้ทุกคนดื่มกิน
ส่วนปากกาเจ้างั่งหลังจากผนึกจิตสำนึกนั่นเป็นครั้งแรก แล้วก็ไม่ได้ใช้อีก แหวนวงนี้ก็เช่นกัน นี่เหมือนกับการเล่นเกมออนไลน์ คุณได้อาวุธวิเศษแล้ว ตอนที่คิดจะเอามาใส่เท่ๆ ข้างบนกลับระบุว่าเลเวลของคุณไม่พอไม่สามารถสวมใส่อาวุธได้
แหวนวงนี้สามารถนำมาสร้างเขตแดนได้ แต่ถ้าหากโจวเจ๋อเป็นคนใช้เอง คงจะได้ฉากแฟนตาซีที่ ‘อุ้ม’ ตัวเองเข้าไปในฉาก หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ เหมือนแว่นตาเสมือนจริง แต่คุณสามารถออกแบบฉากง่ายๆ ให้ตัวเองได้เท่านั้น หลอกคนอื่นไม่ได้ หลอกได้แค่คุณคนเดียว เป็นวิธีการที่ไม่มีประโยชน์
รัศมีสีฟ้าค่อยๆ ขยายออกมา แต่ในสายตาของนักพรตเฒ่าที่มองอยู่ข้างๆ เถ้าแก่ของตัวเองจู่ๆ ก็นั่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้นไม่แม้แต่กะพริบตา กระทั่งในดวงตาของเถ้าแก่เหมือนมีแสงสีฟ้ากำลังไหลวนอยู่ นักพรตเฒ่าลังเลเล็กน้อยแล้วจึงนั่งลงยองๆ ยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเถ้าแก่ แต่เถ้าแก่ไม่มีการตอบสนอง
“เถ้าแก่” นักพรตเฒ่าเรียกเบาๆ แต่ไม่กล้ายื่นมือไปแตะ ในขณะที่ทางด้านของโจวเจ๋อ ถนนเส้นเล็กที่อยู่ข้างตัวเขาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่หยุด
เขาเคยอ่านในเอกสาร ถึงแม้ในนั้นจะไม่มีรูปภาพของผู้เคราะห์ร้าย แต่สภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุของคดีทิ้งศพในตอนนั้นได้ถ่ายเก็บไว้เป็นรูปภาพ
เวลานี้ ตอนนี้ ถนนที่อยู่ข้างๆ โจวเจ๋อเริ่มถอยออกไปกลายเป็นทางลาดยาง ไฟริมทางสองข้างทางเริ่มหายไปเช่นกัน กลายเป็นความเรียบง่ายและโบราณ ความมืดสลัวกลายเป็นโทนสีหลักแทน
ต้นไม้เขียวขจีแถวนั้นที่อยู่ข้างหลังโจวเจ๋อรวมทั้งถนนคนเดินที่อยู่ไกลออกไปก็เริ่มหายไป กลายเป็นโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งเข้ามาแทนที่ รูปแบบโดยประมาณคงเป็นแบบในตอนนี้ ถ้าอยากจะให้ละเอียดและอลังการกว่านี้ โจวเจ๋อทำไม่ได้
หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินมาจากด้านหนึ่งของถนนลาดยาง เธอหน้าตาเป็นอย่างไร ใส่เสื้อผ้าแบบไหนล้วนขมุกขมัว แต่พอจะรู้ว่าเธอเป็นหญิงสาว…วัยรุ่น
เถ้าแก่โจวกลับไม่ได้เสริมแต่งอะไรเพิ่มเติม ภาพมัวก็มัวไปเถอะ ขอแค่พอมองออกก็พอแล้ว อืม แดดจ้าเกินไป ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลงทันที ตอนที่หญิงสาวเดินมาถึงตรงหน้าโจวเจ๋อ จู่ๆ ก็มีเงาดำโผล่มาจากด้านหลัง เงาดำนี้โจวเจ๋อออกแบบให้เป็นเงาดำที่ใช้เป็นประจำในเรื่อง ‘โคนัน’
เงาดำพุ่งเข้าหาหญิงสาว แต่ยังไม่ได้ลงมือโจวเจ๋อก็ขมวดคิ้ว ไม่ใช่สิ ที่นี่ไม่น่าจะเป็นสถานที่ลงมือ นี่เป็นจุดทิ้งศพ ไม่ใช่สถานที่ฆาตกรรม เป็นไปไม่ได้ที่ฆาตกรจะฆ่าหั่นศพตรงนี้ ถึงแม้จะเป็นตอนกลางคืนก็เป็นไปไม่ได้ ฉากเริ่มบิดเบี้ยว สถานที่ยังคงเป็นสถานที่เดิม แต่ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นแล้ว
เงาดำยี่ห้อโคนันยังคงอยู่ ในมือของเขาถือถุงพลาสติกใบหนึ่ง เขาเดินมาจากถนนเส้นนั้น ต่อมาเขาวางถุงพลาสติกลงพื้นแล้วเดินจากไป
โจวเจ๋อเงยหน้า ด้านตรงข้ามเงาดำปรากฏตัวด้านหลังหน้าต่างห้องพักห้องหนึ่งในอพาร์ตเมนต์ที่ดูยังไม่เก่ามาก คนเดินผ่านถนนคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา เขาเห็นถุงพลาสติกใบนั้น พบว่ามีเนื้ออยู่ข้างใน เป็นเนื้อสดใหม่มาก ไม่เน่าเสีย เขาจึงเก็บเนื้อขึ้นมาแล้วเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข
เงาดำนั่นจ้องมองลงมาข้างล่างตลอดเวลา ราวกับว่ากำลังชื่นชมทุกอย่าง ชื่นชมความพิเรนทร์…ของตัวเอง และยังเห็นฟันสีขาวของเงาดำ เขากำลังยิ้ม
ความเหนื่อยล้าจู่โจมเข้ามา โจวเจ๋อหลับตาแล้วลืมตาอีกครั้ง ทุกอย่างกลับคืนสู่ความปกติ นักพรตเฒ่านั่งยองๆ อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาแทบจะติดใบหน้าของโจวเจ๋อ
“ทำอะไร!”
“อ๋า!” นักพรตเฒ่าตกใจจนร่วงลงไปนั่งกองกับพื้น
“เถ้าแก่ ข้าเห็นเจ้านั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ทำข้าตกใจหมด”
โจวเจ๋อคลึงหน้าผากด้วยความรำคาญ ตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดจริงๆ แล้วคือการตายของหญิงชราขายหนังสือพิมพ์คนนั้น การตายของเธอเกี่ยวข้องอะไรกับคดีฆ่าหั่นศพเมื่อสิบหกปีก่อนกันแน่ ถ้าหากมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ทำไมฆาตกรต้องฆ่าเธอ
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของโจวเจ๋อได้ดังขึ้น ทนายอันโทรมาหาเขา
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล เถ้าแก่ คุณอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่สะพานอิฐ มีอะไร”
“ผมหาสถานที่ทำผลงานสองสามที่เหมาะๆ แถวนี้ได้แล้ว คุณว่างไหม พวกเราไปดูกัน” ทนายอันคอยวิ่งวุ่นเรื่องการเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมของโจวเจ๋อตลอดเวลา
“อีกสองวันแล้วกัน”
“ก็ได้ เพราะไม่ได้รีบร้อนอยู่แล้ว คุณไปทำอะไรที่นั่น”
“สืบคดี”
“เหอะ เป็นงานอดิเรกที่น่าสนไม่เลว ก็ดีนะ อย่างนั้นผมไปหาข้าวกินที่เดิมก่อนนะ อยากไปด้วยกันไหม”
“เหล่าอัน คุณเคยศึกษาเกี่ยวกับศพบ้างไหม” จู่ๆ โจวเจ๋อก็ถามขึ้นมา เพราะเขาจำได้ว่า ทนายอันเป็นมืออาชีพด้านการแช่แช็งศพ โดยทั่วไปแล้วสร้างเองและใช้เอง ตัดการต่อรองราคาของพ่อค้าคนกลางไปได้เลย
“หืม” ทนายอันตอบทันที “ไม่รู้เลย ไม่รู้เลยจริงๆ” บางครั้งปลาเค็ม ก็เหมือนจะสื่อสารถึงกันได้ มองปราดเดียวก็รู้ว่าทนายอันโกหก เขาแสดงท่าทีเหมือนฉันไม่อยากสนใจ ซึ่งคล้ายกับทัศคติของโจวเจ๋อ ดังนั้นโจวเจ๋อจึงสัมผัสได้
ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่เขาขี้เกียจทำ เมื่อเทียบกับเรื่องสุดน่าเบื่ออย่างการสืบคดี ทนายอันชอบหาสาวๆ ในคลับให้ตัวเองมากกว่า
“มาช่วยผมสืบคดีหน่อย ผมจะส่งตำแหน่งให้คุณตอนนี้”
“เถ้าแก่ เอ่อ…”
“เดิมทีผมก็ไม่อยากสนใจ แต่เมื่อวานผมเพิ่งจะคุยกับหญิงชรา ผมเพิ่งจะเดินออกไป เธอก็โดนฆ่าเสียแล้ว ทำให้ผมไม่สบายใจมาก”
เถ้าแก่โจวไม่ได้เป็น ‘ตำรวจของประชาชน’ เหมือนเหล่าจาง แต่ถ้าหากฆาตกรคนเมื่อวานได้เดินสวนทางกับตัวเขาจริง หรือยืนมองเขาและคนอื่นอยู่ข้างบนอพาร์ตเมนต์เก่าที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ และสุดท้ายก็ฆ่าหญิงชราคนนั้น โจวเจ๋อรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
ทนายอันยอมมาอยู่ดี ถึงจะมาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไร เขาจอดรถหรูของตัวเองอยู่ริมถนน เลื่อนกระจกรถลง มองอย่างสงสัยแล้วถามว่า “ศพล่ะ”
“ศพ?”
“ใช่ ศพล่ะ เถ้าแก่ ทำลายทิ้งแล้วเหรอ”
“จุดเกิดเหตุไม่ได้อยู่ตรงนี้” โจวเจ๋ออธิบาย
ทนายอันจุดบุหรี่หนึ่งมวน ยิ้มแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อมาแล้วก็จะช่วยให้ถึงที่สุด โทรหาเหล่าจาง สั่งให้เขาจัดการหน่อย ผมต้องการ ‘พบ’ ศพตามลำพัง”
“ได้”
…
ภายในห้องชันสูตรศพของสถานีตำรวจ ศพได้ถูกจัดการในเบื้องต้นแล้ว ต่อไปคือการผ่าศพชันสูตร เหล่าจางพยายามหน้าด้านขอให้หมอนิติเวชหญิงพาผู้ช่วยของตัวเองหลบไปก่อน สิ่งนี้ทำให้คนของห้องชันสูตรไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก และการทำแบบนี้จริงๆ แล้วไม่ถูกต้องตามกฎระเบียบ
เพียงแต่ตอนนี้เหล่าจางเป็น ‘หัวหน้าคนใหม่ไฟแรง’ ตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าทำให้เขาโกรธ และดูจากสไตล์การสืบสวนของหัวหน้าตำรวจอาชญากรรมคนใหม่แล้ว มีมาดของตำรวจเก่ามีประสบการณ์อย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากเขาคิดจะเชือดไก่ให้ลิงดูล่ะ
เหล่าจางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขารู้ว่าทำผิดกฎที่ไล่หมอนิติเวชออกไป แล้วตัวเองก็พาคนข้างนอกเข้ามาดูศพ
แต่หลังจากที่เขาเกิดใหม่ เหล่าจางกลับทำอะไรตามใจตัวเองมากขึ้น ขอเพียงหาตัวฆาตกรตัวจริงเจอ คืนความยุติธรรมให้ผู้ตายได้ ไม่ว่าขั้นตอนจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ไม่อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเหล่าจางแล้ว
และที่สำคัญที่สุดคือ ตัวเขาเองก็รู้ดี คดีเมื่อสิบหกปีที่แล้ว นอกจากเกิดปาฏิหาริย์เท่านั้น มิฉะนั้นอาศัยพลังของมนุษย์แทบจะไม่มีความหวังเลย เขาจึงได้แต่อาศัยพลัง ‘เหนือมนุษย์’ ของเถ้าแก่ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองเพื่อทำคดี
ทนายอันกำลังตรวจสอบศพ แล้วพูดอย่างดีใจว่า “โชคดีที่ยังไม่ได้ผ่าศพ ไม่อย่างนั้นผมก็หมดหนทาง”
“คุณคิดจะทำยังไง” โจวเจ๋อถาม
“เหอะๆ ศพยังมีความทรงจำอยู่ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ความทรงจำของคน ไม่ได้เก็บอยู่ในจิตวิญญาณของตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อย่างเช่นนักกีฬาที่อาศัยการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นเป็นระยะเวลานาน เพื่อให้กล้ามเนื้อและร่างกายของตัวเองจดจำและเคยชิน แบบนี้จะสามารถประหยัดความคิดและเวลาของการตอบสนองได้”
“สามารถดึงความทรงจำของผู้ตายได้เหรอ” โจวเจ๋อถาม
เมื่อได้ยินดังนั้นนักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างๆ ตกตะลึงทันที
ทนายอันส่ายหน้า “ขอโทษจริงๆ ครับ ผมไม่สามารถอ่านได้โดยตรง แต่มีบางคนทำได้”
“อย่างนั้นก็พูดจาไร้สาระไม่ใช่เหรอ” เหล่าจางพูดอย่างจนใจ
“อ่านไม่ได้ แต่ศพสามารถบอกพวกเราได้” ทนายอันถอดถุงมือข้างซ้ายของตัวเองออก ระหว่างที่พูดเนื้อมือซ้ายของเขาเริ่มหายไปช้าๆ เผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่น่าสะพรึงกลัว
กระดูกทั้งห้านิ้วโค้งงอและยืดตรงไม่หยุด ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดสุดขีด “ขยับออกไปหน่อย ต่อไปนี้ถึงเวลาของปาฏิหาริย์แล้ว”
กระดูกฝ่ามือของทนายอันวางบนหน้าผากของผู้ตาย ลวดลายสีแดงเป็นสายกระจายออกมาจากกระดูกฝ่ามือของเขา เป็นเส้นเป็นทางปกคลุมไปทั่วศพอย่างช้าๆ จากนั้นทนายอันจึงดึงมือของตัวเองกลับมาแล้วพูดเตือนว่า “ด้วยระดับของผม สามารถกระตุ้นให้ศพทำสิ่งที่ผ่านมาห้านาทีก่อนตายได้เท่านั้น และวิชานี้ใช้กับศพแต่ละศพได้แค่ครั้งเดียว ผมได้ปรับปรุงมาจากวิชาของคนขนศพในเซียงซี”
พอสิ้นเสียง หญิงชราที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงสแตนเลสอย่างเงียบๆ จู่ๆ ก็ลืมตา จากนั้นศพของเธอเริ่มขยับอย่างแข็งทื่อแต่แน่วแน่ สองมือของเธอยกขึ้นมาแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า เท้าทั้งสองข้างของเธอยกขึ้นมาจากพื้นไม่หยุด แล้ววางลงไป ทั้งตัวของเธอขยับอยู่บนเตียงสแตนเลสด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยสอดคล้องกันสุดๆ ดูแล้วแปลกพิลึกเหลือเกิน
“เธอกำลังทำอะไร” นักพรตเฒ่าถามหลังจากเห็นฉากนี้
โจวเจ๋อนิ่งคิดไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบว่า “เธอกำลัง…ถีบรถสามล้อ”
………………………………………………………………………..