ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 398 วันพิเศษ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 398 วันพิเศษ

“ระดับความยากของการปล้นคุกไม่เยอะมาก แต่ปัญหาหลังจากนี้คือ ตัวตนของนักพรตเฒ่าจะติดบัญชีดำอย่างสิ้นเชิง เขาเป็นคนไม่ใช่ยมทูต จะให้คนอายุมากขนาดนี้ใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ค่อยเหมาะสมมั้ง”

ทนายอันพูดพร้อมกับถือกระติกน้ำร้อนใบใหญ่ของตัวเอง ดื่มกาแฟอึกใหญ่ ตอนแรกเขารู้สึกว่ารสชาติกาแฟเปลี่ยนไป แต่หลังจากดื่มมากๆ เข้ากลับรู้สึกว่าอร่อยไปอีกแบบ ดื่มแล้วยิ่งติดใจ ทว่ากลับทำให้ไป๋อิงอิงลำบาก ควรทราบว่าตอนนี้กาแฟหมดอายุไม่ได้หาซื้อง่ายขนาดนั้น

“แต่ถ้าอยากพลิกคดีคงยากมาก ที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้พวกเราคิดว่าคนร้ายตายแล้ว และตัวจูงใจที่แท้จริงก็คือหยกที่แตกไปแล้ว แน่นอนว่าต่อให้หยกนั่นยังอยู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

จางเยี่ยนเฟิงขยี้ผมของตัวเอง เขาเป็นมืออาชีพในด้านนี้ หากพูดด้วยประโยคที่ไม่น่าฟังก็คือ ด้วยฐานะของเขา ถ้าหากเป็นคดีทั่วไปจะบอกว่าคดีตัดสินอย่างไม่ยุติธรรม ระดับความยากไม่มาก แต่คดีนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตนับสิบ กำลังภายนอกยื่นมือเข้าไปแทรกได้ยากมากจริงๆ

“อย่างนั้นก็เตรียมปล้นคุกเถอะ ไม่ว่ายังไงนักพรตเฒ่าก็ถูกปรักปรำจริงๆ พวกเราไม่นับว่าทำผิดกฎหมายใช่ไหมล่ะ” โจวเจ๋อพูดจบแล้วก็หัวเราะ

“น่าเสียดาย ต่อไปนักพรตเฒ่าคงจะออกไปหาสาวใหญ่อย่างเปิดเผยได้ยากแล้ว” ทนายอันพูดแซว

“ถ้าเขากล้าไป ก็ตัดน้องชายของเขาเลย”

โจวเจ๋อยักไหล่

“คนอายุเจ็ดสิบเอ็ดปีแล้ว ต้องรู้จักสำรวมตนบ้าง”

นักพรตเฒ่าผู้น่าสงสารที่เกือบถูกลืมอยู่ในห้องมืด โดนเถ้าแก่ของตัวเองลิดรอนความสุขเรื่องเซ็กส์ไปโดยไม่รู้ตัว

“วันมะรืนเป็นวันตัดสินของศาล พวกเราลงมือวันนั้นเถอะ” เหล่าจางมองโจวเจ๋อกับทนายอัน พูดจริงๆ นะ สั่งให้หัวหน้าตำรวจอาชญากรรมอย่างเขาช่วยวางแผนปล้นคุก เป็นเรื่องที่ทำให้เขาลำบากใจจริงๆ

“โอเค เหล่าจางกับทนายอันลองคิดวางแผนอีกที เงื่อนไขคืออย่าทำให้ใครบาดเจ็บ พวกเราห้ามบาดเจ็บ ฝ่ายตำรวจก็ห้ามบาดเจ็บเช่นกัน” เมื่อปรึกษาเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว โจวเจ๋อจึงใส่เสื้อคลุมตัวหนึ่งแล้วลุกขึ้น

“คุณจะไปโรงพยาบาลใช่ไหม” ทนายอันถาม

“ใช่ จะไปตรวจซีทีสแกนที่โรงพยาบาลอีกที” โจวเจ๋อชี้ไปที่แขนขวาของตัวเอง “ถ้าไม่ดูสภาวะการฟื้นตัวผมไม่ค่อยวางใจ”

เมื่อก่อนบาดเจ็บแค่ภายนอกค่อนข้างเยอะ อย่ามองว่ามีสภาพน่าอนาถแค่ไหน เนื้อหนังฟกช้ำเละมีสภาพไม่สมประกอบทั่วทั้งตัว แต่มีโคลนของเจ้าลิงบวกกับพลังการฟื้นฟูที่น่าทึ่งหลังจากการใช้วิชาอู๋ซวงในแต่ละครั้งของโจวเจ๋อ จึงไม่มีปัญหาใหญ่มาก

เพียงแต่ครั้งนี้แขนขวาหัก ถ้าหากฟื้นตัวไม่ดีเกิดมีปัญหา มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนติดตามไปตลอดครึ่งชีวิตที่เหลือ

ถึงแม้พลังการฟื้นฟูของโจวเจ๋อจะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาก็จริง แต่เถ้าแก่โจวไม่กล้าละเลยมองข้ามแขนของตัวเองจริงๆ

“ผมจะไปส่งคุณ”

“ไม่เป็นไร ผมนั่งรถเมล์ดีกว่า”

โจวเจ๋อเดินออกจากร้านหนังสือ ปากคาบบุหรี่หนึ่งมวนเดินมาถึงป้ายรถเมล์ ถ้าเขานั่งรถเมล์สายที่สี่ก็จะถึงโรงพยาบาลประชาชนโดยตรง ร้านขายยาที่อยู่ข้างๆ สามารถผ่าตัดได้ก็จริง แต่อุปกรณ์ไม่ได้เพียบพร้อมเหมือนโรงพยาบาลขนาดใหญ่แน่นอน

อีกทั้งเถ้าแก่โจวก็ขี้เกียจไปที่โรงพยาบาลของผู้อำนวยการหลินด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงจะคิดว่าเขาจงใจทำให้ตัวเองบาดเจ็บแล้ววิ่งไปร้องไห้ขอความเห็นใจจากอดีตภรรยา

เขาขึ้นรถเมล์แล้วพบว่ามีคนอยู่ด้านในไม่น้อย หญิงสาวคนหนึ่งเห็นว่าโจวเจ๋อใส่เฝือกจึงยกที่นั่งให้เขา โจวเจ๋อก็ไม่เหนียมอาย เอ่ย ‘ขอบคุณ’ แล้วนั่งลง

พื้นที่โซนนี้มีผู้คนเยอะ รถก็เยอะ และรถเมล์ก็ขับช้ามาก เมื่อถึงป้ายถัดไป มีคนชราขึ้นมาบนรถ หญิงสาวที่เดิมทีนั่งอยู่ข้างโจวเจ๋อได้ลุกขึ้นยกที่นั่งให้ หญิงสาวทั้งสองคนจับราวจับด้วยกัน ดูเหมือนพวกเธอจะรู้จักกัน

“นี่ เธอดูสิ เถ้าแก่ส่งฟรีให้ฉันด้วย”

“หืม จริงเหรอ ส่งฟรีอะไร ไห่เถา[1]เหรอ”

“ไม่ใช่ ฉันซื้อยาฆ่าเชื้อ เถ้าแก่เลยส่งฟรีให้ฉัน”

“ซื้อไปทำอะไร”

“โซ่วกวงน้ำท่วมไม่ใช่เหรอ ฉันเลยซื้อของไปเขตภัยพิบัตินิดหน่อย ถ้าเลือกที่อยู่เป็นทงเฉิงค่าจัดส่งคือสิบสอง เลือกโซ่วกวงค่าจัดส่งเป็นศูนย์ แล้วก็ๆ เมื่อวานฉันซื้อผ้าห่มห้าผืนแล้วส่งด่วนไปแล้ว เถ้าแก่ในเถาเป่าร้านนั้นได้ส่งของเพิ่มอีกสามชุด บอกว่าเขาก็อยากอุทิศตนช่วยเหลือเขตภัยพิบัติเหมือนกัน”

“อบอุ่นจัง”

เมื่อฟังบทสนทนาของผู้หญิงสองคนแล้ว โจวเจ๋อจึงคิดว่าเขตภัยพิบัติอยากได้หนังสือนิยายไปอ่านแก้เซ็งไหม ร้านหนังสือของเขามีหนังสือขายไม่ออกเยอะแยะ สามารถส่งให้ได้หนึ่งล็อต

“โอ้ว! มีคนเป็นลม!” เสียงร้องตกใจของเหล่าผู้โดยสารดังมาจากด้านหลังรถเมล์ โจวเจ๋อลุกขึ้นทันที ลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไป มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งนอนเป็นลมอยู่บนพื้น ผู้โดยสารที่อยู่รอบๆ จึงเว้นระยะห่างเมื่อรู้ตัว

โจวเจ๋อเบียดกลุ่มผู้คนเข้าไป นั่งลงยองๆ ข้างผู้หญิง เมื่อตรวจสอบอาการแล้วจึงตะโกนว่า “ลุงคนขับครับ ขับเข้าไปในโรงพยาบาลประชาชนครับ”

ป้ายต่อไปเป็นโรงพยาบาลประชาชนพอดี รถเมล์ขับเข้าไปจึงไม่เสียเวลาเท่าไร และพวกผู้โดยสารก็ไม่มีความคิดเห็นอะไร

หลังจากรถเมล์ขับมาถึงโรงพยาบาลประชาชนแล้ว มีหมอและพยาบาลนำเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมาหามคนลงไป ส่วนโจวเจ๋อก็ไม่สนใจอีก ผู้หญิงน่าจะเป็นโรคเฉียบพลัน แต่จะช่วยชีวิตกลับมาได้ไหมคงต้องแล้วแต่ดวงชะตา ยังดีที่ช่วงเวลาการช่วยชีวิตไม่ได้ถูกทำให้ล่าช้าออกไปมากเท่าไร

โจวเจ๋อยังใส่เฝือกที่แขนอยู่ เขาจึงไม่คิดวู่วามอยาก ‘ช่วยชีวิตประชาชน’ ขนาดนั้น เมื่อลงทะเบียนคนไข้แล้ว โจวเจ๋อจึงรอพบหมอที่เข้าเวร แล้วบอกความต้องการของตัวเอง นอกจากนี้ยังได้คาดเดาอาการป่วยของตัวเองออกมา และขอให้อีกฝ่ายเขียนว่าตัวเองมีรายการตรวจอันไหนบ้าง

หมอหนุ่มที่เข้าเวรนั่งตะลึงอยู่ตรงนั้น ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นคนไข้ที่ ‘คิดว่าตัวเองเป็นมืออาชีพ’ แต่มืออาชีพขนาดนี้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ

โจวเจ๋อหยิบกระดาษส่ายไปมาต่อหน้าหมอแล้วเดินออกไป เหลือแค่ตัวเองเข้าตรวจตามรายการพวกนี้ก็ไม่ต้องกลับมาแล้ว เพราะตัวเขาเองอ่านรายงานการตรวจเข้าใจ เขาตรวจซีทีสแกนเสร็จแล้ว จึงเดินออกมาขึ้นลิฟต์ หลังจากประตูลิฟต์ปิด โจวเจ๋อได้ยินพยาบาลสองคนคุยอยู่ข้างหลัง

“ผู้หญิงที่เพิ่งส่งเข้ามาคนนั้นช่วยชีวิตไม่ทัน ตายแล้ว”

“เป็นโรคอะไรน่ะ”

“ไม่รู้ เหมือนสมองจะมีปัญหา เสียดายดูแล้วน่าจะอายุสี่สิบปีเอง”

โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นแต่ไม่ใส่ใจ เขาไม่ใช่พ่อพระ เขาไม่สามารถช่วยเหลือคนใกล้ตายและดูแลคนบาดเจ็บได้ตลอดทั้งวัน การตายของผู้หญิงคนนั้น เขาไม่รู้สึกละอายใจ ถ้าหากตัวเขาเป็นคนช่วยชีวิต ความน่าจะเป็นที่อีกฝ่ายจะรอดอาจสูงหน่อย แต่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถยืนยันได้

โจวเจ๋อเข้ารับการตรวจแต่ละส่วนครบแล้วรู้สึกพอใจกับผลการตรวจเป็นอย่างยิ่ง บวกกับพลังการฟื้นฟูที่น่าทึ่งของตัวเอง ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่มาก ที่เหลือก็คือนอนพักผ่อนเท่านั้น

นอนพักผ่อน…ตัวเขาเองก็นอนพักผ่อนอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ คนแก่อายุเจ็ดสิบแปดสิบปียังไม่เคยมีประสบการณ์การพักผ่อนเท่าตัวเขาเลย

เขาเดินไปเดินมาอยู่ในโรงพยาบาลจึงรู้สึกเหนื่อยพอสมควร อันที่จริงสาเหตุเกิดจากแขนหัก เวลาเดินจึงกินแรงเล็กน้อย

โจวเจ๋อกวาดตามองไปที่ลิฟต์ มองป้ายของชั้นลบสอง แล้วจึงยิ้มมุมปากเล็กน้อย โอเค อย่างนั้นก็กลับไปเดินเล่นที่เก่าเสียหน่อย ขอนอนกลางวันสักตื่น

เขาขึ้นลิฟต์ลงมาถึงชั้นลบสองแล้วเดินไปห้องเดิมโดยตรง เขาใช้เล็บไขกุญแจของห้องดับจิตแล้วเดินวนไปมาอยู่ระหว่างตู้แช่แข็ง เพื่อเลือก ‘ห้องว่าง’ หลังจากวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ แล้ว โจวเจ๋อก็เข้าไปนอน จากนั้นใช้มือจับขอบด้านในแล้วก็ดึง เตียงเหล็กจึงถูกเก็บเข้าไป

อันที่จริงกอดอิงอิงนอนหลับสบายกว่าเยอะ นี่ก็เหมือนผู้ชายส่วนใหญ่ที่รู้ดีว่า ภรรยาดีที่สุดแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเลิกความคิดที่อยากจะเชยชมดอกไม้ริมทางนอกบ้านไม่ได้

โจวเจ๋อรู้สึกถึงความเย็นที่เริ่มไหลซึมเข้าไปในร่างกายอย่างช้าๆ ความเย็นทะลุเข้าไปโดยตรงอย่างเผด็จการ เขารู้สึกแห้งและเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ก็ยังรู้สึกสดชื่นจนตัวสั่น ภายในพื้นที่คับแคบจริงๆ แล้วรายล้อมไปด้วยความรู้สึกปลอดภัยอย่างหนึ่ง โจวเจ๋อหลับตาแล้วนอนหลับไปเลย

โจวเจ๋อตื่นมาขยับตัวเล็กน้อย กล้ามเนื้อแข็งทื่ออยู่บ้าง แต่ไม่ช้าก็ฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิม น่าจะเป็นเพราะตัวเขามีร่างกายของผีดิบ ดังนั้นมีแค่ตัวเขาที่อาศัยตู้แช่แข็งนอนหลับได้เท่านั้น อันปู้ฉี่และยมทูตคนอื่นๆ ทำไม่ได้

โจวเจ๋อผลักตู้แช่แข็งให้เปิดออกแล้วกระโดดลงมา บิดขี้เกียจข้อกระดูกลั่นดังกร๊อบ เขารู้สึกสบายมากกว่าไปแช่น้ำในบ่อน้ำพุร้อนตอนบ่าย

“ฮู่ว…” เขาพ่นลมหายใจออกมา หยิบโทรศัพท์มาดู พบว่าดึกแล้ว ในนั้นมีข้อความกับสายไม่ได้รับสองสามสาย ซึ่งเป็นคนที่ร้านหนังสือโทรมา

โจวเจ๋อตอบกลับข้อความ บอกว่าตัวเองไม่เป็นไรและกำลังจะกลับไปเดี๋ยวนี้ เมื่อเดินออกจากห้องดับจิตแล้วจึงหันกลับมา เขามองด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์เล็กน้อย พลางคิดว่ากลับไปไม่ได้แล้ว นอนในตู้แช่เข็งก็เหมือนอาหารรสเลิศ เมื่อกินมากแล้วก็ซื้อข้าวธัญพืชกินบ้างเป็นบางครั้ง แต่ถ้าให้เขากินธัญพืชทุกวันคงทรมานน่าดู อย่างไรเสียนอนกอดอิงอิงก็สบายกว่า ตอนดึกอิงอิงยังห่มผ้าให้ด้วย

โจวเจ๋อเดินผ่านโถงทางเดิน ตอนที่เขากำลังจะเลี้ยวไปทางประตูลิฟต์ เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์ เดิมทีก็ไม่รู้สึกอะไร แต่โจวเจ๋อมีความรู้สึกไวรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้ เธอคือผู้หญิงที่เป็นลมอยู่บนรถเมล์ที่เขาขึ้นเมื่อตอนกลางวันไม่ใช่เหรอ ไหนบอกว่าช่วยเธอไม่ทันและตายแล้วไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนผู้หญิงจะสังเกตเห็นโจวเจ๋อจึงกวาดตามองมา

ชั่วเวลาเดียว ไพ่ที่อยู่ในกระเป๋าของโจวเจ๋อเริ่มสั่น โจวเจ๋อรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้อยากลองตรวจสถานะของเขา แต่ทนายอันบอกว่าขอเพียงไพ่ไม่โดนเผา ก็หมายความว่าวิชาพรางตาของเขายังได้ผล

ผู้หญิงคนนั้นมองอยู่พักหนึ่งแล้วจึงดึงสายตากลับ เธอน่าจะมองเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาไปแล้ว โจวเจ๋อเป็นฝ่ายเดินเข้าไปก่อน เขายืนแถวเดียวกันกับผู้หญิง จากนั้นจึงรอลิฟต์ด้วยกันจนได้ยินเสียง ‘ติ๊ง’ ลิฟต์ลงมาแล้ว ทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมกัน

ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ข้างโจวเจ๋อ ยืนตัวตรงหลังตรง ประตูลิฟต์ปิดและกำลังเลื่อนขึ้นไปข้างบน ทันใดนั้นผู้หญิงจึงถามว่า“ขอถามหน่อยค่ะ วันนี้ เป็นวันอะไรเหรอคะ” ผู้หญิงพูดเสียงแผ่วเบา ราวกับเปิดเสียงสเตอริโอรอบทิศทาง

“วันที่ 24 สิงหาคม อ้อ เลยเที่ยงคืนแล้ว วันที่ 25 สิงหาคมแล้วครับ”

“หืม” ผู้หญิงสงสัยเล็กน้อยแล้วถามอีก “วันนี้ ไม่ใช่วันที่ 15 เดือน 7 เหรอ”

“วันที่ 15 เดือน 7” โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย เขาเข้าใจทันทีแล้วพูดว่า “ของคุณนับตามปฏิทินจีน ใช่แล้วครับวันนี้เป็นวันที่ 15 เดือน 7”

วันที่ 15 เดือน 7 เป็นวันสารทจีน หรือเรียกอีกอย่างว่าวันปล่อยผี!

…………………………………………………………………………

[1] ไห่เถา คือ การซื้อสินค้าต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท