ตอนที่ 402 เก็บสมบัติได้
โจวเจ๋อนั่งลงข้างๆ ผู้หญิงคนนั้น สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อยก็คือ แผลเน่าเหวอะหวะบนร่างเธอกำลังสมานตัวอย่างช้าๆ โจวเจ๋อรู้ดีว่าเล็บของเขามีคุณสมบัติทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวมากขนาดไหน
ตอนที่อิงอิงเพิ่งฟื้น เธอที่คิดว่าแน่ยังถูกแทงจน ‘กรีดร้อง’ ร้องเสียงหลงต่อหน้าเล็บของโจวเจ๋อ ยิ่งไปกว่านั้น เล็บของผีดิบยังมาพร้อมกับพิษร้ายรุนแรงมหาศาล มีแม้กระทั่งกลิ่นอายของคำสาปแช่งและหายนะที่โรงพยาบาลทั่วไปไม่สามารถรักษาได้
แต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะความสามารถในการรักษาตนเองนี้ ไม่ได้มาจากร่างกายของเธอ โจวเจ๋อเคยเห็นร่างของเธอมาก่อน เป็นหญิงสาวธรรมดาที่เสียชีวิตด้วยโรคเจ็บป่วยเฉียบพลัน ไม่มีอะไรพิเศษเลย
เมื่อสังเกตอย่างละเอียดสักหน่อย และเลิกเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนี้ออก จะเห็นว่ามีของเหลวสีฟ้าไหลทะลักออกมาจากบาดแผลและส่วนที่เน่าเปื่อยอย่างต่อเนื่อง
โจวเจ๋อเอื้อมมือไปคลำมัน ไม่สามารถสัมผัสของเหลวนี้ได้ แต่มันกลับมีอยู่จริง หรือมันเป็นสิ่งที่มาจากวิญญาณงั้นเหรอ เขาตรวจดูร่างกายของผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง แต่ไม่พบอย่างอื่นอีก เรื่องนี้ไม่พ้นให้โจวเจ๋อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ยายโง่คนนี้ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ นอกจากตราสัญลักษณ์แล้วไม่ได้เอาอะไรอย่างอื่นมาด้วยเลยหรือไง
ยากจนขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ว่าท่านสี่ที่เธอพูดถึงเป็นผู้ตรวจสอบงั้นเหรอ ในร้านหนังสือของเขาเองก็มีผู้ตรวจสอบอยู่คนหนึ่ง
แต่สาวใช้โง่ๆ ที่ผู้ตรวจสอบเลี้ยงไว้ในบ้านร้ายกาจถึงขนาดนี้เลยเหรอ
เทียบกันแล้ว จู่ๆ โจวเจ๋อก็รู้สึกว่าผู้ตรวจสอบคนนั้นของเขา ค่อนข้างอัปลักษณ์นิดหน่อย หรือเป็นเพราะว่าสถานะเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนตามจริงๆ หลังจากถูกเพิกถอนตำแหน่ง สิ่งที่สูญเสียไป ไม่ใช่เพียงแค่ตำแหน่งงานทางการเท่านั้น แต่ยังมีนอกเหนือจากนั้นอีกอย่างนั้นเหรอ หรือในผู้ตรวจสอบสามารถแบ่งออกเป็นทั้งคนดีกับคนไม่ดี และแบ่งเป็นคนแข็งแกร่งกับคนอ่อนแอ ทนายอันจัดอยู่ในกลุ่มไก่อ่อนใช่หรือไม่
เมื่อนึกย้อนไปถึงฉากที่ทนายอันเห็นสมุดยมทูตของเขาในตอนแรกก็โค้งคำนับต่อหน้าเขาทันที โจวเจ๋อคิดว่าการคาดเดาของเขามีความเป็นไปได้ว่าน่าจะถูกต้อง
ในตอนนี้และวินาทีนี้ ทนายอันที่กำลังดื่มกาแฟหมดอายุอย่างสบายใจเฉิบอยู่ในร้านหนังสือยังไม่รู้ตัวว่า คะแนนประเมินตัวเขาในใจเถ้าแก่ของเขาลดลงฮวบไปหลายอันดับในคราวเดียว
…
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โจวเจ๋อก็รู้สึกว่าวิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือฆ่าหญิงสาวคนนี้ทิ้ง ส่วน ‘ท่านสี่’ ตามคำพูดของเธอคนนั้น ช่างมันก็แล้วกัน ถึงอย่างไรโจวเจ๋อก็เคยฆ่าคนของสะพานไน่เหอมาก่อน คนในที่ต่างๆ ก็เคยฆ่ามาแล้ว เห็บเหาเยอะแค่ไหนก็ไม่กลัวมันกัด และไม่กังวลว่าจะมีเพิ่มมาอีกด้วย
เพียงแต่ว่า ในใจของโจวเจ๋อกลับเกิดความลังเลขึ้นมาแวบหนึ่ง ไม่นานนัก ความลังเลถูกลบออกไป เมื่อครู่นี้เธอคิดจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ มัวลังเลทำบ้าอะไร
โจวเจ๋อจ้องเขม็ง เล็บนิ้วกลางงอกยาวออกมาและแทงเข้าไปที่หน้าผากของผู้หญิงโดยตรง
ฆ่าทิ้ง ปัญหาจะได้จบสิ้น!
แต่ทว่า ในเวลานี้เอง ฝ่ามือของโจวเจ๋อพลันร้อนระอุ ใบหน้าเด็กที่เพิ่งปรากฏบนฝ่ามือของเขาผุดออกมาทันที แต่มันไม่ได้เป็นสีดำทะมึนอีกแล้ว กลับเป็นสีฟ้าและบริสุทธิ์กว่าในตอนแรกมากทีเดียว แต่รอยยิ้ม ‘ประหลาด’ ที่เป็นเอกลักษณ์แบบนั้นยังคงอยู่ แม้ว่าจะเป็นสีหน้าประจบสอพลอโจวเจ๋อก็ตาม นี่ก็คล้ายกับรูปแบบในภาพยนตร์ยุคแรกๆ ตัวร้ายและคนทำงานใต้ดิน ใครดีใครร้ายล้วนเขียนติดอยู่บนหน้า ผู้ชมมองปราดเดียวก็รู้อย่างชัดเจน
แม้ว่าเจ้านี่จะถูกเจ้าหมอนั่นในร่างของเขา ‘ทำให้บริสุทธิ์’ เปลี่ยนจากหมาป่าเป็นสุนัขฮัสกี้ แต่ก็ยังไม่อาจจะทำให้ผู้คนเชื่อมั่นได้อย่างสนิทใจ
รูปร่างของใบหน้าเด็กคล้ายกับงูเล็กน้อย มันผุดออกมาจากกลางฝ่ามือของโจวเจ๋อ แต่ตอนนี้มันดูโปร่งแสงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุก็น่าจะเป็นเพราะว่ามันค่อนข้างอ่อนแอ
“แกไม่ให้ฉันฆ่าเธองั้นเหรอ”
โจวเจ๋อถาม อีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงัก ทันใดนั้น ใบหน้าเด็กก็คลานไปบนร่างของผู้หญิงทันที ของเหลวสีฟ้าที่เดิมทีร่างของผู้หญิงหลั่งออกมาเพื่อช่วยรักษาตัวเองเริ่มถูกใบหน้าเด็กดูดซับไปจนหมด ใบหน้าเด็กเริ่มค่อยๆ แปรสภาพไป ร่างของมันเริ่มยาวขึ้นและผอมบางลงไปไม่น้อย แม้กระทั่งใบหน้าเด็กก็เริ่มลอกคราบออกช้าๆ สีบนร่างกายก็เปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีดำ กลายเป็นงูดำเรียวยาวหนึ่งตัว
บางทีนี่อาจจะเป็นร่างที่แท้จริงของมัน สภาพใบหน้าเด็กก่อนหน้านี้ เพียงเพราะรูปทรงของจี้หยกถูกแกะสลักออกมาเป็นอย่างนี้ก็เท่านั้น ‘รูปลักษณ์’ ที่แท้จริงของมัน น่าจะเป็นงูตัวหนึ่ง งูต้องคำสาปที่ซ่อนเร้นอยู่ในจี้หยก!
สิ่งที่สอดคล้องกันก็คือ รอยสักกลางฝ่ามือของโจวเจ๋อเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน กลายเป็นงูดำทะมึนขดตัวอยู่ตรงนั้น และกำลังแลบลิ้นสีแดงอยู่
“สิ่งที่หลั่งออกมาจากในจิตวิญญาณของเธอ สามารถถูกจิตวิญญาณอื่นดูดกลืนได้ แถมยังสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บด้วยงั้นเหรอ”
งูดำพยักหน้า แต่ยังคงเลื้อยคลานอยู่บนตัวของผู้หญิงพลางดูดกลืนต่อไปด้วยความตะกละตะกลาม
“แกกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!” โจวเจ๋อออกแรงตบมันหนึ่งฉาด งูดำขัดขืนอยู่สองสามที จนสุดท้ายก็กลับมาผนึกกลางฝ่ามือของโจวเจ๋ออีกครั้ง
“มิน่าล่ะ ‘ท่านสี่’ นั่นถึงเก็บยายโง่คนนี้ไว้ข้างกายตลอดเวลา แท้จริงแล้วตัวตนของยายโง่คนนี้ก็ไม่ธรรมดา”
โจวเจ๋อพึมพำกับตัวเอง เมื่อครู่นี้สาเหตุที่งูดำถูกเรียกกลับมา เป็นเพราะเมื่อโจวเจ๋อเห็นงูดำดูดกลืนของเหลวสีฟ้าไปเรื่อยๆ สภาพร่างกายของผู้หญิงก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผิวภายนอกร่างกายส่วนใหญ่เริ่มเน่าเปื่อยอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเถ้าแก่โจวกระทำเรื่องต่างๆ จะพิถีพิถันกับการปล่อยให้น้ำไหลทีละน้อยแต่ไหลได้นาน คนโง่เท่านั้นที่จะทำเรื่องอย่างเช่นการปล่อยน้ำหมดบ่อเพื่อจับปลาในคราวเดียว แต่ว่าเป็นเพราะเหตุนี้ เดิมทีโจวเจ๋อมีแผนจะฆ่าเธอก็เปลี่ยนใจแล้ว พายายโง่นี่กลับไปด้วยและคิดหาทางผนึกไว้ ทำให้เธอกลายเป็นจัณฑาลของทุกคนในร้านหนังสือโดยปริยาย
ถึงตอนนั้น ใครได้รับบาดเจ็บก็สามารถพึ่งพาหญิงสาวคนนี้ให้ฟื้นตัวได้ อีกอย่าง ในร้านหนังสือยังมีสัตว์เล็กสัตว์น้อยสองสามตัวไม่ใช่หรือไง เจ้าลิงน้อยตัวนั้น ยังมีเจ้าสุนัขจิ้งจอกขาวหางกุด ยังมีแม้กระทั่งแมวดำในสมุดหยินหยางอีกด้วย พวกมันสามารถอาศัยดูดกลืนเจ้านี่เพื่อฟื้นตัวได้เหมือนกันหรือเปล่า
แม้ว่าร่างเดิมของเจ้าลิงน้อย นั่นก็คือเจ้าปีศาจวานรที่ชักว่าวตัวนั้นจะทิ้งความประทับใจอันเลวร้ายให้กับโจวเจ๋อ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากสามารถทำให้เจ้าลิงน้อยฟื้นฟูพลังความสามารถเหมือนในตอนแรกได้ เท่ากับว่าในร้านหนังสือจะมีซุนหงอคงมาช่วยดูแลความปลอดภัยของบ้านเพิ่มมาอีกหนึ่ง
โจวเจ๋อค้นดูแล้วพบว่าโทรศัพท์มือถือของเขาแตกละเอียดระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่นี้ ปวดตับไปแวบหนึ่งเลย ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ไร้ผู้คนจะกลับไปอย่างไร
แท็กซี่คันนั้นยังอยู่ตรงนั้น แม้ว่าจะเป็นแท็กซี่เกียร์อัตโนมัติที่ค่อนข้างหายากก็ตาม ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อสามารถขับรถด้วยมือข้างเดียวได้ แต่ตอนนี้แขนขวายังหักอยู่ ส่วนเล็บมือข้างซ้ายก็หายไปสองนิ้ว ปลายนิ้วอื่นๆ ก็เลือดอาบ และแทบจะอยู่ในสภาพอัมพาตครึ่งท่อนอยู่แล้ว จะขับรถอย่างไร
เหอะ ฉันเลอะเลือนสินะ
โจวเจ๋อโน้มตัวลงเลียนแบบสิ่งที่งูดำทำเมื่อสักครู่ แนบหน้าของเขาลงบนหน้าอกของผู้หญิง ไม่รู้ว่าจะดูดกลืนมันอย่างไร แต่เพียงแค่สูดเข้าไปคำใหญ่ก็น่าจะได้แล้ว แต่ทว่า ในขณะที่โจวเจ๋อดูดกลืนเข้าไป นอกจากส่วนลึกของจิตวิญญาณจะรู้สึกถึงความเย็นสดชื่นแล้ว อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขากลับไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ไม่จริงน่า เห็นๆ กันอยู่ว่ามันควรจะใช้ได้ผลนี่นา
งูดำสามารถดูดซับสิ่งนี้แล้วฟื้นตัวได้ พิสูจน์ว่าของเหลวสีฟ้านี้มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูร่างวิญญาณ แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยให้ร่างวิญญาณเพิ่มระดับได้ แต่การซ่อมแซมบนพื้นฐานเดิมก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร อีกทั้งผู้หญิงคนนี้ในตอนนี้ ร่างกายของเธอก็กำลังฟื้นตัวไม่ใช่หรือไง มันก็น่าจะได้ผลต่อร่างกายด้วยสิ
หรือว่า ของเหลวสีฟ้านี้มันใช้ได้ผลเฉพาะกับร่างวิญญาณเท่านั้นจริงๆ แต่เพราะวิญญาณของผู้หญิงอยู่ในร่างนี้ จึงเชื่อมโยงเข้ากับวิญญาณนั้น ทำให้กระตุ้นพลังแฝงของร่างนี้ ส่งผลให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อกันนะ แต่ในความเป็นจริงสิ่งนี้ยังคงใช้ได้ผลแค่กับร่างวิญญาณเท่านั้น และใช้ไม่ได้ผลใดๆ กับอาการบาดเจ็บทางกาย
เมื่อคิดๆ ดูแล้ว โจวเจ๋อก็ฉวยโอกาสนี้ข่วนร่างของผู้หญิงสองสามแผล รักษาบาดแผลของเธอให้อยู่ในสภาพ ‘สาหัส’ เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ซ่อมแซมฟื้นตัวก่อนเวลาอันควร
อย่างไรก็ตาม เพื่อเอาชนะผู้หญิงคนนี้ โจวเจ๋อถึงกับยอมเสียสละกระทั่งเล็บของเขา และไม่รู้ว่านานแค่ไหนมันถึงจะกลับมายาวเหมือนเดิม หากปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ลอบฟื้นพละกำลังเงียบๆ ได้อีกครั้ง นั่นถึงจะเป็นสิ่งที่ชวนปวดกบาลอย่างแท้จริง
เขาอุ้มร่างของผู้หญิงเดินกลับไปข้างๆ รถแท็กซี่อีกครั้ง เมื่อตรวจสอบดู ดันพบว่ามีโทรศัพท์มือถืออยู่ในรถแท็กซี่เครื่องหนึ่ง แถมไม่ได้ตั้งค่ารหัสผ่านหน้าจอไว้ด้วย น่าจะเป็นโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่โชเฟอร์สาวมักใช้นำทาง ในโทรศัพท์เครื่องเดิมของเถ้าแก่โจวนับไปมามันก็มีแค่ไม่กี่เบอร์ ดังนั้นเบอร์พื้นฐานจำได้ขึ้นใจหมดแล้ว โจวเจ๋อเลือกโทรหาเหล่าจางก่อนเป็นอันดับแรก
“ฮัลโหล เถ้าแก่ มีอะไรครับ ผมกำลังยุ่งอยู่เลย เพิ่งมีคดีปล้นคนขับแท็กซี่ในทงเฉิง ผมกำลังนำคนไปตรวจสอบน่ะ”
“…” โจวเจ๋อ
“เถ้าแก่ครับ”
“ผมขโมยรถแท็กซี่มาเองแหละ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”
เหล่าจางชะงักไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “ครับ”
“คุณขับรถมารับผมหน่อยตรงจุดที่ศพถูกขุดออกมาคราวก่อนน่ะ ตอนนี้ผมขับรถไม่ได้”
“ได้ครับ เถ้าแก่ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากวางสาย โจวเจ๋อใช้นิ้วกลางแทงทะลุร่างของหญิงสาวอีกสองสามรู ถึงจะนอนลงบนเบาะได้อย่างวางใจ
ผ่านไปประมาณสิบนาที รถของเหล่าจางก็แล่นเข้ามา
“เถ้าแก่ นั่นคุณหรือเปล่า”
“ผมอยู่นี่” โจวเจ๋อหาวหวอดๆ รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย อยากกลับไปนอนเร็วๆ แล้ว หลังจากยืดเส้นยืดสายก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นฟื้นตัวขึ้นมาก จึงแทงทะลุร่างเธอไปอีกสองสามรู เหล่าจางที่เพิ่งเดินมาถึงเห็นฉากนี้เข้าถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง
“แบกเธอขึ้นมา พาไปด้วยเลย มีประโยชน์น่ะ”
เหล่าจางสูดหายใจเข้าลึก แล้วพยักหน้า เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตำรวจเลวมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หลังจากนั่งอยู่ในรถของเหล่าจางไปได้ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็กลับมาถึงร้านหนังสือแล้ว ระหว่างทางโจวเจ๋อก็แทงหญิงสาวเพิ่มไปอีกสองสามรู
ให้ตายเถอะ ความเร็วในการฟื้นตัวจนผิดปกตินี้นี่นะ!
เถ้าแก่โจวคิดว่าถ้าเขาเป็นท่านสี่นั่น ก็คงตัดใจฆ่ายายโง่นี่ไม่ลงเช่นกัน ต้องเกลี้ยกล่อมเธอและคุยกับเธอทุกวัน ไม่สิ มันเป็นการล้างสมองต่างหาก
“กลับมาแล้วเหรอครับ”
ทนายอันผลักประตูและเดินออกมา หลังจากเห็นเหล่าจางอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งลงมา ตอนแรกทนายอันไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ตอนที่ผู้หญิงถูกอุ้มผ่านทนายอันไป ทนายอันชะงักไปครู่หนึ่ง หันกลับมาและขวางหน้าเหล่าจางไว้ จากนั้นวางมือเขาไว้บนศีรษะของผู้หญิงคนนั้นและหลับตาลง ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าทนายอันพลันเปลี่ยนไปทันที อุทานขึ้นว่า
“ชุ่ยฮวาเอ๋อร์ ใช่คุณหรือเปล่า”
………………………………………………………….