ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 415 คนไข้พิเศษ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 415 คนไข้พิเศษ

การประชุมเสร็จสิ้นลง ทุกคนต่างแยกย้ายกันออกไปด้วยความสงสัยในใจ การประชุมครั้งนี้ทำให้เกิดการล้มกระดานแนวทางการสืบสวนคดีเดิมทั้งหมดครั้งใหญ่เลยทีเดียว

เหล่าจางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหลังออกจากห้องประชุม และกำลังจะต่อสายหาทนายอัน ดูเหมือนว่าคดีของนักพรตเฒ่าไม่ต้องให้เขาแก้ต่างให้ในชั้นศาลแล้ว ขณะที่เพิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมา เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นด้านหลัง

“ผู้กองอู๋ ขอบคุณสถานีตำรวจทงเฉิงสำหรับเบาะแสที่ให้มาด้วยนะคะ”

“เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉิน ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ มันเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินจ้องมองจางเยี่ยนเฟิง จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ทำให้จางเยี่ยนเฟิงรู้สึกราวกับร่างกายตัวเองถูกมองทะลุปรุโปร่ง ในฐานะที่เป็นตำรวจอาชญากรรมอาวุโส โดยปกติแล้วจะต้องเป็นเขาที่สำรวจและมองคนอื่นออกอย่างนี้สิ ถึงคราวตัวเองโดนมองออกบ้างอย่างนี้มีที่ไหนกัน

“ฉันจะอยู่ทงเฉิงอีกระยะหนึ่งเพื่อติดตามรายละเอียดอื่นๆ ของคดีนี้จนเสร็จสิ้น ถึงตอนนั้นเราน่าจะได้คุยกันมากขึ้นนะคะ”

“แน่นอนครับ แน่นอน เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินคุณไปทำงานเถอะครับ”

ระดับสูงกว่าเขา การวางตัวก็ดีกว่าเขา ตอนเผชิญหน้ากับคำถามของหัวหน้าสถานีหลายนายที่อยู่ในห้องประชุมเมื่อครู่ยังคงตอบกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า แม้แต่เหล่าจางเองพอมาอยู่ต่อหน้าตำรวจหญิงคนนี้ยังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของอีกฝ่าย เหล่าจางไม่กล้าสบตาเธอด้วยซ้ำ

เจ้าหน้าที่เฉินไปแล้ว มองแผ่นหลังของเธอจากไป จางเยี่ยนเฟิงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

“ผู้กองอู๋ เที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ” เสี่ยวเฉาเดินเข้ามาในเวลานี้และถามขึ้น ข้อเท็จจริงของคดีถูกล้มกระดาน ทำให้เสี่ยวเฉาที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกัน

“เอ่อ ไม่เป็นไร ผมยังมีธุระต่อน่ะ” เหล่าจางปฏิเสธ

“มีธุระเหรอ อ้อ ผมรู้แล้ว ต้องเป็นการนัดกินข้าวกับเจ้าหน้าที่เฉินแน่ๆ ผมได้ยินมาว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่เฉินยังโสดอยู่ด้วยน้า”

“คุณว่างมากเหรอ ใช่เรื่องอะไรแบบนั้นที่ไหนเล่า”

“อ้าว ไม่มีหรอกเหรอ ผมเคยเห็นข้อมูลประวัติส่วนตัวของคุณนะผู้กองอู๋ จำได้ว่าคุณกับเจ้าหน้าที่เฉินเป็นเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนตำรวจนี่นา แถมยังเคยได้รับมอบหมายให้ไปประจำที่สถานีตำรวจเดียวกันตั้งแต่แรกเริ่มเลยด้วย พวกคุณเป็นเพื่อนเก่ารู้จักกันมานาน จะนัดเจอกินข้าวก็เป็นเรื่องปกตินะครับ

วางใจเถอะครับ พวกเราไม่เอาไปเมาท์กันหรอก หัวหน้าสาวที่เก่งกาจขนาดนี้ หากผู้กองอู๋สามารถโค่นเธอลงได้ พวกเราก็จะรู้สึกเป็นเกียรติไปด้วย”

เหล่าจางพูดในใจ ไม่ได้การแน่ๆ เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับผู้หญิงคนนั้นจริงเหรอ แถมยังเคยเป็นเพื่อนร่วมงานระดับต้นๆ อีกด้วยงั้นเหรอ เมื่อนึกถึงความเฉียบขาดตอนที่ผู้หญิงคนนั้นบรรยายนำเสนอคดีอยู่บนเวที รวมไปถึงสายตาที่ใช้สำรวจเขาเมื่อกี้นี้ คงไม่ใช่ว่าถูกจับได้แล้วหรอกใช่ไหม จางเยี่ยนเฟิงใช้ประสบการณ์มากมายเพื่อทำความคุ้นเคยและศึกษาชีวิตของร่างนี้แล้วนะ แต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นเก่าและเพื่อนร่วมงานเก่าที่นานขนาดนั้นน่ะจะไปจำมันได้อย่างไร

เหล่าจางโบกมือปัดๆ ไล่เสี่ยวเฉาปากมากออกไป แล้วเดินไปที่ลานจอดรถและเข้าไปนั่งในรถ หลังจากสตาร์ทรถ เหล่าจางก็ไม่ตื่นตระหนกอีก

ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แถมดีเอ็นเอนี้ ลายนิ้วมือนี้ไหนจะใบหน้านี้อีก ไม่ว่าจะทดสอบยังไง เขาก็คือผู้กองอู๋ในปัจจุบัน!

“เฮ้อ บัดซบเอ๊ย”

เหล่าจางโยนบุหรี่ในมือทิ้ง ช่างแม่งเถอะ กลับไปที่ร้านหนังสือเอาเรื่องนี้ไปบอกก่อนก็แล้วกัน

………………

“อะไรนะ นักพรตเฒ่าอาจจะถูกถอนฟ้องงั้นเหรอ”

โจวเจ๋อที่นั่งอยู่บนโซฟาดูประหลาดใจมากอย่างเห็นได้ชัด ร้านหนังสือของเขาเกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ มากมายเพื่อช่วยนักพรตเฒ่า สุดท้าย จู่ๆ เนื้อเรื่องก็กลับตาลปัตรเสียอย่างนั้น

พอมาคิดดูอย่างนี้แล้ว ก็พลันรู้สึกผิดหวัง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนักพรตเฒ่าไม่สมควรตาย ตอนนี้หลังจากยุ่งวุ่นวายมาพักใหญ่ นักพรตเฒ่าไม่ใช่แค่ไม่ตายเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่หลังจากนี้จะสามารถออกไปอย่างผ่าเผยและไปปลอบโยนนางคณิกาของเขาต่อไปได้

“ยังไงก็ตาม มันก็เป็นเรื่องดีนะ” ทนายอันยิ้มๆ ขณะเดียวกันก็ชี้อิงอิงที่อยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยว่า “อิงอิง ในบัตรนั่นยังเหลือเงินอยู่หลายหมื่น คุณเอามันไปซื้อกาแฟเพิ่มนะ อย่าลืมว่าเป็นรสชาติเดียวกับครั้งก่อนนะ อย่าเอาของครั้งนั้นมาโมเมกับผมอีกล่ะ!”

อิงอิงหยิบบัตรเอทีเอ็มใบนั้นและพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง

ในเวลานี้ มีเจ้าขนปุกปุยมุดออกมาจากใต้เท้าของโจวเจ๋อ และใช้หัวของมันถูไถตรงหน้าอกของโจวเจ๋อเบาๆ ทั้งยังแลบลิ้นออกมาเลียแผล็บๆ โจวเจ๋อคว้าคอของเจ้าจิ้งจอกขาวแล้วถามขึ้น

“แม่จิ้งจอกพราวเสน่ห์กลับมาทำไมอีกละเนี่ย”

ให้ตายเถอะ มีแค่เจ้าจิ้งจอกนี่เท่านั้นที่อ้อนเก่งขนาดนี้ รอแกกลับไปเป็นคน ในหมู่ผู้ชายทั่วไปจะมีใครทนแกได้นอกจากฉันน่ะ

“หวังเคอกลับมาแล้ว เธอก็เลยตามกลับมาด้วย” ทนายอันอธิบาย

เจ้าจิ้งจอกมองโจวเจ๋ออย่างอ่อนโยนและวิงวอน ดูเหมือนเธอจะรู้ข่าวลือบางอย่าง ดังนั้นครั้งนี้ถึงได้จงใจอยากประจบประแจงโจวเจ๋อเป็นพิเศษ อันที่จริงหลังจากเธอตามหวังเคอกลับมา แค่เห็นเจ้าลิงตัวนั้นในร้านหนังสือเธอก็รู้ทันทีว่า ในช่วงเวลาที่เธอไม่อยู่เจ้าลิงได้ยาชูกำลังไม่น้อยทีเดียว!

ทุกคนต่างเป็นปีศาจ ไม่ควรเลือกที่รักมักที่ชังนะ!

“ส่งยายผักกาดดองของคุณกลับนรกแล้วเหรอ” โจวเจ๋อถาม

“ชื่อชุ่ยฮวา”

“อืม ส่งลงไปหรือยัง”

“ยังน่ะสิ ไม่ใช่ว่ารอเธอหรือไง” ทนายอันยกมือชี้จิ้งจอกขาวที่โจวเจ๋อจับอยู่

เจ้าจิ้งจอกขาวชำเลืองมองทนายอันอย่างประจบสอพลอ ทนายอันส่งสายตาของชายผู้ช่ำชองหยอดกลับมาอย่างเชี่ยวชาญ โจวเจ๋อมองดูแล้ว สุนัขและชายหนุ่มไร้ยางอายคู่นี้แค่มองตาเพียงครั้งเดียวก็จะบรรลุข้อตกลงโสมมสุดๆ กันเรียบร้อยแล้ว

“ผมรู้สึกว่าขนยาวๆ แบบนี้ยังดูดีกว่า โดดเด่นมากด้วย กลับกันหลังจากเปลี่ยนเป็นมนุษย์แล้วอาจจะไม่โดดเด่นอะไรเลย”

จิ้งจอกขาวมองโจวเจ๋อด้วยสีหน้าหวาดกลัว สำหรับปีศาจอย่างพวกมันแล้ว การบำเพ็ญเพียรไม่ง่ายดายเลย มันถูกตีจนหลุดออกจากร่างมนุษย์และกลับคืนร่างเดิม ก็เป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานมากอยู่แล้ว คล้ายกับคนรวยที่อยู่ดีๆ ก็สิ้นเนื้อประดาตัวจนต้องไปขอข้าวกิน ความรู้สึกแตกต่างมหาศาลนี้ ก็มากพอที่จะทำให้คนเป็นบ้าได้

โจวเจ๋อยิ้มอีกครั้ง วางเจ้าจิ้งจอกขาวไว้บนโต๊ะรับแขกแล้วชี้ไปที่ทนายอัน

“ไปหาชุ่ยฮวาแล้วจัดการเถอะ”

ทนายอันพยักหน้า อุ้มเจ้าจิ้งจอกขาวขึ้นมาและเดินขึ้นไปชั้นบน

โจวเจ๋อยกถ้วยชาขึ้นมาจิบแล้วถามอิงอิงที่อยู่ด้านข้าง “เหล่าจางล่ะ เมื่อกี้ยังอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“เหมือนว่าจะรับโทรศัพท์และก็ออกไปอีกแล้วนะเจ้าคะ”

“เขายุ่งมากจริงๆ” โจวเจ๋อหยิบบุหรี่ออกมา ไป๋อิงอิงรีบหยิบไฟแช็กช่วยจุดบุหรี่ให้เขา

“เถ้าแก่ หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวว่าการสูบบุหรี่มันทำร้ายร่างกายที่แข็งแรงนะเจ้าคะ”

“แล้วไงล่ะ คุณอยากพูดอะไร”

“อิงอิงซื้อบุหรี่ที่แพงหน่อยให้เถ้าแก่ดีกว่าเจ้าค่ะ”

“โอ้ ย่อมได้”

“เถ้าแก่ เถ้าแก่คะ!!!”

ในเวลานี้ ร่างท้วมใหญ่วิ่งผ่านหน้าต่างกระจกส่งแรงสั่นสะเทือนอย่างหนักแน่น ร่องอกที่เรียกได้ว่าลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งถึงได้นั้น ไม่ได้นำมาซึ่งความสวยงามละลานตา แต่เป็นความตื่นตระหนกที่น่าสะพรึงกลัวต่างหาก

‘ปัง!’ ประตูร้านหนังสือถูกผลักออก ฟางฟางที่เหมือนภูเขาเนื้อยืนอยู่หน้าประตู

“มีอะไร” โจวเจ๋อถาม

ฟางฟางผู้โอบอ้อมอารีวันนี้อยู่ในชุดพยาบาลสีขาวสะอาด สวมถุงน่องสีดำ ฉากนี้มันชวนบาดตานิดหน่อย

“เถ้าแก่ มีคนไข้เป็นลมบนถนนคนเดิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแถวนั้นพาตัวมาส่งที่ร้านขายยาของเราค่ะ”

“เป็นลมไปแล้ว โรคลมแดดเหรอ”

“เหมือนจะใช่นะคะ”

“งั้นก็จ่ายยาฮั่วเซียงเจิ้งชี่เย่ชนิดน้ำ[1] ตามด้วยให้น้ำเกลืออะไรก็ว่าไป”

โจวเจ๋อแปลกใจเล็กน้อย ปัญหาเล็กน้อยขนาดนี้ ในร้านขายยาไม่ใช่ว่ามีหมอทั่วไปอยู่ตั้งสองคนหรือไง แม้ว่าความสามารถจะไม่ได้ดีมากนัก ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ยอมรับเงินเดือนที่สูงกว่าหน่อยแล้วถ่อมา ‘ใช้ชีวิตเกษียณล่วงหน้า’ ในร้านขายยานี่หรอก แต่พวกเขาไม่น่าจะมีปัญหาในการรับมือกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไหม ทำไมฟางฟางถึงได้ลนลานขนาดนี้ล่ะ

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ค่ะ” ฟางฟางส่ายหน้าและพูดต่อ “ระหว่างการตรวจก็พบว่าบนตัวคนไข้มีบาดแผลหลายแห่งค่ะ”

“คนงานก่อสร้างบริเวณใกล้เคียงหรือเปล่า” โจวเจ๋อถาม

คนงานก่อสร้างมีบาดแผลตามร่างกายเป็นเรื่องปกติมาก แค่ทำงานโครงการเดียวคนส่วนใหญ่ก็มีรอยฟกช้ำดำเขียวตามร่างกายแล้ว ดังนั้นพวกเขาถึงได้บอกว่าได้เงินมาอย่างยากลำบากไงล่ะ

“มะ…ไม่ใช่ค่ะ!”

ฟางฟางส่ายหน้า ในที่สุดเธอก็สงบสติอารมณ์ได้และตะโกนว่า

“เป็นเด็กผู้หญิง เด็กน้อยอายุแปดขวบค่ะ!”

เมื่อโจวเจ๋อเห็นเด็กน้อยคนนี้ ในตอนแรกเริ่มก็ถูกรูปร่างหน้าตาที่งดงามภายนอกของเด็กสาวดึงดูดเข้าให้แล้ว ไม่ใช่แบบคำพูดชั่วๆ ทำนองว่า ‘โทษประหารอีกสามปีก็ไม่เสียดาย’ มันเป็นเพียงความอยากใกล้ชิดกับสาวน้อยน่ารัก ไร้เดียงสาธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

เพียงแต่ว่า เมื่อโจวเจ๋อส่งสัญญาณให้หมอทั้งสองคนขยับออกไปเล็กน้อยเลิกเสื้อคลุมของเด็กผู้หญิงขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือบาดแผลฉกรรจ์ตามเนื้อตัวของเด็กผู้หญิง ทั้งรอยฟกช้ำเต็มไปทั่ว แผลไหม้จากก้นบุหรี่ แผลน้ำร้อนลวก แผลจากของมีคม กระทั่งยังมีเศษด้ายที่เย็บทิ้งค้างเอาไว้ด้วย ทั้งที่ใบหน้าราวกับนางฟ้า แต่ภายใต้เสื้อผ้าที่ บดบังอยู่กลับเป็นความมืดมิดที่น่าสยดสยอง

“เถ้าแก่ คุณลูบตรงนี้ดูสิ” หมอคนหนึ่งเตือนโจวเจ๋อให้สัมผัสแขนของเด็กผู้หญิง โจวเจ๋อเอื้อมมือไปลูบดู ทันใดนั้นสายตาพลันเปลี่ยนไป

“ไฟฉาย”

หมอที่อยู่ข้างๆ รีบหยิบไฟฉายให้ทันที จับไฟฉายส่องดูอย่างระมัดระวัง ใต้ผิวเนื้อแขนของเด็กผู้หญิงมีเข็มซ่อนอยู่! มันเป็นเข็มเย็บผ้าแบบที่ใช้ภายในบ้าน โจวเจ๋อส่งสัญญาณให้นางพยาบาลร่างผอมช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาและเอ่ยขึ้น

“เราจะทำการผ่าตัดกันก่อน จัดการรักษาแผลบนร่างของเด็กผู้หญิงและนำเข็มออกมา จริงสิ บอกฟางฟางโทรแจ้งตำรวจและตามหาครอบครัวของเธอด้วย”

เสื้อผ้าบนตัวเด็กผู้หญิงคนนี้ล้วนเป็นแบรนด์ดังทั้งนั้น ไม่น่าจะเป็นเด็กที่ถูกลักพาตัวไป ในที่นี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงภายในครอบครัว

เมื่อชาติก่อนที่ตัวเองเป็นหมอ โจวเจ๋อเคยได้รับโทรศัพท์เคสฉุกเฉิน มีเด็กชายคนหนึ่งถูกแทงมาสี่ห้าแผลและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พยายามยื้อชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล เด็กยังคงจากไปอยู่ดี หลังจากออกจากห้องผ่าตัดก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานกำลังพุดคุยเรื่องนี้กัน โจวเจ๋อถึงได้รู้ว่าฆาตกรที่แทงเด็กไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแม่แท้ๆ ของเด็กเอง ภายหลังแม่จึงได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวชในเวลาต่อมา

จริงๆ แล้วความยากของการผ่าตัดครั้งนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร โจวเจ๋อรับผิดชอบในการดึงเข็มออก ส่วนหมออีกสองคนก็ทำหน้าที่จัดการบาดแผลส่วนอื่นๆ และด้วยเหตุนี้จึงไม่มีการฉีดยาสลบ ดึงเข็มออกมาจากแขนทั้งสองข้างได้ทั้งหมดแปดเล่ม หลังจากดึงเข็มเล่มสุดท้ายออก โจวเจ๋อก็เงยหน้าขึ้น กำลังจะดื่มน้ำสักแก้ว ทันใดนั้นก็พบว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหน ที่เด็กผู้หญิงสาวได้ตื่นขึ้นลืมตามองเขาอยู่

“ไม่เป็นไรแล้วนะ ดึงเข็มออกมาหมดแล้ว” โจวเจ๋อยิ้มให้เด็กผู้หญิงสาว

เด็กผู้หญิงสาวเบือนหน้าหนีและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา

“เดี๋ยวพ่อก็ใส่มันเข้าไปใหม่ค่ะ”

…………………………………………………………………

[1] ฮั่วเซียงเจิ้งชี่เย่ชนิดน้ำ เป็นยาแผนโบราณ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและไวรัสในระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร ขจัดพิษชื้นที่สะสมอยู่ในร่างกาย

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท