ตอนที่ 416 น่าสงสาร
ไม่มีความสดใสอยู่ในแววตาของเด็กผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เป็นเด็กน้อยน่ารักน่าทะนุถนอมมาก คนหนึ่งแท้ๆ แต่ความรู้สึกที่แสดงออกมากลับเหมือนศพที่ไร้ความรู้สึก
เถ้าแก่โจวไม่ใช่คนที่รักและเอาใจใส่คนอื่นมากมายนัก กระทั่งในหลายๆ ครั้งยังดูเห็นแก่ตัวและใจร้ายไปบ้าง แม้ว่าจะทำเรื่องราวดีๆ บ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการ ‘ขึ้นอยู่กับอารมณ์’ คนหนึ่ง
แต่ในวินาทีนี้ โจวเจ๋อยังไม่สบายใจอยู่นิดหน่อย มนุษย์มักจะมีความใกล้ชิดและจินตนาการอันเลิศเลอต่อสิ่งที่สวยงาม ซึ่งเป็นไปเองตามกลไกธรรมชาติ แต่จินตนาการเพ้อฝันสำหรับเด็กน้อยคนนี้ได้พังทลายไปหมดแล้ว
“บ้านหนูอยู่ที่ไหนเหรอ” โจวเจ๋อถาม
เด็กผู้หญิงเงียบ เธอไม่ได้กลัวและไม่มีความหวาดกลัว มีเพียงความชินชายอมรับชะตากรรมเท่านั้น
ความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในประเทศจีนนัก ในระหว่างการเติบโตและการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่น่าจะเคยได้ยินมาบ้างไม่มากก็น้อย หรือแม้กระทั่งใครหลายคนก็เคยประสบมาแล้ว
การคุ้มครองเด็กบางประเทศในยุโรปและอเมริกาได้บัญญัติเข้าไปอยู่ในขอบเขตของข้อกฎหมายแล้ว แต่เรื่องแบบนี้ก็ยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนบางครั้งกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวยังชื่นชอบประเทศจีนที่ชอบการประนีประนอมอยู่เสมอ คนจีนมักจะมีความคิดคร่ำครึว่าไม่ควรปากโป้งเรื่องอัปยศอดสูในบ้าน การปิดปากเงียบของคนส่วนใหญ่รวมถึงการปิดปากเงียบของเหยื่อเอง อันที่จริงก็ถือว่าเป็น ผู้สมรู้ร่วมคิดในระดับหนึ่งแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น” จางเยี่ยนเฟิงมาแล้ว
เขารู้สึกราวกับว่าวันนี้ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง เอาแต่เข้าๆ ออกๆ ร้านหนังสืออยู่นั่นแหละ นี่เสียเวลาไปแล้วครึ่งค่อนวัน เขากลับไปกลับมาร่วมสามครั้งแล้ว
ข้างๆ จางเยี่ยนเฟิงยังมีตำรวจจากสถานีตำรวจท้องที่อีกสองสามนาย ตำรวจชั้นผู้น้อยสองสามนายไม่ได้วางท่าต่อหน้าเหล่าจาง และปล่อยให้เหล่าจางเดินนำหน้า
“จริงสิ คู่สามีภรรยาที่ฉ้อโกงเงินบริจาคก่อนหน้านี้ถูกผมนำตัวกลับไปที่สถานีแล้ว วางใจได้ ไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ หรอก พวกเขาหลอกเอาเงินบริจาคไปมากพอสมควร แล้วคราวนี้เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ”
เหล่าจางผลักประตูห้องผ่าตัดแล้วเดินเข้ามา
“ทารุณเด็ก” โจวเจ๋อเอ่ย
เหล่าจางอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วยื่นมือไปเลิกผ้าห่มที่คลุมตัวเด็กผู้หญิงออก เห็นภาพที่น่าสังเวชใจบนตัวเด็กผู้หญิงแล้ว แม้แต่ตำรวจอาชญากรรมอาวุโสที่ทนแดดทนฝนจนชินชาแล้วยังไม่กล้ามองตรงๆ เลยด้วยซ้ำ
“ไอ้ระยำตัวไหนมันเป็นคนทำ” เหล่าจางถามขึ้น
สายตาของตำรวจอาชญากรรมเฉียบแหลมมาก เมื่อมองเสื้อผ้าและรองเท้าที่เด็กผู้หญิงสวมใส่ ก็ไม่ใช่ลักษณะของเด็กที่ถูกลักพาตัว
เป็นเรื่องปกติที่เด็กถูกลักพาตัวจะถูกทารุณ สถานการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาดีขึ้นมากแล้ว เมื่อสิบกว่าปีก่อนช่วงนั้นเหล่าจางเพิ่งเข้ามาเป็นตำรวจอาชญากรรมได้ไม่นาน มีแก๊งผู้ร้ายลักพาตัวและค้าเด็กไปทั่วทั้งประเทศ บางกลุ่มบังคับเด็กขอทาน หักแข้งหักขาเด็ก หรือไม่ก็ควักลูกตา และมีบางกลุ่มให้เด็กไปปล้นชิงทรัพย์
“ไม่รู้สิ คุณลองสืบดูหน่อยละกัน อีกอย่าง เด็กเป็นลมหมดสติที่ถนนคนเดินหนานต้าเลยถูกคนนำส่งมาที่นี่น่ะ สามารถเรียกกล้องวงจรปิดมาดูได้” โจวเจ๋อถอดเสื้อกาวน์ออก และรับเอาทิชชูเปียกจากฟางฟางมาเช็ดหน้าผาก
เมื่อโจวเจ๋อเดินออกมาจากห้องผ่าตัด ก็เห็นตำรวจหญิงในเครื่องแบบตำรวจคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ร้านขายยา อีกฝ่ายยิ้มให้เขา โจวเจ๋อก็ยิ้มตอบกลับไป จากนั้นรีบหันหน้ามามองเหล่าจาง
เห็นได้ชัดว่าตำรวจหญิงคนนี้มาพร้อมกับเหล่าจาง และถ้าดูยศตำรวจบนบ่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจสาวดีๆ แล้ว ต้องไม่ใช่ผู้ติดตามชั้นผู้น้อยที่วิ่งทำธุระให้เหล่าจางแน่ๆ ที่จริงเหมือนเหล่าจางติดตามไปทำธุระให้คนอื่นเขามากกว่า
หรือว่าเหล่าจางจะมีรักครั้งที่สองกันล่ะ หน้าตาก็ใช้ได้เลยทีเดียวนะ ผู้หญิงที่สวมชุดเครื่องแบบตำรวจแล้วดูดี เทียบเท่ากับเด็กผู้ชายที่โกนหัวแล้วยังดูหล่อ แม้ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะอายุไม่น้อยคาดว่าน่าจะใกล้สามสิบปีแล้ว แต่ก็เป็นลูกพีชกำลังหวานเลยทีเดียว…แค่ก
แต่ทว่าก็ยังสวยสู้อิงอิงของเขาและผู้อำนวยการหลินไม่ได้อยู่ดี อืม ยูนิฟอร์มของแพทย์ยังได้อารมณ์กว่า อีกทั้งเขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับธีมโรงพยาบาลมากกว่าด้วย
“คุณสวีกำลังเอาฉันไปเทียบกับบรรดาคนรู้ใจของคุณอยู่หรือเปล่าคะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินเอ่ยปากพูดตามตรง
สายตาของโจวเจ๋อจ้องด้วยความสงสัย เขาเชื่อว่าตอนที่ตัวเองมองเธอนั้นเก็บอาการไว้แล้วนะ คุณต้องรู้ว่าตอนที่ผู้ชายกำลังแอบมองประเมินผู้หญิงก็มักจะเสแสร้งทำเป็นจริงจังทั้งนั้นแหละ
อย่างเช่น แอบมองขาอ่อนผู้หญิงริมถนน หรือเวลาผ่านร้านเสริมสวยต่างก็เสแสร้งทำทีเป็นเมินเฉยและเหลือบมองแวบเดียว ไม่กล้ามองนานจนเกินไป อีกอย่างเถ้าแก่โจวเคยตายมาแล้วหนหนึ่ง ขอแค่เขาต้องการก็สามารถซ่อนอารมณ์สีหน้าของเขาได้อยู่แล้ว
ตำรวจหญิงคนนี้ เก่งกาจทีเดียวเชียว
ตอนนี้เอง เหล่าจางเดินออกมาคุยกับโจวเจ๋อ “ถามชื่อเสร็จแล้ว ผมจะให้คนตรวจสอบให้ อีกเดี๋ยวจะส่งคนไปดูที่บ้านของเธอ”
“คุณเห็นเข็มเหล่านั้นในถาดหรือเปล่า” โจวเจ๋อถาม
“เข็ม? เข็มอะไร”
“เข็มที่แขนทั้งสองข้างของเด็กผู้หญิงมีตั้งหลายเล่ม ผมเพิ่งเอาออกมา มันถูกคนแทงเข้าไปน่ะ”
เหล่าจางสูดลมหายใจลึก “เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวผมจะพาคนไปด้วยกันเลย”
โจวเจ๋อพยักหน้า
ในตอนนี้เอง ฟางฟางเดินมาข้างๆ โจวเจ๋อ และหยิบหนังสือแจ้งความประสงค์ออกมาแล้วเอ่ยขึ้น “เถ้าแก่คะ นี่เป็นคำเชิญจากสถาบันศิลปะทงเฉิงหวังว่าคลินิกของเราจะจัดส่งคนไปประจำการที่สถาบันของพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ดูเหมือนว่าจะเป็นการฝึกทหารใหม่ จำเป็นต้องเตรียมแพทย์บางส่วนไว้ค่ะ”
“พวกคุณสองสามคนไปก็พอแล้ว” โจวเจ๋อพูด
ฟางฟางยักไหล่ เดิมทีเธอนึกว่าเถ้าแก่ชอบไปถึงได้จงใจถาม สถาบันศิลปะน่ะนะ แค่ได้ยินก็รู้ว่าต้องมีสาวๆ ร่าเริงและมีชีวิตชีวาอยู่ในนั้นแน่ๆ แถมยังมีหมาป่าตัวน้อยที่หล่อเหลาและน่ารักอีกเพียบ
“พวกเขาที่นั่นไม่ได้ฝึกทหารหรอก เป็นการจัดฝึกอบรมตำรวจที่สถานีตำรวจของเราจัดขึ้นน่ะ” จางเยี่ยนเฟิงพูดแทรก “เพราะว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เรื่องที่นักศึกษาถูกทำร้าย ถูกหลอกพวกนี้เกิดบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราจึงจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราไปฝึกอบรมเป็นพิเศษ ฝึกทักษะการต่อสู้เพิ่มเติมประสบการณ์อะไรทำนองนี้น่ะ คุณก็ไปด้วยกันกับเราสิ” เหล่าจางเชิญชวนโจวเจ๋อ
“ทำไมล่ะ”
“ผมมั่นใจทักษะการแพทย์ของคุณน่ะ”
“ถึงเวลาก็ค่อยว่ากัน”
เพราะว่ามีคนนอกอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นเหล่าจางจึงไม่สะดวกที่จะเรียกโจวเจ๋อว่าเถ้าแก่หรือว่าหัวหน้า หัวหน้าตำรวจอาชญากรรมเรียกเถ้าแก่ร้านหนังสือว่า ‘เถ้าแก่’ หรือ ‘หัวหน้า’ มันทำให้คนอื่นตกใจได้เลยนะ
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเหล่าจางดังขึ้น เหล่าจางรับสายโทรศัพท์ หลังจากตอบไปสองสามคำ เขาก็ให้คนส่งบางอย่างมาที่วีแชตของเขา จากนั้นก็วางสายและเอ่ยขึ้นทันที “พบข้อมูลของครอบครัวเด็กแล้ว อาศัยอยู่ในซีเฉิงจิ่งย่วน พ่อเป็นทันตแพทย์ แถมยังมีชื่อเสียงพอสมควร”
ซีเฉิงจิ่งย่วนอยู่ไม่ไกลจากถนนหนานต้า สามารถเดินไปได้ ที่นั่นถือว่าเป็นพื้นที่ที่ราคาที่อยู่อาศัยค่อนข้างแพงในทงเฉิง โดยทั่วไปคนที่สามารถอาศัยอยู่ที่นั่นได้ ล้วนเป็นคนที่ร่ำรวย
“ไปด้วยกันเถอะ” เหล่าจางเสนอ
“ให้คุณสวีไปกับพวกเราด้วยนะคะ คุณสวีสามารถเป็นผู้แจ้งเบาะแสได้” เจ้าหน้าที่เฉินพูด
โจวเจ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังตกลง
เหล่าจางขับรถ โจวเจ๋อนั่งข้างคนขับ เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินนั่งตรงเบาะหลัง ด้านหลังยังมีรถของสถานีตำรวจท้องที่ตามมาด้วยอีกคัน
เรื่องทารุณเด็กแบบนี้ พูดว่าเรื่องใหญ่ก็ใหญ่ พูดว่าเรื่องเล็กก็เล็ก อันที่จริงสิ่งสำคัญอยู่ที่ทัศนคติและความมุ่งมั่นของผู้บังคับใช้กฎหมาย บางที สิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนี้ควรดีใจก็คือ จางเยี่ยนเฟิงเป็นตำรวจน้ำดีที่รักการทำงาน รังเกียจการประนีประนอมอย่างยิ่ง
โจวเจ๋อที่นั่งอยู่ข้างคนขับบุ้ยปากใส่เหล่าจางเบาๆ ความหมายก็คือถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณกันแน่ ก่อนที่เหล่าจางจะได้แอบตอบ เจ้าหน้าที่เฉินที่นั่งอยู่ข้างหลังก็โพล่งขึ้นมา
“ก่อนที่เขาจะไปทำภารกิจลับเคยโทรมาสารภาพรักกับฉันค่ะ บอกว่าถ้าทำภารกิจเสร็จแล้วรอดชีวิตกลับมา เขาจะขอฉันเป็นแฟน”
“…” เหล่าจาง
“…” โจวเจ๋อ
“เหอะๆ งั้นคุณตอบรับหรือยังครับ” โจวเจ๋อถาม
“ฉันปฏิเสธไปแล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินตอบ “เพราะฉันรู้สึกว่าวิธีนี้มันห่วยเกินไป ไม่ได้ถ่ายทำละครทีวีเกี่ยวกับความทุกข์ของตำรวจสักหน่อยนี่คะ”
“ใช่เลย ปกติแล้วบทของตำรวจที่ตั้งเป้าหมายให้สำเร็จแบบนี้ มักจะถูกฆ่าตายก่อนเสร็จสิ้นภารกิจอย่างแน่นอน”
หลังจากแขวะเสร็จ โจวเจ๋อก็เงียบไป จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองล้อเล่นเกินไปหน่อย และก็ไม่น่าตลกด้วย เพราะว่าสหายตำรวจผู้น่านับถือคนนั้น อู๋จิ่งเจ๋อตัวจริงถูกฆ่าตายก่อนภารกิจเสร็จสิ้นจริงๆ
เฮ้อ…
มือของเหล่าจางที่จับพวงมาลัยสั่นเล็กน้อย โจวเจ๋อยื่นมือออกไปต่อยไหล่เหล่าจางเบาๆ “คว้าโอกาสไว้สิ”
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินจะปฏิเสธอู๋จิ่งเจ๋อไปในตอนแรก แต่คราวนี้เธอยอมมาเจอหน้าเขาอีกครั้ง แถมยังขึ้นมานั่งรถของเขาอีกด้วย อันที่จริงมันแสดงได้ถึงท่าทีอีกอย่างหนึ่ง อีกทั้งดูจากยศตำรวจระดับสูงของเธอแล้ว ไม่จำเป็นต้องประจบประแจงหัวหน้าตำรวจอาชญากรรมในสถานีตำรวจท้องที่เลยด้วยซ้ำ
เหล่าจางยิ้มอย่างขมขื่น ลูกของเขาศึกษาดูใจกับแฟนสาวแล้ว ทั้งยังเตรียมพร้อมรับมือกับการเข้าสู่สังคมสูงวัยและตอบรับเสียงเรียกร้องของประเทศให้เตรียมทำสงคราม
สำหรับเรื่องระหว่างชายหญิง เหล่าจางย่อมไม่ใช่ชายหนุ่มมุทะลุแน่ แต่ด้วย ‘บุญคุณ’ เช่นนี้ เขาจะรับมันด้วยความเต็มใจได้หรือไม่
เมื่อมาถึงจุดหมายแล้ว เนื่องจากเป็นเขตที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ ดังนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกตามใจได้ สหายจากสถานีตำรวจท้องที่ที่ตามมาทีหลังจึงแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
โจวเจ๋อและเหล่าจางทิ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินไว้บนรถ ทั้งสองคนลงไปสูบบุหรี่ก่อน
“อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไปเลย คุณไม่ใช่ชายหัวล้านวัยเกือบห้าสิบอีกต่อไปแล้วนะ”
เหล่าจางกลอกตาใส่โจวเจ๋อ
“เจ้าหน้าที่ตำรวจสาวสวยใช้ได้เลยทีเดียว ทั้งมีความสามารถทั้งหน้าตาดี พูดจริงๆ นะ หากพลาดไปแล้วมันก็น่าเสียดาย คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกละอายใจต่อเจ้าของร่างเดิมหรอก เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงฉลาดหลักแหลมและมีเหตุผลพอน่า ลองคบดูก่อน เธอสามารถแยกแยะออกว่าเธอชอบแบบไหนกันแน่ และไม่ทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดหรอก ถ้าเธอชอบคุณจริงๆ นั่นก็หมายความว่าชอบจางเยี่ยนเฟิง ไม่ใช่อู๋จิ่งเจ๋อ”
“คุณดูผู้หญิงแม่นขนาดนั้นเลยเหรอ”
“พอได้น่ะ”
“งั้นที่ผมได้ยินนักพรตเฒ่าบอกว่าชาติก่อนคุณเป็นชายโสดล่ะ”
“…” โจวเจ๋อ
“ตัวผมไม่ได้นึกถึงพวกอารมณ์รักๆ ใคร่ๆ หรอก แน่ละว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่งจริงๆ จากที่ผมสัมผัสได้น่ะ”
เหล่าจางพ่นควันบุหรี่พลางใบหน้าสลดเล็กน้อย โจวเจ๋อเอื้อมมือไปโอบไหล่ของเหล่าจางแล้วพูดว่า
“เหล่าจางเอ๋ย มีคำถามหนึ่งที่ผมคิดว่าจะต้องพูดคุยร่วมกันกับคุณหน่อย ปัญหานี้มันเคยทำให้ผมรู้สึกฉงนใจในตอนแรก”
“ปัญหาอะไร”
“นั่นก็คือตอนนี้คุณเปลี่ยนร่างกายแล้ว ดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว สมมุตินะ
ผมหมายถึงถ้าหากว่า
ผมหมายถึงว่าบางทีน่ะ
เกิดคุณคบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสาวคนนี้ขึ้นมา คุณว่าคุณจะรู้สึกว่าถูกสวมเขาไหม”
………………………………………………