ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 417 จุดเริ่มต้น

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 417 จุดเริ่มต้น

เพลโตเคยนำเสนอแนวคิดพื้นฐานปรัชญาที่ดังมากอยู่แนวคิดหนึ่ง โจวเจ๋อรู้สึกว่าควรจะเพิ่มเข้าไปอีกข้อหนึ่ง มันถึงจะเหมาะ นั่นก็คือ ‘ฉันเป็นใคร ฉันมาจากไหน ฉันจะไปที่ใด ฉันถูกสวมเขาไปแล้วหรือยัง’ เถ้าแก่โจวเชื่อว่าคำถามนี้จะทำให้เหล่าจางคิดไปอีกนานเลย กระทั่งสามารถทำให้เหล่าจางสับสนจนผมร่วงก่อนวัยอันควรเลยทีเดียว

เหตุผลที่ทิ้งบอมบ์คำถามนี้ไป เป็นเพราะตัวเถ้าแก่โจวเองก็มีทัศนคติมุ่งเน้นที่ตัวคน เอาใจใส่ลูกน้องด้วยความเมตตา

เหล่าจางขบคิดได้ไม่นานเท่าไรนัก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เปิดประตู ทุกคนกลับขึ้นรถอีกครั้งแล้วขับเข้าไป หักเลี้ยวโค้งหนึ่งแล้วไปจอดอยู่หน้าทาวน์เฮาส์หลังหนึ่ง

“เป็นบ้านหลังนี้ครับ” สหายจากสถานีตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้น

“ไปเคาะประตู” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินออกคำสั่งทันที

ด้วยสถานะของเธอ เมื่อมาถึงเขตทงเฉิง แม้แต่ผู้กำกับการยังต้องสุภาพกับเธอ อีกอย่างเหล่าจางยังเคยเห็นเธอตอบโต้กับหัวหน้าที่กล่าวว่าควรระวังความคิดเห็นของสาธารณชนและผลกระทบทางสังคมเหล่านั้นในห้องประชุมไปตรงๆ อย่างไม่ไว้หน้าด้วย

สหายตำรวจสองนายไปกดกริ่งประตู หลังจากรออยู่พักหนึ่งก็ยังไม่มีใครเปิดประตู

“ไม่มีคนอยู่บ้านเหรอ” เหล่าจางเอ่ยอย่างสงสัย “หรือว่าออกไปตามหาลูก”

“น่าจะไม่ใช่ มีรถสองคันจอดอยู่ริมถนนฝั่งด้านนอกประตู เป็นของตระกูลจูทุกคันเลย คันหนึ่งเป็นรถของ จูเฉินเฮ่า อีกคันหนึ่งเป็นรถของหวังเจียลี่ภรรยาของเขา ถ้าออกไปทำงานหรือออกไปตามหาลูก ก็น่าจะขับรถออกไปสิ”

“คุณจำหมายเลขทะเบียนรถได้หมดเลยเหรอครับ” โจวเจ๋อถามขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อย

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินยื่นนิ้วไปเคาะหน้าผากตัวเอง บอกเป็นนัยๆ ว่าอยู่ในหัวของเธอหมดแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้เธอแค่หยิบโทรศัพท์ของจางเยี่ยนเฟิงไปดูแป๊บเดียวเองนะ

ผู้หญิงน่ากลัว ใครจะไปอยากคบด้วย ถ้าแอบนัดกิ๊กออกไปข้างนอก แล้วกลับมายืนตรงหน้าเธอ คาดว่าเธอคงจะสามารถวิเคราะห์ส่วนสูงและจุดโปรดปรานบนร่างกายของกิ๊กได้แล้ว

“ยังมีอีก หน้าต่างแบบฝรั่งเศสของห้องนั่งเล่นด้านหลังรั้วถูกเปิดออกอีกด้วย” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินชี้ไปทางนั้นพร้อมกับพูดขึ้น

“เด็กผู้หญิงเป็นลมเองขณะเดินอยู่คนเดียวที่ถนนคนเดินหนานต้า ตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยว่า เด็กอาจจะไม่ได้ออกไปเดินเล่นพร้อมกับผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่งในครอบครัว เพราะไม่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทารุณเด็กหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นไม่ได้ที่จะมองเด็กเดินหายไปโดยไม่สนใจไยดี พวกเราอยู่ในร้านขายยาตั้งนาน ก็ยังไม่มีคนมาตามหาอีกต่างหาก”

“แล้วยังไงต่อ”

“ดังนั้น ฉันเลยคิดว่าเด็กอาจจะหนีออกมาเอง เดินไปถึงถนนหนานต้าเองคนเดียวอย่างไร้จุดหมาย ที่นี่ไม่ได้ไกลจากถนนหนานต้าก็จริง แต่ประกอบกับร่างกายของเด็กไม่แข็งแรงแถมวันนี้ยังร้อนอีกต่างหาก ถึงได้เป็นลมล้มไปยังไงล่ะ”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ

“ฉันพบเด็กแล้ว เธอไร้ความรู้สึกด้วยถูกทารุณมานานพอสมควรจนกระทั่งชินชาไปเสียแล้ว ไม่น่าจะเหมือนเด็กคนอื่นๆ ที่หนีออกจากบ้านด้วยความโกรธเพราะถูกตีถูกดุ”

“ยังไงต่อ”

“ดังนั้น ฉันจึงคิดว่าคนในครอบครัวนี้อาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินมองสหายจากสถานีตำรวจสองสามนายที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดขึ้น “เดี๋ยวตอนที่เข้าไป ระวังหน่อยนะ พยายามอย่าไปทำลายสถานที่เกิดเหตุเข้าล่ะ”

“ทำลายสถานที่เกิดเหตุเหรอ” โจวเจ๋อคิดว่ามันเหลวไหลไปหน่อย

ให้ตายเถอะ แค่คุณยืนอยู่ที่ประตูก็สามารถมองออกว่ามีสถานที่เกิดเหตุอยู่ในนั้นแล้วงั้นเหรอ มันน่าอัศจรรย์ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

เถ้าแก่โจวยังไม่รู้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินนี่แหละคือผู้ควบคุมการพลิกคดีของนักพรตเฒ่า ด้วยความคิดของคนธรรมดามองทะลุปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริงอย่างปรุโปร่ง สามารถบรรยายรายละเอียดของคดีผ่านกระบวนการความคิดเชิงตรรกะอย่างเสร็จสรรพ

ตอนที่ทุกคนเข้าไปก็ระวังตัวกันมาก ไม่ได้พังประตู และไม่ได้โทรเรียกเจ้าของโครงการให้เปิดประตูให้ แต่เข้าไปทางหน้าต่างแบบฝรั่งเศส เมื่อเข้าไปนั้น ทุกคนพยายามเดินให้ชิดหน้าต่างเอาไว้

หลังจากเข้าไปแล้ว จู่ๆ โจวเจ๋อก็ขมวดคิ้ว เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาจากตัวบ้าน กลิ่นหอมนี้แปลกพิกล คล้ายกับกลิ่นดอกพลับพลึงแดง แต่ก็ไม่ใช่กลิ่นของดอกพลับพลึงแดง กลิ่นจางๆ แต่หอมมาก สดชื่นไม่เหมือนกลิ่นไม้จันทน์หอมเลย

ในห้องนั่งเล่นปกติดีทุกอย่าง มันถูกทำความสะอาดอย่างหมดจด และเครื่องเรือนภายในก็เผยให้เห็นสไตล์เรียบง่ายสะท้อนถึงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ

ทุกคนเดินไปถึงหน้าห้องตรงหัวมุมของห้องนั่งเล่น ตรงนี้เหมือนจะเป็นที่มาของกลิ่นดังกล่าว

“พวกคุณสองสามคนขึ้นไปชั้นบนและไปตรวจดูห้องอื่นๆ หน่อย” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินพูดกับสหายจากสถานีตำรวจสองสามนาย

“แต่ว่าพวกเราไม่มีหมายค้น…” สหายนายหนึ่งลำบากใจเล็กน้อย

อันที่จริงการเข้ามาในบ้านหลังนี้มันก็เป็นการแหกกฎอยู่แล้ว อีกอย่างนะ คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนระดับไฮเอนด์ล้วนเป็นคนที่มีฐานะมีภูมิหลัง แตกต่างจากคนที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ถูกบังคับรื้อถอน หากบุกรุกเข้าไปในบ้านพวกเขาโดยพลการจริงๆ อาจจะมีปัญหาตามมามากมายทีเดียว

“พวกคุณก็เห็นแล้วว่าเด็กมีสภาพเป็นยังไง พวกเราไม่ได้บุกเข้าไปในที่พักอาศัยโดยพลการ ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาไปขอหมายค้น เราได้รับโทรศัพท์จากผู้แจ้งเบาะแส…” ขณะที่พูด เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินชี้โจวเจ๋อ นี่คือสาเหตุที่ทำไมเธอยืนกรานที่จะพาโจวเจ๋อมาด้วยกัน

“ตอนนี้พวกเรามาเพื่อตรวจสอบคดีต้องสงสัยเกี่ยวกับการทารุณเด็ก สิ่งที่พวกเราเผชิญอยู่คือบ้านของผู้ต้องสงสัยว่ากระทำความผิด พวกคุณสบายใจกับการอธิบายแบบนี้บ้างหรือยัง”

สหายจากสถานีตำรวจไม่พูดให้มากความอีกต่อไป ทำตามคำสั่งไปค้นหาห้องอื่นๆ รวมถึงชั้นบน แม้ว่าพวกเขาเองจะไม่รู้ว่ากำลังตามหาอะไรอยู่กันแน่ก็ตาม

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินสวมถุงมือแล้วถึงเปิดประตู

หลังจากเปิดประตูแล้ว กลิ่นหอมยิ่งชัดมากขึ้น โจวเจ๋อยืนอยู่หน้าประตูและมองไปข้างใน พบว่าห้องนี้ผ่านการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่ห้องพักรับแขก แต่คล้ายกับห้องพระขนาดเล็ก ข้างในมีรูปปั้นแกะสลักพระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตร พระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันกร ทอดพระเนตรและเอาใจใส่ต่อความทุกข์ยากของโลก

บนโต๊ะบูชาหน้ารูปปั้นมีตะเกียงน้ำมันเจ็ดดวง กลิ่นเมื่อสักครู่ระเหยออกมาจากตะเกียงน้ำมันนั่นจริงๆ อีกทั้งย่อมเติมอะไรสักอย่างเข้าไปอย่างแน่นอน กลิ่นถึงได้ผิดแปลกแบบนี้

หน้าโต๊ะบูชามีภาพวางไว้ด้วย ในภาพวาดนั้นมีชายสมัยโบราณสวมหมวกทรงสูงถือโซ่ตรวนสองคน และเบื้องหน้าของทั้งสองเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง เป็นตุ๊กตาผู้ชาย เนื่องจากภาพวาดนี้ใช้พู่กันวาด แต่ลักษณะร่างกายของตุ๊กตาผู้ชายถูกวาดไว้อย่างละเอียด ทำให้ไม่เข้าใจผิดเรื่องเพศสภาพ

“ฉันเคยเห็นภาพนี้มาก่อน” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินขมวดคิ้ว “นี่มันภาพยมทูตให้บุตร” ชายหนุ่มทั้งสองสบตากัน เกิดความรู้สึกเหลวไหลขึ้นในใจ พวกเราสามารถให้ลูกชายได้ด้วยเหรอ ทำไมพวกเราเองถึงไม่รู้ว่าเรามีความสามารถอย่างนี้ด้วย

“นี่เป็นนิทานพื้นบ้านแห่งหนึ่ง ตามตำนานเล่าว่า มีตระกูลผู้ดีตระกูลหนึ่งอยากได้ลูกชายสืบทอดกิจการครอบครัวมาโดยตลอด แต่ตระกูลนี้กลับให้กำเนิดลูกสาวเรื่อยๆ ในยุคสมัยนั้นหากไม่มีผู้ชายมาสืบทอดตระกูล ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ลูกสาวคนหนึ่งของตระกูลนี้รู้ว่าพ่อแม่และพวกป้าน้าย่าของตัวเองเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะว่าเป็นลูกสาวจึงรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง และคิดว่าทั้งหมดเป็นความผิดของตัวเอง

ดังนั้น เธอจึงทำร้ายร่างกายของตัวเองในทุกค่ำคืน หวังว่าจะชดใช้บาปได้ ต่อมายมทูตสองตนสัมผัสได้จึงส่งเด็กชายกลับชาติมาเกิด ในที่สุดอนุภรรยาของท่านผู้มีเมตตาก็ให้กำเนิดบุตรชาย เรื่องราวก็จบลงอย่างมีความสุขเช่นนี้”

“นิทานเรื่องนี้บิดเบี้ยวจริงๆ เลยแฮะ” โจวเจ๋อพูดอย่างมีอารมณ์

“นิทานในสมัยโบราณเป็นแบบนี้เยอะแยะจะตายไป ฉันเห็นประตูของคุณแขวนป้ายว่า ‘เข้าใจว่าเป็นอย่างที่ฉันได้ยินมาเช่นนี้’ น่าจะเคยอ่าน ‘บันทึกเยวี่ยเวยเฉ่าถาง’ ของจี้เสี่ยวหลานมาก่อนใช่ไหมคะ”

โจวเจ๋อพยักหน้า

“ในนั้นพูดถึงเรื่องสามเชื่อฟังสี่จรรยาที่เป็นหลักปฏิบัติของสตรีจีนในสมัยสังคมศักดินา และเรื่องกฎสามหลักห้าคุณธรรมไม่น้อยเลย นิทานหลายเรื่องรวมถึงความคิดเห็นของผู้เขียนเอง อันที่จริงถ้าเป็นในปัจจุบันนี้ก็ไม่เป็นที่ยอมรับของสาธารณชน ย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักแน่นอน เช่นเดียวกับนิทานในภาพวาดนี้ ลูกสาวทำร้ายตัวเอง ถูกผู้เขียนตัดสินว่าเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที เป็นพฤติกรรมที่ควรค่าแก่การยกย่อง จนยมทูตปัญญานิ่มทั้งสองคนสัมผัสได้”

“…” โจวเจ๋อ

“…” จางเยี่ยนเฟิง

หลังจากปัดมือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินยืนตัวตรงและยิ้มพลางเอ่ยว่า “บางทีนี่อาจอธิบายได้ว่าทำไมเด็กสาวถึงได้มีรอยฟกช้ำมากมายและถูกทารุณอย่างรุนแรงแบบนี้ก็ได้นะ”

“คุณหมายความว่า สมาชิกในครอบครัวนี้เพียงเพราะอยากคลอดลูกชาย ก็เลยทารุณเด็กผู้หญิงงั้นเหรอครับ” จางเยี่ยนเฟิงยากที่จะเชื่อ

“อย่าประเมินค่าความโง่เขลาและความเห็นแก่ตัวของผู้คนต่ำเกินไป นี่ไม่เกี่ยวกับความยากจน ความร่ำรวยหรือการศึกษา”

ทั้งสามคนเดินออกมาจากห้องนี้ ตำรวจคนอื่นๆ ก็วิ่งเข้ามาเช่นกัน

“รายงานครับ ในห้องไม่มีใครเลย”

“ชั้นบนก็ไม่พบใครเลย”

“หรือว่าจะเห็นรถตำรวจเลยเผ่นหนีไปแล้ว” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินขมวดคิ้ว “แต่ก็ไม่น่าจะใช่นี่นา”

เรื่องทารุณเด็กยังสามารถทำออกมาได้ ก็อธิบายได้ถึงความบ้าคลั่ง ความอคติ และความยึดติดของครอบครัวนี้แล้ว ครอบครัวแบบนี้จะกลัวรถตำรวจแล้วหนีน่ะหรือ

แต่รถครอบครัวยังอยู่ หน้าต่างแบบฝรั่งเศสก็เปิดอยู่ เด็กผู้หญิงวิ่งหนีออกมาเอง แล้วคนในครอบครัวนี้ไปไหนกันหมดล่ะ

“สืบค้นกันอีกสักหน่อยเถอะ จูเฉินเฮ่า หวังเจียลี่ ไปสอบถามที่ทำงานของพวกเขาหน่อย แล้วค่อยไปดึงข้อมูลกล้องวงจรปิดของชุมชนมา นอกจากนี้ ฉันเพิ่งดูรูปครอบครัวในห้องนั่นเล่นไปเมื่อกี้ ครอบครัวนี้น่าจะมีกันอยู่สี่คน มีรองเท้าผู้หญิงแบบเก่าอยู่ในตู้รองเท้าหน้าประตู ซึ่งหมายความว่าแม่ของจูเฉินเฮ่าน่าจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้กับลูกชาย”

จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้าและล้วงโทรศัพท์ออกมาต่อสาย ส่วนโจวเจ๋อบิดขี้เกียจ ในเมื่อหาตัวผู้กระทำผิดและสาเหตุพบแล้ว ที่เหลือก็คือจะลงโทษครอบครัวกากเดนนี้อย่างไร

ถึงอย่างไรคนในครอบครัวนี้ก็มีสามีภรรยาสองคนบวกกับคนแก่หนึ่งคน แม้ว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าหนีไปที่ไหนแล้วก็ตาม บางทีอาจจะไปเยี่ยมญาติ หรืออาจจะไปซื้อของ หรือเป็นเพราะสาเหตุอื่นจึงไม่ขับรถไปหรือเปล่า

โจวเจ๋อส่ายหัว ช่างเถอะ มีเหล่าจางและตำรวจสาวที่เก่งกาจขนาดนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองเซลล์สมองของตัวเอง โจวเจ๋อยืนอยู่หน้าโซฟาในห้องนั่งเล่น กางแขนทั้งสองข้างออกและทิ้งตัวลงอย่างไม่ใส่ใจ ในร้านหนังสือเขาก็นั่งบนโซฟาแบบนี้ และเอนนอนในท่าแสนขี้เกียจตามแบบฉบับเขาเป็นอีกหนึ่งวันของปลาเค็มตากแห้ง

เพียงแต่ว่าในครั้งนี้ เมื่อก้นของโจวเจ๋อนั่งลงบนโซฟาแล้ว ราวกับว่าโซฟาหนังแท้เป็นผืนทะเลที่ดูดน้ำกักเก็บเอาไว้มากพอ และเริ่มคายสิ่งที่ดูดซับไว้ ‘ในร่างกาย’ ของมันออกมาข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง

ละอองเลือดเริ่มพุ่งปรี๊ดออกมาจากในโซฟา เนื่องจากน้ำหนักตัวที่อัดลงมาของโจวเจ๋อ เพียงชั่วขณะหนึ่ง กระเบื้องปูพื้นที่เรียบและเป็นระเบียบในห้องนั่งเล่นก็ถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน…

………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท