ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 418 เซอร์ไพรส์สำหรับคุณ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 418 เซอร์ไพรส์สำหรับคุณ

น่าเสียดายที่นักพรตเฒ่าที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นและเข้าถึงหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดไม่ได้อยู่ข้างๆ ในเวลานี้ ไม่อย่างนั้นหลังจากเจอฉากนี้แล้วจะต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาช่วยเถ้าแก่เก็บภาพสุดคลาสสิกนี้แน่ๆ

เลือดสาดกระจัดกระจาย ความโรแมนติกและความหรูหราภายใต้สีเลือด ความเรียบง่ายของโซฟารวมกับความเฉยเมยบนใบหน้าของเถ้าแก่ ประดับประดาไปด้วยสีหน้าอันตกตะลึงของตำรวจหลายนายที่อยู่ข้างๆ ช่างวิเศษมาก!

ตอนนี้โจวเจ๋อคิดถึงนักพรตเฒ่าเล็กน้อย รู้สึกว่าควรจะเร่งรัดเหล่าจางกับเหล่าอันให้รีบพานักพรตเฒ่าออกมาโดยเร็วที่สุดซะแล้ว

เลือดที่สาดพ่นออกมาจากในโซฟา ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ถึงกับตื่นตระหนกจนกระโดดพรวดพราดขึ้นมาและใบหน้าซีดเผือด เขาเคยเห็นบัลลังก์กระดูกกองพูนมาแล้ว นี่เป็นเพียงฉากเล็กๆ เท่านั้น

แม้กระทั่งเสแสร้งทำสักหน่อย เถ้าแก่โจวยังขี้เกียจเลย

เช่นเดียวกับเหล่าจางที่ตอนแรกรู้สึกตกใจเมื่อได้เจอคนรู้จัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกของอย่างเช่นดีเอ็นเอและลายนิ้วมือของพวกเขามันปลอมไม่ได้ด้วยซ้ำ

ความสนใจแรกของเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินคือเลือดสดๆ ที่นองอยู่บนพื้น จากนั้นไปหยุดอยู่บนตัวโจวเจ๋อพักหนึ่ง ฉากนี้ทำให้คนรู้สึกขนหัวลุก ทำเอาหัวใจของเธอเต้นรัวทันที ประเด็นก็คือมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันไม่มีการเตรียมใจอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟานี้และเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดกลับดูเหมือนจะสบายดี แม้กระทั่งยกขาขึ้นโดยไม่สนใจอีก คล้ายกับตั้งท่าโพส

“มีอะไรอยู่ในโซฟานะ” เหล่าจางรีบเข้ามาใกล้ทันที

เริ่มจากเด็กผู้หญิงที่ถูกทารุณกรรมพลัดหลง ตามด้วยบ้านพักที่ไร้ผู้คนและพบห้องเล็กๆ ที่ตั้งพระพุทธรูป บวกกับโซฟาในเวลานี้อีก บ้านพักหลังนี้ ครอบครัวนี้ ให้ความรู้สึกหดหู่และแปลกประหลาดทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

“เปิดดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง”

โจวเจ๋อลุกขึ้นยืน เอื้อมมือไปใต้โซฟา คลำหาอะไรเล็กน้อยและพูดขึ้น “ตรงนี้เคยแกะออกมาแล้ว มีรอยตะเข็บ”

“พวกเราจะแกะออกเองเหรอ”

เหล่าจางถามโจวเจ๋อ ในเวลานี้เขาไม่ได้มองหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินเลย เมื่อพบกับเรื่องแปลกประหลาดอย่างนี้ ปฏิกิริยาแรกของเหล่าจางก็ยังคงเชื่อฟังโจวเจ๋อ ถึงอย่างไรโจวเจ๋อก็มีประสบการณ์ในด้านนี้มากกว่าตำรวจ

“หนึ่ง สอง สาม!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้ห้ามปรามใดๆ และมองดูชายทั้งสองยกเบาะโซฟาออก ด้านในโซฟาเป็นโพรงดูเหมือนจะถูกใครสักคนคว้านบางส่วนของมันออกมา และในนี้ยังมีเศษถุงพลาสติกสีขาวทิ้งไว้ แต่ว่าตอนนี้มันแตกแล้ว

“เลือด” โจวเจ๋อพูด “แต่ว่าสิ่งที่เก็บเลือดไว้นั้น งานลวกไปหน่อย”

ในฐานะศัลยแพทย์ ของอย่างเลือดไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับโจวเจ๋อ ในความเป็นจริง เลือดที่ใช้ในการรักษาภายในประเทศและที่เก็บในคลังเลือด มีความขัดแย้งมาโดยตลอด ความขัดแย้งในลักษณะนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงทุกด้าน แม้แต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการก็ยากที่จะอธิบายเหตุผลและหลักการที่ชัดเจน ยิ่งวิธีดำเนินการแก้ไขอย่างไรนั้นลืมมันไปได้เลย

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินคุกเข่าลงมา ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เลือด โจวเจ๋อมองผู้หญิงคนนี้และสูดจมูกดมฟุดฟิดตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

“เลือดสดใหม่มาก” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินพูด

สรุปว่าคุณเป็นผีดิบหรือผมเป็นผีดิบกันแน่

จู่ๆ เถ้าแก่โจวก็รู้สึกว่าพรสวรรค์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสาวคนนี้ถ้าไม่ไปเป็นผีดิบมันน่าเสียดายนัก การเป็นมนุษย์ที่น่าเบื่อและไม่มีเรื่องท้าทายแบบนี้ จะดีแค่ไหนถ้าโยนให้อิงอิงทำ แบบนี้เบื้องล่างของอิงอิงก็จะไม่เย็นแล้ว

“โทรแจ้งสถานีตำรวจทงเฉิงของพวกคุณให้รีบส่งคนเข้ามา พวกคุณสองสามคนไปควบคุมทางเข้าออกแถวๆ นี้ และห้ามคนนอกเข้ามาข้างใน”

สหายจากสถานีตำรวจหลายนายพยักหน้ารับและวิ่งออกไปโทรศัพท์ทันที

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินลุกขึ้นยืน เหลือบมองเหล่าจางก่อน แล้วหันมามองโจวเจ๋อพลางเอ่ยขึ้น

“พวกเราสามคนมาค้นบ้านพักหลังนี้กันอีกรอบเถอะค่ะ”

จากนั้น เหล่าจางและเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินก็เดินขึ้นไปชั้นสอง โจวเจ๋อได้รับมอบหมายให้ค้นหาที่ชั้นล่าง

“ผู้หญิงคนนี้สั่งฉันจนได้สินะ” เถ้าแก่โจวรู้สึกว่างานระดับสูงอย่างการเดินเล่นถึงจะเป็นสิ่งที่แสดงความเชี่ยวชาญของตัวเองได้สิ สำหรับการค้นหานี่มันช่างยุ่งยากเกินไปจริงๆ

เมื่อหันกลับมาเหลือบมองโซฟาโสโครกอีกครั้ง จู่ๆ โจวเจ๋อก็รู้สึกว่าควรรีบเคลียร์ข้อสงสัยของนักพรตเฒ่าโดยเร็วที่สุดให้เขาได้รับการปล่อยตัวออกมา มันเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ

ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว เรื่องน่าปวดหัวพวกนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของนักพรตเฒ่าไม่ใช่เหรอ ทำไมคราวนี้ถึงได้เป็นตาของเขาล่ะ

เมื่อเปิดห้องครัวไปเรื่อยเปื่อย โจวเจ๋อยังเปิดตู้ครัวและตู้เย็นด้วย แต่ไม่พบอะไรเลย หลังจากเดินออกจากห้องครัว โจวเจ๋อก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ เนื่องจากเป็นทาวเฮาส์ แน่นอนว่าต้องใหญ่กว่าอะพาร์ตเมนต์ทั่วไปไม่น้อย และตึกก็มีอยู่สามชั้นด้วยกัน แต่พื้นที่จริงแล้วก็ไม่ได้ใหญ่โตเกินจริงไปมากนัก

ของทุกอย่างในห้องน้ำเป็นระเบียบเรียบร้อยจนเรียกได้ว่าสะอาดสะอ้าน กระเบื้องปูพื้นสะอาดจนดูเหมือนกระจก

จู่ๆ โจวเจ๋อก็นึกถึงบางอย่าง นั่นก็คือในเมื่อสามารถเก็บถุงเลือดไว้ในโซฟาได้ ถ้าอย่างนั้นคนที่ทำความสะอาดบ้านหลังนี้คือเจ้าของเดิมของบ้านหลังนี้ หรือว่า… โจวเจ๋อเริ่มจากเปิดฝาถังน้ำชักโครกก่อน เพราะเหตุการณ์หยกผีครั้งที่แล้ว ทำเอาเถ้าแก่โจวหมกมุ่นอยู่กับตำแหน่งนี้ของห้องน้ำอย่างลึกซึ้ง

ฝาถังน้ำไม่มีอะไรผิดปกติ โจวเจ๋อหันกลับมาและเตรียมเดินออกไป ก่อนหน้านี้สหายจากสถานีตำรวจท้องที่สองสามคนค้นจนทั่วแล้ว บ้านหลังนี้ไม่มีคน โจวเจ๋อก็คิดว่าเขาไม่น่าจะเจออะไรเช่นกัน

ตัวเขาไม่ได้มีร่างที่ดึงดูดความซวยเหมือนนักพรตเฒ่าเสียหน่อย

ทันที่เดินไปถึงประตูห้องน้ำ โจวเจ๋อก็หยุดชะงักฝีเท้าและหันกลับไปเหลือบมองชักโครกอีกครั้ง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็หัวเราะเยาะตัวเอง “ฉันคงคิดมากไปเอง”

โจวเจ๋อเดินไปที่ชักโครกก่อนจะเอื้อมยกฝาชักโครกขึ้น

“เหอะๆ”

โจวเจ๋อขำและปิดฝาชักโครกลง ใบหน้าของหญิงชราผมหงอกทั้งหัวหันหน้ามาทางโจวเจ๋อราวกับว่ากำลังยิ้มให้

“เถ้าแก่แซ่สวีคนนั้นเป็นมายังไงกันแน่คะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินและจางเยี่ยนเฟิงค้นหาที่ชั้นสองและชั้นสามด้วยกัน ในระหว่างการค้นหาอยู่ๆ เธอก็ถามขึ้น

“หืม” เหล่าจางอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดว่าจู่ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา

“อ้อ เขาเป็นเถ้าแก่ร้านหนังสือ ร้านขายยาร้านนั้นก็ของเขา ร้านหนังสือข้างๆ ก็ของเขา”

“รวยขนาดนี้เลยเหรอ”

เปิดร้านสองแห่งที่ถนนหนานต้า ธุรกิจร้านขายยายังถือว่าไปได้ดีอยู่ แต่เธอเคยเห็นอุปกรณ์ในห้องผ่าตัดแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่ร้านขายยาเล็กๆ จะสามารถจ่ายได้ ยิ่งไปกว่านั้น ร้านหนังสือข้างๆ จะต้องเป็นร้านที่ขาดทุนอย่างแน่นอน

เหล่าจางลังเลครู่หนึ่ง หลังจากเรียบเรียงคำพูดสักพัก ถึงได้แนะนำเถ้าแก่ของเขาอย่างละเอียด

“เขาน่ะเหรอ ขี้เกียจจะตายไป ทั้งวันไม่คิดจะทำอะไร แค่อยากนอนอาบแดดเฉยๆ อยู่ที่นั่น ครอบครัวของภรรยาเขาค่อนข้างร่ำรวย และยังเปิดโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ในเมืองนี้อีกด้วย เขาเป็นเขยแต่งเข้าบ้านน่ะ ก็คือตกถังข้าวสารนั่นแหละ อาศัยเงินของพ่อตาและภรรยา ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกไปวันๆ”

“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณพูด”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินขมวดคิ้ว เธอเห็นโจวเจ๋อสวมชุดกาวน์เดินออกมาจากห้องผ่าตัด โดยเฉพาะตอนที่ โจวเจ๋อนั่งอยู่บนโซฟาก่อนหน้านี้และเมินเฉยเมื่อเผชิญกับฉากนั้น

“ก็ใช่ สมัยนี้อยากตกถังข้าวสารเป็นลูกเขยเศรษฐีก็ต้องดูกันที่ความสามารถใช่ไหมล่ะ คนทั่วไปถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างนี้ก็ทรยศต่อศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายซะ คนอื่นก็คร้านจะสนใจคุณเช่นกัน”

ขณะที่พูด จางเยี่ยนเฟิงก็ผลักประตูห้องนอน ในนั้นมีรูปแต่งงานแขวนอยู่บนหัวเตียง และฝั่งตรงข้ามหัวเตียงมีภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่แขวนอยู่ที่ผนัง บนภาพวาดสีน้ำมันเป็นทุ่งนาในหมู่บ้านชนบท แม้ว่าเหล่าจางเป็นคนหยาบกระด้าง ไม่ถนัดเรื่องศิลปะประเภทนี้ แต่จากสายตาของคนทั่วไปแล้วก็รู้สึกว่าภาพวาดนี้ไม่เลวเลยทีเดียว

เพียงแต่การแขวนภาพวาดสีน้ำมันใหญ่ขนาดนี้ไว้ในห้องนอน ตู้วางทีวีจึงได้แต่วางข้างๆ เท่านั้น ดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกันเล็กน้อย แต่มันก็ไม่เป็นไร เจ้าของอาจจะชอบการจัดวางแบบนี้ก็ได้มั้ง

จางเยี่ยนเฟิงหันหน้ากลับมา พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินกำลังสังเกตภาพวาดสีน้ำมันนี้ จึงยิ้มและพูดว่า “คุณก็รู้สึกว่ามันสวยใช่ไหม”

“จิตรกรดูแล้วไม่เลวทีเดียว แต่ความจริงแล้ว เป็นเพียงเปลือกนอกที่ไร้จิตวิญญาณ จัดอยู่ในประเภทลูกศิษย์ที่มีทักษะพื้นฐานดีทีเดียว ภาพวาดนี้เลียนแบบภาพวาดของศิลปินต่างชาติที่มีชื่อเสียง เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายหัตถศิลป์”

“…” เหล่าจาง

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณดูไม่ออกเหรอ”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินพูดพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว และกดนิ้วของตัวเองลงบนภาพวาดสีน้ำมัน จากนั้นยกออก มีรอยสีน้ำมันเลอะอยู่บนนิ้วจริงๆ

“ภาพวาดนี้เพิ่งวาดเสร็จ ไม่น่าจะเกินสองวัน” เจ้าหน้าที่เฉินพูดพลางถอยหลังกลับสองก้าว และพูดกับจางเยี่ยนเฟิง “ดึงภาพวาดสีน้ำมันออกมาดูหน่อยค่ะ”

จางเยี่ยนเฟิงพยักหน้า เขย่งปลายเท้าถอดภาพวาดสีน้ำมันลงมา

หลังจากถอดภาพวาดสีน้ำมันลงมาแล้ว สีขาวซีดบนผนังก็เผยออกมาทันที ผนังนี้แตกต่างจากผนังรอบๆ อย่างเห็นได้ชัด เป็นการทากำแพงด้วยน้ำปูนขาว

“ใช้ภาพวาดสีน้ำมันบังเอาไว้เหรอ” จางเยี่ยนเฟิงพูด

“ไม่หรอก” เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินยกมือข้างหนึ่งขึ้นมานวดหน้าผากตัวเองและพูดพึมพำ “ตอนนี้ฉันรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีเอามากๆ ในผนังนี่น่าจะซ่อน…อืม คุณก็น่าจะรู้”

ทำไมถึงมีเลือดมากมายในโซฟาห้องนั่งเล่นนั่น มันมาได้อย่างไร

“เขาจะเสียเวลาวาดภาพสีน้ำมันมากมายไปทำไม ไม่เหมือนใช้อำพราง แต่เป็นความพึงพอใจทางพฤติกรรมอย่างหนึ่ง ก็คล้ายกับเรื่องที่ศิลปินแสดงสดเหล่านั้นทำในสายตาคนธรรมดาทั่วโลก ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการแสวงหาความพึงพอใจจากภายในจิตใจของตัวเอง แม้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะไม่มีคุณค่าและไม่มีความหมายก็ตาม

พูดง่ายๆ ก็คือ ก็เหมือนชอบทำเสียงดังเรียกร้องความสนใจในห้องเรียนของโรงเรียน แม้จะถูกเพื่อนร่วมชั้นด่าว่า งี่เง่า แต่ก็ยังสนุกสนานและรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบ้าที่สุดยอดมาก”

เมื่อเอ่ยคำพูดเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินยังคงจริงจังเหมือนเดิม แม้ว่าจะสบถออกมาทีละคำๆ แต่เธอก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกรังเกียจที่เธอกำลังพ่นคำหยาบ

“ในรถของผมมีเครื่องมือ ผมลงไปหยิบเครื่องมือก่อนนะ”

จางเยี่ยนเฟิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกัน พวกเขาวางแผนว่าอีกเดี๋ยวจะเจาะผนังนั้นออกมาดู

เมื่อเดินไปถึงห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ก็เห็นโจวเจ๋อที่เพิ่งล้างหน้าออกมาจากห้องน้ำ เถ้าแก่โจวกำลังหยิบทิชชูเช็ดคางตัวเอง

“เราเจออะไรข้างบนนิดหน่อย เดี๋ยวมาช่วยเจาะผนังด้วยกันหน่อยนะคะ”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉินพูดกับโจวเจ๋อ ถึงอย่างไรโจวเจ๋อก็ไม่ใช่ตำรวจ หากเธอจะขอให้โจวเจ๋อช่วย เป็นไปไม่ได้ที่จะออกคำสั่งเหมือนกับผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้น

เมื่อได้ยินว่าจะต้องเป็นจับกังขุดผนัง เถ้าแก่โจวก็รู้สึกเศร้ามาก จะดีจะร้ายอย่างไรเขาก็เป็นถึงเถ้าแก่ของร้านที่ขาดทุนขนาดใหญ่สองแห่ง ทำไมถึงให้ทำแม้กระทั่งงานของช่างตกแต่งภายในล่ะ

ทันใดนั้นโจวเจ๋อยื่นมือชี้ไปที่ห้องน้ำด้านหลังและเอ่ยว่า

“มีเรื่องเซอร์ไพรส์อยู่ในชักโครกน่ะ”

……………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท