ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 421 อย่ามาเรียกฉันว่าคุณน้านะ!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 421 อย่ามาเรียกฉันว่าคุณน้านะ!

นำยาที่ลูกค้าต้องการซื้อยื่นให้ลูกค้า อีกฝ่ายจ่ายเงินเสร็จแล้วก็จากไป

ฟางฟางอารมณ์เสียนิดหน่อย เธอแนะนำยายี่ห้อใหม่ให้ลูกค้า ยาในบรรจุภัณฑ์ใหม่แกะกล่อง แต่ลูกค้าเอาแต่มองหาแค่ยี่ห้อเดียว รังแต่จะเอายี่ห้อนั้นให้ได้ ไม่ว่าฟางฟางจะเปลืองน้ำลายไปมากแค่ไหน แม้กระทั่งยอมเอาเสน่ห์และหน้าตาเข้าล่อลวง อีกฝ่ายก็ยังดึงดันอยู่ดี และยิ่งยืนกรานหนักแน่นกว่าเดิมอีก!

ช่วยไม่ได้ ฟางฟางจำต้องหยิบยายี่ห้อเก่าให้เขาไป

อันที่จริง ฤทธิ์ยาทั้งสองประเภทไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่ยาใหม่ในบรรจุภัณฑ์ใหม่แกะกล่องอันหลังราคาแพงกว่านิดหน่อย ร้านขายยาจะได้ค่าเปอร์เซ็นต์มากขึ้น ดังนั้นเมื่อเจอโรคเดิมๆ แล้วไปซื้อยาสามัญที่ใช้กันมานานที่ร้านขายยา หากพนักงานร้านขายยาแนะนำยาใหม่ บรรจุภัณฑ์ใหม่แกะกล่อง และฤทธิ์ยาใหม่ๆ ให้คุณอย่างกระตือรือร้นละก็ คุณต้องเฉลียวใจสักนิด

ฟางฟางเหม่อมองออกไปข้างนอกอย่างเบื่อหน่าย พูดตามตรง เงินเดือนของเธอจริงๆ แล้วจ่ายโดยโรงพยาบาลของผู้อำนวยการหลิน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับร้ายขายยาแห่งนี้ด้วยซ้ำ ไม่ว่าร้านขายยาแห่งนี้จะขาดทุนหรือไม่ จะได้กำไรดีหรือเปล่า ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยแม้แต่หยวนเดียว แต่ฟางฟางมักจะรู้สึกว่า ถ้าร้านขายยาแห่งนี้ทำเงินไม่ได้เลยละก็ คงจะฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเกินไปแล้วจริงๆ

มันช่างฟุ่มเฟือย เหมือนกับร้านหนังสือข้างๆ ที่หวิดเจ๊งไปแล้วครึ่งหนึ่ง

จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ ผู้อำนวยการก็ช่างทุ่มเทจริง ทุ่มทุนสร้างให้สามีของตัวเองขนาดนี้ หรือนี่จะเรียกว่ารักแท้กันนะ แต่พอมาคิดๆ ดูอีกที ฟางฟางรู้สึกว่าฝีมือตอนที่เถ้าแก่ทำการผ่าตัดนั้นสูงกว่าแพทย์คนอื่นอย่างเห็นได้ชัด

อันที่จริง ระดับฝีมือการผ่าตัดของแพทย์เป็นอย่างไร พยาบาลมีสิทธิ์ที่จะพูดมากที่สุด

เมื่อหันไปมอง ฟางฟางเห็นสาวน้อยน่ารักทั้งสองคนยังคงคุยกันอยู่ตรงนั้น จึงยิ้มออกมา เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันพูดคุยภาษาเดียวกันรู้เรื่อง เธอคิดถึงช่วงเวลาที่ไร้ความกังวลตอนวัยเด็กจริงๆ เลย

“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ”

“คุณน้า”

“อย่ามาเรียกฉันว่าคุณน้านะ”

“ได้ค่ะ คุณน้า”

สาวน้อยโลลิโกรธจัดและถลึงตาใส่เด็กผู้หญิงตรงหน้า “ถ้ายังเรียกฉันว่าคุณน้าอีกครั้ง ฉันตีเธอแน่!”

ตอนนี้เธอยังเป็นเด็กอยู่ชัดๆ!

เธอมีความสุขมากเมื่อได้ส่องกระจกในทุกค่ำคืน!

“อ้อ”

จูเซิ่งหนานไม่พูดแล้ว แต่ก็ยังไม่วายเอียงหัวอยู่ดี เธอไม่อยากจะมองสาวน้อยโลลิตรงๆ เพราะในสายตาของเธอ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของสาวน้อยโลลินั้นน่ากลัวมากจริงๆ ราวกับนักโทษที่เพิ่งได้รับการทรมานออกมา รอยแผลเป็นบนร่างกายทำให้จูเซิ่งหนานตัวสั่นด้วยความกลัว

ซึ่งความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น เหมือนกับยมทูตและผู้ลักลอบเข้าเมืองเหล่านั้น รูปลักษณ์ดวงวิญญาณเดิมของพวกเขามักจะน่าเวทนามาก มักจะได้รับความทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมในนรก

หากเป็นเพียงแค่การทรมานร่างกาย ก็อาจจะโดนเล่นงานจนตายอย่างง่ายดายโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่หากเป็นเพียงแค่การทรมานดวงวิญญาณละก็ คุณอยากจะดับสูญไปจากสถานที่อย่างนรกนั้น ช่างเป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ และด้วยเหตุนี้ พวกคนที่ทำงานในนรกจึงได้คิดค้นวิธีการทรมานที่เหลือเชื่อและน่ากลัวไว้มากมาย

ช่างเป็นการตกผลึกความรู้ของคนทำงานเสียจริง

หลังจากฝืนผ่านมันไปได้โดยที่ไม่ดับสูญไป ก็เหมือนดวงวิญญาณได้รับการหล่อหลอมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เถ้าแก่โจวเป็นกรณีพิเศษ เขาแค่เฉียดไปถึงรอบนอกของนรกเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปจริงๆ พอเสร็จเรื่องก็จากไป ส่วนจางเยี่ยนเฟิงนั้น เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ตกนรกเป็นจริงเป็นจังแล้วค่อยผันตัวมาเป็นยมทูต ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่มีความสามารถอะไรอื่นๆ เลย และด้วยเหตุนี้ เขาถึงถูกทนายอันมองว่าเป็นการลงทุนที่ล้มเหลวของเถ้าแก่ตัวเอง

เดี๋ยวก่อน

“เธอมองเห็นฉันจริงๆ เหรอ”

หลังจากผ่านการกระตุ้นโดนเรียกว่า ‘คุณน้า’ ในตอนแรกแล้ว ในที่สุดสาวน้อยโลลิก็ตั้งสติและจับประเด็นสำคัญได้ในที่สุด นี่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด คนส่วนใหญ่ล้วนมีช่วงเวลาที่ถูกสะกิดโดนเกล็ดย้อนของตัวเองทำให้อารมณ์แปรปรวนความคิดสับสนอยู่แล้ว

อายุที่แท้จริง เป็นต่อมโมโหของสาวน้อยโลลิเลยทีเดียว!

เด็กผู้หญิงพยักหน้า

สาวน้อยโลลิมองเด็กผู้หญิงอย่างละเอียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่พบว่าเธอมีความพิเศษอะไร จากนั้น สาวน้อยโลลิก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มของเด็กผู้หญิง

ก็เป็นคนนี่นา ไม่ใช่ตัวอะไรอย่างอื่นสักหน่อย

ในสายตาของคนนอกเหตุการณ์นี้ มันคล้ายกับพี่สาวตัวน้อยกำลังหยิกแก้มของน้องสาว สาวน้อยน่ารักสองคนยืนอยู่ด้วยกันทำให้น่ารักน่าชังมากขึ้นไปอีก

“สรุปแล้วเถ้าแก่ไปเก็บตัวอะไรกลับมาอีกแล้วเนี่ย” สาวน้อยโลลิขมวดคิ้ว

“เธอรู้หรือเปล่าว่าตัวเองมองเห็นผีน่ะ”

เด็กผู้หญิงพยักหน้า

“ติดตัวมาตั้งแต่เกิดงั้นเหรอ”

เด็กผู้หญิงส่ายหน้า

“น่าอัศจรรย์ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” สาวน้อยโลลิหน้ามุ่ย “งั้นเธอก็เห็นฉันน่ะสิ เธอไม่กลัวเหรอ” เอาแต่เบือนหน้าแค่ไม่อยากมองร่างกายของฉันตรงๆ เท่านั้นน่ะเหรอ

เด็กผู้หญิงส่ายหน้า บ่งบอกว่าเธอไม่ได้กลัว เด็กผู้หญิงที่ถูกครอบครัวทรมานจนจิตใจตายด้านมา เนิ่นนาน การที่จะให้เธอกลัวอะไรสักอย่างนั้นยากมากจริงๆ

เช่นเดียวกับตอนที่โจวเจ๋อช่วยดึงเข็มแปดเล่มออกมาจากตัวเธอ เธอก็ยังมีสีหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึกอยู่เหมือนเดิม

“คนนั้นรู้ไหม” สาวน้อยโลลิชะงักไปชั่วคราวและพูดต่อ “คนนั้นที่ช่วยผ่าตัดให้เธอน่ะ รู้หรือเปล่า”

เด็กผู้หญิงส่ายหน้า

“งั้นเธอรู้ว่าเขาเป็นเหมือนฉันไหม”

เด็กผู้หญิงพยักหน้า

“คุณอาหมอ รูปร่างภายในกับภายนอกของเขาดูไม่เหมือนกันค่ะ และเขาไม่ได้มีรอยแผลเป็นน่ากลัวเหมือนคุณน้าด้วยค่ะ”

“น้าเน้ออะไรกันเล่า!!!!!!!!”

สาวน้อยโลลิใช้มือบู้บี้หน้าเด็กผู้หญิงแรงๆ ทำเอาใบหน้าเด็กผู้หญิงกลายเป็นลูกแอปเปิลแดงฝาด

“ถ้าเรียกอีกครั้ง เชื่อไหมว่าเจ๊จะเอาลิ้นฟาดเข้าให้!”

คนเขาเป็นสาวน้อย คนเขายังอายุน้อยอยู่เลยนะ!

เด็กผู้หญิงทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย สาวน้อยโลลิก็ขี้เกียจแกล้งเธอต่อแล้ว จึงหยิบมือถือและกดต่อสายหาโจวเจ๋อ

‘ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่ว่างในขณะนี้ กรุณารอสักครู่แล้วโทรใหม่…’

เมื่อวางโทรศัพท์ลง สาวน้อยโลลิมองเด็กผู้หญิงอย่างเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย

“เถ้าแก่ร้านเรามีนิสัยชอบสะสมจริงๆ ชอบอะไรก็เอามาสะสมไว้ในบ้าน เดาว่าน่าจะกลัวกลับไปลำบากเหมือนแต่ก่อนแน่ๆ แต่ฉันขอบอกเธอไว้เลยนะ ตอนนี้ร้านหนังสือของเราน่ะคนเยอะมากพออยู่แล้ว เธออย่าคิดเข้ามาเชียวนะ อีกอย่าง ฉันจะบอกอะไรให้ ยังมีผีดิบขี้หึงตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในร้านหนังสือด้วย หลังจากที่เธอเข้าไปอาศัยแล้วกลางค่ำกลางคืนก็ระวังผีดิบตัวนั้นจะแอบเข้ามากินเธอตอนหลับด้วยล่ะ! นางเกลียดสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่เพศผู้เฉียดเข้าใกล้เถ้าแก่ที่สุดเลย…”

ขณะที่พูด สาวน้อยโลลิก็นึกถึงสวี่ชิงหล่างขึ้นมา และรีบพูดเสริม

“คุณชายที่หน้าตาสะสวยนั่นก็ไม่ได้”

เด็กผู้หญิงส่ายหน้า “หนูไม่ได้อยากเข้ามาสักหน่อย”

“แม่เธอล่ะ”

“ตายแล้วค่ะ”

“พ่อเธอล่ะ”

“ก็ตายไปแล้วเหมือนกันค่ะ”

“ทุกคนในครอบครัวตายหมดแล้ว ยกเว้นเธอน่ะนะ”

“อื้อ”

“อ้อ” สาวน้อยโลลิหันหน้าไปมองฟางฟางที่อยู่ตรงนั้น อยากถามฟางฟางว่าตกลงเด็กผู้หญิงคนนี้มันยังไงกันแน่ แต่กลับพบว่าฟางฟางเดินออกจากร้านขายยาไปเหมือนจะไปรับพัสดุนู่นแล้ว

“เธอใช้ชีวิตลำพังมาโดยตลอดเลยงั้นเหรอ”

เด็กผู้หญิงส่ายหน้า

“งั้นก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตอยู่กับใคร”

“คุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า”

“เธอบอกว่าพวกเขาตายไปหมดแล้วไม่ใช่หรือไง”

“ก็ตายแล้วไงคะ”

“งั้นตายตั้งแต่เมื่อไร”

“เมื่อคืนค่ะ”

“ตายได้ยังไง”

“ถูกฆ่าตายค่ะ”

“เธอหนีออกมาเหรอ”

เด็กผู้หญิงส่ายหน้าและเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“หนูปล่อยให้คุณอาสองคนในภาพวาดออกมาฆ่าค่ะ หนูบอกคุณย่าว่าคุณอาสองคนในภาพขยับแล้ว คุณย่าไม่เชื่อแถมยังดุด่าตบตีหนูอีกด้วย เพื่อให้คุณย่าเชื่อ หนูก็เลยตะโกนเรียกให้คุณอาในภาพวาดรีบออกมา หลังจากพวกเขาออกมาแล้ว จากนั้นคุณย่าก็ถูกพวกเขาหักคอ แถมเอาไปใส่ในชักโครกอีกต่างหาก ฮิๆ

คุณแม่ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ก็เลยถูกหักคอด้วยอีกคน จริงสิ เอาหัวของคุณแม่ไปวางไว้ที่ไหนแล้วนะ คุณอาสองคนยังถามหนูอยู่เลยว่าเอาไปวางไว้ตรงไหนดี แต่หนูลืมไปแล้ว

ต่อมาเมื่อคุณพ่อกลับมา หนูก็ไปบอกคุณพ่อว่าคุณอาในภาพวาดออกมาแล้ว คุณพ่อสามารถมีลูกชายได้แล้ว คุณพ่อก็ไม่เชื่อแถมยังใช้ก้นบุหรี่จี้หนูอีก และบอกว่าหนูพูดเหลวไหล หนูก็เลยตะโกนเรียกคุณอาทั้งสองออกมา จากนั้นคุณพ่อก็ตายแล้วค่ะ

ตอนนี้พวกเขาน่าจะเชื่อแล้วละมั้ง อันที่จริง หนูนึกว่าพวกเขาเชื่อมาโดยตลอดเสียอีก ไม่อย่างนั้นจะตีหนูในห้องแคบๆ นั่นทำไม แถมยังเอาเข็มแทงเข้าไปในแขนของหนูด้วย ผู้ใหญ่เนี่ย แปลกจริงๆ เลยนะคะ”

“…” สาวน้อยโลลิ

หลังจากอึ้งอยู่นาน สาวน้อยโลลิเอื้อมมือไปลูบหน้าตัวเอง

“คุณน้า เป็นอะไรไปคะ”

“ไม่มีอะไร น้าแค่เวียนหัวน่ะ”

“ฮัลโหล เถ้าแก่ มีอะไรครับ” ทนายอันถามขึ้นขณะคนน้ำตาลในแก้วกาแฟ

น้ำเสียงโจวเจ๋อในสายโทรศัพท์จริงจังเล็กน้อย และสั่งโดยตรง

“ทนายอัน คุณรีบไปร้านขายยาข้างๆ ตอนนี้เลย ดูหน่อยว่าเด็กผู้หญิงที่ผมผ่าตัดให้เมื่อตอนบ่ายยังอยู่ดีหรือเปล่า ถ้ายังอยู่ละก็คุณควบคุมตัวเธอเอาไว้ก่อน อีกเดี๋ยวถ้าตำรวจมา คุณก็ถ่วงเวลาเอาไว้อย่าปล่อยให้เธอถูกนำตัวไป อีกอย่างหนึ่ง คุณช่วยตรวจสอบดูหน่อยว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนหรือเปล่า”

“ผมว่านะเถ้าแก่ เป็นคนหรือเป็นผีคุณยังแยกไม่ออกเลยเหรอครับ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยเลยล่ะครับ”

“ผมดูละเอียดแล้ว ไม่เหมือนผี”

“ได้ครับ ผมทราบแล้ว ผมจะช่วยคุณตรวจสอบให้”

หลังจากวางสายแล้ว ทนายอันมองแก้วกาแฟตรงหน้าด้วยความรังเกียจเล็กน้อย

นี่เป็นเพราะเมื่อสักครู่อิงอิงรู้สึกผิดในใจนิดหน่อย จึงเอากาแฟขี้ชะมดของเถ้าแก่ไปชงให้ทนายอันแก้วหนึ่ง เอาเงินของคนอื่นมาตั้งมากมาย แล้วได้แต่เติมกาแฟหมดอายุให้คนอื่น ในใจอิงอิงคงรู้สึกเกรงใจนิดหน่อย อีกทั้งทนายอันดื่มกาแฟเหมือนพวกตะกละตะกลาม วันๆ ดื่มแต่กาแฟหมดอายุไปตั้งเยอะขนาดนั้น ถ้าหากดื่มจนร่างกายมีปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไร บางครั้งควรดื่มที่ไม่หมดอายุบ้างสิ

“ผมว่านะอิงอิง” ทนายอันยกแก้วกาแฟขึ้น

“หือ” อิงอิงที่นั่งอยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์เงยหน้าขึ้นมา

“นี่เอาไว้ให้คนดื่มเหรอ” ทนายอันคนพูดอย่างไม่พอใจ

“หือ” นี่ไม่ใช่ขี้ชะมดของเถ้าแก่หรือ

“ผมว่านะ อย่าขี้งกนักเลย ไม่ใช่ว่าผมไม่จ่ายสักหน่อย ใช่ไหม คุณไม่เห็นจะต้องเอาของเหลือหมดอายุของเถ้าแก่มาตบตาผมเลย”

“เอ๊ะ…”

“คราวหน้าอย่าหลอกผม มันไม่ใช่รสชาติที่ผมชอบ ผมรู้อยู่หรอก”

อิงอิงพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง “ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว”

“อืม เด็กดี คราวหน้าห้ามงกแล้วนะ”

“อืมๆ”

ทนายอันลุกขึ้นและออกจากร้านหนังสือไปร้านขายยาข้างๆ ส่วนอิงอิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายไปหาร้านค้าจำหน่ายกาแฟสำเร็จรูปในท้องถิ่น ทันทีที่มีคนรับสาย อิงอิงก็พูดอย่างดุดัน

“ฮัลโหล กาแฟหมดอายุที่เจ๊สั่งไปทำไมยังไม่ได้อีก! รีบส่งมาให้เจ๊ได้แล้ว! ถ้าในเมืองไม่พอคุณก็ติดต่อร้านที่จำหน่ายในเมืองอื่นสิ มีเท่าไรเจ๊เหมาหมดเลย!”

…………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท