ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 424 คุณอาจะฆ่าหนูเหรอคะ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 424 คุณอาจะฆ่าหนูเหรอคะ

“อย่าไปนะ”

สาวน้อยโลลิฝืนลุกขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะเหนื่อยหอบ ร่างกายเจ็บปวดรวดร้าว แม้กระทั่งปลายลิ้นจะชาไปแล้วก็ตาม แต่เธอรู้ดีว่า เธอไม่สามารถปล่อยให้กลุ่มวิญญาณร้ายนี้ออกไปจากที่นี่ได้

แม้ว่าในตอนนี้มีเด็กสาวอย่างจูเซิ่งหนานเดินอยู่ตรงนั้นด้วย เหล่าวิญญาณร้ายทั้งหมดต่างพากันติดตามเธอ รายล้อมเธอ และยึดเธอเป็นแกนหลัก แต่จูเซิ่งหนานคนนี้นั่นแหละ เป็นคนที่น่ากลัวที่สุด!

เด็กผู้หญิงคนนี้เคยอยู่ในบ้านที่ถูกพ่อแม่และย่าของเธอทรมานเหยียดหยามมาทุกวิถีทาง ในแววตาของเด็กผู้หญิงคนนี้ยังคงความไร้เดียงสาเหมือนเด็ก แม้ว่าจะเย็นชาแต่กลับใสสะอาดบริสุทธิ์ ถึงจะ… ถึงแม้จะ… ถึงแม้จะแฝงความน่ากลัวที่สุดไว้ก็ตาม!

คนชั่วช้าสามานย์เขามีเป้าหมายในการทำชั่วและมีความต้องการอะไรบางอย่าง ด้วยเหตุนี้ เขาก็จะมีความรู้สึกเกรงกลัวและหวาดกลัว เพราะเมื่อคุณมีความปรารถนาบางสิ่ง ก็จะมีความหวาดกลัวโดยธรรมชาติ ในทางตรงกันข้าม หากไม่โลภจิตใจย่อมแกร่งเสมอ!

แต่สำหรับจูเซิ่งหนาน เธอไม่มีความปรารถนาอะไร ลักษณะนิสัยในการทำสิ่งต่างๆ และความคิดของเธอมาจากความรู้สึกข้างในส่วนลึกของเธอเอง เธอสามารถไปอุ้มเอาแมวจรจัดข้างถนนสักตัวขึ้นมาและให้อาหารมันกิน สามารถปล่อยให้วิญญาณร้ายฆ่าคนในเมืองทงเฉิงให้เกลี้ยงก็ยังได้ และถามพวกเขาว่าเชื่อหรือเปล่าว่าคนที่อยู่ในภาพวาดนั้นเคลื่อนไหวได้น่ะ

กล่องแพนโดร่าที่อยู่ในมือเธอ แม้กระทั่งเธอสามารถควบคุมมันได้นานแค่ไหนก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ!

จูเซิ่งหนานไม่หันหลังกลับมาและยังคงเดินต่อไป พวกวิญญาณร้ายห้อมล้อมรอบตัวเธอคล้ายกับการก่อตัวของสนามแม่เหล็ก

สาวน้อยโลลิรู้ดีว่าจูเซิ่งหนานไม่ใช่ผีและก็ไม่ได้ถูกสิงด้วย แต่เธอมีความสามารถพิเศษในตัวเอง หรือพูดได้ว่าเป็น…ญาณวิเศษ แน่นอนว่ามันสามารถนับเป็นศาสตร์ลึกลับประเภทหนึ่งเช่นเดียวกับดวงตาหยินหยาง

โลกเป็นที่อยู่ของมนุษย์เสมอ ต่อให้ผีในปรโลกจะน่ากลัวและทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้

สาวน้อยโลลิพอจะรู้จักคนที่มีความผิดแปลกอยู่บ้าง ซึ่งเธอก็รู้สึกว่าคนนั้นคือพ่อของเธอ นั่นคือหวังเคอ ตัวเขาเองก็ไม่ธรรมดา ราวกับว่าสามารถมองเธอได้ทะลุปรุโปร่ง ยิ่งกว่านั้นเขายังมองทะลุถึงตัวตนของโจวเจ๋ออีกด้วย

จูเซิ่งหนานเกิดมาพร้อมกับญาณวิเศษนี้เลยใช่ไหม หรือว่าเพิ่งมีหลังจากถูกครอบครัวทำร้ายและ กดขี่ข่มเหงในวัยเด็ก หรือถูกบางสิ่งครอบงำจนทำให้เกิดสายสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเจาะลึกในเรื่องนี้

“ผนึก!”

สาวน้อยโลลิตะโกนเสียงต่ำ ครั้งนี้เธอไม่ได้อ้าปากหรือแลบลิ้นยื่นออกมา แต่ใต้ฝ่าเท้าของเธอกลับมีเงาดำสายหนึ่งคล้ายลิ้นแผ่พุ่งตรงออกไปขวางทางเดินของจูเซิ่งหนาน และเข้าไปพันธนาการรอบข้อเท้าของจูเซิ่งหนานไว้แน่น เหมือนเอาลิ้นมาพันไว้

“น้าคะ ทำไมน้ายังต้องขวางหนูอีกล่ะ”

จูเซิ่งหนานหันกลับไปมองสาวน้อยโลลิอย่างไม่เข้าใจ

“หนูแค่พาพวกพี่สาวน้องสาวไปถามพ่อแม่ของพวกเธอว่าทำไมถึงทอดทิ้งพวกเธอตั้งแต่แรกเองนะคะ”

จูเซิ่งหนานดูท่าทางยังไม่ประสา คล้ายกับเด็กน้อยที่อยากรู้เรื่องโลกภายนอกและกำลังอยู่ในตอนลองผิดลองถูก มีความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย

ครู่หนึ่ง วิญญาณร้ายนับร้อยตัวต่างพากันจ้องมองสาวน้อยโลลิด้วยความสงสัย พวกเธอไม่ได้โหดเหี้ยมและดุร้าย แต่บรรยากาศที่เกิดจากวิญญาณร้ายนับร้อยเอาแต่จ้องมองคุณตลอดเวลาแบบนั้น ก็ทำเอาสาวน้อยโลลิสะท้านได้เช่นกัน

“เถ้าแก่ ทำไมยังไม่มาอีกเล่า”

สาวน้อยโลลิกัดฟันกรอดและยันเอาไว้ จะปล่อยพวกเธอไปไม่ได้ ทันทีที่ปล่อยให้พวกเธอหลุดออกไป มันจะกลายเป็นการทำลายล้างแสนน่ากลัวทันที!

เธอที่เป็นยมทูตทงเฉิงก็ต้องแบกรับผลตามไปด้วย

“คุณน้าทำไม่ถูกนะคะ พวกเขาทอดทิ้งพวกเรา พวกเราไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะถามเลยเหรอคะ คุณน้ายังบอกว่า ในอดีตคุณน้าก็เคยถูกคนในครอบครัวเลือกปฏิบัติ และไม่พอใจกับเรื่องนี้แถมยังคับแค้นใจอีกต่างหาก ตอนนี้ทำไมคุณน้าถึงกลายเป็นเหมือนคุณพ่อคุณแม่ของหนูได้ล่ะคะ”

หลังจากคำพูดสุดท้ายจบลง จูเซิ่งหนานก็เงยหน้าขึ้นทันที ส่วนลึกในรูม่านตาของเธอเปล่งประกายสีขาว ครู่หนึ่ง วิญญาณร้ายใกล้เคียงก็เริ่มร้องคำรามพร้อมกัน จากนั้นพุ่งเข้ามาหาสาวน้อยโลลิ

‘เอี๊ยด…’

รถเก๋งคันหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วและหยุดลง ทนายอันเหยียดมือซ้ายของเขาออกมา เลือดเนื้อบนมือซ้ายเหือดหายไปในชั่วพริบตาจนเผยให้เห็นกระดูกสีขาว

“ยมโลกย่อมมีกฎระเบียบ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี ควบคุม!!!”

มือกระดูกพุ่งไปด้านหน้า วิญญาณร้ายนับสิบตรงหน้าถูกแช่แข็งเอาไว้แล้ว

โจวเจ๋อเอียงคอไปมาเสียงกระดูกข้อต่อลั่นดังคมชัด เล็บทั้งสิบนิ้วงอกยาวออกมา กางมือทั้งสองข้างออกพลางเอ่ยว่า “กาแฟ!”

ครู่หนึ่ง หมอกควันสีดำทมิฬแผ่ออกจากเล็บของโจวเจ๋อและบดขยี้วิญญาณร้ายมากกว่าหนึ่งโหลตรงหน้า

วิญญาณร้ายสองสามแถวแรกสุดถูกควบคุมได้ในชั่วขณะ และชั่วขณะหนึ่งกลุ่มวิญญาณร้ายตกอยู่ในภาวะตะลึงงัน

“เถ้าแก่ ทนายอัน พวกเธอถูกเด็กผู้หญิงคนนั้นเรียกออกมา พวกเธอไม่ใช่วิญญาณด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นวิญญาณร้ายไปแล้ว” สาวน้อยโลลิรีบเอ่ยปากเตือน

“เถ้าแก่ จะปล่อยพวกเธอไปไม่ได้ แม้พวกเธอจะได้รับความอยุติธรรมสักแค่ไหน แม้ว่าพวกเธอจะน่าสงสารเพียงใดก็ตาม ก็ปล่อยไปไม่ได้โดยเด็ดขาด” ทนายอันมองโจวเจ๋อที่อยู่ด้านข้างพร้อมกับตะโกนบอก

ในเวลานี้ทนายอันกลัวว่าโจวเจ๋อจะใจอ่อนจริงๆ

ใช่แล้วละ เด็กผู้หญิงเหล่านั้นกลายร่างเป็นพวกวิญญาณร้ายมันน่าสงสารแน่นอนอยู่แล้ว พวกเธอมีจุดจบที่น่าเวทนา พวกเธอควรค่าแก่การเห็นอกเห็นใจ และควรค่าแก่การโกรธแค้น กระทั่งสมควรที่จะไปแก้แค้นด้วยซ้ำ!

แต่จะปล่อยพวกเธอไปไม่ได้ ทันทีที่ปล่อยให้พวกเธอแยกย้ายกันไปทุกทิศทุกทาง วิญญาณร้ายนับร้อยที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในเมืองนี้ มันน่ากลัวยิ่งกว่าเสือร้อยตัวโผล่มาในเมืองนี้เสียอีก!

เป็นหนี้ต้องจ่าย คนร้ายต้องชดใช้กรรม มันเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลแน่นอน แต่ใครจะสามารถรับประกันได้ว่า พวกเธอแค่จะไปตามทวงหนี้ให้ชดใช้กรรมจริงๆ ล่ะ

ทันทีที่อนุญาตให้พวกเธอสร้างความหายนะ ไม่เพียงแต่ผู้บริสุทธิ์ในทงเฉิงจะประสบเคราะห์ร้ายเท่านั้น แม้แต่โจวเจ๋อที่เป็นยมทูตทงเฉิงก็ต้องแบกรับผลตามไปด้วย

เรื่องอื่นน่ะ ยมโลกสามารถหลับหูหลับตา เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องฆ่ากันเพื่อผลประโยชน์ระหว่างยมทูตก็สามารถยอมรับกลายๆ และมองข้ามไปได้ แต่เขตของใครก็ตามที่เกิดปัญหาวุ่นวายใหญ่โต ก็รอให้ผู้ตรวจสอบออกจากนรกมาสอบสวนเค้นหาความผิดได้เลย!

“หนังสือพิมพ์!” โจวเจ๋อตอบกลับด้วยการกระทำ

เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เมตตาธรรมค้ำจุนโลกได้ และไม่กล้าเมตตาด้วยเช่นกัน มันคล้ายกับเด็กกลุ่มหนึ่งยืนถือสวิตช์ระเบิดนิวเคลียร์เล่นสนุกกันอยู่ตรงนั้น เด็กพวกนั้นไร้เดียงสา พวกเขาไม่ได้อยากฆ่าคนจำนวนมาก แต่ถ้าหากคุณยืนอยู่ข้างๆ คุณจะไม่รู้สึกกลัวเลยงั้นเหรอ

ม่านหมอกดำร่วงตกลงมาจากด้านบน และฟาดลงบนร่างวิญญาณร้ายที่ถูกล็อกตัวเอาไว้อย่างรุนแรง

‘ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ’ปัง!!!’ ครู่หนึ่ง วิญญาณร้ายสิบกว่าตัวตรงหน้าโจวเจ๋อดับสลายไป!

ทนายอันเห็นเป็นเช่นนี้แล้วก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ โชคดีที่เถ้าแก่ขี้เกียจก็ส่วนขี้เกียจ ปลาเค็มก็ส่วนปลาเค็ม แต่ในเวลาคับขันก็ยังหน้าด้านหน้าทะ…ไม่ใช่สิ เห็นแก่ตัวพอตัว!

“กฎแห่งความตาย ทำลาย!”

ทนายอันกำมือกระดูกเต็มแรง วิญญาณร้ายสิบกว่าตัวตรงหน้าเขาถูกบดกลายเป็นผุยผง วิญญาณร้ายยี่สิบกว่าตัวถูกกำจัดในพริบตา ดูเหมือนว่าความกดดันของที่นี่จะลดลงไปมากโข

จูเซิ่งหนานยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด แต่ในแววตาของเธอแฝงไปด้วยความสับสนอย่างรุนแรง เธอไม่รู้จักทนายอัน แต่เธอรู้จักโจวเจ๋อ

เธอมองโจวเจ๋อและเอ่ยปากพูด “คุณอาทำไมถึงทำอย่างนี้ล่ะคะ”

“คุณอาทำไมถึงทำอย่างนี้ล่ะคะ” เด็กผู้หญิงวิญญาณร้ายที่เหลือตะโกนตามพร้อมกัน

คำถามจากวิญญาณร้าย แถมยังเป็นวิญญาณร้ายอีกแปดสิบตัวที่เหลือรุมถามพร้อมกัน ต้องบอกก่อนว่า ถ้าหากมีผีมาหลอกหลอนคุณในยามปกติ คุณคงฝันร้ายและไม่สบายไปทั้งคืน แม้กระทั่งอาจจะถูกผีลากดึงเข้าไปในฝันร้ายแปลกประหลาดอีกด้วย

อันที่จริงตอนที่หลายคนฝันแบบนี้มักจะเกิดจากการไปสัมผัสถูกสิ่งไม่เป็นมงคล เพราะความฝันมาจากจิตใจ และจิตใจถูกสิ่งไม่เป็นมงคลปนเปื้อนเข้าให้ มันสามารถสะท้อนออกมาในฝันตามสัญชาตญาณ เพียงแต่คนส่วนใหญ่ที่มีประสบการณ์ด้านนี้ ต่างคิดว่าเกิดจากช่วงนี้ที่เหนื่อยล้าจนเกินไป แต่นี่มันเป็นวิญญาณร้าย แถมยังเป็นกลุ่มวิญญาณร้ายอีกต่างหาก!

“ปราการกันความชั่วร้าย!”

สายตาของทนายอันจ้องเขม็ง และมีละอองสีชมพูฟุ้งออกมาจากตัวเขา ห่อหุ้มตัวเองรวมถึงเถ้าแก่และ สาวน้อยโลลิเข้าไป นับว่าเป็นการตัดขาดการโจมตีทางจิตใจของวิญญาณร้ายเหล่านั้น

“หลินเข่อ คุณจัดการวิญญาณร้ายเหล่านี้ด้วยกันกับผม เถ้าแก่ คุณไปจัดการจูเซิ่งหนาน…” หลังจากลังเล อยู่ครู่หนึ่ง ทนายอันก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม “ฆ่าทิ้งซะ!”

โจวเจ๋อเม้มปาก เหลือบมองทนายอันจากหางตา

หากตอนนี้อยู่ในร้านหนังสือ ทุกคนว่างๆ นั่งคุยกันอยู่ตรงนั้น เดาว่าโจวเจ๋อคงเอากาแฟที่วางอยู่ตรงหน้าเขา ไม่สิ คงหยิบกระติกรักษาอุณหภูมิใบใหญ่ของทนายอันขึ้นมาแล้วเทกาแฟหมดอายุลงบนหัวเขาไปแล้ว

ไอ้เชี่ยเอ๊ย แกตัดใจฆ่าไม่ได้ เลยให้ฉันไปฆ่าแทนสินะ แกคิดว่าฉันไม่มีความเห็นใจแล้วจะเป็นเพชฌฆาตหรือไง

เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าในเวลานี้ไม่เหมาะที่จะต่อรองอะไรได้อีก แม้จะบอกว่าเมื่อครู่ทั้งเขาและทนายอันลงมือกำจัดวิญญาณร้ายไปมากกว่ายี่สิบแล้ว แต่หากจูเซิ่งหนานสั่งให้อีกแปดสิบตัวที่เหลือกระจายไปทั่วทุกทิศ เขาและทนายอันมีกำลังคนเพียงเท่านี้ ก็ไม่มีท่าทีจะควบคุมสถานการณ์นี้ได้เลย

เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อไม่ได้คัดค้านทันที ทนายอันย่อมไม่ยอมปล่อยให้โจวเจ๋อได้คัดค้าน แม่เจ้าโว้ย รีบจัดการเปลี่ยนข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกด่วน!

ทนายอันปัดฝุ่นออกและรีบพุ่งเข้าไป สาวน้อยโลลิยืนอยู่หลังทนายอัน ลิ้นของเธอเริ่มช่วยทนายอันไล่ต้อนวิญญาณร้ายรอบตัว หลังจากโจวเจ๋อหายใจเข้าลึก ก็รีบพุ่งไปตรงจุดที่จูเซิ่งหนานนั่งอยู่โดยตรง เนื่องจากการควบคุมของทนายอันและสาวน้อยโลลิ ทำให้พวกวิญญาณร้ายส่วนใหญ่ที่ห้อมล้อมจูเซิ่งหนานแต่เดิมถูกพวกเขาล่อออกมา เมื่อถึงตอนที่โจวเจ๋อพุ่งเข้าไป จู่เซิ่งหนานก็เหลือวิญญาณร้ายข้างกายอยู่ไม่กี่ตัวแล้ว

จูเซิ่งหนานมองโจวเจ๋อที่พุ่งเข้ามาหาตัวเองอย่างเรียบเฉย ใบหน้าฉายแววสับสนอย่างสุดซึ้ง กระทั่งมีน้ำตา ไหลรินออกจากดวงตา เธอเป็นมนุษย์ น้ำตานั้นย่อมเป็นของจริง

“คุณอา”

เสียง ‘คุณอา’ นี้ ทำให้ร่างโจวเจ๋อสั่นไหว แต่เขาก็ยังพุ่งไปข้างหน้าต่ออยู่ดี เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาเข้าใกล้ตัวเธอได้ การฆ่าเธอก็จะไม่มีปัญหา!

“คุณอา คุณอาช่วยชีวิตหนูไว้แท้ๆ แถมยังเอาเข็มบนแขนหนูออกมาอีก คุณอาบอกหนูว่าจะช่วยหนูพูดกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยเหตุผล และไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายหนูได้อีก”

จูเซิ่งหนานเริ่มร้องไห้และก้มหน้าลง คล้ายกับสาวน้อยที่ถูกรังแกคนหนึ่ง

“แต่คุณอา…กลับต้องการฆ่าหนู”

วินาทีต่อมา จูเซิ่งหนานเงยหน้าขึ้นทันที ในเบ้าตาของเธอเป็นสีขาวโพลน

“ทำไม ทำไมพวกคุณถึงทำกับหนูอย่างนี้ ทำไม เพราะอะไรกัน!!!!!”

วิญญาณร้ายตัวอื่นๆ ต่างกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน และแม้แต่วิญญาณร้ายนับยี่สิบตัวที่เพิ่งถูกทนายอันและโจวเจ๋อกำจัด กลับรวมตัวขึ้นมาในอากาศ พากันกรีดร้องและบ้าคลั่งไปพร้อมกัน!

……………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท