ตอนที่ 429 อืดท้อง
เถ้าแก่โจวพลันรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา คำพูดของเขาไม่สอดคล้องกัน แถมดันถูกเด็กผู้หญิงคนนี้จับโป๊ะได้
บางทีอาจเป็นเพราะโจวเจ๋อเองไม่มีลูก และไม่ประสบการณ์ในการสอนรวมไปถึงการ ‘โอ๋’ เด็กน้อยมาก่อนเลย
ประกอบกับชาติที่แล้วโจวเจ๋อเป็นหมอด้วยจึงคุ้นเคยกับการทำงานบนเตียงผ่าตัดเสียมากกว่า ไม่ว่าคนไข้จะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง ผู้ใหญ่หรือว่าเด็ก หลังจากวางยาสลบไปแล้วเขาก็ตั้งใจทำการผ่าตัด มันทั้งเงียบและว่าง่ายมาก
หากหวังเคออยู่ที่นี่ บางทีอาศัยวิชาชีพและฝีปากที่พลิ้วไหวของเขาอาจจะสำเร็จก็ได้
ถึงอย่างไร แม้ว่าภูมิหลังและชีวิตของหวังเคอจะล้มลุกคลุกคลาน แต่ความสามารถในการมองทะลุและศึกษาจิตใจของผู้คนนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ แม้แต่ยมทูตสาวผู้มีจิตใจดีงามอย่างสาวน้อยโลลิยังเกิดความรู้สึกสนิทสนมที่คลุมเครือกับเขา มากพอที่จะมองออกได้!
“เอ่อ เซิ่งหนาน หนูฟังผิดแล้วละ ที่อาพูดไปก่อนหน้านี้ไม่ได้หมายถึงแม่ หมายถึงแม่เลี้ยง ไม่ใช่สิ คือคุณป้าที่พวกเราเด็กๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าชินกับการเรียกว่า ‘คุณแม่’ ในชีวิตประจำวันน่ะ”
คำอธิบายของโจวเจ๋อไร้น้ำหนักและไม่มีพลัง จูเซิ่งหนานและเด็กผู้หญิงที่เป็นวิญญาณร้ายกลุ่มนั้นบีบอัดเข้ามาทางโจวเจ๋อทันที โจวเจ๋อพบว่าสิ่งที่เขาทำไปไม่ถึงกับเสียแรงเปล่าไปเสียทีเดียว เพราะเท่ากับว่าเขาดึงดูดความโกรธของจูเซิ่งหนานและเด็กผู้หญิงเหล่านั้นมาที่ตัวเขาเอง ตอนนี้พวกเธอไม่มีใครไปที่ตึกหอพักครูแล้ว ทั้งหมดพุ่งเป้ามาทางเขาแทน
ยังไงก็ต้องปะทะกันสินะ
โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก และผ่อนลมหายใจออกมา
ที่จริงเขากลับรู้สึกว่าอย่างนี้มันค่อนข้างดีเลยทีเดียว เด็กดื้อไม่เชื่อฟังและอาละวาด ส่วนใหญ่เป็นเพราะเสียสติไปแล้ว แค่ตีสักป้าบก็ดีขึ้นแล้ว
มือทั้งสองวางแนบข้างลำตัว เล็บงอกยาวออกมา ราวกับกำลังลากเคียวยาวสองเล่ม โจวเจ๋อบิดคอเล็กน้อยและเตรียมพร้อม
“คุณอาหมอ ช่างสมควรตายจริงๆ เลยนะคะ”
เสียงเด็กน้อยของจูเซิ่งหนานดังขึ้น วิญญาณร้ายนับร้อยรอบตัวพุ่งเข้าหาโจวเจ๋อพร้อมกัน หากบังเอิญมีคนเดินผ่านมาทางสนามกีฬาในเวลานี้ อาจจะเข้าใจผิดนึกว่าที่นี่เกิดลมพัด แถมยังเป็นลมแรงที่พัดเอาใบไม้เกิดเสียงดังกรอบแกรบ
“กาแฟ!”
โจวเจ๋อกางมือออกทั้งสองข้าง กลุ่มควันดำโขมงพวยพุ่งออกจากพื้นดินตรงเข้าไปพันล้อมรอบวิญญาณร้ายกว่าสิบตัวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง โดยไม่รีรอแม้แต่น้อย และลำดับต่อมาก็คือ
“หนังสือพิมพ์!”
‘ตู้ม!!!!!!!!!’
วิญญาณร้ายสิบกว่าตัวถูกทำลายดับสลายหายไปทันที
แต่วิญญาณร้ายที่ถูกทำลายกลับก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้งในอีกด้านหนึ่ง ฉากนี้โจวเจ๋อกลับไม่แปลกใจเลยสักนิด วิญญาณร้ายเหล่านี้ไม่ใช่วิญญาณร้ายตามธรรมดาทั่วไป นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นหุ่นเชิดที่เกิดจากความหมกมุ่นยึดติด ตราบใดที่ยังหมกมุ่นยึดติดอยู่ ตราบใดที่จูเซิ่งหนานยังอยู่ พวกเธอจะไม่ดับสูญ!
จูเซิ่งหนานเปรียบเสมือนเครื่องส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และด้วยเหตุนี้เองขณะที่โจวเจ๋อกำลังต่อสู้และเคลื่อนไหวไปด้วยนั้น เขากำลังมองหามุมและโอกาสที่เหมาะสม
ตอนนี้เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้ว โจวเจ๋อไม่หวั่นใจเหมือนในตอนแรกอีกแล้ว จูเซิ่งหนานก็น่าสงสารจริง แต่ถ้าเธอตายไป ถึงจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ ส่วนมโนธรรมของตัวเขาเองจะเกิดความรู้สึกติดค้างหรือไม่ สิ่งนี้ยังไม่ขอพิจารณาก็แล้วกัน
จูเซิ่งหนานจ้องโจวเจ๋ออยู่เช่นกัน ราวกับเธอรู้ว่าโจวเจ๋อกำลังคิดจะทำอะไร เธอยังคงเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ และพยายามรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างตัวเธอกับโจวเจ๋อเอาไว้
‘ฉึก! ฉึก!’
วิญญาณร้ายสองตัวถูกโจวเจ๋อใช้เล็บฟันจนขาดวิ่น วินาทีต่อมาเขาก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้นฉับพลัน ฉีกทึ้งการสกัดกั้นของวิญญาณร้าย และพุ่งเข้าหาจูเซิ่งหนาน
กระทั่งในเวลานี้ โจวเจ๋อได้เตรียมใจมาดีแล้ว แม้ว่าความเจ็บปวดจากการที่เล็บหลุดออกจากปลายนิ้วในคราวที่แล้วจะยังชัดเจนอยู่มากก็ตาม แต่มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นที่มีโอกาสกำจัดจูเซิ่งหนานได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ เพิ่มน้ำตาล
บอกตามตรง เถ้าแก่โจวกลัวเจ็บ สิบนิ้วเชื่อมหัวใจ แถมเล็บยังเชื่อมกับจิตวิญญาณของเขาอีก ความรู้สึกเจ็บปวดในครั้งที่แล้วยังตราตรึงจนถึงตอนนี้ แต่เมื่อเทียบความเจ็บปวดแบบนี้กับการปลดผนึกแล้วปล่อยให้ชีวิตของเขาเข้าสู่การนับถอยหลัง โจวเจ๋อก็ยังเลือกอย่างแรกโดยไม่ลังเลสักนิดเดียว
เพียงแต่ว่าด้านหน้าจูเซิ่งหนานกลับมีเด็กผู้หญิงที่เป็นวิญญาณร้ายสิบตนคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา ไม่ออกห่างแม้แต่ก้าวเดียว ราวกับว่าพวกเธอก็รู้ดีว่าโจวเจ๋อวางแผนจะทำอะไร
เล็บมือทั้งสองข้างของโจวเจ๋อแทงลงไปบนพื้น เพียงครู่หนึ่งก็มีม่านแสงสีดำสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นทางด้านหลัง บรรดาเด็กผู้หญิงที่ไล่ตามมาด้านหลังถูกสกัดเอาไว้ โจวเจ๋อฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าหาจูเซิ่งหนาน
“คุณอาหมอ…”
จูเซิ่งหนานแบมือทั้งสองของตัวเองออกเผยให้เห็นแขนทั้งสองข้างของเธอ แขนทั้งสองข้างยังมีร่องรอยของการถูกทรมานอยู่ และโจวเจ๋อก็เป็นคนช่วยดึงเข็มในนั้นออกมาเอง
ในเวลาเดียวกันนี้ เด็กผู้หญิงที่เป็นวิญญาณร้ายทุกคนก็ยกแขนขึ้นพร้อมกัน
โจวเจ๋อไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่ก็ยังไม่หยุดพุ่งออกไปสุดตัว เขาเชื่อว่าตัวเองสามารถทะลุทะลวงเด็กผู้หญิงที่เป็นวิญญาณร้ายทั้งสิบได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว
“เจ็บนะคะ คุณอาหมอ ทุกครั้งที่คุณย่าแทงเข้ามามันเจ็บจริงๆ” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบลงมาจากหางตาของจูเซิ่งหนาน และน้ำตาเลือดหยดแล้วหยดเล่าก็ไหลลงมาจากร่างของเด็กผู้หญิงคนอื่นเช่นกัน
ฉากรอบด้าน จู่ๆ ก็พลันเปลี่ยนไป!
บรรดาเด็กผู้หญิงเริ่มร่ายร้อง เริ่มร้องไห้ เริ่มโยกตัวไปมา คล้ายกับสระน้ำที่เคยนิ่งสงบถูกโยนก้อนหินลงไปจนเกิดระลอกคลื่น
การมองเห็นของโจวเจ๋อเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพร่าเลือนอีกครั้ง ราวกับว่าแสงและเงานับไม่ถ้วนรอบตัวเขาหมุนวนและหายไปอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
ภาพลวงตาอีกแล้วเหรอ ภาพลวงทำอะไรฉันไม่ได้หรอก!
แต่ทว่า ไม่นานโจวเจ๋อก็พบว่านี่ไม่ได้เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
“ซี้ด…”
ความเจ็บปวดรุนแรงปะทุขึ้นมา ร่างของโจวเจ๋อโซเซขณะที่วิ่งพุ่งเข้าไป ความเจ็บปวดนี้เหมือนกับไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน เหมือนกับมีคนเอาเข็มมาทิ่มแทงหน้าท้องของคุณไม่หยุด โจวเจ๋อที่เคยเป็นหมอคุ้นเคยกับสถานการณ์นี้เป็นอย่างดี
ให้ตายเถอะ เจ้าตัวตลกสวีเล่อนี่ไม่เคยผ่าไส้ติ่งหรือไง
‘แปล๊บ…’
อาการปวดเสียดแทงขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ตรงตำแหน่งหัวเข่าของเขา
ตัวของโจวเจ๋อโคลงเคลงไปมาพักหนึ่ง แต่ยังฝืนรักษาสมดุลร่างกายตัวเองเอาไว้
‘แปล๊บ…’
‘แปล๊บ…’
ความเจ็บปวดแปลบเหมือนเข็มทิ่มแทงไปทั่ว แต่โจวเจ๋อกลับมองไม่เห็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ทิ่มแทงร่างกายของเขา แต่ความรู้สึกเจ็บแปลบออกจะชัดเจนมากขนาดนั้น กระทั่งความเจ็บปวดไม่ได้ด้อยไปกว่าที่ตัวเองดึงเล็บเพื่อโจมตีออกไป
มันคือจิตวิญญาณ มันคือความเจ็บปวดที่เกาะกินจิตวิญญาณ!
โจวเจ๋อเข้าใจขึ้นมาทันที นี่เป็น ‘ความเข้าอกเข้าใจเหมือนประสบด้วยตัวเอง’ ที่เหล่าวิญญาณร้ายกระทำกับเขาภายใต้อิทธิพลของจูเซิ่งหนาน
“แม่ง!”
ในที่สุด ความรู้สึกปวดจี๊ดตรงกระดูกข้อเท้าทั้งสองข้างก็ทำให้โจวเจ๋อควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ เขาล้มลงห่างจากจูเซิ่งหนานไม่ถึงสิบเมตร
แต่โจวเจ๋อที่เพิ่งร่วงลงกับพื้นไม่ได้เลือกที่จะยอมแพ้ กลับรีบเงยหน้าขึ้นและชี้ปลายนิ้วใส่จูเซิ่งหนานที่อยู่ตรงหน้าเขา
‘กึก…’
คล้ายกับกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่างกาย จนท้ายที่สุดก็กระแทกปลายนิ้วทั้งสิบของเขาอย่างรุนแรง
โจวเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่าจู่ๆ นิ้วทั้งสิบของเขาชาไปชั่วครู่ทันที ราวกับแม่นมหรง[1]กำลังใช้เข็มเงินจิ้มปลายนิ้วของเขาแล้วถามว่า ‘รู้สึกดีหรือเปล่า’
นิ้วทั้งสิบงองุ้มโดยไม่รู้ตัว ยังไม่สามารถใช้ท่า ‘เพิ่มน้ำตาล’ ของโจวเจ๋อออกไปได้ และแล้วพวกวิญญาณร้ายที่เดิมทีอยู่ข้างหลังถูกเขาหลบเลี่ยงไปได้ในตอนแรกก็เข้ามาและเริ่มหมุนล้อมรอบโจวเจ๋อไว้
จูเซิ่งหนานแอบอยู่หลังวิญญาณร้าย มองโจวเจ๋อเงียบๆ
“คุณอาหมอ คุณอาเข้าใจความเจ็บปวดของหนูหรือยังคะ”
ดวงตาของโจวเจ๋อกลายเป็นสีแดงฉาน มันไม่ใช่ความโกรธ และไม่ใช่การไม่ยินยอม แต่เป็น ‘ความเจ็บปวด’ จริงๆ
จริงๆ แล้วความรู้สึกเจ็บปวดเป็นตัวกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางมากที่สุด มันยังทำให้ผู้คนเกิดอารมณ์แปรปรวนรุนแรงได้อีกด้วย เหตุผลที่คนมากมายเลือกใช้ยากล่อมประสาทที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทเพื่อความสุขแบบนั้น มันเป็นเพราะพวกเขากลัวความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดเหมือนเข็มทิ่มแทงแบบนี้กระตุ้นจิตวิญญาณของโจวเจ๋อไม่หยุด ทำให้โจวเจ๋อเกิดความคิดบ้าคลั่งและกลายเป็นประสาทไป
ใครสนว่าเธอจะเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักหรือไม่ ใครสนว่าเธอจะมีภูมิหลังที่น่าสงสารแค่ไหน กล้าทรมานฉันแบบนี้ ฉันก็จะฆ่าเธอ!
ปากกาหลุดออกจากกระเป๋าและตกลงกลางฝ่ามือโจวเจ๋อ
“เจ้างั่ง”
จูเซิ่งหนานชะงักไปครู่หนึ่ง แม้ว่าเธอยังเด็ก แต่ก็รู้ว่ามันเป็นคำด่าคำหนึ่ง
คุณย่าของเธอมักจะใช้คำลงท้ายว่า ‘เหี้X’ ด่าแม่ของเธอ ด่าแม่ที่ให้กำเนิดลูกชายไม่ได้ และไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้อีก คุณแม่ของเธอก็ใช้คำลงท้ายว่า ‘เหี้X’ มาด่าเธอบ่อยๆ เช่นกัน ด่าเธอว่าทำไมไม่เป็นเด็กผู้ชาย
ผิดหวังเล็กน้อย และร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่แท้แล้วพวกผู้ใหญ่ก็เป็นเหมือนกันหมดสินะ
แม้แต่คุณอาหมอที่แต่งตัวดูภูมิฐาน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกหรือวิญญาณภายในของเขาล้วน ‘รูปหล่อ‘ มากทั้งสองอย่าง ก็ไม่ต่างไปจากคุณย่าและคุณแม่ของเธอเลย
จูเซิ่งหนานมองไปรอบๆ เธอเริ่มสงสัยและเกิดแรงกระตุ้นขึ้นมาในใจ
“ในเมื่อผู้ใหญ่เลวกันหมดขนาดนี้…ทำไมไม่ตายๆ กันให้หมดเลยล่ะ”
“ปลดผนึก!”
โจวเจ๋อหลับตาลง ในเวลานี้ไม่มีทางอื่นแล้ว
ตายเดี๋ยวนี้ หรืออีกสักเดี๋ยวค่อยตาย คาดว่าคนส่วนใหญ่ล้วนเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหน่อย แม้ว่าพวกเขากำลังจะตายก็ตาม
‘แปล๊บ…’
ความเจ็บปวดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นหัวใจของเขา
โจวเจ๋อลืมตาขึ้นทันที และพบว่าเจ้านั่นไม่กระเตื้องเลย?
ใช่น่ะสิ ก่อนหน้านี้เมื่อพบเจอเรื่องอะไรก็ตาม เจ้านั่นจะเริ่ม ‘ส่งเสียงเตือน’ ขึ้นมาทันที คราวนี้มันกลับเงียบกริบอย่างน่าประหลาดใจ แต่แม่งไม่ใช่ว่ามันกำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่หรอกนะ
“เฮ้ เฮ้ย! คุณอยู่ไหน คุณอยู่ไหนล่ะเนี่ย”
โจวเจ๋อแหกปากอยู่ในใจ แต่ไม่มีเสียงขานรับ หลังจากนั้นไม่นานถึงมีเสียงเกียจคร้านสุดๆ ดังมาจากก้นบึ้งหัวใจ
“อืม…”
อืมเหรอ
แกอืมอะไรของแกฟะ
“คลายผนึกออกแล้ว คุณสามารถทำลายผนึกออกมาได้แล้ว”
“อืดท้อง…”
“…” โจวเจ๋อ
“ย่อยอาหาร…” เสียงของอีกฝ่ายแฝงไปด้วยความพึงพอใจและความเกียจคร้าน ดูเหมือนว่าหลังจากกลืนภาพเสมือนของเซี่ยจื้อไปในคราวที่แล้ว มันยังอยู่ในกระบวนการย่อยอาหารและหมดหนทางที่จะตื่นได้อย่างเต็มที่
“ผมใกล้จะตายแล้ว” โจวเจ๋อพูด
“เจ้า…สามารถ…หนีเธอ…ไปได้…เธอจับ…เจ้าไม่ได้…”
โจวเจ๋อเงยหน้ามองจูเซิ่งหนานที่อยู่ข้างหน้า เด็กผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วชัดๆ โดยเฉพาะด้วยการกระตุ้นจากตัวเขาเอง มันได้กลายเป็นความจงเกลียดจงชังและอยากสังหารผู้ใหญ่ทุกคน
ถ้าหากเขาไม่สามารถหยุดเอาไว้หรือตีฝ่าวงล้อมออกไปตรงๆ คาดว่าเธอจะหยุดตัวเองไว้ไม่อยู่ และจะต้องเริ่มการฆ่าสังหารหมู่ทันทีอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ผมเป็นยมทูต ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับทงเฉิง จะมีผู้ตรวจสอบมาซักถามหาความผิดกับผมได้”
“ไม่เป็นไร…อีกเดี๋ยว…ข้าสามารถ…ช่วยเจ้า…ฆ่า…ผู้ตรวจสอบให้…นอนแล้ว…ราตรีสวัสดิ์…”
“…” โจวเจ๋อ
…………………………………………………………..
[1] แม่นมหรง ตัวร้ายในเรื่ององค์หญิงกำมะลอ เป็นแม่นมของฮองเฮา