ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 431 ความตายเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 431 ความตายเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง

เมื่อถูกผลักออกมาจากหน้าต่าง สีหน้าของจูเซิ่งหนานยังคงหนักอึ้งไปด้วยความงุนงง ตอนที่สาวน้อยโลลิพยายามขัดขวางจะหยุดเธอ เธอเคยไม่เข้าใจมาก่อนเช่นกัน แต่เธอควบคุมตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

ตอนคุณอาหมอที่เคยช่วยรักษาเธอก่อนหน้านี้เผยให้เห็นถึงเจตนาจะฆ่าเธอ เธอเคยไม่เข้าใจมาก่อนเช่นกัน แต่ก็บังคับใจตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนว่าเธอจะชินชากับการสับสนงงงวย และคุ้นชินกับการเอาชนะอารมณ์ความรู้สึกแบบนั้น ทั้งชีวิตของเธอเป็นเหมือนบ่อน้ำมานานแสนนาน และเธออาศัยอยู่ก้นบ่อนี้ เธอพยายามใช้ความคิดที่เธอที่ได้รับมาตอนอยู่ในบ่อน้ำ พยายามเอาไปปฏิบัติต่อโลกภายนอก และได้พบกับความไม่เข้าใจอีกหลายสิ่งหลายอย่าง เธอไม่ได้พยายามละทิ้งบ่อน้ำแห่งนั้น แต่ต้องการเอาโลกภายนอกเข้ามาอยู่ในบ่อน้ำที่เธอเคยชินด้วยกัน

เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น เข้าไม่ถึงหลักการยิ่งใหญ่ของการพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ดูเหมือนเฉื่อยชา แต่ความเฉื่อยชากลับกลายเป็นความดื้อรั้นอย่างลึกซึ้งที่สุด

แต่ชั่ววินาทีที่เด็กผู้หญิงฝาแฝดทั้งสองผลักเธอออกไปนอกหน้าต่าง บ่อน้ำในใจของเธอส่งเสียงดัง ‘ตู้ม’ พังทลายลงแล้ว!

เพราะอะไร พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ ทำไมกัน ทำไมพวกเธอถึงทำอย่างนี้กับฉันได้

เสียงลมหวีดหวิวดังก้องอยู่ในหูของเธอไม่หยุด ทิวทัศน์ด้านบนและหน้าต่างกำลังห่างออกไปจากเธอมากขึ้นทุกที

ภาวะไร้น้ำหนักขณะที่ร่วงตกลงมา ทำให้คนเริ่มตื่นตระหนกตามสัญชาตญาณ เธอหันหน้าไปโดยไม่รู้ตัว อยากจะมองลงไปข้างล่างตัวเอง แต่มันก็สายไปเสียแล้ว

‘ปัง!’

‘ปัง!’

เถ้าแก่โจวที่เฝ้าดูตรงนี้จากระยะไกล ในขณะที่ถูกวิญญาณร้ายนับแปดสิบตัวจับจ้อง เขามองเห็นเงาร่างสีเหลืองร่วงตกลงมาจากหน้าต่างบนชั้นสี่ของตึกหอพักครูข้างหน้า มันชัดเจนและฉับไวมาก ไม่มีชะลอเลยแม้แต่น้อย ร่วงลงมาจากด้านบน จากนั้นกระแทกลงพื้นส่งเสียงทึบหนัก

โจวเจ๋อรู้ว่าคนที่ตกลงมาคือใคร ทั้งขนาดร่างกายและเสื้อผ้าบนร่างกายก็บ่งบอกตัวตนของคนที่ตกลงมาได้แล้ว

โชคดีหน่อยที่เขาอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย และถูกวิญญาณร้ายกันท่าไว้จนไม่สามารถเข้าใกล้ตึกนั้นได้ ในขณะเดียวกันจูเซิ่งหนานร่วงลงมาจากหน้าต่างในคราวเดียว ไม่มีจุดพลิกผันใดๆ ด้วยเหตุนี้โจวเจ๋อจึงไม่มีโอกาสให้คิดและลังเลสับสนอีก

ตัวอย่างเช่น หากจูเซิ่งหนานคว้าราวหน้าต่างทั้งสองมือจะร่วงอยู่รอมร่อ พร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือละก็ เขาจะช่วยหรือไม่ช่วยดีล่ะ

มีโอกาสสูงที่จะไม่ช่วย แต่จะต้องมีปมค้างคาในใจแน่ๆ ในเมื่อตอนนี้เป็นแบบนี้ ปล่อยเลยตามเลยก็ดีเหมือนกัน

เธอกระโดดอย่างสบายใจ ฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดอยู่ในใจ

เพียงแต่ว่าในใจของเถ้าแก่โจวรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเช่นกัน นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่

ทั้งที่เขาแค่เฝ้ามองอยู่ด้านข้างเฉยๆ ไม่กล้าแหกปากตะโกนคำปลุกใจ และพุ่งออกไปต่อสู้กับวิญญาณร้ายอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อปกป้องคนธรรมดา

ในขณะที่เขากำลังท้อถอย เฉื่อยชา ลังเล หลงทางอย่างนี้ หัวหน้าของวิญญาณร้ายดันล้มตกลงมาเองเฉยเลยอย่างนี้เนี่ยนะ ดูเหมือนว่าโชคของคนขี้เกียจจะไม่โชคร้ายจนเกินไปจริงด้วยสินะ

เด็กผู้หญิงที่เป็นวิญญาณร้ายที่เรียงแถวกันอยู่ตรงทางเข้าตึกมองหน้ากันและกัน ในเวลานี้ร่างของพวกเธอเริ่มสลายไปอย่างช้าๆ พวกเธอเป็นเพียงความแค้นเท่านั้น ไม่ใช่แม้แต่วิญญาณด้วยซ้ำ ถ้ามีจูเซิ่งหนานอยู่ พวกเธอก็จะถูกควบคุมจนกลายร่างเป็น ‘วิญญาณร้าย’ แต่เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับจูเซิ่งหนาน พวกเธอก็จะดับสลายไปกับสายลม

ถ้าหากมีภูตผีมากมายใกล้กับโรงพยาบาลประจำอำเภอนั้นจริงๆ เถ้าแก่โจวคงมีความสุขหัวเราะจนเกร็งกล้ามท้องซิกซ์แพ็กขึ้นไปแล้วละ มันเป็นแต้มผลงานมหาศาลเชียวนะ ถ้าเขาเก็บกวาดพวกเธอคาดว่าคงจะกลายเป็นผู้จับกุมไปแล้ว!

จะปล่อยพวกเธอให้เหลือรอดมาจนถึงวันนี้หรือไง

วิญญาณร้ายนับสิบในห้องค่อยๆ สลายไป เด็กผู้หญิงฝาแฝดทั้งสองเดินไปอยู่ข้างพ่อแม่ตัวเอง ร่างกายของพวกเธอก็ค่อยมลายหายไปเช่นกัน

พ่อแม่ยังนอนหลับสนิท ตอนนี้พวกเขาไม่อาจตื่นขึ้นมาได้ ถึงอย่างไรเสียในห้องของตัวเองก็มีสิ่งมีชีวิตระดับวิญญาณร้ายอยู่นับสิบ เว้นเสียแต่จะเป็นนักพรตเฒ่าที่มีพลังหยางรุนแรงเท่านั้น ส่วนคนธรรมดาเป็นการยากที่จะตื่นขึ้นมาได้

เด็กผู้หญิงฝาแฝดขึ้นเตียงไปอย่างเงียบงัน คนหนึ่งกอดแม่ ส่วนอีกคนหนึ่งกอดพ่อ ร่างกายระเหยไปอย่างต่อเนื่อง แต่พวกเธอกลับสัมผัสได้ถึงความสวยงามและความอบอุ่นที่โหยหามาโดยตลอด แม้ว่าจะเป็นการปลอบโยนเพียงแค่ครู่เดียวก็ตาม

หลังจากวิญญาณร้ายในบ้านสลายไปจนหมด หญิงสาวตื่นขึ้นมาก่อนแล้วร้องไห้ จากนั้นชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน เพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองปากแห้งผากเล็กน้อย เหมือนตากแอร์จนเป็นหวัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“แม่ของลูก คุณร้องไห้ทำไม”

“ฉันฝันเห็นพวกลูกๆ น่ะค่ะ ฝันว่าพวกเธอกลับมาแล้ว”

“เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจ ภรรยาของเขาฝันแบบนี้มาหลายครั้งหลายคราแล้ว

ด้วยเหตุผลทางร่างกาย หลังจากตั้งครรภ์แล้ว คุณหมอแนะนำให้พวกเขายุติครรภ์ หากอายุครรภ์มากขึ้น ไม่เพียงแต่ชีวิตของคุณแม่จะตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น แม้แต่ลูกก็เช่นกัน

ภรรยาทั้งร้องทั้งโวยวายและยืนกรานหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะไม่เอาเด็กออก เป็นเพราะเขากัดฟันตัดสินใจเด็ดขาดให้ทำแท้งไป

ในฐานะที่เป็นสามี และในฐานะที่เป็นพ่อของลูกในท้องภรรยา สามารถจิตนาการได้ถึงความยากลำบากและความเจ็บปวดที่เขาต้องตัดสินใจลงไปในครั้งนี้

ต่อมาภรรยาก็เข้าใจเขา และไม่ตำหนิเขาในเรื่องนี้ ทั้งสองคนปรับปรุงตกแต่งห้องนอนหนึ่งห้องในบ้านให้กลายเป็นห้องเด็กทารก และทำเหมือนว่าพวกเด็กๆ ยังคงอยู่เคียงข้างตัวเอง

สำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นด้านข้างตอนที่พวกเขานอนหลับนั้น พวกเขาไม่มีทางสัมผัสและรับรู้ได้

วิญญาณร้ายตรงหน้าหายไปหมดแล้ว โจวเจ๋อเดินไปถึงตรงจุดที่จูเซิ่งหนานตกลงมาจากตึก

เธอนอนราบอยู่บนพื้น หน้าหงายขึ้น ผมเผ้ากระจัดกระจาย ตอนที่โจวเจ๋อเดินเข้าไปใกล้ เห็นแอ่งน้ำสีแดงเข้มค่อยกระจายออกไปบนพื้นอย่างช้าๆ

เธออ้าปากพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พูดออกมาไม่ชัดเจนนัก

โจวเจ๋อย่อตัวนั่งลง ข่มสัญชาตญาณความเคยชินที่อยากจะเข้าไปตรวจสอบและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บของตัวเองเอาไว้ เพราะโจวเจ๋อรู้ดีว่า จูเซิ่งหนานน่ะ หากเธอตายไป นั่นถึงจะเป็นข่าวดีสำหรับคนส่วนใหญ่ในเมืองนี้ และรวมไปถึงคนในร้านหนังสือด้วย เพราะทุกคนสลัดตัวปัญหาให้ลดน้อยลงไปได้อีกหนึ่ง

ช่วยชีวิตคนน่ะได้ แต่ช่วยชีวิตตัวปัญหากลับมาน่ะ โจวเจ๋อไม่เอาด้วยหรอก

ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาไม่ใช่คนดีจิตใจมีเมตตากับทุกคน ในอดีตไม่ใช่ ตอนนี้ก็ยิ่งไม่ใช่

“เพราะ…เพราะอะไร…ทำไมพวกเธอ…พวกเธอถึงได้…หักหลัง…หนู…”

จูเซิ่งหนานมองโจวเจ๋อ บ่อน้ำของเธอพังทลายลงแล้ว เธออยากได้คำตอบจากโจวเจ๋อที่นี่

“สิ่งที่พวกเธออยากได้คือคำตอบ ส่วนสิ่งที่หนูอยากได้คือการแก้แค้น”

มุมปากจูเซิ่งหนานชักกระตุก เธอโน้มตัวไปข้างหน้า ร่างกระตุกสองทีก่อนจะทรุดตัวลงไปอีก

“หนู…หนูไม่เชื่อ…หนูไม่เชื่อ…”

แม้ว่าจะไม่ได้ตรวจสอบ แต่โจวเจ๋อรู้ดี จูเซิ่งหนานก้าวเข้าไปสู่จุดที่ใกล้จะตายแล้ว

โจวเจ๋อลงไปนั่งข้างกายเธอ และจุดบุหรี่ ถือว่าอยู่เป็นเพื่อนในการเดินทางครั้งสุดท้ายของเธอก็แล้วกัน

เด็กผู้หญิงน่ารักคนหนึ่ง

เด็กผู้หญิงน่าสงสารคนหนึ่ง

แม้ว่าจะเคยมีความคิดและกระทำการล้างแค้นฆ่าสังหารหมู่อย่างป่าเถื่อนก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่ได้ก่ออาชญากรรมต่อผู้บริสุทธิ์ขึ้นมาจริงๆ

สำหรับพ่อแม่และย่าของเธอกลับถูกโจวเจ๋อเมินไปโดยอัตโนมัติ คนพรรค์นั้นตายเร็วได้เท่าไรก็สะอาดเร็วเท่านั้น และด้วยเหตุนี้เอง โจวเจ๋อถึงได้ยอมอยู่เป็นเพื่อนเธอในตอนนี้ ให้ความสงบแก่เธอเป็นครั้งสุดท้าย

“ลงนรก ข้ามเส้นทางสู่นรก หากมีโอกาสเกิดใหม่ละก็” โจวเจ๋อเม้มริมฝีปาก ควันสีขาวพ่นออกมาจากรูจมูก “เมื่อหนูเกิดใหม่ในครั้งหน้า น่าจะมีครอบครัวที่รักหนู ตอนนี้ การให้ความสำคัญกับเด็กผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเริ่มลดน้อยถอยลงแล้ว ยังคงต้องเชื่อว่าโลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้นเรื่อยๆ”

โจวเจ๋อปลอบคนไม่เก่งสักเท่าไร รู้สึกอยู่เสมอว่าการปลอบโยนไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย แต่ตอนนี้เขาพบว่าการปลอบโยนช่วยได้หน่อยนึง นั่นก็คือตอนที่คุณไม่รู้จะพูดอะไรดี มันสามารถชี้นำคุณที่หลงทิศ ทำให้สถานการณ์นั้นไม่กระอักกระอ่วนจนเกินไป

เมื่อก้มหน้าลงไปเหลือบมองจูเซิ่งหนานที่ดูเหมือนว่าจะตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด

“รอคอยการกลับมาเกิดใหม่เถอะนะ”

จูเซิ่งหนานได้ยินประโยคนี้แล้วก็ยิ้ม รอยยิ้มของเธอยังคงหวานมาก

เด็กผู้หญิงวัยนี้กำลังอยู่ในวัยแรกแย้มที่หอมหวานที่สุด แต่เธอกลับต้องทนทุกข์ทรมานมากเกินไปทั้งๆ ที่มันไม่ควรจะเป็นของเธอเลย

เมื่อมาถึงจุดจบนี้ มีเพียงการนับถอยหลังของชะตาชีวิตและการถอนหายใจเฮือกสุดท้าย

โทรศัพท์ของโจวเจ๋อดังขึ้น น่าจะเป็นเพราะหลังจากวิญญาณร้ายสลายไปแล้ว โทรศัพท์มือถือก็กลับมามีสัญญาณอีกครั้ง

สายที่โทรเข้ามาคืออิงอิง

“ฮัลโหล”

“ฮัลโหล เถ้าแก่ ข้าใกล้จะถึงแล้วเจ้าค่ะ”

“ขับรถขับราช้าๆ หน่อย ตอนข้ามถนนให้ดูรถดีๆ ด้วย”

“หือ”

ไป๋อิงอิงไม่เข้าใจนิดหน่อย ในเวลานี้เถ้าแก่ยังจะให้ความสำคัญกับการปกป้องเธอทำให้เธออบอุ่นหัวใจอยู่อีก อิงอิงรีบพูดทันที “เถ้าแก่ ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ ข้าไม่กลัวรถชนเจ้าค่ะ”

“ผมเป็นห่วงคนที่ขับรถต่างหากล่ะ”

“…” อิงอิง

หลังจากวางสายแล้ว โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายของทนายอัน

“ฮัลโหล เถ้าแก่”

“ว่าไง”

“สถานการณ์ตรงนั้นของคุณเป็นยังไงบ้าง ผมสัมผัสได้ว่าความแค้นสลายไปแล้ว”

“ทางคุณล่ะ ทางนี้ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”

โจวเจ๋อเหลือบมองจูเซิ่งหนานอีกครั้ง พบว่าเลือดใต้ร่างของเธอเริ่มไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาก็ปิดสนิทไปแล้ว

“เงาดำสองตัวนั้นหายไปแล้ว จู่ๆ ก็หายวับไปเลย เงาดำสองตัวนั้นมีปัญหานิดหน่อย เถ้าแก่ มันไม่เหมือนของ จูเซิ่งหนาน พวกเขาเหมือนหุ่นเชิดเสียมากกว่า หุ่นเชิดผู้ตรวจสอบที่ตายไปแล้ว”

“ผู้ตรวจสอบ ตายแล้วด้วยงั้นเหรอ”

“พรุ่งนี้ผมจะหาวิธีติดต่อสายในนรกสักหน่อย แล้วค่อยถามให้เป็นเรื่องเป็นราว ผมจำทั้งสองคนได้นิดหน่อย แต่ดูเหมือนพวกเขาจะตายไปนานแล้วนะ”

ในเวลานี้โจวเจ๋อมองตรงหน้าผากของจูเซิ่งหนาน มีวิญญาณดวงหนึ่งลอยออกมา

เธอออกจากร่างของตัวเองอย่างลังเล และมองโจวเจ๋อที่อยู่ตรงหน้าเธอ

นี่ตายแล้วใช่ไหมนะ…

“ได้ คุณไปถามเถอะ ภาพวาดนั้นให้เหล่าจางหาทางเอามันกลับมาให้ได้ แล้วพวกเราค่อยมาศึกษากันอีกที”

มือข้างหนึ่งจับโทรศัพท์มือถือ ส่วนมืออีกข้างเอื้อมออกไป

“ตอนนี้ อาจะส่งหนูลงไปนะ” นิ้วของโจวเจ๋อวาดกรอบตรงหน้าเขา ประตูสู่นรกภูมิถูกเปิดออก

ดวงวิญญาณของจูเซิ่งหนานมองประตูสู่นรกภูมิตรงหน้าสลับกับมองโจวเจ๋อ

ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า ราวกับว่าตายแล้วยิ่งเหมือนกับการพ้นทุกข์อย่างหนึ่ง อย่างน้อยในตอนนี้ จูเซิ่งหนานดูร่าเริงกว่าก่อนหน้านี้ขึ้นมาบ้างอย่างเห็นได้ชัด

“คุณอาคะ หลังจากหนูลงไปแล้วยังได้เจอกับพวกคุณพ่อ คุณแม่ไหมคะ”

โจวเจ๋อไม่ตอบ

“คุณอา หลังจากหนูลงไปแล้วจะหาพี่สาวน้องสาวเหล่านี้ของหนูเจออีกไหมคะ พวกเธอน่าจะให้อภัยหนูใช่ไหม ยังจะยอมเล่นกับหนูไหมคะ”

โจวเจ๋อลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่วายพยักหน้าและเอ่ยขึ้น

“ยอมสิ”

…………………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท