ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 442 เหตุการณ์สุดระทึก!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 442 เหตุการณ์สุดระทึก!

เงาเลือนรางท่ามกลางหมอกหนา ปรากฏเงาคนโอนเอนไปมาอยู่ในหมอกจริงๆ ไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหน และไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไร เงายังคงโอนเอนตลอด แต่กลับไม่มีสิ่งใดเดินออกมา

“ฮู่ว…” ทนายอันกัดฟัน

“คุณพบเห็นอะไรไหม” โจวเจ๋อถามเหล่าอันที่อยู่ข้างๆ

“จิ๊ๆ ไม่มี” ทนายอันมีความจริงใจมาก แล้วพูดต่อว่า “แต่ดูจากการจัดฉากแล้ว ฟ้าร้อง ฝนตก มีหมอก เงาผี ทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบของการถ่ายหนังผีเลยก็ว่าได้ ถ้าจะพูดประโยคที่ไร้สาระ จัดฉากใหญ่ขนาดนี้ แสดงว่าข้างในจะต้องมีอะไรกำลังเล่นตุกติกแน่นอน” ทนายอันพูดประโยคที่ไร้สาระจริงๆ

วิญญาณของคนทั่วไปที่เข้ามาในร้านหนังสือมักจะถ่อมตัวทั้งสิ้น กินข้าว เดินทาง ทิ้งเงินไว้ แต่ฉากที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะเป็นคน ปีศาจ หรือว่าผี ถือว่าไม่ธรรมดาเลย

โจวเจ๋อหมุนตัวเดินมาข้างรถ เขาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง ทนายอันก็ขึ้นรถมานั่งตำแหน่งคนขับเช่นกัน ไป๋อิงอิงกับนักพรตเฒ่าเห็นดังนั้นจึงตามขึ้นมา

นักพรตเฒ่าอุ้มเจ้าลิงพลางมองนอกหน้าต่างตลอดเวลา เงาคนที่อยู่ไกลลิบยังคงเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น ถึงแม้จะอยู่กับเถ้าแก่และทนายอัน แต่เขายังคงรู้สึกขลาดกลัวอยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงจับเป้ากางเกงของตัวเองตามสัญชาตญาณ แล้วลูบกระเป๋าสะพายหลังของเจ้าลิงจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง

“เถ้าแก่ พวกเราตอนนี้…” ไป๋อิงอิงลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “กำลังขับเข้าไป เพื่อไปช่วยหลินเข่อใช่ไหม” ข้างในนั้นดูก็รู้ว่าอันตรายมาก แต่ถ้าหากเถ้าแก่อยากจะเข้าไปช่วยละก็ อิงอิงก็จะตามเข้าไป เธอต้องปกป้องเถ้าแก่ ไม่ว่าเถ้าแก่อยู่ที่ไหนเธอก็จะอยู่ที่นั่น

“ออกรถเถอะ” โจวเจ๋อโบกมือให้ทนายอันที่นั่งตำแหน่งคนขับ ด้วยอารมณ์ที่ไม่ยี่หระต่อสิ่งใดอย่างชัดเจน กับท่าทางที่ว่าต่อให้คนนับหมื่นขวางกั้นฉันก็จะมุ่งไปข้างหน้า ทำให้ไป๋อิงอิงเกิดอาการหลงเสน่ห์อีกแล้ว

ทนายอันพยักหน้า สตาร์ทรถ จากนั้นหมุนพวงมาลัยรถไปทางซ้ายแล้วกลับรถ!

“…” นักพรตเฒ่า

“…” ไป๋อิงอิง

“…” เจ้าลิง

หลังจากกลับรถอย่างแม่นยำแล้ว ทนายอันจึงเหยียบคันเร่ง ขับรถกลับด้วยมาดที่ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น

โจวเจ๋อไม่พูดสักคำ เห็นได้ชัดว่าความคิดของผู้ชายทั้งสองคนเหมือนกัน ถ้าไม่อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง เวลาที่เกิดเรื่องย่อมไม่เกี่ยวข้องกับตน ทำไมต้องไปยุ่งเรื่องคนอื่นด้วย ถึงแม้ที่นั่นจะเกิดความวุ่นวาย แต่เกี่ยวอะไรกับยมทูต ทงเฉิงด้วยล่ะ

“เถ้าแก่…หลินเข่อ ยายตัวแสบนั่น…” ถึงแม้ไป๋อิงอิงปกติจะไม่ชอบให้หลินเข่อนอนเบียดบนเตียง มาทำลายความเป็นส่วนตัวของตัวเองกับเถ้าแก่ แต่จะทิ้งเธอไปแบบนี้ ดูเหมือนจะมีตรงไหนไม่ถูกต้องหรือเปล่า

“วางใจได้ ตอนนี้หลินเข่อไม่สามารถติดต่อพวกเราได้ โทรศัพท์ที่อยู่ในนี้จึงใช้งานไม่ได้แน่นอน” โจวเจ๋อพูด

“หืม”

“ดังนั้น ถ้าหากหลินเข่อติดต่อพวกเรา จะต้องห้ามพวกเราไม่ให้เข้าไปเสี่ยงเพื่อช่วยเธอแน่นอน เธอคงไม่อยากให้พวกเราต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะเธอเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นจิตสำนึกของเธอจะอยู่ที่ไหน เธอคงละอายใจไปทั้งชาติ”

“เอ่อ…” ไป๋อิงอิงรู้สึกว่าพูดมีเหตุผลมากเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง

ขามาทนายอันขับรถช้ามาก แต่พอขากลับแทบจะเหยียบคันเร่งเต็มเท้า ขับรถซิ่งบนทางภูเขาที่มีหมอก ปกคลุมเป็นสิ่งที่อันตรายมาก

อย่างน้อยนักพรตเฒ่าก็ตกใจจนหน้าซีด มือข้างหนึ่งอุ้มเจ้าลิง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งจับราวจับ นักพรตเฒ่ารู้ดีว่าถ้าหากเกิดอุบัติเหตุ ทั้งคันรถนี้คนอื่นอย่างมากก็แค่บาดเจ็บ แต่ตัวเองสามารถตายได้ง่ายที่สุด

หลังจากขับรถผ่านไปยี่สิบนาที ทันใดนั้นเจ้าลิงก็กระโดดออกจากอ้อมอกของนักพรตเฒ่า กระโดดมาที่หน้าต่างรถด้านหน้า โบกไม้โบกมือร้อง ‘เจี๊ยกๆๆ’ ด้วยความร้อนใจอย่างยิ่ง

‘เอี๊ยด…’ ทนายอันเหยียบเบรก

“เป็นอะไร” ทนายอันถาม

เขารู้ว่าเจ้าลิงเป็นลิงวิเศษ แสนรู้มาก สามารถรับรู้ในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถสัมผัสได้

“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงชี้ไปข้างนอก

“หมายความว่ายังไง” ทนายอันยังไม่เข้าใจ

“ลงไปดูสิ” โจวเจ๋อพูดพร้อมกับผลักประตูรถ ไม่ช้าเจ้าลิงก็กระโดดตามออกมา วิ่งตรงไปข้างทาง ชี้ไปที่พื้นแล้วร้อง “เจี๊ยกๆๆ”

โจวเจ๋อกับทนายอันเดินเข้าไป ทั้งสองคนโน้มตัวพร้อมกัน พบว่าบนพื้นมีร่องรอยเปียกชุ่มชื่นสองแอ่ง แถมยังมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นฉุน นี่คือปัสสาวะ! ปัสสาวะแบ่งเป็นแอ่งเล็กใหญ่! เจ้าลิงยืนอยู่บนพื้น ทำท่าฉี่ จากนั้นชี้ไปบนพื้นแล้วร้องไม่หยุด

สีหน้าของโจวเจ๋อกับทนายอันนิ่งขึ้นมาทันที พวกเขาขับรถกลับมาได้ยี่สิบนาทีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะย้อนกลับมาตรงที่เจ้าลิงกับนักพรตเฒ่าฉี่ไว้ก่อนหน้านั้นได้

“นี่คือเขาวงกตเหรอ” โจวเจ๋อกล่าว

ทนายอันขยุ้มเส้นผมของตัวเอง มองไปรอบๆ ซึ่งยังคงปกคลุมไปด้วยหมอก “ผมคลายมันไม่ได้ พื้นที่ใหญ่เกินไป และภูเขาแถบนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหมดแล้ว”

เวลานี้ไม่จำเป็นต้องอวดเก่ง แต่โจวเจ๋อกับทนายอันกลับไม่ได้รู้สึกลนลาน ถ้าหากตอนแรกไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติก่อน พวกเขาคงไม่เลี้ยวรถกลับโดยไม่ลังเลขนาดนี้ พูดได้เลยว่า พวกเขาเตรียมใจล่วงหน้าแล้ว

แต่ตอนนี้ทุกคนเหมือนถูกขังอยู่ใน ‘กำแพงผี’ ขนาดมหึมา เข้าออกไม่ได้ ปกติแล้วถ้าหากเจอสถานการณ์แบบนี้ เวลาที่ต้องแก้ไขนั้นเป็นเรื่องจิ๊บๆ แต่วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน การจัดฉากที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่พูดว่าแก้ไขได้แล้วจะทำได้เลย

เมื่อเทียบกับหมอกเหล่านี้ ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองดูตัวเล็กตัวน้อยเป็นพิเศษ

“หลินเข่อเป็นคนจัดฉากเหรอ” หลังจากนักพรตเฒ่าถามคำถามแล้วก็รีบหุบปากตัวเองทันที เพราะเขารู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไร้สาระสิ้นดี

พ่อค้ามนุษย์สองคนที่อยู่ในศูนย์รับซื้อของเก่าด้านหลังปั๊มน้ำมันตรงตีนเขา อาจจะถูกหลินเข่อฆ่าก็จริง แต่ถ้าคุณพูดว่าหมอกหนาขนาดใหญ่บวกกับกำแพงผีสุดสะพรึงที่แม้แต่ทนายอันก็จัดการไม่ได้เป็นฝีมือของหลินเข่อเช่นกัน แบบนี้คุณกำลังดูถูกใครอยู่กันแน่

ถ้าหากหลินเข่อเก่งขนาดนี้ ยังจะเป็นพนักงานของร้านหนังสือไหม เถ้าแก่ของตัวเองคงโดนเธอตบหน้าตายไปนานแล้ว

“จริงๆ แล้ว ตอนนี้ตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือยืนอยู่ตรงนี้อย่าขยับ สุดท้ายแล้วหมอกจะหายไปเอง และผมคิดว่ามันจะอยู่ได้ไม่นาน ต่อให้เป็นสัตว์ร้ายใช้ลูกเล่นแบบนี้ เดี๋ยวจะโดนอัดตายแน่นอน”

“มีของกินในรถไหม” โจวเจ๋อถาม

“มีเจ้าค่ะ เถ้าแก่” ไป๋อิงอิงตอบทันที “ข้าเตรียมของกินมาเยอะเจ้าค่ะ”

“อย่างนั้นพวกเรา…” โจวเจ๋อกำลังจะพูดว่าพวกเรามาปิกนิกกันเถอะ แต่เขายังพูดไม่ทันจบก็เกิดลมพัดโหมอย่างบ้าคลั่ง! เป็นลมที่แปลกประหลาดมาก ลมพัดกระโชกรุนแรง ทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น ‘มังคุด’ ไม่ได้ขึ้นฝั่งที่กว่างตงแต่ดันหอบลมมาขึ้นฝั่งในเขตภูเขานี้แทน

ทุกคนที่อยู่ในนี้เริ่มถอยหลังเพราะถูกลมพัด แต่ด้านล่างคือหน้าผาสูงชัน และด้านล่างของหน้าผาก็คือหินผากับดินโคลนที่ถล่มลงไป ทุกคนพยายามจับสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างสุดความสามารถ

นักพรตเฒ่าพยายามกอดก้อนหินที่อยู่ตรงหน้า เจ้าลิงหลบอยู่ในอ้อมอกของเขาตัวสั่นงันงก มือกระดูกสีขาวของทนายอันทิ่มเข้าไปในดินโดยตรง เล็บของโจวเจ๋อก็ทิ่มลงไปที่พื้น แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนยังคงรู้สึกว่าไม่มีแรงต่อต้านได้

กำลังลมที่แรงมากกับความเฉื่อยยังคงลากดึงพวกเขาอย่างสุดชีวิต เหมือนกำลังจะส่งพวกเขาเข้าไปในปากของสัตว์ใหญ่มโหฬาร ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ มีเพียงไป๋อิงอิงที่ยืนนิ่งไม่ขยับ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเงียบสงบเป็นอย่างมาก มั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน!

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ การตอบสนองอย่างแรกของไป๋อิงอิงไม่ใช่การเข้าไปดึงคน แต่เธอใช้สองมือปิดปากและร้องอุทานด้วยความตกใจ โอ้พระเจ้า! ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะอ้วนขนาดนี้! หนักถึงขั้นลมก็พัดตัวเองไม่ไป! น่ากลัวมากจริงๆ!

โจวเจ๋อพยายามจับพื้นเอาไว้ มองเล็บของตัวเองกรีดพื้นเป็นร่อง แต่กลับไม่สามารถต้านทานแรงลมเฮอร์ริเคนที่น่ากลัวได้อย่างสิ้นเชิง ทว่าหางตาของโจวเจ๋อเหลือบเห็นไป๋อิงอิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าไม่ขยับเลยสักนิด

ทำไมอิงอิงถึงไม่เป็นไร “มีปัญหาแล้ว! นี่ไม่ใช่ลมธรรมดา!” โจวเจ๋อตะโกนบอกทนายอันที่ถูกลมพัดลงไปพร้อมกัน

“ทำไม” เห็นได้ชัดว่าทนายอันไม่ได้ยิน

“ลมนี้มีปัญหา!” โจวเจ๋อตะโกน

“ไอโฟนแพงไปหน่อยเหรอ” ทนายอันตะโกนด้วยความสงสัย

“…” โจวเจ๋อ

ทนายอันมองไปตามสายตาของโจวเจ๋อ แล้วพบว่าไป๋อิงอิงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ จึงตกตะลึงทันที จากนั้นเขาก็ได้สติแล้วตะโกนว่า “นี่ไม่ใช่ลมธรรมดา แต่คือลมหยิน! มีผลกับวิญญาณเท่านั้น!”

ลมหยิน โดยทั่วไปจะปรากฏอยู่ในนรก แน่นอนว่าบนโลกมนุษย์ก็มีเช่นกัน ดังเช่นคำบรรยายสภาพแวดล้อมที่ผู้คนชอบใช้บ่อยๆ อย่าง ‘ลมหยินอันหนาวเหน็บพัดโชยมาเป็นระลอก’ นี่คือลมที่กระตุ้นวิญญาณอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าลมหยินในความหมายโดยทั่วไป มักจะอ่อนแอเกินไป กระทั่งไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นลมหยินอย่างแท้จริง แต่ที่นี่กลับเป็นลมเฮอร์ริเคน!

การรับรู้ของมนุษย์ อาศัยการตัดสินจากจิตวิญญาณ ตอนที่จิตวิญญาณของตัวเองถูกลมพัด แม้แต่ร่างกายของตัวเองก็จะเกิดการตอบสนองไปด้วย ไม่สามารถนับว่าเป็นภาพหลอนได้ แต่เหมือนวิญญาณถูกลมพัดแล้วร่างกายก็ขยับตามไปด้วย อยากจะรักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณเอาไว้มากกว่า

“เถ้าแก่!” ไม่นานนักไป๋อิงอิงก็ได้สติกลับมาจากความตกใจว่า ‘ฮือๆๆ ทำไมตัวเองถึงอ้วนขนาดนี้’ เธอกระโดดข้ามทนายอันที่อยู่ใกล้ตัวเองมากที่สุด แล้วคว้ามือเถ้าแก่ของตัวเองก่อน

“…” ทนายอัน

“เถ้าแก่!” ไป๋อิงอิงออกแรงดึงโจวเจ๋อ ร่างกายของโจวเจ๋อถูกดึงไปข้างหน้าก็จริง แต่ความเจ็บปวดเหมือนวิญญาณจะแตกดับกลับปรากฏขึ้นมาในทันใด เดิมทีแค่ถูกลมพัดเฉยๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าลมกับอิงอิงกำลังแข่งกันยื้อยุดจิตวิญญาณของตัวเอง

“ปล่อยมือ!” โจวเจ๋อตะโกน เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังจะฉีกเป็นสองท่อนแล้ว

“ไม่ เถ้าแก่ ถ้าตายก็ตายด้วยกัน อิงอิงไม่ปล่อย!”

“ปล่อยมือสิ!!!!” โจวเจ๋อคำรามเสียงดัง

“ไม่ อิงอิงจะไม่ไปจากท่าน เถ้าแก่! อิงอิงไม่ปล่อย!!!! ไม่ปล่อยมือเด็ดขาด!!!!!”

“…” โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อรู้สึกว่า ตอนนี้ตัวเองกับไป๋อิงอิงเหมือนอยู่กันคนละช่องอย่างเห็นได้ชัด ถ้าไม่ปล่อยตัวฉันจะขาดแล้วนะ!

“ปล่อย เร็ว รีบปล่อยมือ!”

โจวเจ๋อรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังจะแยกขาดจากกันแล้ว

“ไม่ เถ้าแก่ อิงอิงไม่กลัวว่าท่านจะเป็นภาระ! อิงอิงเกิดเป็นผีดิบของท่าน ตายก็เป็นผีดิบของท่าน อิงอิงไม่ปล่อยมือ!!!”

ถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย โจวเจ๋ออยากดีดกะโหลกของอิงอิง นี่มันเวลาไหนกัน ใครจะมีเวลามาเล่นบทดราม่ากับเธอ!

ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้โจวเจ๋อไม่สามารถอดทนไหว เล็บของเขางอกยาวออกมาทันที ข่วนแขนของไป๋อิงอิงที่จับมือเขาไว้

ไป๋อิงอิงกลัวที่สุดคือเล็บของโจวเจ๋อ เมื่อถูกข่วน เธอจึงตกใจรีบปล่อยมือทันที โจวเจ๋อที่เป็นอิสระแล้วยังไม่ทันจะหายใจสะดวก ก็ถูกลมหยินพัดไปข้างหลัง โจวเจ๋อจึงได้แต่จับข้อเท้าของทนายอันที่อยู่ข้างหลังตัวเอง

“@#¥%&*&……” ทนายอัน

ทนายอันที่เดิมทีดิ้นรนต่อสู้ด้วยความลำบากอยู่แล้วก็ถอยหลังไปพร้อมกับโจวเจ๋ออย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเท้าของทั้งสองคนจึงเหยียบกับความว่างเปล่า ร่วงดิ่งลงไปจากหน้าผา

“เถ้าแก่…เถ้าแก่…” อิงอิงที่ยืนอยู่บนถนนน้ำตาคลอเบ้า “เถ้าแก่ยอมเสียสละตัวเอง…แต่ไม่ยอมเป็นภาระข้า…ฮือๆๆ…เถ้าแก่…”

………………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท