ตอนที่ 453 เกิดความผิดพลาดตอนกลับโลกมนุษย์!
ทางเดินน้ำพุเหลือง เป็นบ้านหลังสุดท้ายของคนตาย และในโลกมนุษย์ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีนักกวีจำนวนไม่น้อยได้เสริมเติมแต่งตำนานเล่าขานตามท้องถิ่นในสิ่งที่ไม่รู้เกี่ยวกับ ‘เมืองนรก’ สร้างเรื่องราวความรักเศร้ารันทดขึ้นมามากมาย
ไม่ว่าจะเป็นในนิยาย ภาพยนตร์ หรือละครโทรทัศน์ เมื่อภรรยาหรือสามีตายแล้ว ถ้าไม่พูดว่า ‘ฉันจะไปรอคุณที่ทางเดินน้ำพุเหลือง’ ก็จะรู้สึกว่าไม่สนุกพอ
แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าชาติที่แล้วคุณรักกันปานจะกลืนกินแค่ไหน เมื่อเดินอยู่ในบนทางเดินน้ำพุเหลืองก็จะกลายเป็นคุณเป็นใครพวกเราไม่รู้จักกัน
ตามตำนานท้องถิ่น สะพานไน่เหอมีคนชื่อยายเมิ่ง เมื่อดื่มน้ำแกงของเธอแล้วจะลืมเรื่องราวในอดีตชาติแล้วไปเกิดใหม่
เมื่อก่อนตอนที่เถ้าแก่โจวยังไม่เคยตายก็เคยสงสัยเหมือนกัน ถ้าหากมีสะพานไน่เหอจริง อย่างนั้นยายเมิ่งไม่เหนื่อยตายเหรอ มีคนตายมากมายทุกวันที่ต้องดื่มน้ำแกง คาดว่าตลอดทั้งปียายเมิ่งไม่ต้องทำอะไร นอกจากต้มน้ำแกงแล้วก็ต้มน้ำแกง
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เดิมทีสะพานไน่เหอเป็นชื่อของสถานที่ แต่ก็เป็นชื่อของขุมอำนาจหนึ่งด้วย ยายเมิ่งอาจจะไม่ได้มีลักษณะเป็นคนแก่หน้าเหี่ยวย่นถือไม้เท้ากับชามเก่าๆ เหมือนขอทาน แต่อาจจะเป็นสาวสวยหุ่นดี ยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่งหน้าเล็กน้อยก็เป็นได้
แต่ระดับยายเมิ่งแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะถือช้อนป้อนผีเร่ร่อนกับมือ
บนทางเดินน้ำพุเหลือง ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนล้วนมีปริมาณการหลั่งไหลของผู้คนสูงมาก นับว่าเป็นทำเลทองของจริง! ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีลูกค้าเดินผ่าน ไม่ต้องกังวลว่าลูกค้าจะเดินไปที่อื่น แต่เสียดายที่ถนนสายนี้สิ้นสุดแค่สะพานไน่เหอเท่านั้น และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหมดระหว่างทางล้วนบริหารดูแลโดยเจ้าหน้าที่ของยมโลก การทะเลาะโวยวายตามมุมเล็กๆ ของขุมอำนาจอื่นในนรก ยมโลกอาจจะไม่สนใจ แต่ถ้าหากยื่นมือเข้ามายุ่งในทางเดินน้ำพุเหลือง ยมโลกจะสู้กับคุณจนตัวตาย
โชคดีที่หลายปีที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าหาเรื่องกับยมโลก เหมือนกับจอมยุทธ์ในนิยายกำลังภายใน ที่มักจะพูดว่า ‘เป็นสุนัขรับใช้ให้ราชสำนัก น่าอับอายที่ต้องทำงานกับคนเช่นนี้’ แต่ก็ไม่เห็นจอมยุทธ์คนไหนกล้าเข้าไปฆ่าฮ่องเต้ในวังสักที
เมื่อขึ้นมาเดินบนทางเดินน้ำพุเหลือง ทนายอันก็สบายใจมากขึ้น โจวเจ๋อไม่ได้รีบร้อนเดินขึ้นไป แต่มองไปที่สระน้ำที่อยู่ข้างๆ มีน้ำขังอยู่ในสระเป็นจำนวนมาก น้ำนิ่งมากต่อให้ไฟเผาหรือลมพัดก็ไม่สะทกสะท้าน สระน้ำแห่งนี้บางครั้งแห้งขอด บางครั้งน้ำเต็ม บางครั้งมีคน บางครั้งก็ไม่มีคน
โจวเจ๋อเดินเข้าไปยืนอยู่ริมสระ สระน้ำใสแจ๋ว อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสกปรกเขาโน้มตัวลง รอสักพักหนึ่ง เดิมทีโจวเจ๋อคิดว่าตัวเองคงจะไม่เห็นอะไร เพราะเขาแค่อยากเดินเล่นรำลึกความหลังที่บ้านเก่าเท่านั้น แต่ไม่นานผิวน้ำที่อยู่ด้านล่างตัวเขาเริ่มมีคลื่นน้ำเป็นชั้นๆ
โจวเจ๋อจ้องนิ่ง เล็บทั้งสองมืองอกยาวออกมาแล้ว
“เถ้าแก่ เกิดอะไรขึ้น” ทนายอันเดินเข้ามา เขาคิดแต่จะรีบกลับโลกมนุษย์ท่าเดียว ทว่าเถ้าแก่ของเขากลับอยากย้อนความทรงจำคิดถึงเรื่องในอดีตเสียอย่างนั้น
ตัวเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้และได้แต่รอเท่านั้น ยังดีที่ทางเดินน้ำพุเหลืองยาวมาก เว้นเสียแต่ว่าคุณโชคร้ายเจอเจ้าหน้าที่ของยมโลกผ่านมาทางนี้พอดี นอกจากนั้นก็ไม่มีความเสี่ยงอะไร
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ทนายอันเหลือบมองโจวเจ๋อ แล้วถอนหายใจดังเฮ้อ ดีนะที่นักพรตเฒ่าไม่อยู่ที่นี่ ถ้าหากนักพรตเฒ่าอยู่ที่นี่ ทนายอันไม่กล้าที่จะชักช้าแม้แต่วินาทีเดียว
ใบหน้าของผู้หญิงลอยขึ้นมาท่ามกลางผิวน้ำ ไม่มีจมูก ไม่มีปาก ไม่มีหู ไม่มีดวงตา เป็นใบหน้าโล้นๆ ไม่ใช่เพราะว่าหน้าโล้นไม่มีอะไร แต่เป็นเพราะให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน
จริงๆ แล้ว โจวเจ๋อไม่แน่ใจว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรกับผีผู้หญิงไร้หน้ากันแน่ เรื่องที่เกิดขึ้นในหรงเฉิงคืนนั้นนอกจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่กี่คน ก็ไม่มีใครรู้อะไรอีก
เส้นผมของเธอแผ่ขยายออกช้าๆ ลอยเป็นแพอยู่บนผิวน้ำ ดูแล้วให้กลิ่นอายของศิลปะอย่างหนึ่ง
“อืม ผีสางที่อยู่ริมทางเดินน้ำพุเหลืองมีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ” ทนายอันเห็นเรื่องแบบนี้จนชินแล้ว เรื่องแปลกพิลึกในนรกมีเยอะแยะจะตาย อย่างเช่นบนทางเดินน้ำพุเหลืองแห่งนี้ ทุกปีจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลพิเศษเฉพาะตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรบนทางเดินน้ำพุเหลืองล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่หนักอึ้ง เป็นเส้นทางสุดท้ายของคนตาย ดังนั้นสิ่งอัปมงคลมากมายจึงถูกดันให้เกิดขึ้นมา
ขอเพียงพวกมันไม่ก่อความวุ่นวาย ยมโลกก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ถือเสียว่าแจกกระถางต้นไม้ริมทางแบบฟรีๆ และเมื่อนานมาแล้ว หนึ่งในสิบพญายม ชอบจัดฉากให้ดูยิ่งใหญ่โอ่อ่า ทุกครั้งที่ออกมาตรวจการ ลูกน้องจะต้องเคลียร์ทางและทำความสะอาดในเวลาเดียวกัน
อืม ไม่ว่าจะเป็นโลกมนุษย์หรือโลกหลังความตายล้วนเหมือนกัน หัวหน้าออกมาตรวจงาน อย่างอื่นไม่กล้าพูด แต่เรื่องทำความสะอาดครั้งใหญ่นั้นเป็นสิ่งจำเป็น
ทนายอันจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองยังไม่ได้เป็นผู้ตรวจสอบ เป็นแค่ยมทูต เขาต้องทำความสะอาดสิ่งเหล่านี้ริมทางเดินน้ำพุเหลืองกับเพื่อนร่วมงานอยู่นานสองนาน นรกไม่อนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ไว้หรอกนะ
ยังดีที่นายใหญ่จอมโอ้อวดคนนั้นเหมือนจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง ต้องปิดประตูฝึกตน บนทางเดินน้ำพุเหลืองแห่งนี้จึงไม่มีคนทำความสะอาดอีกเลย ผ่านไปหลายสิบปีก็เลยเกิด ‘ของแปลก’ ตามริมทางจำนวนไม่น้อย
ผีผู้หญิงไร้หน้ามองโจวเจ๋อ ส่วนโจวเจ๋อก็มองผีผู้หญิงไร้หน้า ทั้งสองคนไม่ได้สื่อสารอะไรกัน อันที่จริงเวลาผ่านไปนานแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ตอนที่โจวเจ๋อตายลงนรกมาครั้งแรก ได้เจอผีผู้หญิงไร้หน้า สามารถพูดได้ว่า ผีผู้หญิงไร้หน้าเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนอยู่ในหัวของโจวเจ๋อมาเป็นเนิ่นนาน
โดยเฉพาะตอนที่ผีผู้หญิงไร้หน้ากลายร่างเป็นหมอหลินนั่งในอยู่รถกับเขาในครั้งนั้น ช่างตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
แต่ตอนนี้เขาสามารถเผชิญหน้าได้อย่างเปิดเผยแล้ว ผีผู้หญิงไร้หน้าจมลงไปในน้ำอย่างเงียบๆ ผิวน้ำกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
โจวเจ๋อลุกขึ้นมองทนายอัน แล้วพูดว่า “กลับกันเถอะ” กลับสู่โลกมนุษย์กัน พอกลับไปแล้วก็อาบน้ำ จากนั้นก็นอนกอดอิงอิง นี่คือชีวิตที่ควรจะเป็น
และในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าม้าดังมาแต่ไกล ทนายอันรีบกดไหล่ของโจวเจ๋อทันที ทั้งสองคนนั่งยองๆ อยู่ในหญ้าคาริมน้ำ
พวกวิญญาณที่อยู่บนทางเดินน้ำพุเหลืองเปิดทางให้ จากนั้นยมทูตในชุดเสมียนกลุ่มหนึ่งก็ควบม้าผ่านไป
“ยมทูตก็ขี่ม้าเหรอ” โจวเจ๋อถามด้วยความประหลาดใจ
“เป็นอะไร มีอะไรแปลกเหรอ”
“น่าจะเป็น ‘ปิ้วๆๆ’ หายตัวได้ไม่ใช่เหรอ”
“…” ทนายอัน
หลังจากรอกลุ่มคนผ่านไปแล้ว ทนายอันจึงอธิบายว่า “ปิ้วๆๆๆ…แบบนี้” แล้วฉันจะเลียนแบบทำไมเนี่ย “นรกกว้างใหญ่มาก ถ้ามัวแต่หายตัวไปหายตัวมา ไม่ว่าใครก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละ และม้าพวกนี้ก็ไม่ใช่ม้าในโลกมนุษย์ มันไม่กินหญ้า แค่สูดไอวิญญาณก็วิ่งได้ไม่หยุดหย่อนแล้ว”
“อ้อ” โจวเจ๋อพยักหน้า “แต่รู้สึกดูล้าหลังอยู่นะเนี่ย”
“นี่คือม้าของยมทูตทั่วไปในนรก คนใหญ่คนโตก็มีพาหนะในแบบของพวกเขา จริงๆ แล้วก็พอใช้ได้ ก่อนหน้านั้นผมดูละครเรื่องหนึ่งในร้านหนังสือ ฮ่องเต้ก็ยังควบม้าเลย แล้วก็พูดเสียงสูงว่า ฮ่องเต้องค์นั้นน่ะ กล้าลงจากม้ามาสู้กับข้าสักหนึ่งยกไหม!”
“เวอร์ขนาดนั้นเลยเหรอ”
หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีคนมาอีก ทางเดินน้ำพุเหลืองก็กลับสู่สภาพปกติ พวกเขาทั้งสองคนจึงเดินออกมาจากหญ้าคา แล้วเดินขึ้นไปบนทางเดินน้ำพุเหลือง
โจวเจ๋อมองดู ‘พวกผีตายซาก’ ที่เดินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์กันเนืองแน่น เขารู้สึกเหมือน ‘คนอื่นอยู่ในความมึนงงมีแต่ตัวเองที่ยังมีสติอยู่’ แต่จริงๆ แล้วพอเข้ามาเดินบนถนนเส้นนี้ ไม่ต้องเดินถึงสะพานไน่เหอก็แทบจะลืมตัวเองไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“เถ้าแก่ เมื่อก่อนคุณเคยมานรกใช่ไหม” ทนายอันถาม
“อืม” โจวเจ๋อพยักหน้า
“อย่างนั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ” ทนายอันพูดจบก็หลับตา โจวเจ๋อมองร่างของทนายอันลอยขึ้นช้าๆ
โจวเจ๋อเลียนแบบ อันที่จริงแค่เลียนแบบความรู้สึกที่ลอยขึ้นมาจากก้นบึ้งทะเลที่อยู่ในความฝัน จากนั้นร่างกายของเขาก็ค่อยๆ ลอยขึ้น แต่ลอยขึ้นไปได้ไม่นาน ร่างของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาว เหมือนโดนเยื่อกั้นชั้นหนึ่ง จากนั้นร่างกายเริ่มจางอย่างช้าๆ คล้ายสลายหายไป
และในเวลานี้ โจวเจ๋อมองเห็นทนายอันที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเองกำลังทำท่ามุทราอยู่
“ทำอะไร” โจวเจ๋อตะโกน
ทนายอันตกตะลึงเล็กน้อย เขาที่เพิ่งทำท่ามุทราเสร็จไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไร ก็ถามด้วยความตกใจว่า “เถ้าแก่ คุณไม่รู้มุทราคืนวิญญาณเหรอ”
“ไม่รู้”
“ไหนบอกว่าคุณเคยมาแล้วไง” ทนายอันแสดงสีหน้าหลากกลายอารมณ์ขึ้นมา
“ใช่แล้ว เคยมา ครั้งแรกเข้าร่างของสวีเล่อ หลังจากนั้นอีกสองสามครั้งมาตามความฝัน”
“อะไรนะ!” ทนายอันสูดลมเย็นเข้าปาก รีบพูดว่า “มาตามความฝันเราไม่นับ จริงๆ แล้วความฝันของตัวเองมีการเชื่อมต่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นในนรก แต่ไม่นับว่าวิญญาณได้มาที่นี่จริงๆ ดังนั้นพอตื่นจากฝัน สตินึกรู้ของคุณก็ตื่นด้วย ไม่ใช่ๆตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ บ้าจริง ผมคิดว่าหลินเข่อเคยสอนคุณ แย่แล้วๆ ผมประมาทเกินไป เถ้าแก่ คุณใช้มุทราคืนวิญญาณไม่เป็น ตอนที่ออกจากนรกก็จะไม่สามารถกลับสู่กายเนื้อของตัวเองได้อย่างแม่นยำ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเหมือนตอนที่คุณมาครั้งแรก ไม่รู้ว่าต้องล่องลอยไปไหนกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน!”
“…” โจวเจ๋อ น่ากลัวขนาดนั้นเชียว!
มิน่าล่ะพวกผีร้ายที่ออกมาจากนรกจึงต้องเลือกสุ่มสิงร่างที่เหมาะสม กระทั่งต้องสิงร่างแปลกๆ อย่างหนู เพราะว่าตอนที่พวกเขาหนีมาจากนรกไม่ได้มีกายเนื้อรอพวกเขา และเมื่อไม่มีมุทรานี้ ก็ได้แต่รีบลอยล่องออกไปเท่านั้น
เมื่อพวกเขารอให้ถึงเวลานั้น ตัวเลือกจริงๆ นั้นกลับแสนจะน้อยนิด ต้องอาศัยดวงล้วนๆ นอกจากนี้ถ้าคุณสิงร่างของคนที่มีพลังหยางสูง ก็อาจจะโดนพลังตีกลับทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้
“เถ้าแก่ ทำตามผม ทำง่ายมาก คุณทำตามผม แล้วก็ตอนท่องคาถา ให้ใส่ไอพิฆาตเข้าไปตอนที่ทำมือมุทราก็เรียบร้อยแล้ว” ทนายอันตะโกนพูดทันที
“ฮู่ว…” โจวเจ๋อถอนหายใจยาว ยังดีที่ยังกอดเท้าพระตอนจวนตัวได้ อย่างนั้นก็ไม่ลนลานแล้ว พอใช้ได้ ยังพอไหว
โจวเจ๋อประสานมือทั้งสองข้าง เตรียมตัวเลียนแบบท่าของทนายอัน
“ดูดีๆ นะ เถ้าแก่”
“อืม เร็วเข้า”
“อืม ดูการเคลื่อนไหวของผม ทำแบบนี้ก่อน…”
‘ปิ้ว!’
เมื่อได้เวลา ร่างกายของทนายอันก็จางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหายไป เขากลับโลกมนุษย์ไปแล้ว!
“…” โจวเจ๋อ!
………………………………………………………………………..