ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 458 กระโดดโลดเต้น!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 458 กระโดดโลดเต้น!

บางทีนี่แหละคือชีวิต หลายคนมักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ แต่ในความเป็นจริงนั้นทุกคนอย่างมากก็แค่เจอเรื่องราวที่ทุกคนต้องประสบไปด้วยกันเท่านั้น อย่างเช่น เผาศพ

นอกจากคนส่วนน้อยแล้ว คนส่วนใหญ่หลังจากตายแล้วก็ต้องเดินมาถึงจุดนี้ เพียงแต่โจวเจ๋อประสบพบเจอมาสองครั้งแล้ว และนี่เป็นครั้งที่สาม

โบราณว่าไว้ ครั้งแรกมีกำลังใจฮึกเหิม ครั้งที่สองเริ่มอ่อนกำลัง ครั้งสี่สามหมดแรงสู้ไม่ไหว โจวเจ๋อพบว่าตอนนี้เขาหมดแรงต่อต้านแล้ว

อยากเผาก็เผาเลย เผาแล้วฉันจะได้ลอยไปสิงร่างของคนอื่น ถ้าหากหาไม่เจอ ก็ช่างมันเถอะ

สองศพก่อนหน้านั้นโดนเผาแล้ว โจวเจ๋อได้กลิ่นน้ำมันก๊าดและรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ร้อนระอุ พี่ชาย ภรรยาของคุณกับน้องชายของคุณถูกเผาเป็นจุณแล้ว พี่ชายคุณได้กำไรจริงๆ ฉันแค่อาศัยร่างของคุณแป๊บเดียว ก็ช่วยแก้แค้นให้คุณได้พอดี

โจวเจ๋อยังพอมีเวลาว่างคิดเรื่องพวกนี้ และในไม่ช้าก็ถึงตาของเขา เปลรถเข็นเตรียมพร้อมอย่างดีรอส่งเข้าเตาเผา เขารู้สึกคุ้นเคยจริงๆ

แต่ตอนที่รอถึงตาของเขานั้น ไฟในหอฌาปนกิจจู่ๆ ก็มืดลง แม้แต่เตาเผาที่กินร่างคนก็ยังหยุดทำงานชั่วคราว หอฌาปนกิจไฟดับ

“โทรถามการไฟฟ้า เร็วเข้า ถ้าหากเกิดปัญหาจากพวกเราเอง ก็ให้ซ่อมก่อน เร็ว แล้วก็เอาศพนี้ย้ายไปที่ห้องเก็บศพก่อน ถึงแม้ไฟดับแต่ที่นั่นก็ยังมีความเย็นอยู่”

เถ้าแก่โจวไม่ได้ยินดีเลยสักนิด และไม่รู้สึกดีใจแม้แต่นิดเดียว เพราะเดี๋ยวไฟก็มาแล้ว ซึ่งหมายความว่าตัวเองต้องมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สี่ เตรียมตัวเตรียมใจโดนเผาเป็นครั้งที่สี่ เขาคิดว่าจับตัวเองไปเผาให้มันเสร็จๆ ไปเลยไม่ได้หรือไง

นี่ก็เหมือนในภาพยนตร์ระทึกขวัญ เวลาที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดจริงๆ แล้วไม่ใช่ตอนที่ผีหรือคนร้ายออกมาสู้กับตัวเอก แต่เป็นตอนที่ผีหรือคนร้ายไม่ได้ออกมา แต่ตัวเอกกลับเข้าไปเปิดหาทีละห้องอย่างช้าๆ

เขาคิดว่ารอโดนเผาก็เป็นเรื่องที่ทรมานอย่างหนึ่ง ยังดีที่หลังจากโดนผลักเข้าไปในตู้แช่เย็นแล้ว เถ้าแก่โจวสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เย็นสบาย ความเย็นยะเยือกทำให้วิญญาณของเขาได้ผ่อนคลาย เหมือนได้รับการหล่อเลี้ยง ฮู้ สบายจริงๆ

ดูเหมือนไฟในหอประกอบพิธีฌาปนกิจจะดับนานมาก แต่เป็นเพราะสาเหตุใด โจวเจ๋อก็ไม่แน่ใจ เขารู้สึกแค่ว่าตัวเองเหมือนจะมึนไปนานมาก ไม่ใช่เพราะการนอนหลับ แต่เหมือนกำลังนอนเล่นอยู่บนชายหาดแสงแดดจ้าตา ความรู้สึกแบบนี้ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้คนนอกเข้าใจได้อย่างไร

เมื่อก่อนโจวเจ๋อว่างไม่มีอะไรทำ เวลาที่เดินผ่านโรงพยาบาล จะตั้งใจเข้าไปในห้องดับจิตเพื่อ ‘นึกถึงความลำบากที่ผ่านมา’ การเข้าไปนอนในตู้แช่ศพ สำหรับโจวเจ๋อแล้วเหมือนการได้กลับบ้าน

แต่น่าเสียดายที่เพื่อนๆ พี่ชาย และพี่สาวที่อยู่ในนี้ไม่สามารถพูดได้ หรือบางทีสิ่งที่น่าเสียใจอย่างหนึ่งก็คือ ดูเหมือนว่าศพนี้จะมีปัญหาไม่น้อยเพราะถูกรถชน กระดูกตามร่างกายก็หักไปไม่น้อย เถ้าแก่โจวพยายามขยับตัวเขา ถึงแม้จะพอขยับได้ แต่ก็ลำบากสุดๆ

โจวเจ๋อจำได้หลังจากผู้หญิงที่มาจากสะพานไน่เหอคนนั้นเข้าไปในศพศพหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะอาศัยการกินวิญญาณเพื่อให้ร่างกายของตัวเองมีพลังรูปแบบใหม่

แต่น่าจะเป็นเพราะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของสะพานไน่เหอ เถ้าแก่โจวจึงทำไม่ได้

‘ตึกๆๆ…’ เสียงดังมาจากข้างนอก โจวเจ๋อส่ายหน้าเล็กน้อย มาแล้ว จะเอาไปเผาแล้วใช่ไหม

โจวเจ๋อกำลังลังเลว่าก่อนที่ตัวเองจะถูกเผาลองส่ายศีรษะสะบัดแขนขาทำให้อีกฝ่ายตกใจดีไหม หรือว่าเอาไปเผาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แล้วค่อยหาร่างกายถัดไป

ทว่าโจวเจ๋อกลับเห็นถึงความผิดปกติ อย่างแรกคือเขาไม่ได้ยินเสียงไฟติด แม้แต่เครื่องแช่เย็นก็ไม่เริ่มทำงาน แบบนี้คือไฟยังไม่มาใช่ไหม อย่างที่สองคือคนที่เดินเข้ามาค่อยๆ เปิดประตูเล็กทีละบาน นี่คืออยากจะเอาศพในหอประกอบพิธีฌาปนกิจไปทำอาหารตุ๋นสไตล์ตงเป่ยเหรอ

โจวเจ๋อก็ถูกดันออกมาเช่นกัน เถ้าแก่โจวไม่ขยับตัว ขาซ้ายของเขาหัก กระดูกหน้าอกก็หักหลายซี่ เขาในตอนนี้อิจฉาชุ่ยฮวามากที่หลังจากสิงร่างแล้วก็สามารถทำตัวบ้าคลั่งได้ทันที แบบนั้นเรียกว่าความบ้าระห่ำ

ส่วนตัวเขาในตอนนี้ทำไม่ได้เลยสักนิด คาดว่าแค่สามารถควบคุมร่างนี้ให้ลุกขึ้นโดยไม่เซล้มได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว

ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คนเดียว ศพถูกเข็นออกมาทีละศพ แล้วนำไปพิงกำแพง

โจวเจ๋อถูกย้ายออกไปเหมือนกัน โจวเจ๋อแอบลืมตามองเล็กน้อย พบว่าข้างกำแพงฝั่งที่ตัวเองอยู่มี ‘เพื่อนร่วมห้อง’ พิงอยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นผู้ชมที่ดูไลฟ์สดจะเรียกว่า ‘แฟนคลับ’ แต่ของโจวเจ๋อน่าจะเรียกว่า ‘เพื่อนร่วมเมรุ’ ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายทุกคนก็ต้องถูกเผา

หอประกอบพิธีฌาปนกิจหลายแห่ง ก็มีการใช้เป็นหอเก็บศพเหมือนในสมัยโบราณเช่นกัน จะมีพวกศพที่เกี่ยวข้องกับคดีหรือศพไร้ชื่อ ไม่สามารถจัดการได้ทันที ก็ต้องนำมาเก็บไว้ที่นี่ และด้วยเหตุนี้ จึงมีอัตราการเข้าพักสูงมาก

โจวเจ๋อลืมตาเหมือนปกติ อย่างไรคนตายบางส่วนก็ตายตาไม่หลับ จึงไม่มีใครสงสัยอะไร

‘ตึกๆๆ…’ เสียงดังขึ้นอีกครั้ง โจวเจ๋อเห็นเด็กผู้ชายใส่ชุดนักเรียนคนหนึ่งจูงมือผู้หญิงใส่ชุดกระโปรงสีแดงเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงกลาง เด็กผู้ชายท่าทางสดใสดูแล้วน่ารักเป็นอย่างมาก ส่วนผู้หญิงผอมเล็กน้อยและตัวไม่สูงนัก

“แม่ครับ มีของอร่อยเต็มไปหมดเลย”

“…” โจวเจ๋อ

ช่วยหยุดหน่อยได้ไหม! วิญญาณของฉันยังไม่กลับเข้าร่างก็เซ็งจะแย่อยู่แล้ว ปรากฏว่าคุณยังหาเรื่องมาให้ฉันไม่จบไม่สิ้น นี่คือเจอกับผู้ป่วยชอบกินซากศพเหรอ

แต่ไม่ช้าโจวเจ๋อก็คิดว่าตัวเองคิดผิด อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ป่วยชอบกินซากศพธรรมดาเท่านั้น เด็กผู้ชายดึงกระโปรงของแม่ตัวเองลงมา นี่คือการกระทำที่ซุกซนมากอย่างหนึ่ง ซึ่งเทียบได้กับเด็กซนที่ดึงเสื้อชั้นในของแม่ตัวเองตอนอยู่ในสวนน้ำ

แต่หลังจากดึงกระโปรงลงมาแล้ว กลับไม่มีอะไรที่โป๊เปลือยดูไม่ได้ออกมา หรือพูดอีกอย่างว่า รสนิยมของแต่ละคนต้องอยู่ในระดับไหนถึงจะเรียกว่านี่คือทัศนียภาพที่สวยงาม

ขาทั้งสองข้างของผู้หญิงไขว้กัน เป็นขาที่เรียวและดำมาก สัดส่วนไม่ค่อยสมดุลกัน เหมือนไม้ฟืนสองท่อนเป็นคานพยุงร่างกายท่อนบน ดูแล้วเหมือนคนป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบ แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว

มือทั้งสองข้างของผู้หญิงวางอยู่ตรงท้องของตัวเอง ขาทั้งสองไขว้กัน เหมือนท่าในรูปถ่ายลมพัดกระโปรงสีขาวสุดคลาสสิกของมาริลิน มอนโร แต่สภาพของเธอในตอนนี้ ไม่ได้ให้ความรู้สึกสวยงาม แต่เป็นภาพที่ประหลาดจนคนต้องกลั้นหายใจ

“แม่ครับ วันนี้คุณครูสอนพวกเราร้องเพลงชื่อ ‘ฉันเป็นทหารเรือน้อย’ ผมแสดงให้แม่ดูดีไหมครับ”

เด็กผู้ชายเหมือนเด็กนักเรียนทั่วไปเมื่อกลับมาจากโรงเรียนแล้วก็เล่าอวดให้พ่อแม่ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนวันนี้ แต่ควรทราบว่าที่นี่เป็นหอฌาปนกิจ และมีศพเรียงรายอยู่ตรงหน้า เสียงสดใสของเด็กกลับยิ่งทำให้บรรยากาศน่าขนลุกขึ้นไปอีก

“ฉันเป็นทหารเรือน้อย ขับเรือปืน ไม่กลัวลม ไม่กลัวคลื่น มุ่งไปข้างหน้าอย่างหาญกล้า…” เด็กผู้ชายร้องพร้อมกับคำนับแสดงความเคารพ ขณะเดียวกันเขาก็ยังเดินย่ำอยู่กับที่เป็นจังหวะ เขาแสดงอย่างตั้งใจ และร้องเพลงเพราะไม่เลว

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มขยับไปตามจังหวะของเด็กผู้ชาย ขาเรียวยาวเหมือนตะเกียบทั้งสองข้างของเธอที่ใครเห็นแล้วต้องทึ่งเริ่มขยับสลับไปมาไม่หยุด คล้ายจังหวะก้าวของการเต้นสตรีทแดนซ์

ขณะเดียวกัน ใบหน้าของผู้หญิงที่เดิมทีค่อนข้างผอมแต่นับว่ายังปกติอยู่ก็เริ่มยุบลงไปช้าๆ ลูกตาเริ่มใหญ่ขึ้น เบ้าตาขยาย ริมฝีปากเริ่มนูนขึ้นมา สรุปก็คืออวัยวะบนใบหน้าเปลี่ยนไปดูชัดเจนมากขึ้น และตำแหน่งที่เหลือบนใบหน้าแทบจะหดเข้าไปแบบสุดๆ

ริมฝีปากของผู้หญิงอ้าปากหุบปากไม่หยุดเหมือนปลาเกยตื้นตัวหนึ่ง ขยับเขยื้อนด้วยความถี่และเร็วมากทว่ากลับไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไรออกมากันแน่

โจวเจ๋อ ‘หรี่ตา’ มองฉากนี้ เขารู้สึกว่าวันพรุ่งนี้เด็กคนนี้ควรจะพาแม่ของเขาไปโรงเรียนและไปที่ห้องพักครูแล้วแสดงเดี่ยวให้คุณครูได้เห็น ครูของเขาน่าจะซาบซึ้งจนร้องไห้เลยทีเดียว

ต่อมาเรื่องที่ทำให้โจวเจ๋อคาดไม่ถึงได้เกิดขึ้น มีพลังบางอย่างพยายามเข้าใกล้ตัวเขา พยายามควบคุมร่างกายนี้ของเขา

โจวเจ๋อปฏิเสธด้วยสัญชาตญาณ พลังนี้จึงสลายไปในไม่ช้า โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องพิจารณาเลยด้วยซ้ำ มันเร็วมากเหมือนมีคนใช้แรงจับคุณ และการตอบสนองอย่างแรกของคุณคงไม่ได้พูดกับเขาด้วยเหตุผลว่า ‘การกระทำของคุณไม่ถูกต้อง การกระทำนี้ของคุณถือเป็นการรบกวน ฉันมีสิทธิ์…’ แต่เป็นการถีบไอ้หมอนี่ออกไปทันที

ทว่าฉากที่น่าสนุกได้เกิดขึ้นอีก ‘เพื่อนร่วมเมรุ’ ทั้งหลายที่อยู่ข้างโจวเจ๋อกลับขยับตามจังหวะของเด็กผู้ชาย

คุณสามารถจินตนาการภาพของศพกลุ่มหนึ่งเต้นตามเพลง ‘ฉันเป็นทหารเรือน้อย’ กันอย่างมีความสุขอยู่ในหอฌาปนกิจได้หรือไม่

ถึงแม้จะเป็นคนที่เดินทางไปนรกสองสามครั้งแล้ว แต่สิ่งแปลกใหม่เปิดโลกแบบนี้เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกจริงๆ

การเคลื่อนไหวของศพทั้งหลายตอนแรกเริ่มแข็งทื่อมาก แต่พอเต้นไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคล่องแคล่ว เหมือนจับจังหวะได้ ภายในห้องเก็บศพจึงเปลี่ยนเป็นการเต้นอย่างบ้าคลั่งในพริบตา

“เรือปืนขับเร็ว ปืนใหญ่เล็งเป้า ศัตรูกล้ามารุกราน ตู้มๆๆ!!!”

เด็กผู้ชายรู้สึกฮึกเหิม โดยเฉพาะสองสามคำสุดท้ายที่ว่า ‘ตู้มๆๆ’ เขาร้องใส่พลังเป็นพิเศษ แม่ของเด็กผู้ชายกระทั่งยกมือขึ้นมาทั้งสองข้าง แล้วทำท่าเหมือนยิงปืนใหญ่

บรรดา ‘เพื่อนร่วมเมรุ’ ที่อยู่ข้างๆ โจวเจ๋อก็เหมือนกัน ทำท่าติงต๊องด้วยการ ‘ตู้มๆๆ!’ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

แต่เถ้าแก่โจวไม่ให้ความร่วมมือและไม่เข้าร่วม อย่างแรกเป็นเพราะพลังนี้พยายามควบคุมร่างกายของเขาแต่ถูกเขาปฏิเสธ อย่างที่สองเป็นเพราะมันน่าอับอายเกินไป ดัชนีความน่าอับอายมีมากกว่าตอนที่นักพรตเฒ่านั่งเก้าอี้รถเข็นร้องเพลง ‘ตู๊ดๆๆ’ แล่นไปตามถนนหนานต้าเสียอีก

พวกคุณเล่นเลย เล่นกันให้สนุกก็พอ ส่วนผมขอตัวก่อน ไม่อยากบ้าเป็นเพื่อนพวกคุณ แล้วก็ถ้าหากเป็นไปได้ โจวเจ๋ออยากจะตะโกนว่า เฮ้ย พนักงานในหอฌาปนกิจ พวกคุณไปตายห่าอยู่ที่ไหน ทำไมไฟยังไม่มา รีบจับคนบ้าในห้องนี้ไปเข้าเตาเผาเผาให้สิ้นซากเร็วเข้า ฉันทนดูไม่ไหว ทนดูไม่ไหวแล้วจริงๆ

ตอนที่โจวเจ๋อกำลังคิดเรื่องไร้สาระเหล่านี้ จู่ๆ กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาใกล้ตัวเขามาก “คุณอา ผมร้องเพลงไม่เพราะเหรอครับ ไม่อย่างนั้นทำไมคุณถึงไม่เต้นตามล่ะครับ”

………………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท