ตอนที่ 459 แข็งทื่อ
โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองกับเด็กน้อยดวงไม่สมพงษ์กัน ไม่อย่างนั้นทำไมตัวเองเจอเด็กทีไรจะต้องมีปัญหาตลอด คนหนึ่งคือสาวน้อยโลลิ อีกคนหนึ่งคือจูเซิ่งหนาน แล้วก็เด็กที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อีก
เยาวชนของพวกเราตอนนี้เป็นอะไรกันไปหมด
“คุณอา ผมอยากเล่นกับคุณอาครับ” เด็กผู้ชายยื่นมือจับมือของโจวเจ๋อแล้วส่ายไปมา เอ๊ะ เธอกำลังอ้อนเหรอ เธอสามารถเรียกศพเป็นกลุ่มที่อยู่ในหอประกอบพิธีฌาปนกิจขึ้นมาร้องเพลง ‘ฉันเป็นทหารเรือน้อย’ ได้ ฉันคิดว่าเธอทำตัวอ้อนแบบนี้คงไม่เหมาะสมนะ
เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อยังคงไม่ตอบสนอง ก็คิดว่าเขาพูดไม่ได้และเคลื่อนไหวได้เล็กน้อยเท่านั้น
เด็กผู้ชายทำปากจู๋ “คุณอา ผมอยากเล่นกับคุณอาอะ”
แต่อาไม่อยากสนใจเธอ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย
“คุณอา คุณอาไม่เหมือนกับพวกเขา” เด็กผู้ชายพูดจริงจัง “พวกเขาไม่ปฏิเสธผม แต่คุณอาปฏิเสธผมเป็น”
ฉันปฏิเสธเธอ เธอก็เลยยิ่งชอบฉันเนี่ยนะ สมองของเธอมีปัญหาหรือเปล่า!
“คุณอาไม่เหมือนใครจริงๆ คุณอามีสตินึกรู้ใช่ไหม” ขณะที่พูด เด็กผู้ชายจับมือของโจวเจ๋อแรงขึ้น ชั่วเวลาเพียงครู่เดียว โจวเจ๋อสัมผัสได้ถึงพลังที่ถูกตัวเขาตีกระจายก่อนหน้านี้เข้ามาจู่โจมอีกครั้ง และครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม ดูเหมือนตัดสินใจแน่วแน่อยากแย่งสิทธิ์ในการควบคุมร่างกายกับเขาจริงๆ
เด็กผู้ชายคนนี้สามารถควบคุมศพได้ เส้นสีฟ้าจางๆ แต่ละสายไหลวนผ่านตัวของเขาไม่หยุดหย่อน กระทั่งมองข้ามการต่อต้านของโจวเจ๋อ มันพยายามยึดสิทธิ์ในการควบคุมร่างกายนี้ นี่ใช้วิธีของคนขนศพใช่ไหมเนี่ย
โจวเจ๋อจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ได้คุยกับทนายอันเขาได้ยินทนายอันเล่าว่า ก่อนที่จะสถาปนาประเทศ พิธีขนศพในเซียงซียังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
การขนศพในเซียงซีแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งอาศัยการฝึกฝน ทำนองเดียวกับสวี่ชิงหล่าง ฝึกให้สามารถควบคุมศพได้ และประเภทนี้มีสัดส่วนที่มากกว่า อีกประเภทหนึ่งมีจำนวนน้อยกว่า ถ้าหากนำการขนศพในเซียงซีมาเทียบสัดส่วนต่อหนึ่งส่วน คนประเภทนี้อาจจะมีสัดส่วนเพียงศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
คนประเภทนี้ถือว่าเป็นระดับ ‘ตำนาน’ ของคนขนศพในเซียงซีเลยก็ว่าได้ เพราะว่าพวกเขามีความสนิทสนมกับศพตั้งแต่เกิดมา ไม่จำเป็นต้องฝึกวิชาหรือใช้วิธีอื่นในการช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะควบคุมศพได้แล้ว
ทนายอันเคยบอกว่าตอนที่เขาเป็นผู้จับกุม มีลูกน้องยมทูตคนหนึ่งเคยขนศพในเซียงซีเหมือนกัน จากนั้นจึงรู้กลวิธีตอนที่พูดคุยกับเขา
เด็กผู้ชายคนนี้ เป็นคนเป็นอย่างเห็นได้ชัด และโจวเจ๋อก็ไม่เห็นว่าเขาใช้วิธีการพิเศษหรือว่าจัดเตรียมของอะไร ก็สามารถปลุกศพที่นี่ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
และแล้วบนโลกใบนี้ ล้วนมีเรื่องแปลกพิลึกอยู่ทุกที่จริงๆ แต่เด็กตัวเล็กอย่างเธอคิดจะควบคุมฉันทำไมฟะ
เมื่อโจวเจ๋อเห็นว่าต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งเขาว่างไม่มีอะไรทำ และไม่คิดจะออกจากร่างนี้ชั่วคราว เขาต้องการสิงอยู่ในร่างนี้ก่อน
ดังนั้น โจวเจ๋อจึงมองตัวเขาค่อยๆ นำศพแต่ละศพวางกลับไปในระยะไกล ดันพวกเขาลงไปในตู้แช่เย็น สุดท้ายเด็กผู้ชายใช้มือหนึ่งจูงมือของโจวเจ๋อและอีกมือหนึ่งจูงมือของผู้หญิงคนนั้น ทั้งสามคนเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันเดินออกมาจากหอประกอบพิธีฌาปนกิจ
โจวเจ๋อไม่เห็นใครตลอดทาง เขาอยากจะตะโกนจริงๆ ว่าคนในหอประกอบพิธีฌาปนกิจไปต่ายห่าที่ไหนกันหมด ฉากที่น่าตกใจกลัวขนาดนี้พวกคุณไม่ได้เห็นไม่ได้ตกใจจนเป็นลมนี่ น่าเสียดายมากจริงๆ
ด้านนอกหอประกอบพิธีฌาปนกิจเป็นทางเดินสีเขียวที่ทอดยาว ไม่นับว่าเป็นสวนสาธารณะ แต่อาคารก่อสร้างค่อนข้างกว้างขวาง
ผู้หญิงใส่กระโปรงสีแดงตัวก่อนหน้าอีกครั้ง ใบหน้ากลับคืนสู่ปกติ ส่วนโจวเจ๋อถูกเด็กผู้ชายควบคุมให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องล็อกเกอร์ของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลปินก่อนที่จะออกมา
แต่โจวเจ๋อกลับเดินขาเป๋ เขาสามารถเดินได้ แต่เดินแล้วดูทุเรศมากเท่านั้นเอง
บนถนนเงียบเหงาวังเวง ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกเริ่มเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนอย่างมีความสุข เด็กผู้ชายพูดจ้อไม่หยุด เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนของตัวเอง และพอจะฟังออกว่า เด็กผู้ชายคนนี้น่าจะมีเพื่อนในโรงเรียนเยอะเหมือนกัน
ในผลงานภาพยนตร์ ละคร หรือนิยายมากมาย เด็กที่มีความสามารถพิเศษมักจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว จากนั้นก็เข้าพวกไม่ได้ถูกเพื่อนในโรงเรียนรังแก จึงทำให้ตัวเองเกิดความฝังใจที่ลึกขึ้น
แต่เด็กผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนกัน เขาบอกว่าเขามีเพื่อนนักเรียนหญิงสามคนในชั้นเรียน ต่างแย่งที่จะเป็นภรรยาของเขาเมื่อโตขึ้น ดังนั้นเด็กผู้หญิงทั้งสามคนจึงทะเลาะกัน จนถูกคุณครูเรียกผู้ปกครองด้วยเหตุนี้
โจวเจ๋อรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่มีความรู้สึกหดหู่เศร้าใจเหมือนคนถูกรังแกเลย เขาใช้ชีวิตอย่างร่าเริงชัดๆ ร่าเริงมากถึงขั้นปลุกศพในหอประกอบพิธีฌาปนกิจมาเต้นด้วยกัน!
“คุณอา คุณอาไม่ชอบแม่ใช่ไหม” เด็กผู้ชายเงยหน้ามองโจวเจ๋อ
“ผมรู้สึกได้ว่าคุณอาเกลียดแม่มากจริงๆ”
“ในเมื่อคุณอาไม่ชอบแม่…” เด็กผู้ชายปล่อยมือของผู้หญิง แล้วพูดกับผู้หญิง “นี่ อย่างนั้นคุณน้า คุณมาจากไหนก็กลับไปที่นั่น ไปรอที่ใต้ฝาบ่อริมสระบัว อีกไม่นานลุงตำรวจก็น่าจะเห็น ขอบคุณที่มาเล่นกับผมวันนี้นะครับ”
“…” โจวเจ๋อ
ผู้หญิงเดินออกไปอย่างเงียบๆ กลับไปยังสถานที่ที่เหมาะสมกับเธอ จากนั้นเด็กผู้ชายก็จูงมือของโจวเจ๋อเดินต่อ “คุณอา ผมชื่อเฉิงจิ่ว พ่อของผมแซ่เฉิง ชื่อเล่นแม่ของผมชื่ออาจิ่ว ดังนั้นผมจึงชื่อเฉิงจิ่ว คุณจำได้หรือยัง คุณอา”
“คุณอา พวกเราไปเดินเล่นริมแม่น้ำกันเถอะ”
“คุณอา ผมขี้กลัว ปกติผมไม่กล้าออกมาเดินเล่นริมแม่น้ำตอนกลางคืนคนเดียว”
“…” โจวเจ๋อ เขาคิดในใจว่าเธอขี้กลัวเหรอ
“คุณอา คุณไม่รู้อะไร ถ้าเดินไปทางริมแม่น้ำ จะสามารถมองเห็นคุณปู่คุณย่าได้อีกด้วย พวกเขาถูกฝังอยู่ตรงนั้นนานหลายปีแล้ว แต่ถูกฝังลึกมาก ผมจึงปลุกพวกเขาขึ้นมาไม่ได้”
“…” โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อถูกเด็กผู้ชายจูงมือเดินกะโผลกกะเผลก เดินไปทางริมน้ำช้าๆ นับว่าที่นั่นเป็นวิวริมแม่น้ำได้เช่นกัน ในอดีตจริงๆ แล้วที่นี่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคูเมือง แต่ด้วยความเจริญก้าวหน้าตามยุคสมัย กำแพงและคูเมืองแบบนี้ ถูกเก็บไว้เป็นร่องรอยของประวัติศาสตร์เท่านั้น
โจวเจ๋อจำได้ว่าที่ทงเฉิงก็มีแม่น้ำหาว ได้ยินว่าเคยเป็นคูเมืองมาก่อนเมื่อในอดีต เขาเดินเล่นตามริมถนนเป็นเพื่อนเด็กผู้ชาย จากนั้นโจวเจ๋อจึงคิดว่าจะลองออกจากร่างนี้ แต่พอคิดดูแล้วก็ยอมแพ้ไป
อย่างแรกคือตัวเขาเริ่มชินกับศพนี้จึงควบคุมได้บ้างแล้ว เขาคิดรอให้เด็กผู้ชายเล่นกับเขาจนเบื่อเหมือนกับศพผู้หญิงเมื่อครู่ แล้วปล่อยให้เขากลับไปที่เดิม ไม่แน่ตัวเขาอาจจะมีโอกาสได้วิ่งออกไปหาสถานที่โทรศัพท์เพื่อให้อิงอิงและพรรคพวกมาหา
เขาคิดว่าอยู่บนสวรรค์วิมานก็ไม่เหมือนอยู่บ้านของตน เถ้าแก่โจวคิดถึงร่างของสวีเล่อจริงๆ นั่นคือร่างที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดแล้ว
ตอนนี้ก็แค่รอเด็กผู้ชายคนนี้ว่าเมื่อไรจะเล่นกับเขาจนเบื่อ ใช่แล้ว โจวเจ๋อเริ่มมองออกเสียที เด็กผู้ชายคนนี้มองศพเป็นของเล่น เขามองศพเป็นเพื่อนเล่นของตัวเอง นี่คือพรสวรรค์ใช่ไหม
จู่เซิ่งหนานก็เหมือนจะมีพรสวรรค์ครึ่งหนึ่งแล้วก็ฝึกฝนภายหลังอีกครึ่งหนึ่ง และความลับของ ‘ภาพยมทูตให้บุตร’ ก็ยังขุดค้นออกมาไม่หมด จริงๆ แล้วโจวเจ๋อคิดเชื่อมโยงกันเสร็จแล้ว เรื่องของจูเซิ่งหนานดูเหมือนจะเกี่ยวพันกับกรณีของหมู่บ้านที่จับคนไปขายอยู่บ้าง
เพียงแต่เขาเสียดายที่ตอนนี้ตัวเองกลายเป็นของเล่นไปแล้ว ไม่อาจคิดปัญหาที่ลึกซึ้งได้มากกว่านี้
พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ แล้วพบคนสองคนอยู่ข้างหน้า เป็นชายหญิงคู่หนึ่ง
เด็กผู้ชายไม่สนใจ เดินจูงมือของโจวเจ๋อไปข้างหน้าเรื่อยๆ โจวเจ๋อใส่เสื้อผ้าเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยปิดหน้าตาของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ การใส่เสื้อผ้ามากชิ้นในฤดูร้อนแบบนี้จริงๆ แล้วไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร แต่เด็กผู้ชายคนนี้ควบคุมให้เขาสวมใส่แบบนี้ และเด็กผู้ชายยังใส่ใจเลือกผ้าปิดปากที่เข้าชุดให้โจวเจ๋อด้วย
บวกกับเป็นตอนกลางคืน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมองออก เมื่อมองจากระยะไกลแล้ว ก็เหมือนผู้ใหญ่พาเด็กน้อยมาเดินเล่น ทว่าเวลานี้ค่อนข้างดึกไปหน่อยเท่านั้น
เมื่อเดินใกล้เข้ามาแล้ว โจวเจ๋อก็ตกตะลึง แม่เจ้าโว้ย สองคนตรงหน้ามีความคุ้นตาเล็กน้อย! ใช่แล้ว คุ้นหน้าคุ้นตาจริงๆ!
…
“รายงานสรุปคดีเขียนเสร็จแล้ว จะเอามาให้คุณพรุ่งนี้เช้า” จางเยี่ยนเฟิงพูดกับตำรวจเฉินที่อยู่ข้างๆ
“อืม” ตำรวจเฉินขานรับหนึ่งที อันที่จริงคดีนี้ไม่ซับซ้อนมาก กุญแจสำคัญคือแก๊งขโมยเที่ยวก่อคดีไปทั่ว ตอนนี้ปิดคดีเรียบร้อย เหลือแค่เก็บงานช่วงท้ายเท่านั้น
“ดึกแล้ว ไม่กลับไปพักผ่อนเหรอ” จางเยี่ยนเฟิงถาม
“หืม” ตำรวจเฉินมองจางเยี่ยนเฟิง โดยทั่วไป ผู้ชายพูดแบบนี้หมายความว่า เขาอยากนอนกับคุณ
“เอ่อ ไม่ใช่ครับ ผมกลัวว่าคุณเหนื่อยแล้ว”
เขาอยากนอนกับคุณมาก
“เอ่อ ไม่ใช่ๆ ผมเป็นห่วงว่าร่างกายคุณจะเหนื่อยล้า เพราะคุณทำงานติดต่อกันสองสามวันแล้ว”
เขาอยากจะนอนกับคุณจนแทบอดใจไม่ไหวแล้ว
“ไม่เหนื่อยค่ะ เดินต่ออีกหน่อยเถอะ คุณไม่ต้องพูดแล้ว ทำลายบรรยากาศ”
“อ้อ โอเค” เหล่าจางอึดอัด เวลาที่เขาอยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ กลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
จริงๆ แล้ว เขาไม่ค่อยรู้สึกอะไรต่อวาสนาที่มาจากร่างนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชอบเธอ เพราะถ้าคำนวณจากอายุเดิมของตัวเอง เขามีอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว และตำรวจเฉินก็อายุน้อยกว่าเขามากเกินไป
ประเด็นสำคัญคือครั้งที่แล้วเถ้าแก่กับเขาได้พูดคุยกันถึงปัญหาที่เกี่ยวกับ ‘การสวมเขา’ มันยังคงวนเวียนอยู่ข้างหูของเขาบ่อยครั้ง
จางเยี่ยนเฟิงหยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดมัน แล้วเขาก็เห็นผู้ใหญ่และเด็กคู่หนึ่งเดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณอา สวัสดีครับพี่สาว” เด็กผู้ชายทักทาย ดูสิ เด็กคนนี้ฉลาดจริงๆ ไม่เรียกคุณอากับคุณน้า แต่เรียกคุณอากับพี่สาว
จางเยี่ยนเฟิงโน้มตัว ยื่นมือลูบศีรษะของเด็กผู้ชายแล้วเอ่ยว่า “ดึกมากแล้ว ยังไม่กลับบ้านนอนเหรอ” ขณะที่พูดเขานึกได้ว่า มีผู้ใหญ่คนหนึ่งอยู่ข้างกายของเด็กผู้ชาย งั้นเขาก็เป็นห่วงเก้อแล้ว
เหล่าจาง โชคชะตาแท้ๆ ผมเอง! รีบจำผมให้ได้สิ! ในบรรดาลูกน้องของผม ปกติคนที่ผมชอบมากที่สุดก็คือคุณนะ!
“ผมกับพ่อจะเดินเล่นต่ออีกนิด พ่อของผมเพิ่งเจ็บขา หมอบอกว่าต้องขยันเดินออกกำลังกายครับ”
“น่ารัก เป็นเด็กดีจริงๆ” จางเยี่ยนเฟิงรู้สึกว่าเด็กคนนี้รู้ความจริงๆ ส่วนตำรวจเฉินเดินนำไปแล้ว ถึงแม้เด็กจะปากหวานแค่ไหน ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเลยสักนิด
“ตำรวจเฉิน รอผมด้วย” เหล่าจางวิ่งตามผู้หญิงไป
“…” โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อสาบาน รอให้เขากลับเข้ากายเนื้อของตัวเองก่อน แล้วตอนที่เจอเหล่าจางเขาจะแสดงความเอ็นดูเหล่าจางอย่างเต็มที่เลยทีเดียว
หลังจากเหล่าจางไล่ตามตำรวจเฉินทันแล้วจึงเดินช้าลง แต่ตำรวจเฉินกลับหันหลังมามองผู้ใหญ่กับเด็กคู่นั้นที่อยู่ไม่ไกล
“มีอะไรเหรอ”
“คุณไม่รู้สึกเหรอ ว่าผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เด็กแปลกๆ น่ะ”
“เขาเจ็บขา เด็กคนนั้นก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ” จางเยี่ยนเฟิงกล่าว
“ไม่ใช่ที่ขา แต่เป็นมือของเขา และส่วนอื่นของร่างกายเขา เวลาที่เขาเดิน รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร”
“ไม่เข้ากัน” เหล่าจางตั้งใจมองสักพักหนึ่ง “อืม คล้ายจริงๆ คล้าย…คล้ายอะไรนะ…”
“ศพแข็งตัว”
………………………………………………………………………..