ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 465 คุณมองออกว่าฉันแต่งหน้าเหรอ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 465 คุณมองออกว่าฉันแต่งหน้าเหรอ

รถแท็กซี่สองคันจอดที่หน้าเคาน์เตอร์โรงแรมสวีโจวหลงซาน โรงแรมแห่งนี้คล้ายรีสอร์ตทเล็กน้อย ถือว่าเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างหรูในสวีโจว หลังจากลงรถ อิงอิงเดิมทีกำลังจะเดินเข้าไปตามพนักงานต้อนรับเข้าไป แต่กลับพบว่าเถ้าแก่ของตัวเองยังยืนอยู่ที่เดิม หันหลังให้ประตูใหญ่ ทอดมองทิวทัศน์ที่อยู่ไกลๆ ราวกับว่าทิวทัศน์ของที่นี่มีเสน่ห์น่าหลงใหลอย่างมาก ยากที่คนจะก้าวเท้าเดินออกไป

อิงอิงจึงยืนอยู่ข้างเถ้าแก่ เถ้าแก่ไม่ขยับเธอก็ไม่ขยับ นักพรตเฒ่ากลับนั่งลงยองๆ ผูกเชือกรองเท้า ท่าเหมือนผูกรองเท้าไม่เสร็จสักที ทนายอันลงจากรถเป็นคนสุดท้าย เมื่อเห็นฉากนี้ เขาจึงชูนิ้วกลางให้แก๊้งนี้อย่างเงียบๆ จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้พนักงานต้อนรับพาตัวเองไปที่หน้าเคาน์เตอร์

หลังจากทนายอันเดินเข้าไป โจวเจ๋อจู่ๆ รู้สึกว่าทัศนียภาพไม่ได้งดงามขนาดนั้น นักพรตเฒ่าเองก็ผูกเชือกรองเท้าเสร็จแล้ว ทุกคนจึงเดินเข้าไปพร้อมกัน

ทนายอันเปิดห้องหรูหนึ่งห้อง ที่มีสวนเล็กๆ และพร้อมกับสระว่ายน้ำแล้วก็ห้องอ่างอาบน้ำกลางแจ้งในตัว ราคาต้องแพงแน่นอน บางครั้งเขาก็รู้สึกแปลกใจจริงๆ ทั้งๆ ที่ทนายอันมีสไตล์การใช้ชีวิตที่หรูหรามาก แต่ทำไมมักจะถึงชอบกาแฟสำเร็จรูปหมดอายุจนถึงขั้นที่ว่าหลงมากจนไม่อาจถอนตัวได้ หรือจะเป็นเพราะว่า คนมีเงิน มักจะมีนิสัยแปลกๆ อยู่เสมอ

พอเข้าไปในห้อง อิงอิงเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้โจวเจ๋อ แต่ถูกโจวเจ๋อปฏิเสธ และในกระเป๋าเสื้อผ้ายังมีไพ่ของทนายอันอยู่ เพื่อซ่อนลมหายใจของเขา ตามรายงานของเหล่าจาง รถของยมทูตหญิงประจำสวีโจวคนนั้นจอดที่โรงแรมหรูนี้เป็นที่สุดท้าย

ตอนนี้เพิ่งจะเป็นช่วงเช้า อีกนานกว่าจะเที่ยง แต่โจวเจ๋อไม่กล้ารอถึงตอนเย็นแล้วค่อยลงมือ ถ้าหากชายชราคนนั้นถูกเหล่าจางขู่จนตกใจหนีเตลิด อย่างนั้นก็บันเทิงน่ะสิ

“นักพรตเฒ่า คุณกับเจ้าลิงออกไปสืบหน่อย” ทนายอันแบ่งงาน นักพรตเฒ่าเป็นคนธรรมดา เป็นต้นกล้าเดียวที่อยู่รอดจนถึงปัจจุบันของร้านหนังสือ เพราะถ้าพูดกันอย่างจริงจังแล้ว สวี่ชิงหล่างถือว่ามีพลังของการบำเพ็ญตบะไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาออกไปสำรวจจึงไม่เป็นที่สังเกต

ส่วนเจ้าลิง เป็นลิงที่มีพลังตั้งแต่เกิด การซ่อนพลังและการสำรวจเป็นความถนัดของมัน ตอนที่เห้งเจียใน ‘ไซอิ๋ว’ถือห่วงทองคำต่อสู้กับปีศาจแรดถือห่วงทองคำลิงอย่างหนักหน่วง ได้ถูกเทพตำหนิว่าสิ่งที่เขาถนัดมากที่สุด จริงๆ แล้วยังคงเป็นก็คือการลักเล็กขโมยน้อย ฝั่งของฉันส่งเจ้าลิงไปหนึ่งตัว กับนักพรตเฒ่าอีกหนึ่งคน ต่อไปก็รอฟังข่าว

อย่างไรก็ตาม โรงแรมแห่งนี้อย่างไรก็ตามมีความกว้างและใหญ่มากเกินไป ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสวนขนาดย่อของซูโจว ถ้าหากเป็นโรงแรมเล็กๆ เหมือนโรงแรมควิกจะง่ายขึ้นกว่ามากเดิม โจวเจ๋อนั่งลงบนโซฟา ไป๋อิงอิงเตรียมต้มน้ำชงน้ำชา

“อิงอิง ไม่ต้องชงหรอก ผมสั่งไวน์แดงกับหน้าเคาน์เตอร์แล้ว น่าจะใกล้มาส่งแล้ว” โจวเจ๋อกล่าว

“…” ทนายอัน

ถึงแม้จะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ทนายอันก็ไม่พูดอะไร ไม่ว่าอย่างไรเขาดื่มกาแฟของโจวเจ๋อมาตั้งนาน และกาแฟนั่นก็น่าจะแพงมากๆๆ

เมื่อนำไวน์แดงถูกนำมาส่งเสิร์ฟแล้ว อิงอิงจึงหยิบแก้วไวน์สองใบ ทนายอันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ฉากอวดความรักโชว์เกิดขึ้นอีกครั้ง จึงตั้งใจลุกขึ้นไปล้างแก้วไวน์ใบหนึ่งแล้วเข้ามาร่วมวง

ถ้าหากเกิดฉากรักหวานชื่นอีกรอบ ทนายอันน่าจะทนไม่ไหวอยากต่อยคน ทั้งสามคนหยิบไวน์แดงขึ้นมา โจวเจ๋อชาติที่แล้วฐานะไม่ค่อยดี ศัลยแพทย์ที่เก่งต่อให้มีหรือจะหาเงินได้ไวกว่างานเสริมไปผ่าตัดข้างนอกบ่อยๆ จริงๆ แล้วก็หาเงินได้ไม่เยอะ เขาอดทนต่อสู้จนถึงอายุสามสิบต้นๆ จึงสามารถซื้อบ้านหนึ่งหลังด้วยเงินสดในเขตเมืองทงเฉิง แถมยังเป็นบ้านขนาดเล็ก

ส่วนการดื่มไวน์ซึ่งเป็นของฟุ่มเฟือยแบบนี้ เถ้าแก่โจวไม่มีดวงกับเรื่องเหล่านี้ในชาติที่แล้วแน่นอน ยังดีที่วัวเคี้ยวดอกโบตั๋น[1]ก็มีระดับเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรโจวเจ๋อก็คิดว่าดื่มน้ำส้มคั้น ไม่สนว่าหลังจากคิดเงินแล้วจะมีเลขศูนย์เพิ่มกี่ตัว

ไป๋อิงอิงไม่ได้ดื่ม เธอนำแก้วมาวางที่ปลายจมูกของตัวเอง แล้วดมเล็กน้อย ทนายอันดื่มอย่างมีระดับมากกว่าใคร แต่ผู้ชายที่หยาบกร้านสองคนดื่มไวน์ด้วยกัน มักจะรู้สึกว่าตัวเองมีความโก้หรูไม่พอจึงทำให้รู้สึกไม่เข้าพวก

“อ้อใช่ เถ้าแก่ คนนั้นที่อยู่ในตัวคุณ สามารถใช้งานได้ไหม” ทนายอันวางแก้วไวน์แล้วงถาม

“มีอะไร”

“อยากถามเผื่อไว้”

โจวเจ๋อพยักหน้า ถือว่าตกลงโดยปริยาย ก่อนหน้านั้นเขาได้ถามแล้วตอนที่อยู่ในสถานีรถไฟ อิ๋งโกวไม่มีทางหลอกเขาตัวเอง ถ้าหากเขาตัวเองไปหาศัตรูแล้วถูกฆ่า เขาอิ๋งโกวก็ไม่รอดเหมือนกัน

“อย่างนั้นก็ดี” ทนายอันหัวเราะ

“จริงๆ แล้ว ก็ถือว่าเป็นอีกทางหนึ่ง ซุ้มประตูป้ายที่อยู่ในภูเขาเถ้าแก่ยังจำได้ไหม”

“จำได้”

“เบื้องหลังนี้ ไม่ใช่คนสองคนร่วมมือกันง่ายๆ แค่นั้น ผมเดาว่า อาจจะมีคนใหญ่มีอำนาจบางคนในนรกกำลังวางแผนการณ์ใหม่ เฝิงซื่อแค่ช่วยทำงานและเก็บงานให้แก๊้งนี้เท่านั้น”

โจวเจ๋อมีเกิดภาพตอนที่ชาวบ้านในหมู่บ้านค้ามนุษย์แต่ละคนต่อแถวเดินเข้าไปในซุ้มประตูป้ายผุดขึ้นมาในหัวของเขา ชาวบ้านเหล่านั้นไม่ได้เข้าไปในนรก ตอนแรกสถานที่ที่ซุ้มประตูป้ายนั้นเชื่อมต่อ จึงไม่ใช่นรกอย่างแน่นอน และนรกยิ่งเหมือนโรงรับซื้อของเก่ามากกว่า สิ่งที่ไม่ได้ดูดเข้าไปในสถานที่นั้นสุดท้ายจึงถูกดูดเข้าไปในนรก จากนั้นเฝิงซื่อก็จึงออกมาแก้ไขลบร่องรอยทิ้งทั้งหมด

ถ้าอย่างนั้นวิญญาณก่อนหน้านี้ไปอยู่ที่ไหน ทำไมถึงต้องดูดวิญญาณเข้าไปมากมาย

“คนมีอำนาจบางคนกำลังวางแผนการใหญ่ พวกเราทำสิ่งที่ควรทำ เรื่องในครั้งนี้ ถ้าจะทำ ก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย เปิดโปงทั้งหมด สรุปสั้นๆ ก็คือ ถึงตอนนั้นอย่าออมมือก็พอ”

“ฝั่งยมโลกมีการตอบสนองอะไรบ้าง” โจวเจ๋อถาม

ควรทราบว่า ในเมื่อมีเฝิงซื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นนั้นคนที่กำลังวางแผนเรื่องนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นลูกพี่ใหญ่ในยมโลกคนหนึ่ง อย่าเห็นว่าตัวเอกในละครน้ำเน่าสุดท้ายจะสามารถเปิดโปงบอสใหญ่มีอำนาจได้อย่างสะใจก็ตาม แต่ก่อนจะมีตัวเอกจะต้องมีตัวประกอบสองสามคนโดนบอสสั่งฆ่าเพราะพยายามเพื่อเก็บข้อมูลหลักฐานมากมาย ต้องสร้างเรื่องลำบากลำบนทำชุดแต่งงานน่าสงสารให้ตัวเอก สุดท้ายกลับไม่มีช็อตของตัวเองเต็มๆ

เถ้าแก่โจวไม่อยากเป็นตัวเสริมช่วยคนอื่น

“ดังนั้นพวกเราต้องทำอย่างเปิดเผย ต้องทำให้เกิดกระแสเสียง เปิดเรื่องนี้ออกไป แล้วพวกเราจะยิ่งปลอดภัย” ทนายอันเป็นคนที่มีประสบการณ์เยอะคร่ำหวอดอยู่ในระบบของนรกมานานมีหลายเรื่องที่เขานั้นรู้ดี

จริงๆ แล้วทนายอันไม่มีทางเลือก ด้วยนิสัยของเขา ทำทุกอย่างอย่างรอบคอบดังคำว่า ‘กำแพงสูงสะสมเสบียงถูกเรียกว่าราชา’ ถึงจะเหมาะสมที่สุด แต่เขาพบว่า นิสัยของเถ้าแก่ตัวเอง ถ้าหากทำตามแบบแผนค่อยเป็นค่อยไปละก็ ไม่แน่อาจจะต้องรอให้เขานอนอาบแดดจนฟ้าดินสลาย สู้ขี่ลาเสียตั้งแต่ตอนนี้ ผลักเขาไปข้างหน้า ถึงตอนนั้นเขาจะหนีก็คงทำไม่ได้

โจวเจ๋อขมวดคิ้ว ทนายอันแอบสะอึกในใจ ความคิดของเขาถูกจับได้เหรอ

“รอดูไปก่อน” โจวเจ๋อไม่ปฏิเสธและไม่เห็นด้วย จากนั้นจึงสั่งให้ไป๋อิงอิงรินไวน์ให้เขาหนึ่งแก้ว แล้วดื่มรวดเดียวหมด

โอ้ว ถ้าหากไม่เห็นแก่ใบเสร็จที่มีเลขศูนย์หลายตัวขนาดนี้ จริงๆ แล้วไวน์แดงไม่อร่อยเท่าน้ำส้มคั้นเลย

ถึงแม้ทนายอันจะรับประกันกับเขาตัวเอง แต่เขาตัวเองก็อยู่ในฐานะของคนธรรมดาที่มีชีวิตอยู่ ถึงจะไม่มีอันตราย ทว่านักพรตเฒ่าก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

เขาเดินเอามือจับมาตับเป้ากางเกงตลอดทาง เมื่อเจอพนักงานต้องรับผู้หญิงสองคน เขาจึงต่างก็รีบวิ่งหนีด้วยความเขินอาย จะมีก็แต่พนักงานต้อนรับชายที่ทำท่าเหมือนจะปฏิเสธแต่ก็ต้อนรับนักพรตเฒ่า ทำเอานักพรตเฒ่าตกใจจนตัวเองต้องดอดหนี

“ที่นี่ใหญ่มากจริงๆ” มีศาลาริมน้ำและแล้วสระน้ำใหญ่ เหมือนสวนในสมัยโบราณจริงๆ นักพรตเฒ่าเดินหาตามบ้านแต่ละหลัง รั้วกำแพงไม่สูงมาก แค่เข้าใกล้หรือกระโดดนิดหน่อยก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในได้

จากข้อมูลของเถ้าแก่ อีกฝ่ายมีอย่างน้อยสี่คน และอาจจะมากกว่านั้น ซึ่งไม่น่าจะหายาก เจ้าลิงกับนักพรตเฒ่าแยกกันหา แต่เมื่อหาอยู่นาน นักพรตเฒ่าก็ยังไม่เจอเสียที

ตัวเขาเองต้องกำหนดตำแหน่งของเป้าหมายก่อน แล้วถึงจะให้พวกเถ้าแก่พวกเขาปล่อยลูกธนูได้ แต่เขาเดินจนขาชาแล้ว กลับหาได้แค่เศษหนึ่งส่วนสามของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น

พระอาทิตย์ขึ้นเหนือศีรษะ อากาศก็ร้อน นักพรตเฒ่าเก็บส้มที่อยู่ในสวนดอกไม้แล้วนั่งกินบนรั้ว พักผ่อนก่อนเนื่องจากยังไม่ถึงฤดูของส้ม จึงเปรี้ยวเล็กน้อย แต่เขาอายุมากแล้ว จึงไม่ค่อยชอบของหวานเท่าไร นักพรตเฒ่าจึงกินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อส้มลงท้อง เขาจึงนึกถึงคำพูดของเถ้าแก่ นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าพวกเถ้าแก่พวกเขาน่าจะรออยู่ในห้องด้วยความร้อนใจ ดังนั้นเขาจึงต้องรีบหา

ถ้าหากนักพรตเฒ่ารู้ว่าพวกเถ้าแก่ทั้งสามคนกำลังจิบไวน์ราคาแพงอยู่ในห้อง นั่งตากแอร์เย็นฉ่ำสบายละก็ คาดว่าเขาคงต้องอึดอัดจนแทบกระอักเลือดแน่นอน

เขาเดินเลาะไปตามรั้ว ข้างหน้ามีศาลาสองแห่ง ถือว่าเป็นศาลากลางทะเลสาบที่อยู่ในเขตพื้นที่สาธารณะ ด้านนี้นักพรตเฒ่าได้เดินตหาเสร็จแล้ว จึงเตรียมจะไปดูที่ฝั่งตรงข้าม

ตอนที่เขาเดินเข้าไปในศาลาแรก ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่ตอนที่ตัวเองเดินเข้าไปในศาลาที่สอง นักพรตเฒ่ากลับตัวสั่นทันที ราวกับว่าอุณหภูมิที่อยู่รอบๆ ลดลงฮวบฮาบ

แต่ในศาลาก็ไม่มีอะไร มีแต่โต๊ะหินและเก้าอี้หินสองสามตัว ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะได้เป็นที่ปรึกษาพูดคุยกับผีในร้านหนังสือเป็นประจำ นักพรตเฒ่าถึงแม้จะไม่มีวิชาอาคมอะไร แต่สำหรับสิ่งเหล่านี้ กลับมีความรู้สึกไวพอสมควร

ดังนั้นนักพรตเฒ่าจึงหมุนตัวอย่างเงียบๆ หยิบน้ำตาวัวที่เป่ามนต์แล้วออกมาจากปกระเป๋า จากนั้นถูไปที่ดวงตาของตัวเองด้วยความคล่องแคล่ว

เขากระพริบตาปริบๆ ชั่วเวลาเพียงครู่เดียว มีแต่ความคึกคักอยู่ในศาลาแห่งนี้! ไม่เพียงแต่มีคนนั่งเต็มเก้าอี้กิหินเท่านั้น แม้แต่รั้วริมศาลาก็ยังมีคนนั่งอยู่หลายคน

ทุกคนสวมชุดโบราณ เหมือนกับคณะละครงิ้ว แต่งหน้าทาแป้งบนใบหน้า พูดคุยกันเหมือนกำลังประชุมอยู่ ไม่ว่าอย่างไรนักพรตเฒ่าก็ฟังไม่รู้เรื่องว่าพวกเขากำลังพูดอะไร

เฮ้ห้อ…ทำไมที่นี่มีผีเยอะขนาดนี้!

นักพรตเฒ่าสูดลมหายใจลึกๆ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นพวกเขาแล้วเดินออกจากศาลา ใครจะรู้ว่าเวลานี้จะมีผู้ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวเป็นตัวนางในชุดคลุมยาวสีเขียวเข้มเดินออกมาจากศาลาพอดี นักพรตเฒ่าหันข้างเล็กน้อย ลูกพี่ คุณเชิญก่อนเลย

อีกฝ่ายจึงเดินออกไป ตอนที่นักพรตเฒ่ากำลังจะก้าวเท้าออกจากศาลา เขากลับพบว่าศาลาที่มีเสียง ‘คุยกันจ้อกแจ้ก’ อยู่ด้านหลังเขา กลับเงียบลงในพริบตา มือที่เย็นยะเยือกวางลงบนไหล่ของนักพรตเฒ่าในทันใด ขณะเดียวกันใบหน้าที่แต่งหน้าเข้มได้ขยับเข้ามาใกล้ “คุณมองเห็นฉันเหรอ”

เวลานี้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนักพรตเฒ่าเจอผีมาเยอะจึงมีภูมิคุ้มกันแล้ว หรือว่าตกใจจนประสาทส่วนไหนมีปัญหา ในหัวของเขาพลันปรากฏพลันคำโฆษณาอย่างหนึ่งขึ้นมา ‘“คุณมองออกเห็นว่าฉันแต่งหน้าเหรอไหม’” ความคิดที่ตลกขบขันแบบนี้ ทำให้นักพรตเฒ่าเองรู้สึกหน้าแดงอยู่บ้าง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา ‘“พรืด…’”

………………………………………………………………………..

[1] วัวเคี้ยวดอกโบตั๋น หมายถึง ผู้ที่ไม่เข้าใจในความงดงาม

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท