ตอนที่ 471 กวนตีน!
ศพของยมทูตทั้งสามคน นอนขวางอยู่บนพื้นด้วยสภาพการตายที่น่าอนาถสุดขีด แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับสภาพการตายแล้ว สิ่งที่น่าอนาถยิ่งกว่าคือ ในขณะที่เนื้อตัวที่ถูกรัดจนตาย แม้แต่จิตวิญญาณก็ถูกบดขยี้จนแหลกเหลวไปด้วย
นี่คือการฆ่าที่มีความหมายที่แท้จริง โดยไม่ให้โอกาสคุณแม้แต่นิดเดียว เหมือนเวลาที่อยู่ในสนามบอล ถ้าหากใจดำเตะเท้าของคนอื่นจนเสียจะถูกคนประณามมากมาย เพราะทุกคนต้องอาศัยเท้าทำมาหากิน เรื่องตัดช่องทางทำมาหากินของคนอื่น นับเป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมใจดำมากเกินไป
และหลักการเดียวกัน ทุกคนต่างเป็นยมทูตด้วยกัน ในขณะที่ทำลายกายเนื้อได้ดับวิญญาณของพวกเขาไปพร้อมกัน คือการทำลายล้างอย่างแท้จริง
เมื่อเทียบกับโจวเจ๋อที่ยังคงหลับตาสะลึมสะลืออยู่ตรงนั้น ผู้หญิงใส่กางเกงหนังแทบจะไม่สามารถควบคุมเข่าของตัวเองได้ เธออยากจะคุกเข่าลงไปเมื่อรู้ตัว แต่เธอไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย ราวกับว่าถ้าตัวเองขยับแค่นิดเดียวก็จะปลุกเสือดุ ‘ที่หลับใหล’ ให้โกรธขึ้นมา จากนั้นเสือดุก็จะแยกเขี้ยวฉีกตัวเองเป็นชิ้น!
ผู้หญิงที่ดวงตามีรัศมีสีดำที่อยู่ไกลอีกหน่อยก็ยืนเหม่ออยู่ตรงนั้นเหมือนกัน ถ้าหากสู้แล้วยังมีความหวัง ทุกคนก็อยากจะกระตุ้นความกล้าออกมา แต่เมื่อสู้แล้วเป็นได้แค่แกะตัวเล็กที่ถูกเฉือนด้วยมีดเท่านั้น ผลลัพธ์เช่นนี้มากพอที่จะทำให้ความกล้าถูกโจมตีจนพังทลาย
ทนายอันรีบหยุดเดินกลางคันเมื่อรู้ตัว ไม่รู้ว่าทำไม เขามีความตกใจกลัวบางอย่าง มองเห็นโจวเจ๋อยืนอยู่ไม่ไกล แต่เขากลับไม่กล้าเดินเข้าไป
ดูเหมือนว่าถ้าหากตัวเองเดินเข้าไปแล้ว ตัวเองก็อาจจะตาย โจวเจ๋อไม่ได้เรียกจิตสำนึกที่อยู่ภายในร่างออกมา ตอนแรกที่ต่อสู้กับเซี่ยจื้อ ทนายอันได้เห็นอานุภาพของจิตสำนึกที่อยู่ในร่างของเถ้าแก่ตัวเองด้วยตาตัวเอง
นั่นคือความยอดเยี่ยมของจริง คือความเกรี้ยวกราดและอันธพาลแบบนั้น ยากที่จะบรรยายออกมาด้วยคำพูดรู้สึกเหมือนเล้าไก่บ้านที่มีนกหงส์ทองบินออกมาอย่างไรอย่างนั้น ใครเป็นไก่บ้าน ใครเป็นหงส์ทอง มองปราดเดียวก็รู้
ตอนที่ทนายอันเผชิญหน้ากับเซี่ยจื้อเนื่องจากมีความผิดติดตัวจึงตัวสั่น อีกฝ่ายกลับตะโกนเรียกเซี่ยจื้อว่า ‘เจ้าร่ำรวย!’
ก่อนหน้านั้นเป็นเพราะทนายอันมัวแต่ยุ่งอยู่กับการต่อสู้ ดังนั้นตอนที่คนแรกโดนฆ่า ทนายอันจึงไม่ได้สังเกต แต่ต่อมาอีกสองคนที่โดนฆ่านั้นทนายอันได้เห็นกับตาตัวเองทุกอย่าง
เขามั่นใจว่าพลังของโจวเจ๋อไม่ได้เพิ่มขึ้น และไม่ได้เกิดผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ ถ้าหากมีก็เป็นแค่วิญญาณของเถ้าแก่หลังจากเร่ร่อนกลับมาแล้วมีความเสถียรมากขึ้นเท่านั้นเอง และอาจจะกระตุ้นสภาวะของผีดิบออกมาได้เล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพ
เทียบไม่ได้กับความน่าสะพรึงกลัวของคนนั้นที่โดนปลุกให้ตื่นขึ้นมาดวลตัวต่อตัวกับเซี่ยจื้อและกลืนกินมันเข้าไป! สาเหตุที่สามารถฆ่ายมทูตเหมือนหั่นผักหั่นแตง เป็นเพราะการควบคุมพลัง ซึ่งอยู่ในระดับที่ประณีตละเอียดอ่อนจนน่ากลัว
การใช้งานพลัง วิเคราะห์สถานการณ์ ควบคุมจังหวะและโอกาส ต้องอยู่ในขั้นสุด ถึงแม้จะไม่มีการสะสมของพลังอย่างเดียว แต่ผลของการต่อสู้ กลับต่างกันราวฟ้ากับดิน
เมื่อมองเถ้าแก่ของตัวเองที่ยังอยู่ในสภาพสะลึมสะลือเหมือนคนยังนอนไม่ตื่นอีกครั้ง ทนายอันอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ ‘นี่คือ…เดินละเมอเหรอ’
“อ้าๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!!! ตายซะเถอะแก!” ถัดไปคืออิงอิงที่โกรธจัดจนสามารถฉีกเงาสีแดงที่เกาะติดตัวเองให้ขาดสะบั้นได้ในที่สุด
‘เคร้ง’ เสียงแหลมดังแสบแก้วหู
ขณะที่เงาสีแดงถูกฉีกขาด ชายชราใส่แว่นกันแดดคนนั้นก็คุกเข่าไปกับพื้นดัง ‘พลั่ก’ เช่นกัน ดวงตาของเขาเริ่มมีเลือดไหล และมีสิ่งคล้ายลูกแก้วเด็กเล่นสองลูกร่วงลงมาในเวลาเดียวกัน เลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น หมุนกลิ้งอยู่บนพื้นหลายรอบ
“ยายแก่…ยายแก่…” ชายชราใส่แว่นกันแดดพูดพึมพำกับตัวเอง เบ้าตาโบ๋สีดำ ตอนนี้ดูแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง เขาจับภรรยาของตัวเองมาเป็นหุ่นเชิด หล่อเลี้ยงอยู่ภายในร่างกายของตัวเอง ถือว่าเป็นเบี้ยรักษาชีวิต ช่างโหดเหี้ยมเหลือหลาย นอกจากนี้ชายชราได้ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเปิดกว้างมาก พาภรรยาของตัวเองไปสนุกด้วยกัน เป็นรสนิยมที่คนยากจะจินตนาการได้จริงๆ
“แกไปตายซะ!” อิงอิงที่อยู่ในอารมณ์โกรธเคืองกำหมัดทุบไปที่ชายชรา อิงอิงปล่อยตัวปล่อยใจแล้ว ต่อหน้าโจวเจ๋อเธอเป็นสาวใช้ที่น่ารักเชื่อฟังและเอาใจใส่อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกายหรือว่าจิตวิญญาณล้วนปฏิบัติด้วยความจริงใจทั้งสิ้น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น นิสัยของผีดิบสาวยังคงเหมือนเดิม!
นักพรตเฒ่าเคยทอดถอนใจถ้าหากตัวเองได้เจอผีดิบอย่างอิงอิงสักตัวก็คงดี ชีวิตนี้ไม่มีอะไรต้องเสียดายแล้ว
ทนายอันหันมาพูดเยาะเย้ยกับเขา คนทั่วไปพอเก็บได้ก็จะถูกเธอกินเลือดกินเนื้อ จากนั้นจุดจบคือเธอจะนั่งแคะฟันอยู่ข้างศพที่หลงเหลืออยู่ของคุณ
“เหมียว!”
“ฟ่อ!”
“อุ๊บ!”
ปีศาจทั้งสามตัวส่งเสียงห้ามพร้อมกัน พวกมันก่อนหน้านั้นคอยดูอยู่ข้างๆ เพื่อป้องกันชายชราหลบหนี
ตอนนี้หุ่นเชิดตัวโปรดตัวสุดท้ายของชายชราถูกอิงอิงฆ่าตายแล้ว จึงโดนพลังสะท้อนกลับ ดังนั้นจึงหนีไม่ได้ ตอนที่อิงอิงจะฆ่าเขา พวกมันก็ไม่กล้าเข้าไปต้านทานหมัดของเธอ
ตลกแล้ว ตอนนี้ผีดิบสาวอยู่ในสภาวะคลั่ง ต่อให้ร่างเดิมของพวกมันยังอยู่ จะแบกรับไหวไหมก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ร่างวิญญาณตอนนี้ถ้าหากแบกรับเอาไว้ วิญญาณจะแตกดับแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
‘วืด!’ หมัดลอยอยู่กลางอากาศแล้วจึงถูกอิงอิงชักกลับไปกลางคัน เธอรู้ว่าชายชราคนนี้เก็บเอาไว้จะมีประโยชน์กับเถ้าแก่ เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องเค้นออกมาจากปากของชายชราคนนี้
อิงอิงเงยหน้า เธอกำลังควบคุมความโกรธที่อยู่ภายในร่างกายของตัวเอง หรือจะพูดจริงๆ ก็คือเธอพยายามบังคับตัวเองไม่ให้เผยนิสัยของผีดิบออกมาเมื่อได้รับการกระตุ้นให้ขุ่นเคืองใจ
จากนั้นผมสีขาวของเธอจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ความเย็นชาที่อยู่ตัวของเธอเริ่มลดถอยไป นัยน์ตาที่เย็นชาเริ่มกลับมาสดใส ร่างกายเริ่มสั่นเทาและพูดเสียงสั่นเครือ “ฮือๆๆ น่าโมโหจริงๆ ฉันอยากจะ…อยากจะต่อยคุณจริงๆ!”
…
สวีเล่อตายแล้ว ตายเร็วมาก โจวเจ๋อกระทั่งขี้เกียจพูดจาไร้สาระกับไอ้หมอนี่ แต่หลังจากที่สวีเล่อตายแล้ว ความดำมืดไปทั่วก็ยังไม่หายไป ความฝันดูเหมือนจะดำเนินต่อไป
ใช่แล้ว โจวเจ๋อคิดว่านี่คือความฝันตลอด จุดเริ่มต้นของความฝันคืออะไร เขาไม่แน่ใจ และจุดจบของความฝันอยู่ที่ไหน เขาก็ไม่รู้
บางครั้งเขาจะอ่านคัมภีร์ของลัทธิเต๋า แต่ที่อ่านเยอะสุดยังเป็นนิยายแปลกประหลาดในสมัยโบราณ ถือว่าเป็นการชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเอง
สามอสุภะคืออะไร โจวเจ๋อไม่เข้าใจ และคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะทำเรื่องนี้อย่างงงๆ แต่พูดตามความจริง รู้สึกว่าความฝันนี้ไม่เลวเหมือนกัน ดูเหมือนทุกครั้งที่ตัวเองฆ่าคน ตัวเองจะรู้สึกเบาสบายขึ้น ความคิดเบิกบาน เหมือนนอนตื่นมาแล้วไม่มีข่าวดีอะไร แต่ตัวเองก็ยังดีใจ และหัวเราะโง่ๆ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“เหอะๆ เจ้ายังรู้สึกว่าตัวเองทำถูกไหม” เสียงคนแก่ชราดังเข้ามา ความมืดที่อยู่เบื้องหน้าเริ่มนูนขึ้น เหมือนมีคนเดินออกมาจากความมืด เขาใส่เสื้อราชประแตนแบบจีน หลังค่อมเล็กน้อย ผมและหนวดเคราสีขาว แต่เต็มไปด้วยความกำยำและบึกบึน
ท่าทางเหมือนพ่อบ้าน มีความเคารพนอบน้อม แต่ความสดใสในนัยน์ตาของเขากลับไม่มีความประจบสอพลออะไร กระทั่งคุณสามารถจินตนาการเพิ่มเองได้ว่า เขาจริงๆ แล้วกำลังดูถูกเหยียดหยามคุณ เหมือนตอนที่หยิบก้อนอิฐออกมาจากส้วมหลุมแล้วต้องปิดจมูก ถ้าไม่จำเป็นต้องรีบสร้างบ้าน คงอยากจะโยนกลับเข้าไปในหลุมให้เขาแช่อยู่ในนั้นต่อ
โจวเจ๋อไม่ตอบ เขาคิดไม่ถึงว่า วานรย้ายภูเขาจะมาปรากฏอยู่ในความฝันของตัวเองเช่นกัน ‘ความฝัน’ นี้เหมือนมีหัวข้อว่า ‘เฟรนส์’ หรือไม่ก็ ‘อพาร์ตเมนต์แห่งรัก’
เมื่อพ่อบ้านเห็นโจวเจ๋อไม่ตอบ จึงถามต่อว่า “จิตสึกนึกที่ดี อร่อยไหม”
โจวเจ๋อหรี่ตา ตอนแรกที่เขาเพิ่งได้เป็นยมทูต ถูกชายชราคนนี้ทำให้สลบโดยไม่รู้ตัว หลังจากฟื้นขึ้นมาอีกฝ่ายก็เชิญเขากินอาหารมื้อใหญ่
ผลปรากฏว่า สิ่งที่กินคือจิตสำนึกที่ดีของตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงการฝังใจและความสะอิดสะเอียนที่มาจากด้านจิตวิทยา แต่หลังจากนั้นความเจ็บปวดจาก ‘กล้ามเนื้อหัวใจตาย’ มักจะเกิดบ่อยครั้งในช่วงนั้น และมากพอที่จะทำให้โจวเจ๋อมีความประทับใจที่ยอดแย่สำหรับเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ในหมู่บ้านซานเซียงครั้งนั้น ต้องขอบคุณทหารผ่านศึกใกล้ตายคนนั้น ไม่อย่างนั้นจิตสำนึกที่ดีของตัวเองคงไม่กลับมา
พอเกิดเรื่อง ก็จะลูบอกพูดกับจิตสำนึกที่ดีว่า ‘เจ็บ’ ไม่เพียงแต่วุ่นวายใจเท่านั้น นอกจากนี้ขาเก็ยังรู้สึกว่าตัวเองมีความเสแสร้งเล็กน้อย
“ไอ้แก่” โจวเจ๋อพูดสองสามคำออกมาจากปาก
“เหอะๆ” พ่อบ้านหัวเราะ แล้วเอ่ยว่า “ยังแค้นฝังใจเหรอ”
โจวเจ๋อมองเขาแล้วพยักหน้า เขายอมรับ
“เจ้าลิงในสายตาของเจ้าเป็นเดรัจฉาน ไม่ใช่คน เจ้าฆ่าลิงเพื่อช่วยคน เจ้าคิดว่าถูก แต่เจ้าเคยคิดไหมว่าเจ้าก็ไม่ใช่คนแล้ว แต่เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ผีและคนเท่านั้น…” พ่อบ้านเริ่มพูดอบรมอีกแล้ว โจวเจ๋อจำได้ดี ตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้ายนั้น พ่อบ้านยืนรอเขาอยู่ริมถนน จากนั้นก็บ่นเขามาตลอดทาง และดูเหมือนว่าต่อมาภายหลังจะใช้มือแทงทะลุหน้าอกของเขาอีกด้วย
“มีหลายเรื่อง ไม่สามารถคิดจากมุมมองของเจ้าได้ พูดด้วยเหตุผล จะพูดจาไม่คิดไม่ได้ ไม่อย่างนั้น หลักการก็ไม่ใช่หลักการ เห็นใครก้นใหญ่กว่า คนนั้นก็มีเหตุผลมากกว่า…” พ่อบ้านยังคงเหมือนเดิม คอยบ่นและเดินเข้าหาโจวเจ๋อ
หลังจากเขาเข้ามาใกล้แล้ว โจวเจ๋อสบตาเขาในระดับเดียวกัน แล้วเอ่ยว่า “คุณเป็นใคร”
“หืม”
“คุณเป็นใคร”
“เหอะๆ”
“คุณเป็นใคร”
“เจ้ารู้อยู่แล้ว”
“คุณเป็นใคร”
“หืม”
“ผมเป็นใคร”
“เอ่อ…”
“สมุดอยู่ในมือของผม ขอโทษจริงๆ ตอนนี้ผมไม่เห็นว่านอกจากหยิบสมุดออกมาทำให้คนตกใจแล้วจะมีประโยชน์พิเศษอย่างอื่น”
“…” พ่อบ้าน
“แต่อย่างน้อยก็สามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่ง ในเมื่อสมุดอยู่ในมือของผม คุณจะมองผมแล้วสบายตาก็ดี ไม่สบายตาก็ดี ผมเป็นใคร”
“เจ้า…”
“ผมเป็นเจ้านายของคุณ”
“…” พ่อบ้าน เงียบ เงียบ แล้วก็เงียบ “เจ้าเหมาะสมเหรอ” พ่อบ้านย้อนถาม
“เหมาะสมไม่เหมาะสม ผมยังไงก็ได้ ผมรู้แค่รู้ว่า ผมเป็นเจ้านายของคุณ”
“แล้วยังไงล่ะ”
“เดรัจฉานกล้าไม่เคารพกับเจ้านาย ทำยังไงล่ะ”
“หืม”
“ควรโดนตี” โจวเจ๋อแบฝ่ามือออก จากนั้นแส้หนังเส้นหนึ่งปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขา
“เจ้ากล้า!”
‘เปรี๊ยะ!’
เมื่อแส้หวดลงไป ใบหน้าของพ่อบ้านจึงเกิดรอยเลือดขึ้นมา
“เจ้า!”
‘เปรี๊ยะ!’ แส้หวดลงไปอีกครั้ง ใบหน้าของพ่อบ้านโดนตีเป็นสัญลักษณ์รูปตัว ‘X’ ทันทีที่เนื้อแตก ก็ได้เผยให้เห็นขนสีดำออกมา ท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟันในตอนนี้ เหมือนกับลิงที่กำลังโมโห
‘เปรี๊ยะ!’ แส้หวดลงไปอีกแล้ว
ฮู้…ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่า ถึงแม้จะเป็นความฝัน แต่เวลาที่ได้หวดไอ้หมอนี่ มันสะใจจริงๆ!
‘เปรี๊ยะ!’ พ่อบ้านโดนตีไม่หยุด ความบ้าคลั่งกดทับความโกรธเคือง ไม่กล้าต่อต้าน
“คุณดูสิ ก่อนหน้านี้พูดจาดีๆ กับคุณไม่รู้เรื่อง คุณเอาแต่พูดหลักการชีวิตให้ผมฟัง ตอนนี้ ถึงแม้จะเป็นแบบนี้คุณก็ไม่กล้าต่อต้าน เป็นเพราะว่าคุณรู้แก่ใจตัวเองดี ว่าคุณเป็นใครและผมเป็นใคร ดังนั้นคุณมันกวนตีนสมควรโดนอัด…”
………………………………………………………………………..