ตอนที่ 474 ปลาเค็ม เป็นท่าทีอย่างหนึ่ง
เขานั่งตรงข้ามกับตัวเอง เป็นประสบการณ์แบบไหน ไม่ใช่ความสงบเงียบอะไร และไม่ใช่การสบตาไร้ซึ่งคำพูด และยิ่งไม่เหมือนมองปราดเดียวก็มีคำพูดนับพันอะไร โจวเจ๋อพบว่าตอนที่ตัวเองมองตัวเองที่อยู่ตรงหน้า เขายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ!
เขาอยากต่อยเขาจริงๆ อยากต่อยเขามาก กระทั่งอยากจะฆ่าเขา! โจวเจ๋อสั่นเล็กน้อย ตัวเขาบ้าไปแล้วเหรอ ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ ถ้าหากพูดว่าใช้คีมผ่าตัดแทงตัวเองในชาติที่แล้วตาย ตัวเองที่ใส่เสื้อกาวน์สีขาวคนนั้นได้ช่วยให้คนอื่นหลุดพ้น และหมายถึงการช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นด้วยละก็ การฆ่าสวีเล่อ การใช้แส้หนังตีวานรย้ายภูเขาจนตายคือการระบายอารมณ์โกรธในความฝัน เป็นการปล่อยตัวปล่อยใจตัวเองสักครั้ง อย่างนั้นทำไมตอนนี้ตัวเองจึงเกิดความคิดหุนหันพลันแล่นอยากจะฆ่าตัวเองที่อยู่ตรงหน้านี้ล่ะ
นอกจากนี้ แรงกระตุ้นนี้เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว พอคิดขึ้นมาความคิดนี้ก็ยิ่งรุนแรง เหมือนเสียงมากมายนับไม่ถ้วนในหัวใจของตัวเองคอยยุยง ยั่วยวนให้ตัวเองฆ่าเขา ฆ่าตัวเองที่อยู่ตรงหน้า ขอเพียงได้ฆ่าเขา คุณก็จะเป็นอิสระ! ไม่ว่าอย่างไรมันคือความฝัน ฆ่าเขาไปเลย แค่ความฝันเท่านั้น เป็นแค่ความฝัน แค่ความฝันเท่านั้น!
ฆ่าเขาเลย ลองฆ่าเขาดู ความคิดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องบีบสมองของโจวเจ๋อ โจวเจ๋อใช้สองมือจับศีรษะของตัวเองแล้วก้มหน้าลง เพื่อให้หน้าผากของตัวเองกระแทกกับโต๊ะน้ำชาที่อยู่ตรงหน้าไม่หยุด ‘ปึงๆๆ!!!’
“คุณเป็นอะไร” ตัวเองที่อยู่ตรงหน้าวางหนังสือพิมพ์ลง แล้วถามด้วยความสงสัยอยู่บ้าง ขณะเดียวกันได้มองนักพรตเฒ่าอย่างตำหนิเล็กน้อย ทำไมถึงปล่อยให้คนบ้าเข้ามา
“ผมไม่เป็นไร” โจวเจ๋อเงยหน้าขึ้น ยื่นมือจับกาแฟที่อยู่ตรงหน้า
‘ปึง!’ มือของโจวเจ๋อกับมือของตัวเองที่อยู่ตรงหน้าจับกันอยู่ ไร้ซึ่งความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนใดๆ และไม่มีความคิดใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีรัศมีสีม่วงไร้สาระใดๆ โจวเจ๋อรู้ดี ตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่อยากให้ตัวเองดื่มกาแฟของเขา!
เขารู้จักตัวเองดีขนาดนี้เชียวเหรอ!
“เหอะๆ” โจวเจ๋อปล่อยมือ ตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรีบยกกาแฟขึ้นมา แล้วดื่มจนหมดเกลี้ยงโดยไม่กลัวร้อนสักนิด
“…” โจวเจ๋อ
อยากโดนต่อยนักเหรอ เมื่อก่อนทำไมไม่ยักรู้ว่าตัวเองน่าต่อยขนาดนี้ ฮู่ว รอให้ความฝันสิ้นสุดลงก่อนแล้วจะหาโอกาสจับทนายอันมาต่อยสักที ไอ้หมอนี่คงเกลียดชังตัวเองมานานแล้ว
“คุณคิดจะทำอะไร” ตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถาม
“ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น”
โจวเจ๋อตบโต๊ะน้ำชาหนึ่งที แต่กลับส่ง ‘เคร้ง’ ออกมา เขาจึงก้มมอง ทันใดนั้นเขาถือมีดสั้นอยู่บนมือของตัวเองได้อย่างไร ‘เคร้ง!’ โจวเจ๋อทิ้งมีดสั้น แล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย เข้าใจผิด เป็นการเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดเหรอ” ตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมองไปทางขวามือ โจวเจ๋อก็มองไปทางขวามือของตัวเองเช่นกัน พบว่าด้านล่างเท้าขวาของตัวเองมีมีดตัดฟืนพิงอยู่ที่ขาของตัวเอง เป็นมีดตัดฟืนที่ใหญ่มากเกินคำบรรยาย แถมยังมีลวดลายวนไปรอบๆ เป็นงานฝีมือที่ประณีตอย่างมาก
‘เคร้ง!’ โจวเจ๋อเตะมีดเล่มนี้ออกไป “นี่ก็เข้าใจผิดเหมือนกัน เข้าใจผิดจริงๆ”
มีดตัดฟืนร่วงไปบนพื้น กระแทกพื้นกระเบื้องแผ่นหนึ่งจนแตกออก ตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมองรอยแตกนั่น แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ผมจะจ่ายเงินค่าพื้นกระเบื้อง”
“อ้อ” ตัวเองที่อยู่ตรงข้ามพยักหน้า “คุณอยากฆ่าผมใช่ไหม”
“…” โจวเจ๋อ
เมื่อก่อนไม่รู้เลยว่าที่แท้ตัวเองฉลาดมากแค่ไหน ไม่เสียแรงที่เป็นตัวฉันเอง
“คุณฆ่าเลย เร็วเข้า” ตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทำท่านอนสบายเหมือน ‘เก่อโยว’ อีกครั้ง จากนั้นหยิบหนังสือพิมพ์ ขึ้นมา เพื่อบอกให้โจวเจ๋อรีบลงมือ
อยากตายขนาดนี้เลยเหรอ โจวเจ๋อลุกขึ้น เขาบังคับความหุนหันที่อยู่ในใจของตัวเอง พยายามควบคุมความผลีผลามที่อยากฆ่าตัวเองที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุนี้แล้วเอ่ยว่า “ผมไม่อยากฆ่าคุณ” โจวเจ๋อแบมือเพื่อแสดงความจริงใจของตัวเอง จากนั้นจึงพบว่ามือของตัวเองมีเชือก ‘กลม’ เส้นหนึ่ง
“…” โจวเจ๋อ
“ผมจะไม่ต่อต้าน” ตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพูด “จริงๆ เพราะผมรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร”
โจวเจ๋อวางเชือกลงบนโต๊ะน้ำชา นี่คือความฝันของตัวเอง ดังนั้นจึงแปลกประหลาดขนาดนี้ ดังนั้นถึงพิสดารเช่นนี้ นี่คือความฝัน!
พอลืมตา ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยในพริบตา เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่จริงๆ เหรอ ทำไม ทำไมความคิดหุนหันอยากฆ่าตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถึงยิ่งรุนแรงขนาดนี้
ตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามวางหนังสือพิมพ์ลง ลุกขึ้นเดินออกจากโซฟา เดินไปที่ประตูแล้วกล่าวว่า “ออกไปเดินเล่นด้วยกันไหม ให้เวลาคุณสะสมอารมณ์ที่อยากจะฆ่าผม”
โจวเจ๋อก็ลุกขึ้น เดินออกไปพร้อมกับเขา
‘ตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม’ ก่อนหน้านี้เดินนำอยู่ด้านหน้า จึงกลายเป็น ‘ตัวเองที่อยู่ด้านหน้า’ แล้ว โจวเจ๋อเดินตามหลัง ทั้งสองคนเดินห่างกันประมาณห้าก้าวเท่านั้น ขอเพียงแค่โจวเจ๋อคิด ด้วยระยะห่างนี้สามารถฆ่าเขาจากด้านหลังได้ตลอดเวลา
ถนนหนานต้า ย่านทำเลทองที่มีปริมาณผู้คนหลั่งไหลเยอะที่สุด ถึงแม้จะอยู่ในความฝันก็เหมือนกัน ทั้งสองคนเดินตามกันไป เดินผ่านท่ามกลางกลุ่มคน ไม่มีการสนทนา กระทั่งไม่สบตากันแม้แต่นิดเดียว ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกโกรธเล็กน้อย ตัวเองที่อยู่ด้านหน้าขี้เกียจถึงขนาดไม่ยอมอธิบายอะไรเลยใช่ไหม ขี้เกียจแม้แต่การดิ้นรน ขี้เกียจขนาดนี้ อะไรของมันวะ อย่างนั้นคุณก็ไปตายเสียเถอะ!
พอหัวร้อน เล็บมือขวาของโจวเจ๋อจึงงอกยาวออกมา แล้วพุ่งเข้าไปที่ด้านหลังของตัวเองที่อยู่ด้านหน้าในระยะใกล้โดยตรง ทว่าตอนที่ใกล้จะแทงเข้าไป ตัวเองที่อยู่ด้านหน้ากลับหยุดเดิน
โจวเจ๋อตัวโอนเอนเล็กน้อย ส่ายหัวอย่างแรง จากนั้นจึงควบคุมความคิดหุนหันพลันแล่นที่อยากจะฆ่าตัวเองที่อยู่ด้านน้าด้วยความยากลำบากอีกครั้ง
ตัวเองที่อยู่ด้านหน้าดูเหมือนกำลังรออะไร เหมือนเขากำลังถามโจวเจ๋อแบบไร้เสียง ทำไมคุณยังไม่ลงมืออีก
“เหอะๆ” ตัวเองที่อยู่ด้านหน้าหัวเราะ เหมือนกำลังเยาะเย้ย เหมือนราดน้ำมันลงบนกองเพลิง อยากจะตายให้ได้ แต่มือซ้ายของโจวเจ๋อกลับจับมือขวาของตัวเองไว้ เล็บนี้จึงแทงไม่ลง!
ตัวเองที่อยู่ด้านหน้ารอนานมาก ดูเหมือนจะรอจนเหนื่อยแล้ว จากนั้นจึงนั่งลงบนทางเท้าไปเลย
ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ ดอกไม้ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ โจวเจ๋อคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีเวลาว่างนั่งมองท้องฟ้าแบบนี้ ไม่กลัวตายเหรอ อย่างนั้นยังจะเป็นตัวเองอยู่ไหม
ตัวเองที่อยู่ด้านหน้านั่งลงไปทั้งอย่างนี้ ด้านหลังของเขาเป็นเสาไฟฟ้า จึงพิงได้พอดี และตรงเท้ามีโฆษณาใบเล็กๆ อยู่ไม่น้อย
“ฮิๆ ตรงนี้มีเงินด้วย” ตัวเองที่อยู่ด้านหน้าชี้ไปที่มุมด้านล่างของเสาไฟฟ้าด้วยความดีใจ มีธนบัตรใบละหนึ่งร้อยหยวนหนึ่งใบ เขาเอี้ยวตัวเก็บมันขึ้นมา แล้วเปิดดู เป็นรูปภาพนางแบบเซ็กซี่ใบหนึ่ง และยังมีเบอร์ติดต่อเพื่อบริการถึงที่ ทว่าด้านหลัง กลับเป็นภาพของธนบัตรหนึ่งร้อยหยวน ลอกเลียนได้เหมือนมากจริงๆ
“เหอะๆ” ตัวเองที่อยู่ด้านหน้าโยนการ์ดใบเล็กที่ออกแบบอย่างสร้างสรรค์ออกไป เพื่อให้มันเจอคนที่ดวงสมพงษ์คนต่อไป
“คุณไม่กลัวผมฆ่าสักนิดเลยเหรอ” โจวเจ๋อถาม ไม่รู้ว่าทำไม ถึงแม้จะเป็นความฝัน แต่โจวเจ๋อกลับมีความรู้สึกเสมือนจริงอย่างมาก ราวกับว่าถ้าหากตัวเองใช้มีดผ่าลงไป มีความเป็นไปได้สูงที่จะสูญเสียอะไรไปตลอดกาล
ตัวเองที่อยู่ด้านหน้าไม่ตอบ เขาได้แต่นั่งอย่างเงียบๆ ยิ้มอย่างเงียบๆ ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า ไม่เหมือนตัวเองเลย เขาคิดว่าถ้าเปลี่ยนตำแหน่งกัน เขาอาจจะไม่ได้นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้นก็เป็นได้
เขาจะต้องแย่งชิง จะต้องแย่งชิงอย่างแน่นอน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาก็จะแย่งดูสักครั้ง เพื่อให้มีชีวิตรอด!
เขาไม่อยากตาย แต่เขาก็ไม่อยากให้ชีวิตต้องก้าวหน้า ดูเหมือนทั้งสองอย่างนี้จะขัดแย้งในตัวมันเอง แต่ความจริงแล้วไม่ขัดแย้งในตัวเองเลยสักนิด
หากลองถามใจตัวเองดู บนโลกนี้อย่างน้อยมีคนอีกครึ่งหนึ่งที่จริงๆ แล้วก็ใช้ชีวิตแบบนี้ อยากประสบความสำเร็จ แต่กลับไม่อยากขยันและพยายาม ชอบความสบาย แต่กลับหาข้ออ้างนี้เพื่อปฏิเสธการต่อสู้ดิ้นรน แล้วจู่ๆ ก็ตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป ต้องพยายาม ต้องพัฒนาให้ก้าวหน้า ต้องเหนือกว่า แต่ตื่นมาวันที่สอง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ราวกับการประณามตัวเองในใจเมื่อวานเป็นแค่ฉากที่แสดงเพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น
“กลัว” ตัวเองที่อยู่ด้านหน้าตอบ “และก็ไม่กลัว”
“ทำไม” โจวเจ๋อถาม
“อยากรู้คำตอบใช่ไหม” ตัวเองที่อยู่ด้านหน้าถาม โจวเจ๋อพยักหน้า จากนั้นตัวเองที่อยู่ด้านหน้าจึงยื่นฝ่ามือ แล้วเล็บที่อยู่ตรงนิ้วชี้จึงงอกยาวออกมา ต่อจากนั้นเขาใช้เล็บแทงไปที่หน้าอกของตัวเอง ‘ฉึก!”’
โจวเจ๋อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ส่งผ่านเข้ามาเป็นระยะ เขาก้มหน้าดู แต่กลับพบว่าเล็บของตัวเองกำลังทิ่มอยู่ที่หน้าอกของตัวเอง และน่าจะเป็นผลมาจากประสบการณ์ของศัลยแพทย์ฝีมือดี จึงรู้ว่าต้องแทงคนอย่างไรให้ดูสาหัสแต่กลับไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
“ทำไม” โจวเจ๋อมองแผลที่หน้าอกของตัวเองแล้วถาม ขณะเดียวกัน เขาได้ดึงเล็บออกมาอย่างช้าๆ
“คำตอบอยู่ตรงหน้าของพวกเราแล้ว”
โจวเจ๋อเงยหน้าด้วยความงุนงง ตรงหน้าคือผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามา แต่คำตอบอยู่ที่ไหนล่ะ ทันใดนั้นโจวเจ๋อพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนทางเท้า และตัวเองอีกคนหนึ่งกลับยืนอยู่ที่ตำแหน่งที่ตัวเองพูดก่อนหน้านั้น
“นี่…” ตัวเองอีกคนหนึ่งกำลังนั่งลงข้างโจวเจ๋อ “นี่ ก็คือคำตอบ”
“คำตอบเหรอ…”
“ใช่แล้ว ผมกลัวตาย” เป็นคำตอบที่จริงใจอย่างยิ่ง เพราะตัวของโจวเจ๋อก็กลัวตายเหมือนกัน “เพราะว่ากลัวตาย ดังนั้นไม่ว่าตอนไหนผมจะไม่ฆ่าตัวเองตาย”
“ฆ่าตัวเองตาย…”
“ใช่ ทำไมผมจะต้องฆ่าตัวเองตายด้วยล่ะ” ตัวเองอีกคนหนึ่งมองโจวเจ๋อ โจวเจ๋อก็มองตัวเองอีกคนหนึ่งเช่นกัน ทั้งสองคนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงเดินบนถนนใหญ่ มองผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย
“ต่อให้โลกนี้ทอดทิ้งผม แต่อย่างน้อยความสุขความเศร้าก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม” ตัวเองอีกคนหนึ่งเอ่ยด้วยความทอดถอนใจ
“นี่ก็คือผม ชีวิตที่อยากได้ รู้สึกเหนื่อยมานานแล้ว ดังนั้นจึงอยากขี้เกียจ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น และถ้าอยากหน้าด้านมีชีวิตต่อ แต่ก็ไม่อยากตาย ดังนั้นจึงได้แต่กินให้ดีทำตัวขี้เกียจ ชาติที่แล้วไม่ได้รับความสงบสุข ชาตินี้จึงต้องทะนุถนอมให้ดี ถึงแม้ว่าจะสิ้นสุดในวันเดียว แต่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ”
“เหมือนชีวิตของปลาเค็มใช่ไหม” โจวเจ๋อหัวเราะพูด
“ใช่แล้ว ถือว่าเป็นปลาเค็มตัวหนึ่ง มีอะไรไม่ดีเหรอ ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่อิจฉาและอยากใช้ชีวิตแบบนี้แต่ทำไม่ได้”
…
ด้านหลังของถนน ข้างหลังร้านติดฟิล์มโทรศัพท์ ผู้ชายใส่เสื้อสเวตเตอร์สีดำยืนอยู่ตรงนั้น เขากำหมัดแน่นทั้งสองข้าง เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ทำไมคุณถึงไม่ฆ่าเขา ทำไมถึงไม่ฆ่า ไม่เพียงแต่ไม่ฆ่า แถมทั้งสองคนยังนั่งอยู่ริมถนนด้วยกันอีกด้วย สูบบุหรี่และกระดิกขาไปพร้อมกัน เหมือนผู้ชายขี้เกียจในหมู่บ้านบนภูเขาที่กินข้าวบริจาคแล้วขี้เกียจทำงาน แต่ไปนั่งบนเขื่อนอาบแดดและนอนหลับ
นี่มันอะไรกันแน่ ทำไม!!!!!!!
………………………………………………………………………..