ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 475 เหมืองของตระกูลโจว

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 475 เหมืองของตระกูลโจว

“ดูเหมือนใกล้จะจบแล้ว” พระขี้เรื้อนใช้นิ้วก้อยแคะขี้หูพลางเอ่ยขึ้น จากนั้นก็เป่าออกไป

“นานจังเลย” หญิงสาวไม่พอใจมาก แล้วพูดต่อ “คนที่เชิญมากลับปล่อยให้แขกรออยู่หน้าประตูตั้งนานไม่มีมารยาทเลยสักนิดจริงๆ ดอกไม้ที่อยู่ในสวนดอกไม้ของฉันยังตรงเวลามากกว่าพวกมันอีก เมื่อไรต้องผลิบานก็ผลิบาน”

“ฮิๆ คนที่เชิญมาเหลือไม่กี่คนแล้ว” พระขี้เรื้อนลุกขึ้น ชูมือบิดขี้เกียจ

“หืม”

“รออีกหน่อย รอให้ข้างในเสร็จเรียบร้อย แล้วพวกเราค่อยพิจารณาว่าจะเข้าไปเยี่ยมเจ้าของคนใหม่ดีไหม ใต้ดินของสวีโจวได้เปลี่ยนสีแล้ว”

“เปลี่ยนสีแล้ว หมายความว่าเหี่ยวตายหมดแล้วใช่ไหม”

“ประมาณนั้น แต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนุก คนที่ประหารสามอสุภะอยู่ด้านใน ดูเหมือนจะมีปัญหาเล็กน้อย”

“นักพรตหรือพระอย่างพวกคุณมีแต่คนแปลกทั้งนั้น ชอบวกวนอ้อมไปอ้อมมา”

“อ้อมไปอ้อมมาไม่เยอะ แล้วจะทำให้คนศึกษาไปตลอดชีวิตได้ยังไง ก็เหมือนเวลาที่โยมวาดวงกลมอยู่ข้างในดูเหมือนจะเข้าใจมาก แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เข้าใจอะไรเลย ตอนที่โยมจับคุณยายลงไปฝัง จริงๆ แล้วกำลังตัดอดีตของตัวเอง แต่โยมกลับไม่รู้ตัวก็เท่านั้น”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าหากวันหนึ่งฉันอยากจะประหารสามอสุภะหรือลบจิตมารออกไป ขอเพียงหาพระที่มีท่าทางเหมือนท่านหรือหานักพรตสักคนมาฝังลงไป ก็ทำได้แล้วเหรอ”

พระขี้เรื้อนตัวสั่นขึ้นมาทันที “อมิตาภพุทธ อมิตาภพุทธ” พระขี้เรื้อนรู้สึกกลัวอยู่บ้าง เพราะเขารู้สึกว่า ตอนแรกหญิงสาวคนนี้น่าจะพูดกับคุณยายของเธอประมาณนี้ แต่เขารู้สึกว่าตอนแรกคุณยายของเธออาจจะคิดว่าเป็นคำพูดไร้เดียงสาของเด็กน่ารักบริสุทธิ์อย่างเธอ และอาจจะลูบศีรษะของเธอแล้วยิ้มให้เธออีกด้วย จนกระทั่งตอนที่ตัวเองถูกฝังลงดิน คุณยายของเธอถึงได้เข้าใจว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แค่พูดเท่านั้น

เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วจัดสบงให้เรียบร้อย พระขี้เรื้อนดูเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด “โยมจะเข้าไปไหม”

หญิงสาวตัวดำส่ายหน้า เอ่ยว่า “ตอนที่ต้องเคลียร์สต็อกเตรียมส่งดอกไม้ให้กับคนที่จองดอกไม้นั้น พบว่าสวนดอกไม้ที่ทงเฉิงถูกทำลายแล้ว”

“อ๋า นั่นเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วหรือเปล่า”

“ใช่แล้ว แต่ฉันลืมค่ะ ฉันต้องปลูกดอกไม้มากมายทุกวัน จะจำเรื่องได้เยอะแยะมากมายได้ยังไง”

“ไม่ถูกนะ อาตมาจำได้ตอนนั้นอาตมาได้เตือนโยมแล้ว ตอนนั้นร่างแยกที่ทำจากกระดาษของอาตมาที่อยู่ที่นั่นถูกทำลาย ทำให้ความสกปรกในใจทั้งหมดที่อาตมาทิ้งไว้ที่นั่นกลับมา เกือบจะทำลายการฝึกบำเพ็ญเพียรของอาตมาแล้ว”

“อ้อ มีด้วยเหรอ”

“อาตมาจำได้ว่าโยมเคยส่งคนไปสืบ”

“อ้อ มีด้วยเหรอ”

“มี!”

“อย่างนั้นฉันก็ลืมไปแล้ว ท่านก็รู้ ฉันต้องปลูกคนมากมายทุกวัน หายไปคนสองคนฉันยังคิดว่าตัวเองไม่ระวังปลูกเยอะเกินไป แล้วจะจำทั้งหมดได้ยังไงล่ะ”

“ฮู่ว…” พระขี้เรื้อนถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เขาตัดสินใจแล้ว วันหลังถ้าหญิงสาวคนนี้อยู่ที่ไหน เขาจะหลบทันที จะไม่อยู่กับเธอเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นตัวเองจะโดนเอาไปฝังเมื่อไรก็ไม่รู้

ทำไมๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้! ฆ่าสิ ทำไมคุณถึงไม่ฆ่า เพราะอะไรคุณถึงไม่ฆ่า! ผู้ชายใส่เสื้อสเวตเตอร์สีดำยืนอยู่ข้างหลัง กำหมัดแน่น เขาอยากให้ตัวเองพุ่งเข้าไปแล้วเด็ดหัวทั้งสองคนจริงๆ

แต่ปากกาด้ามนั้น ปากกาเฮงซวยด้ามนั้นกลับเริ่มสั่นกระตุกด้วยความตื่นเต้นเหมือนได้เสพยา ความเจ็บปวดจากบาดแผลกลับเป็นเรื่องรอง ถึงแม้วิญญาณจะถูกจับนาบกับเสาที่ถูกเผาจนแดง เขาอิ๋งโกวก็สามารถทนได้ แต่ประเด็นสำคัญคือ เขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์เยาะเย้ยและสะใจที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ที่ส่งผ่านมาจากปากกาด้ามนี้ ราวกับจงใจขานรับที่เขาพูดคำเหล่านั้นกับมันก่อนหน้านี้

มันกำลังเยาะเย้ยเขา! มีอย่างที่ไหน! มีอย่างที่ไหนกัน!

เวลานี้ทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนทางเท้าได้ลุกขึ้นพร้อมกัน เหมือนงานสัมมนาของปลาเค็มได้สิ้นสุดลง ทั้งสองคนได้บรรลุข้อตกลงเดียวกัน ยอมรับผลของการสื่อสารเป็นสำคัญ มีความเข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายเข้าไปอีกหนึ่งขั้น

โจวเจ๋อยืนอยู่ที่เดิม มองตัวเองที่อยู่ตรงหน้าเดินเข้ามาหาตัวเองช้าๆ ท่ามกลางผู้คนมากมายเป็นสายน้ำ ทั้งสองคนเหมือนอยู่กันตามลำพัง เขาเดินเข้าหาตัวเอง แล้วเดินเข้าไปในตัวเอง สุดท้ายได้หลอมรวมเข้ากับตัวเองอย่างสมดุล

ตอนที่ใกล้จะสิ้นสุดการผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ตัวเองคนนั้นได้ทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค “หยุดอยู่แค่นี้ ตื่นขึ้นมาเถอะ…” น้ำเสียงนี้หายไปตามสายลม สิ่งที่หายไปในเวลาเดียวกันยังมีตัวเองคนนั้นที่รูปร่างลักษณะเหมือนกันทุกประการ ครั้งนี้ไม่ใช่การฆ่าให้ตาย และไม่ใช่การทำลายให้สิ้นซาก แต่เป็นการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนสองด้านของปลาเค็มตัวหนึ่ง มันก็ยังเป็นปลาเค็มเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของพลังที่ซ้อนทับกัน

สำหรับโจวเจ๋อแล้ว ความฝันนี้ เหมือนการคิดพิจารณามากกว่า ให้ตัวเองได้เลือกใหม่อีกครั้ง เขายังเลือกตัวเองในตอนนี้ เลือกชีวิตในตอนนี้ ตอนที่ระยะทางไกลเริ่มไกลจริงๆ การใช้ชีวิตอย่างฉาบฉวยจึงไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับยากขนาดนั้นแล้ว

โจวเจ๋อชอบประโยคนี้ ได้ยินว่าแม่ของเกาเสี่ยวซงเป็นคนพูดออกมา จากนั้นก็ถูกเกาเสี่ยวซงนำไปเขียนในเพลง

คนที่อยู่บนถนน เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ ราวกับถนนคนเดินที่ครึกครื้น เริ่มเดินสู่ความเสื่อมโทรมของมัน

ท้องฟ้าเริ่มมีหิมะตก คนยิ่งน้อย หิมะกลับยิ่งตกหนัก โจวเจ๋อก้มหน้า เหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง ตอนที่เงยหน้าขึ้น ผู้คนที่เดินเตร็ดเตร่อยู่บนท้องถนนได้หายไปหมดแล้ว มองเห็นรอบด้านได้ชัดเจนมากขึ้น ราวกับพื้นที่กว้างขาวโพลนสุดลูกหูลูกตานี้ เหลือแค่ตัวเองกับเขาเท่านั้น

ข้างกายของอิ๋งโกวที่อยู่ไม่ไกลนัก ยังมีร้านขายมันเผาร้านหนึ่ง แต่ไม่เห็นเจ้าของร้านแล้ว ทว่าถังน้ำมันทั้งสองถังยังร้อนระอุมีควันสีขาวลอยขึ้นมา อิ๋งโกวใส่เสื้อสเวตเตอร์สีดำ ปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งด้วยหมวกแก๊ป ทั้งสองคนสบตากันอยู่นาน แล้วอิ๋งโกวจึงพูดว่า “ยังไม่ไปเหรอ” ประหารสามอสุภะ หากไม่ประหารให้หมดสิ้นจะเสียใจ และเป็นเรื่องที่น่ายินดีในขณะเดียวกัน

ต้าเหยี่ยนนับเป็นห้าสิบ ที่เหลือนับเป็นสี่สิบเก้า แล้วหลบอีกหนึ่ง (เกี่ยวกับคัมภีร์อี้จิง) บางทีความสมบูรณ์ก็คือความไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง

โจวเจ๋อคลำกระเป๋า เขาลืมไปว่าไม่ได้พกบุหรี่มาด้วย แต่นี่เป็นความฝัน เขาจึงคลำกระเป๋าอีกครั้ง แล้วเจอบุหรี่หนึ่งซอง ในความฝัน มันมีข้อดีอย่างนี้นี่เอง เขาหยิบบุหรี่ออกมาสองมวน โจวเจ๋อโยนหนึ่งมวนให้อิ๋งโกวที่ยืนอยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม อิ๋งโกวไม่รับ จากนั้นบุหรี่จึงร่วงไปอยู่ข้างเท้าของเขา

เขากำหมัด ร่างกายกำลังสั่นเทิ้ม เห็นได้ชัดว่าความโกรธถูกควบคุมจนถึงขีดสุดแล้ว

ไอ้ปัญญาอ่อนคนนี้ เขา…เขา… เขายื่นบุหรี่ให้ข้าเหรอ กาแฟ หนังสือพิมพ์ เพิ่มน้ำตาล แล้วก็เพิ่มบุหรี่อีกหนึ่ง

อิ๋งโกวเงยหน้า โชว์ใบหน้าส่วนใหญ่ของตัวเองออกมา เนื่องจากใช้วิญญาณร่วมกัน ใบหน้าของอิ๋งโกวกับใบหน้าของโจวเจ๋อจึงเหมือนกันเปี๊ยบเลย แน่นอนว่านี่เป็นเพียงรูปแบบการแสดงออกเท่านั้น

“เจ้าเชื่อไม่เชื่อ ถ้าบังคับให้ข้าร้อนใจกว่านี้ ข้าจะดึงเจ้าให้ตายตกไปพร้อมกัน”

“ผมเชื่อ”

‘แชะ!’ โจวเจ๋อใช้ไฟแช็กจุดบุหรี่ แล้วพ่นควันบุหรี่ออกมา “เหอะๆ แต่ตอนที่คุณอยากจะดึงผมให้ตายไปพร้อมกันจริงๆ คุณจะไม่พูดออกมา”

สายตาของอิ๋งโกวจ้องนิ่งเล็กน้อย

โจวเจ๋อยื่นมือเขี่ยบุหรี่ในมือ แล้วพูดต่อ “มีคนมากมายที่อิจฉาชีวิตที่ขี้เกียจไร้เป้าหมายแบบนี้ อยากจะเป็นปลาเค็มตัวหนึ่ง แต่ดวามกดดันในชีวิตของพวกเขา ความกดดันของครอบครัว ความกดดันของศีลธรรมจริยธรรมตามประเพณี ทำให้จิตใจของพวกเขากลับไม่เป็นอิสระ ปลาเค็มที่สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายได้แท้จริง โดยทั่วไปคือที่บ้านมีเหมืองมีฐานะร่ำรวย”

อิ๋งโกวฟังเงียบๆ ไม่พูดอะไร

“ลองเปลี่ยนวิธีคิด ยังดีที่คุณอยู่ในร่างกายของผม ไม่อย่างนั้นชีวิตของผม ก็คงไม่สบายขนาดนี้” โจวเจ๋อพูดตรงประเด็นทันที อ้อไม่ เริ่มหน้าด้านขึ้นมาโดยตรง

เขาไม่สามารถประหารสามอสุภะได้สำเร็จ แต่ใช่ว่าจะเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้เลย

“นี่ คุณรู้ไหม ร้านหนังสือของพวกเรามีทนายคนหนึ่ง ชอบพูดให้กำลังใจคนอื่น ผมเพิ่งรับรู้ความรู้สึกของเขา รับรู้ความรู้สึกตอนที่นั่งตรงข้ามผมคอยมองผมนอนอาบแดด แต่หลังจากที่ร่างแยกของเซี่ยจื้อออกมาจากประตูของสถานีตำรวจในคืนนั้น เขาก็ไม่พูดอะไรกับผมอีกเลย” โจวเจ๋อยักไหล่ ชี้ไปที่อิ๋งโกว “สาเหตุเป็นเพราะอะไร คุณก็รู้”

อิ๋งโกวไม่พูด เขาโกรธจนพูดไม่ออก

“มีคุณอยู่ในร่างของผม ผมไม่ใช้ชีวิตให้สบายขึ้นหน่อย ไม่เป็นปลาเค็มขึ้นอีกนิด ไม่ผิดต่อตัวเองแย่เหรอ”

เขาทิ้งก้นบุหรี่ เหยียดเท้าและบดขยี้ไปบนพื้น ถึงแม้จะเป็นความฝัน แต่เถ้าแก่โจวก็ยังต้องปฏิบัติตามจริยธรรมของสังคม

ครั้งที่แล้วได้รับบทเรียนแล้ว เพราะไม่รอไฟแดง ไม่ข้ามทางม้าลาย จึงเจอกับรถขนพระบรมสารีริกธาตุ เกิดเรื่องใหญ่มาก

“พูดจบแล้วเหรอ” อิ๋งโกวถาม

“ยัง ยังมีอีกหนึ่งประโยค” โจวเจ๋อโบกมือให้อิ๋งโกว “ราตรีสวัสดิ์”

ผู้หญิงใส่กางเกงหนังมองโจวเจ๋อที่เดินเข้าหาตัวเองไม่หยุด เธอลืมที่จะต่อต้าน และลืมที่จะโต้ตอบ กระทั่งเธอไม่กล้าที่จะขยับมือแม้แต่นิดเดียว เธอยอมรับโชคชะตาแล้ว เธอถูกความกลัวปราบจนราบคาบ แส้หนังหวดเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอในตอนนี้จิตยังไม่พังทลาย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำยากมาก

โจวเจ๋อเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอ ทั้งสองคนยืนตรงข้ามกัน ห่างกันไม่ถึงหนึ่งเมตร ผู้หญิงใส่กางเกงหนังรู้สึกได้ถึงความชื้นและอุณภูมิลมหายใจของโจวเจ๋อที่ปะทะใบหน้าของตัวเอง เธอจึงกลั้นหายใจเมื่อรู้ตัว แม้แต่จุดนี้ก็ยังไม่กล้าล่วงเกินเขา!

โจวเจ๋อยื่นศีรษะไปที่ไหล่ของผู้หญิงใส่กางเกงหนัง ผู้หญิงใส่กางเกงหนังตัวสั่น ไม่กล้าขยับตัว ใบหน้าที่เดิมทียังดูสะสวย เวลานี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตาอาบหน้า

เธอกลัวและหมดแรง ใครจะคิดว่า ยมทูตจะเกิดอารมณ์แบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นคนที่ตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ทว่าการโจมตีและความเจ็บปวดที่คาดคิดไว้กลับไม่เกิดขึ้น

‘เปรี๊ยะ!’ ผู้หญิงใส่กางเกงหนังรู้สึกว่าจุดกลมนูนที่ถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงหนังถูกตบอย่างแรง จนเนื้อกระเพื่อมขึ้นมา ผู้ชายคนนั้นหัวเราะและพูดเบาๆ ว่า “จะว่าไป ผู้หญิงใส่กางเกงหนัง ก็รู้สึกดีเหมือนกัน”

ผู้หญิงใส่กางเกงหนังกระตุ้นความกล้าครั้งสุดท้าย หันหน้าเล็กน้อย พบว่าผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้ ตอนนี้ลืมตาแล้ว ไม่เหมือนคนหลับตาเดินละเมอก่อนหน้านั้น

“อิงอิง!” โจวเจ๋อโบกมือร้องเรียกอิงอิงที่อยู่อีกฝั่งของสระน้ำ

“มีอะไรเจ้าคะ เถ้าแก่!”

“กลับไปก็คุณใส่เสื้อผ้าแบบนี้บ้างนะ”

“ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่!”

………………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท