ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 476 ฉันคิดว่าตัวเองพกเกลือมา

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 476 ฉันคิดว่าตัวเองพกเกลือมา

โจวเจ๋อไม่หยุดอยู่กับผู้หญิงคนนี้นานมากนัก ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้ใส่กางเกงหนังให้ความรู้สึกดีก็จริง หน้าตาก็พอใช้ได้ แต่เมื่อเทียบกับไป๋อิงอิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของสระน้ำแล้ว อ้อไม่ ไม่สามารถเทียบได้เลย

เมื่อลืมตาก็คือโลกของมนุษย์ พอตื่นขึ้นมาจากฝัน ทันใดนั้นเขารู้สึกละอายใจ ‘โลกใบนี้ช่างงดงามเสียจริง’ ทำไมฉันต้องอารมณ์ร้อนแบบนี้ด้วย’ ราวกับว่าในใจของตัวเองได้รับการชำระล้าง

โจวเจ๋อจำได้ชาติที่แล้วหลังจากโรงพยาบาลเชิญนักแสดงปาฐกถาเสวนาเข้ามาพูดให้กำลังใจทุกคนแล้ว น่าจะมีอารมณ์ประมาณนี้ ทันใดนั้นรู้สึกว่างานในโรงพยาบาลที่หนักและตึงเครียดกลับไม่ลำบากยากเย็นขนาดนั้นแล้ว

เพียงแต่เสียดาย นักแสดงปาฐกถาเสวนาคนนั้นผ่านไปสองสามวันก็มีอาการเลือดคั่งในสมอง และดูเหมือนจะจากไปอย่างสงบ

โจวเจ๋อเดินไปที่ศาลากลางน้ำ มีศาลาแห่งหนึ่งที่พังลงมา แต่ยังพอมีทางที่สามารถเดินได้ ตอนที่โจวเจ๋อเดินผ่านข้างกาย ทนายอันดูอึกๆ อักๆ อยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา เขาคิดแล้วว่ายังไม่ต้องรีบถามเรื่องเมื่อกี้๊ก็ได้ จึงเอ่ยว่า “ชายชราคนนั้นถูกจับเป็น เรื่องการสอบสวนสามารถมอบให้ผมจัดการได้ รอให้ผมสอบถามได้แล้วค่อยรายงานคุณ”

“เน้นหนักไปที่สถานการณ์ของหลินเข่ออีกครั้ง”

“อืม เข้าใจครับ”

อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ต้องพูด และควรจะทำอย่างไรจริงๆ แล้วทุกคนรู้อยู่แก่ใจ แต่ทนายอันคิดว่าถ้าพูดแบบนี้จะทำให้ดูจริงจังและเป็นการแสดงความเคารพเคร่งขรึมขึ้นมาบ้าง

หากเป็นเขาในเมื่อก่อนนี้ จะไม่มีความคิดแบบนี้เลย ความหมายโดยประมาณก็คือ ทนายอันรายงานสาระสำคัญของเรื่องนี้ให้โจวเจ๋อฟังอีกครั้ง จากนั้นโจวเจ๋อจึงสั่งการส่วนที่สำคัญกับเรื่องนี้ ต่อไปคือ ทุกคนไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อ อย่าเพิ่งพูดถึงความวุ่นวายเละเทะหลังจากการต่อสู้เลย แม้แต่ศพของยมทูตสองสามศพที่อยู่บนพื้นเหล่านั้นแค่เก็บกวาดก็ทำให้คนปวดหัวมากพอแล้ว

ดังนั้นเปลี่ยนสถานที่ไปเลยเสียยังดีกว่า ก่อนจะออกไป โจวเจ๋อตั้งใจหยิบเงินกระดาษออกมาปึกหนึ่งแล้วนั่งเผามันที่นี่ขึ้นมา ถึงแม้ตอนที่ต่อสู้กันกลิ่นอายของปีศาจและวิญญาณจะเยอะมาก และการรับรู้ของคนทั่วไปก็ที่ถูกกั้นไว้จากโลกภายนอก แต่การเผาเงินกระดาษแล้วค่อยเดินออกไป สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องยุ่งยากที่เหลือต่อจากนี้ได้พอสมควร

ผลของการใช้เงินกระดาษจริงๆ แล้วก็อยู่ตรงนี้ มันไม่สามารถลบล้างความยุ่งยากได้ทุกอย่าง แต่ผลแห่งกรรมที่เกิดขึ้นโดยไร้ซึ่งเจตนาร้าย ทัมันสามารถที่จะลบล้างได้อยู่บ้าง

หรือบางทีอาจจะมีคนรู้สึกว่าดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไร และไม่ใช่ความยุ่งยากโดยเจตนาก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากพวกเขาเคยเปิดร้านหรือโรงงานขนาดเล็กจริงๆ ก็จะรู้ดี ว่า ไม่ใช่ลงทะเบียนจ่ายภาษีก็จะลั้นลาได้แล้ว แต่คุณยังต้องรับมือกับการตรวจสอบสภาพแวดล้อมและการป้องกันอัคคีภัยอีกด้วย

กระทั่งการสร้างถนนคอนกรีตในหมู่บ้านที่อยู่ถัดไปก็จะมีชาวบ้านเข้ามาบังคับให้คุณต้องออกเงิน ถึงแม้ว่ารถบรรทุกในโรงงานของคุณจะไม่ขับผ่านทางนั้นก็ตาม

ตอนที่เผากระดาษ โจวเจ๋อเห็นผู้หญิงใส่กางเกงหนังคนนั้นยืนเซ่อซ่าอยู่ตรงนั้นนานสองนาน แล้ววิ่งหนีไปอย่างอกสั่นขวัญแขวน นอกจากนี้วิ่งไปหนึ่งก้าวยังต้องหันกลับมาดูสามครั้ง กลัวว่าตัวเองจะโดนไล่ตามทัน

“จะปล่อยเธอไปแบบนี้เหรอ เถ้าแก่” นักพรตเฒ่ายืนถามอยู่ข้างๆ

“หืม” โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่ากางฝ่ามือ แล้วทำท่า ‘เฉือน’ บางทีเขาคงจะดูภาพยนตร์ตำรวจจับผู้ร้ายมากเกินไป ทำให้ตัวเองรู้สึกอินไปด้วย

“อย่างนั้นคุณก็ลองตามไป แล้วฆ่าเธอซะ”

“…” นักพรตเฒ่า

“อย่างน้อยก็ต้องเหลือลิ้นไว้คอยโปรโมตทให้พวกเราบ้าง แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเหลือลิ้นหรือไม่ เรื่องนี้ก็ปิดไม่มิดอยู่ดี ยมทูตท้องถิ่นสวีโจวถูกกวาดล้างจนเกือบหมดเรียบ จะต้องมีการตอบสนองที่ยิ่งใหญ่แน่นอน”

ทนายอันตอนนี้ ‘มัดตัว’ ชายชราเรียบร้อยแล้ว โอเค ยกเขาออกไปได้

ชายชราอายุมากแล้ว แต่ไม่รู้จักบันยะบันยัง บวกกับหุ่นเชิดตัวโปรดของเขาได้ถูกอิงอิงฉีกเป็นชิ้นละเอียดแล้วตอนนี้เขาจึงหงอยเหงาอย่างรุนแรง

“ผมแค่หวังว่าจะใช้ชีวิตที่สงบสุขให้นานกว่านี้อีกระยะหนึ่งมากกว่านี้” โจวเจ๋อเก็บเงินกระดาษที่ปลิวขึ้นมาแล้วโปรยออกไปกลับมา แล้วโยนเข้าไปในกองไฟเพื่อเผาต่อ ดูเหมือนจะเป็นเพราะความฝันนั้น ตอนนี้เขาคิดถึงหน้าต่างยาวจรดพื้นกับโซฟาในร้านหนังสือ รวมทั้งกาแฟที่อยู่ในร้านหนังสือเช่นกัน

“อ้าว คนหายไปไหนหมด” ไป๋อิงอิงเก็บของเดินออกมาจากห้องที่ทุกคนอยู่แต่เดิม และไวน์แดงที่เหลือครึ่งขวดนั่นก็เก็บมาด้วย ขยันและมัธยัสถ์ตรงตามหลักการครองเรือนรู้สึกดูแลครอบครัวจริงๆ

“เถ้าแก่ ฉันข้ายังไม่ได้ถามเธอว่าซื้อกางเกหงหนังมาจากไหนเลยเจ้าค่ะ”

โจวเจ๋อหัวเราะ ตบพลางปัดมือ ลุกขึ้นยืนเพื่อบอกว่ากลับได้แล้ว

ตอนที่เดินออกไป โจวเจ๋อมองศพที่น่าอนาถทั้งสี่อยู่บนพื้นหนึ่งที หนึ่งในนั้นมีศพหนึ่งที่ถูกผ่าเป็นสองซีก เขาจึงขมวดคิ้วทันที แล้วถามทนายอันที่อยู่ข้างๆ “คุณลงมือโหดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

“…” ทนายอัน

“เถ้าแก่ คนพวกนี้ เจ้าเป็นคนฆ่าทั้งหมด พวกเราต่างอยู่อีกฝั่งหนึ่ง” นักพรตเฒ่าพูดเตือน

“เอ่อ…ผมฆ่าเหรอ”

“ใช่แล้ว” นักพรตเฒ่าพยักหน้า

“คุณเป็นคนฆ่า ผมจึงไม่กล้าเข้ามา” ทนายอันพูดยืนยัน ‘กล้า’ คำนี้ พูดออกมาได้แจ่มมาก เพราะว่าตอนที่ทนายอันเตรียมจะเข้ามา แต่ตอนนั้นโจวเจ๋อกลับหลับตาฆ่าคนติดต่อกัน ทำให้เขาหวาดกลัวเล็กน้อย กลัวว่าโจวเจ๋อจะฆ่าตัวเองเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู เป็นการเตือนนักพรตเฒ่ากับไป๋อิงอิงที่อยู่ข้างๆ ว่า ก็พูดเตือน ‘“ฉันชอบฆ่าคนตอนฝัน’”

“ผมฉันจะฆ่าได้ยังไง…” โจวเจ๋อพูดคำเหล่านี้ได้ครึ่งหนึ่งแล้วจึงหยุด เพราะเขาพลันเห็นวิธีการตายของศพทั้งสี่ที่อยู่บนพื้น ซึ่งเหมือนกับวิธีีตอนที่ตัวเองฆ่าคนตอนอยู่ในฝันเปี๊ยบเลย

คนหนึ่งหน้าอกถูกแทงทะลุ คนหนึ่งถูกผ่าเป็นสองซีก คนหนึ่งหน้าผากถูกแทงทะลุด้วยเล็บ อีกคนหนึ่งถูกฟาดจนวิญญาณดับสูญ ร่างกายไม่มีความเสียหายเท่าไรใดๆ แต่กลับทิ้งความหวาดกลัวสุดขีดไว้บนใบหน้า ดูเหมือนว่าตัวเขาจะเป็นคนฆ่าจริงๆ

ฆ่าคนในฝันเหรอ

“จำไม่ได้เหรอ” ทนายอันพูดด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าประหารสามอสุภะคืออะไร เพราะเขาไม่เคยเจอมาก่อน

โจวเจ๋อถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าตัวเองเจออะไรมา แต่คลับคล้ายคลับคลาจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่การเพิ่มด้านพลัง แต่เป็นวิธีการต่อสู้และแนวคิดที่ละเอียดรอบคอบ ดูเหมือนจะมีความละเอียดลออมากขึ้น

“เหล่าอัน”

“หืม เถ้าแก่”

“รอให้หาตัวหลินเข่อเจอแล้ว หลังจากกลับไป พวกเราหาเวลาว่างมาประลองฝีมือกันหน่อย”

“…” ทนายอัน

“วางใจได้ ผมไม่เรียกเขาออกมาหรอก พวกเราต่อสู้กันในสถานการณ์ปกติ ไม่มีปัญหาใช่ไหม”

“เถ้าแก่ คุณดูบรรยากาศที่นี่ไม่เลวเลยใช่ไหม ถ้าหากไม่มีคนตายล่ะก็ ผมอยนากจะพักผ่อนที่นี่สักสองสามวันโรงแรมที่นี่มีทั้งอาหารและนวดสปา อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน”

พระขี้เรื้อนกับหญิงสาวตัวดำปี๋รอนอยู่นานแล้ว พวกเขาเป็นแขก แต่พวกเขาก็เป็นแขกที่มีอีโก้ คนทั่วไปเมื่อถูกเชิญ มักจะรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาไม่ พวกเขารออยู่ข้างนอก พยายามยื้อเวลาไม่เข้าไป

จนกระทั่ง คนที่ถูกเชิญตายและโดนจับไปพอสมควร พวกเขาก็ยังมองดูอยู่ข้างนอก ในที่สุดพวกเขาก็เห็นคนที่คุ้นเคยเดินออกมา เป็นหนึ่งในแขกคนที่ถูกรับเชิญพวกเขามาเช่นกัน ยมทูตหญิงท้องถิ่นของสวีโจวคนนั้น ผู้หญิงใส่กางเกงหนังวิ่งออกมาด้วยสีหน้าลนลาน ผมเผ้ายุ่งเหยิง กระทั่งยังมองออกว่า เธอเพิ่งจะร้องไห้ไปหยกๆ

ตอนที่วิ่งผ่านทั้งสองคน ผู้หญิงที่ใส่กางเกงหนังดูเหมือนจะมองพวกเขาไม่เห็นอย่างสิ้นเชิง แล้ววิ่งผ่านไป พระขี้เรื้อนยื่นมือออกไปทันที ดึงข้อมือของผู้หญิงใส่กางเกงหนังเอาไว้ แล้วดึงเธอกลับมา

ผู้หญิงใส่กางเกงหนังไม่ดิ้นรน และได้ยืนเซ่อซ่าอยู่กับที่ ปล่อยให้คุณทำอะไรก็ได้

สติของเธอถูกเสียดสีด้วยความน่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่ ถ้าบอกว่าทำให้สติของเธอแทบพังทลายทันทีก็พูดโอเวอร์จนเกินจริงไปหน่อย แต่ยากที่จะได้สติกลับมาในระยะเวลาอันสั้น และเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นฝันร้ายที่อยู่กับเธอไปตลอดกาล

“อมิตาภพุทธ” พระขี้เรื้อนท่องมนต์ สติของผู้หญิงใส่กางเกงหนังเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย “เกิดนอะไรขึ้นในนั้นกันแน่” พระขี้เรื้อนถาม

“ว้ายยยย!!!!” ผู้หญิงร้องกรี๊ดขึ้นมาในทันใด ร้องตะโกนเหมือนคนบ้า แผดเสียงร้องสุดขีด ดึงดูดสายตาของผู้คนที่อยู่โดยรอบ พระขี้เรื้อนกระแอมสองที รีบปล่อยมือ แล้วปล่อยให้ผู้หญิงใส่กางเกงหนังวิ่งหนีไป

แต่คนที่อยู่โดยรอบยังคงตำหนิเขาต่อไป และยังมีผู้หวังดีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป พระขี้เรื้อนจึงต้องเข้าไปหลบในสวนดอกไม้ แล้วหยิบสบงขึ้นมาบังเล็กน้อย

“เป็นอะไร ท่านคุณยังกลัวขายหน้าด้วยเหรอ”

“อมิตาภพุทธ ปากหลายๆ คนย่อมสามารถละลายทองได้ๆ เรื่องผิดอาจกลายเป็นถูก เรื่องถูกอาจกลายเป็นผิด”

“แล้วเป็นอะไรทำไมถึงปลอบใจเธอไม่ได้เหรอ ดูเหมือนเธอจะตกใจเกินเหตุ”

“เธอเป็นยมทูต อาตมาข้าใช้บทสวดของพระปลอบใจเธอแล้ว แต่เธอทนไม่ไหว”

“อ้อ” หญิงสาวตัวดำพยักหน้า “อย่น่างนั้นข้างในก็จบเรื่องแล้วใช่ไหม พวกเราไปกันเถอะ ฉันยังต้องกลับไปรถกน้ำคุณยายอีก ตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ก็ทำดีกับฉันมาก ฉันจึงต้องทำดีกับเธอเหมือนกัน”

เวลานี้ นักพรตเฒ่าเดินออกมาจากประตูของโรงแรม เขาเดินออกมาเรียกรถแท็กซี่ก่อน ตอนนี้เป็นเพราะพระขี้เรื้อนเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังสวนดอกไม้ นักพรตเฒ่าจึงไม่เห็นเขา แต่พระขี้เรื้อนมองเห็นนักพรตเฒ่า และเขาก็จำนักพรตเฒ่าได้เหมือนกัน พระขี้เรื้อนจำได้เมื่อตอนที่อยู่ในร้านหนังสือ เขาได้เยาะเย้ยเพื่อนในสายอาชีพเดียวกันที่เป็นฝ่ายตรงข้ามคนนี้ หัวเราะเยาะที่อีกฝ่ายมีเขาในท้องมีแต่พุ่มหญ้า นอกจากสามารถหลอกลวงคนได้แล้ว ก็ไม่มีศีลธรรมความสามารถเลยสักนิด

“เอ๊ะ เขาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” พระขี้เรื้อนพูดพึมพำกับตัวเอง

“อะไรนะ เขา นักพรตนั่นน่ะเหรอไอ้จมูกวัว เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวตัวดำพูดแบบไม่ค่อยเข้าใจ

“หรือว่ายมทูตของทงเฉิงก็อยู่ที่นี่”

“ทงเฉิง” หญิงสาวตัวดำขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้นหูเล็กน้อย ดูเหมือนเธอเพิ่งจะเคยได้ยินเมื่อไม่นาน แต่ความจำของเธอไม่ค่อยดีเท่าไร นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง แต่เป็นเรื่องจริง นอกเสียจากเรื่องการปลูกดอกไม้ที่ค่อนข้างใส่ใจแล้ว เรื่องอื่นเธอมักจะลืมเป็นธรรมดา

“ช่างเถอะๆ ถ้าหากยมทูตเมืองนั้นอยู่ที่นี่จริง ก็ไม่จำเป็นต้องเจอแล้ว ทางเดินไม่เหมือนกันก็ไม่สามารถร่วมงานกันได้” พระขี้เรื้อนสะบัดแขนเสื้อเตรียมจะออกไป เขาจำได้ว่าตอนแรกที่ตัวเองผ่านทงเฉิง ได้ตั้งใจเข้าไปพูดเรื่องอุดมคติของตัวเองกับยมทูตในร้านหนังสือแห่งนี้ ผลปรากฏว่าเขามีเจตนาดีกับอีกฝ่าย แต่ยมทูตคนนั้นกลับมองว่าเป็นคนปัญญาอ่อน

“ไปกันเถอะ หมดสนุกแล้ว ไม่น่าสนใจแล้ว” หญิงสาวตัวดำก็เตรียมจะเดินออกไป

พวกเขาเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องเข้าไปร่วมทำเรื่องไม่ดีที่ไม่มีความจำเป็น ย่อมไม่บุกตะลุยเข้าไปทำ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องเสียหาย และไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นด้วย

คนที่เชิญในเมื่อจบเห่แล้ว งานเลี้ยงนี้จึงไม่ต้องมีอีกต่อไป ต่อจากนี้ก็คือแยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง ไปหาแม่ของใครของมัน

เวลานี้ รถแท็กซี่ที่เรียกขับยมาที่หน้าประตูโรงแรมแล้ว นักพรตเฒ่าโทรหาทนายอัน “ฮัลโหล คุณทนาย รถมาแล้ว พวกเจ้าเก็บของพาคนกับของออกมาได้แล้ว ข้าว่านะ พวกเราหาที่พักผ่อนกันก่อนเถอะ แล้วค่อยหาของกินอร่อยๆ อีกที ไปกินเนื้อหมาที่อำเภอเพ่ยกันดีไหม สุกี้เนื้อหมา กินแล้วจะได้อุ่นท้อง ตอนเย็นก็จะได้…ฮิๆๆๆ โอ๊ยๆๆ ไม่เป็นไรหรอก เจ้าดูสิ เรื่องครั้งนี้ก็จัดการเสร็จแล้ว เถ้าแก่ได้ระบายความโกรธออกมาแล้ว เจ้าก็อาศัยจังหวะนี้ขอน้ำดอกพลับพลึงแดงกับเถ้าแก่ จากนั้นก็กินข้าวเลี้ยงฉลองให้ตัวเองสักหนึ่งมื้อ!”

หญิงสาวตัวดำที่เดินออกไปแล้วมา หยุดเดินในทันใดนั้นเธอจึงหยุดเดิน

………………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท