ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 481 สรุปแล้วฉันปล่อยอะไรออกมากันแน่!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 481 สรุปแล้วฉันปล่อยอะไรออกมากันแน่!

“เป็นใบ้เหรอ พูดสิ!”

โจวเจ๋อค่อยๆ ลืมตา แล้วหันหน้าช้าๆ มองไปที่หญิงสาวตัวดำที่กำลังจับตัวเองอยู่

ในดวงตาของเขา แฝงไปด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะงงกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาไร้ซึ่งการเตรียมตัวป้องกัน ไม่มีการสร้างปราการ ไม่ได้ถูกปลุกเรียก แต่กลับตื่นขึ้นกะทันหัน และยังถูกคนตบคาง ถามว่าตัวเองเป็นใบ้หรือเปล่า ความไม่เข้าใจหลายสิ่งหลายอย่าง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวมากมายเกินไป ชั่วเวลาหนึ่งเดียว โจวเจ๋อกับหญิงสาวตัวดำมองหน้ากันในระยะที่ใกล้กันมาก

“ฮ่าๆหา พระท่าน ท่านดูสิ ไอ้หมอนี่สมองมีปัญหาหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ ที่แท้ยมทูตคนนี้ก็หาร่างของคนสมองเอ๋อมาใช้นี่เอง ฮ่าๆๆๆ!” หญิงสาวตัวดำอารมณ์ดีอย่างยิ่ง ตัวเองจับขโมยในสวนที่ทงเฉิงได้แล้ว แถมยังจับผีดิบที่ตัวเองชอบกลับไปทำงานที่บ้านได้อีก

ถึงแม้คนกลุ่มนั้นที่เชิญไปเลี้ยงข้าวจะถูกกำจัดไปแล้วด้วย แต่สิ่งที่สามารถถืออยู่ในมือได้ถึงจะเป็นของตัวเอง คำสัญญาที่จับต้องไม่ได้เธอไม่สนใจ ไม่มีก็คือไม่มี สิ่งที่คนทำไร่ทำนา พิถีพิถันให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือหลักการที่สอดคล้องกับความเป็นจริง

นี่คือหลักการใช้ชีวิตที่คุณยายเป็นคนสอนเธอ หลังจากตระหนักถึงหลักการของมันแล้ว เธอถึงได้จับคุณยายฝังลงไปลง

“อมิตาภพุทธ สรรพสัตว์ล้วนเท่าเทียมกัน สมองเอ๋ออัมพาต ไม่ใช่ความผิดของโยมคนนี้ เขาเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง โดยเฉพาะหลังจากที่เป็นเป้าหมายถูกยมทูตสิงร่าง ความยากลำบากที่อยู่ในนี้ มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้ดี” พระขี้เรื้อนประนมมือทั้งสองข้าง แล้วท่องบทสวดให้โจวเจ๋อที่ถูกหญิงสาวตัวดำจับเอาไว้ ถือเสียว่าเป็นเมตตาธรรม สงสารสรรพสิ่ง

สมองพิการ ลำบาก น่าสงสาร พวกเขากำลังพูดถึงใคร…อ้อ พวกเขากำลังพูดถึงข้าฉัน…พวกเขา! กำลัง! พูด! ถึง!ข้าฉัน!!!

โจวเจ๋อขยับตัว เขายื่นมือจับมือนั้นที่กำลังล็อกคคอของตัวเองอยู่ ถึงแม้มือนี้จะเป็นมือของผู้หญิง แต่ก็มีความดำคล้ำและหยาบกร้านเล็กน้อย

“อ้าว ในที่สุดก็ตอบสนองเสียที พระท่าน ท่านขังผีดิบตัวนั้นให้ดีก่อน พวกเราเตรียมตัวกลับได้แล้ว ฉันคิดถึงดอกไม้ใบหญ้าของฉัน…”

ทันใดนั้น หญิงสาวตัวดำก็จึงไม่พูดจา เพราะเธอพบว่ามือของตัวเองที่ล็อกคคอของโจวเจ๋อนั้น กำลังถูกอีกฝ่ายหยิบออกอย่างช้าๆ และที่สำคัญคือ เธอไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายใช้พลังไปมากเท่าไร แต่มือขวาของเธอตัวเองเหมือนไม่ฟังคำสั่งของตัวเองเอาดื้อๆ

“อมิตาภพุทธ ได้” พระขี้เรื้อนเดินไปหาอิงอิง จึงไม่ได้สังเกตเหตุการณ์ที่อยู่ด้านหลัง ใช่แล้ว ใครจะสังเกตสถานการณ์ที่อยู่ด้านหลังล่ะ และใครจะไปรู้ว่า นี่คือยมทูตที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร คนอื่นยมทูตคนนี้ปกติแล้วจะเอาไอดีสำรองมาเล่นอาวุธขนาดเล็ก ผลปรากฏว่าหลังจากทำให้ไอดีสำรองออฟไลน์ไป ไอดีหลักที่มีอุปกรณ์สวมใส่ระดับเทพกลับออนไลน์แทน กลับวางอาวุธขนาดเล็กแล้วติดอาวุธครบชุดขึ้นมาแทน

โจวเจ๋อบีบมือของหญิงสาวตัวดำ หลังจากดิ้นหลุดแล้ว เท้าทั้งสองข้างของเขาจึงร่วงลงพื้น เขาหันตัวมองหญิงสาวน้อยผิวดำคล้ำคนนี้ จากนั้นโจวเจ๋อจึงเอียงศีรษะเล็กน้อย

หญิงสาวตัวดำเบิกตาโต ถึงแม้คนที่อยู่ตรงหน้าจะไม่ได้แพร่กระจายกลิ่นอายใดๆ ออกมา แต่เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความอันตรายที่น่ากลัวโดยสัญชาตญาณ ดอกไม้ต่างๆ ริมถนนทั้งสองด้านตอนนี้เหมือนกำลังรีบส่งเสียงเตือนเธอ!

‘อึก!’ หญิงสาวตัวดำไม่ได้กรีดร้อง และไม่ได้ตะโกนเรียกพระขี้เรื้อนที่อยู่ค่อนข้างไกล ความอันตรายนี้ทำให้เธอรู้ดีว่า เธอตัวเองไม่มีเวลาว่างมากกว่านี้เพื่อไปทำเรื่องอย่างอื่นแล้ว

เธอคอสั่น แก้มป่อง จากนั้นหญิงสาวตัวดำจึงอ้าปาก แล้วไฟเย่หั่วนรกจึงพ่นออกมาจากปากของเธอ!

ไฟเย่หั่วนรกที่น่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งเข้าออกมา ด้วยระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ เขาที่จับตัวเธอเองไว้จะต้องหลบไม่ได้แน่นอน! แต่ฉากต่อมาทำให้หัวใจของหญิงสาวตัวดำกำเย็นเฉียบในพริบตา

อีกฝ่ายไม่ได้หลบ เขาไม่หลบจริงๆ แต่ไฟเย่หั่วนรกที่เธอตัวเองพ่นออกมา กลับถูกอีกฝ่ายใช้จมูกสูดดมเข้าไป เขาสูดเข้าไปในรูจมูกของเขาโดยไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว!

ปะ…เป็น…เป็น…ไปได้อย่างไร!

โจวเจ๋อใช้มือหนึ่งถูจมูกเบาๆ จากนั้นมองหญิงสาวตัวดำด้วยสายตาที่สงบนิ่ง ตอนที่พ่นไฟเย่หั่วนรกออกมา พระขี้เรื้อนสามารถรับรู้ได้ทุกอย่าง ทว่าแต่เขากลับไม่ได้หันไป และได้แต่ดึงจีวรที่คลุมอยู่บนตัวของอิงอิงต่อไป จากนั้นจึงหันหลังตะโกนถามให้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทั้งที่ยังหันหลังให้อยู่ “ไหนบอกว่าจะพาเขากลับไปปลูกลงดินล่ะ ทำไมตอนนี้ถึงย่างเขาแทน รอไม่ไหวท้องหิวแล้วใช่ไหม”

หญิงสาวตัวดำอยากจะร้องตะโกน แต่เธอไม่กล้า เพราะสายตาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านิ่งเงียบเกินไป ราวกับว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่คือทะเลแห่งความตาย

ภายใต้แววตาของเขา เธอตัวเองเป็นเหมือนสิ่งที่เล็กน้อยกระจิดริด เล็กมากเหมือนหยดน้ำที่หยดใส่ทะเล ไม่รู้ว่าจะตามหาได้จากที่ไหน และไม่มีใครที่ยินดีที่จะตามหา

“พูด…มา…สิ…” โจวเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและทุ้มต่ำอยู่บ้าง

หญิงสาวตัวดำไม่รู้ว่าตัวเองต้องพูดอะไร สติของเธอถูกครอบงำอย่างสิ้นเชิง เวลานี้สมองของเธอโล่งว่างไปหมด แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาจากประสาทส่วนไหน ตอนที่เจอโจวเจ๋อซักถาม เธอกลับแสยะยิ้มมุมปากกระตุก ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“เป็น…ใบ้…เหรอ”

“…” หญิงสาวตัวดำ

“โอ๊ยๆ!!!!!!” เสียงร้องน่าสงสารของอิงอิงดังเข้ามา ที่แท้พระขี้เรื้อนเดิมทีได้ใช้จีวรก่ห่อตัวของอิงอิงเอาไว้ และได้หยิบตะปูสีดำอันหนึ่งออกมา กำลังจะตอกลงไป!

ก่อนหน้านั้นอิงอิงมีโอกาสที่จะฉีกจีวรที่ผนึกตัวเธอให้ขาด แต่หลังจากหญิงสาวตัวดำจากใช้ชีวิตของเถ้าแก่มาข่มขู่เธอ เธอจึงยอมแพ้ไม่ตอบโต้ และตอนนี้เธอถูกรัดอย่างแน่นมาก ไม่มีพื้นที่ให้ตอบโต้แม้แต่นิดเดียว ขอแค่พระขี้เรื้อนตอกตะปูลงไป ต่อให้เป็นผีดิบระดับราชา ก็จะถูกปราบผนึก!

ในห้องวิถีของพวกใต้ดิน สิ่งที่เรียกว่าพวกโจรปล้นสุสานมักจะมีวิธีรับมือกับผีดิบในแบบของตัวเอง แต่ในความเป็นจริงนั้นโจรปล้นสุสานเหล่านี้รู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างเช่น กีบลาดำอะไรพวกนี้

นับตั้งแต่โบราณเป็นต้นมา การรับมือกับสิ่งอัปมงคล ในแถบพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ถือว่าศาสนาพุทธและลัทธิเต๋ามักจะมีประสบการณ์มากที่สุด

หลังจากได้ยินเสียงร้องของอิงอิง โจวเจ๋อจึงขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจออกมา เห็นได้ชัดว่าเขารำคาญ และดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยิ่งเหมือนกำลังดิ้นรน สุดท้ายเขาจึงปล่อยมือของหญิงสาวตัวดำ แล้วเดินไปทางพระขี้เรื้อน

ตอนแรกหญิงสาวตัวดำเริ่มไม่อยากจะเชื่อ ว่า เขาปล่อยตัวเธอเองไปดื้อๆ แบบนี้เลยเหรอ เป็นพี่ใหญ่ใจกว้างขนาดนี้เชียวมาจากไหน เดิมทีคิดว่าจะยึด แต่ตามหลักที่ว่าเพื่อนตายได้แต่ตัวเองห้ามตาย เมื่อหญิงสาวตัวดำเห็นพระขี้เรื้อนยังคงผนึกผีดิบสาวโดยที่ยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยเตือน แล้วจึงดอดหนีไปเลย

กระทั่งไม่ลังเลที่จะหยิบพืชที่ก่อนหน้านี้เธอกินไปแล้วหนึ่งครั้งตอนที่ต่อสู้กับอิงอิงก่อนหน้านี้ออกมา เตรียมจะกินแล้ววิ่งหนี แต่โจวเจ๋อที่หันหลังเธอกลับพูดเบาๆ ว่า “กา…” จากนั้นจึงหยุดเดิน เงยหน้าสูดลมหายใจลึกๆ

หญิงสาวตัวดำโด๊ปยาทำให้เธอรวดเร็วขึ้น

“กา…” โจวเจ๋อกัดฟัน จากนั้นสูดลมหายใจลึกๆ

หญิงสาวตัวดำวิ่งออกไปให้พ้นจากสายตาของเขาแล้ว! จากนั้นจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง

โจวเจ๋อโบกมืออย่างไม่ค่อยสมัครใจ รีบพูดว่า “กาแฟ” วินาทีนั้นสายโซ่สีดำทั้งห้าได้มุดออกมาจากใต้ดิน จากนั้นล็อกคคอรวมทั้งแขนขาของหญิงสาวตัวดำที่กำลังวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งด้วยความเผด็จการไม่ฟังเหตุผล

‘“พลั่กพรืด!’” หญิงสาวตัวดำล้มฟาดลงไปกับพื้นอย่างแรง จมูกเริ่มมีเลือดเกาดำไหลออกมา แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ สายโซ่กำลังลากเธอกลับไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายและผิวหนังเริ่มสัมผัสกับพื้นดินอย่างแนบแน่น ตอนที่ลากเธอกลับมายังที่เดิม หญิงสาวตัวดำไม่มีผิวคล้ำแล้ว แต่กลับเปลี่ยนเป็นตัวแดงเถือก มีแต่เลือดไปทั้งตัว น่าอนาถสุดขีด

“ทำไม…ทำไม…” หญิงสาวตัวดำไม่ค่อยเข้าใจ เธอไม่เข้าใจในเมื่ออีกฝ่ายคุณไม่ยอมปล่อยตัวเองให้เธอหนีไป แล้วทำไมถึงปล่อยให้เธอต้องวิ่งไกลขนาดนี้ หรือว่าอยากให้เธอตัวเองวิ่งไปไกลหน่อยตอนที่ลากกลับมาจะได้เป็นทุกข์มากยิ่งขึ้นเหรอ

เธอโดนใส่ร้ายเขาจริงๆ นี่เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ

ตอนนี้พระขี้เรื้อนที่เดิมทีกำลังง่วนอยู่กับการตอกตะปูปิดผนึกในที่สุดก็จึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติด้านหลัง เขารีบหมุนตัวกลับไปทันที

เขาเห็นหญิงสาวตัวดำถูกล็อกอยู่กับพื้นด้วยสภาพที่เวทนาอย่างยิ่ง จากนั้นก็เห็นโจวเจ๋อเดินมาหาตัวเองทีละก้าว

“อมิตาภพุทธ อมิตาภพุทธๆ!” พระขี้เรื้อนท่องอมิตาภพุทธติดต่อกันสองครั้ง หลายครั้ง ที่ ‘อมิตาภพุทธ’ มีหลายความหมาย

อย่างเช่น โยมเป็นคนใจกว้าง เงินค่าจุดธูปบูชาข้าอาตมาขอไม่รับไปเลยนะดีกว่า

อย่างเช่น อ้อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้

อย่างเช่น น่าอายจัง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

แต่ ณ ที่นี้ กลับหมายถึง โอ้พระเจ้าๆ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!

“อมิตาภพุทธ โยม เจ้าฟื้นแล้วเหรอ” พระขี้เรื้อนลุกขึ้นโดยสัญชาตญาณอัตโนมัติ ถอยหลังไปสองสามก้าว

ถึงแม้จะพูดว่าเขาไม่สามารถสัมผัสกลิ่นอายใดๆ ได้จากตัวของโจวเจ๋อได้เลย แต่หญิงสาวตัวดำที่นอนหมอบอยู่บนพื้นอย่างน่าอนาถ รวมทั้งสัมผัสที่หกของเขาได้บอกตัวเองว่า คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อันตรายมาก

โจวเจ๋อไม่สนใจคำทักทายของพระขี้เรื้อน แต่เดินไปอยู่ตรงหน้าอิงอิงที่ถูกห่อด้วยผ้าจีวร จากนั้นจึงพูดว่า “ขาย…หน้า…” นอนกับเจ้านั่นฉันมาตั้งนาน แต่กลับไม่ได้เรื่องแบบนี้ ขายหน้าชะมัด

“คืออย่างนี้นะ หญิงสาวคนนี้เพื่อปกป้องความปลอดภัยในชีวิตของโยมเจ้า ดังนั้นจึงยอมแพ้ไม่ตอบโต้” พระขี้เรื้อนยิ้มพูด

โจวเจ๋อตกตะลึง จากนั้นสายตาของเขาจึงมีอารมณ์โกรธเล็กน้อย เสียงดังรบกวนน่ารำคาญ ความหมายคือคนที่ขายหน้านั้นไม่ใช่เธอ แต่เป็นข้าอย่างนั้นเหรอ

จากนั้นเขาจึงคุกเข่า ยื่นมือวางบนผ้าจีวร เล็บสีแดงเข้มงอกยาวออกมา

“โยม นี่คือจีวรที่สืบทอดต่อกันมาจากสำนักของอาตมาข้า ถูกพระเกจิแต่ละรุ่นของพระพุทธศาสนาปลุกเสกมาแล้ว ถ้าจะทำลายจากด้านในยังพอได้ แต่ถ้าอยากจะทำลายจากด้านนอกนั้นไม่มีวิธี รังแต่จะยิ่งทำให้คนที่โดนผนึกยิ่งบาดเจ็บเข้าไปอีก!” พระขี้เรื้อนประนมสองมือเอ่ยเตือน

โจวเจ๋อเหมือนกับไม่ได้ยิน กรีดเล็บลงไป ผ้าจีวรที่เดิมทีผนึกห่อตัวของผีดิบไว้ที่โดนผนึกอย่างมั่นคง เกิดเสียงผ้าขาดดัง ‘แควก’ ขึ้นมา ส่วนอิงอิงที่นอนอยู่ในนั้นกลับตาพร่าเลือนเบลอ มองเห็นไม่ชัดเจน แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน!

นี่มัน…มุมปากของพระขี้เรื้อนกระตุกขึ้นมาในทันใด “อมิตาภพุทธ โยม สงสัยโยมเจ้าจะมีบุญสัมพันธ์กับจีวรผืนนี้ มีบุญวาสนากับพุทธศาสนาของอาตมาข้า อาตมาข้าขอตัวก่อนนะ วันหลังหากมีบุญพวกเราค่อย…” พระขี้เรื้อนพูดได้ครึ่งหนึ่ง แล้วจึงพบว่าโจวเจ๋อกำลังมองตัวเอง พร้อมกับยิ้มมุมปาก เห็นได้ชัดว่าความหมายของเขานั้่นง่ายมาก ไม่อนุญาตให้ตัวเองเดินออกไป

สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว ถึงแม้โชคดีที่พระขี้เรื้อนสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ทันท่วงที และสามารถรับมือให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ได้ แต่ในเวลานี้ เขารู้ดี ว่า เรื่องนี้แก้ไขยากแล้ว! บ้าชะมัด ไหนแม่สาวชาวสวนคนนั้นบอกว่าวางยาได้สำเร็จแน่นอน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แล้วก็ตอนแรกยังมีเจ้านั่นอีก เล่นปล่อยออร่าแบบนี้มาข่มตั้งแต่แรกยังมั่นใจมาก ว่าข้าอาตมาจะสู้ด้วยกับเจ้าได้อย่างไร!

วินาทีต่อมา พระขี้เรื้อนตบหน้าอกทันที ยันต์กระดาษสีทองจึงปรากฏขึ้นมา แปะอยู่ที่หน้าผากของเขา ชั่วพริบตาเดียวแสงแห่งพุทธะได้ปรากฏอยู่ด้านหลังของเขาราวกับมีพระพุทธรูปทองคำประทับยืนอยู่!

“ขอเชิญพระพุทธคุณประทับ! โยม เป็นคนอย่าทำอะไรสุดโต่งนัก ต้องมีทางหนีทีไล่ให้ตัวเองบ้าง โยมเจ้าจะรังแกคนเกินไปแบบนี้ไม่ได้! ควรทราบว่า พระพุทธศาสนามีนักรบพระโพธิสัตว์!”

โจวเจ๋อค่อยๆ ลุกขึ้น ขณะเดียวกันได้ระเบิดพลังที่กดทับเอาไว้มาตลอดออกมาด้วยความหยิ่งยโสและทรงอำนาจ รวมทั้งความก้าวร้าวและเย่อหยิ่ง!

ฉากที่น่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้ค่ายกลนี้เริ่มโอนเอนจะล้มมิล้มแหล่ กระทั่งเริ่มมีแนวโน้มที่จะพังทลายลงมา!

หญิงสาวตัวดำที่ถูกล็อกคอยู่กับพื้นเบิกตาโต ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวนี้มันคืออะไรกันแน่ ตัวเองปล่อยตัวอะไรออกมากันแน่ และตอนที่สายตาของโจวเจ๋อมองพระขี้เรื้อนนั้น ใบหน้าของพระขี้เรื้อนแทบจะนิ่งงัน เพราะเขาพบว่าแสงแห่งเงาพระพุทธรูปะที่อยู่ด้านหลังตัวเองได้สลายไปเพราะการมองปราดเดียวของอีกฝ่ายเขา!

แม่งเอ๊ย เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงน่ากลัวขนาดนี้! ชั่วเวลาเดียว ในหัวของพระขี้เรื้อนมีบทสนทนาของตัวเองกับหญิงสาวตัวดำที่คุยกันก่อนหน้านั้นผุดขึ้นมา

‘“คนธรรมดาทั่วไปจะน่ากลัวอะไร’”

‘“กลัวคนธรรมดาจะเป็นเรื่องตลกไม่ใช่เหรอ’”

‘“เป็นใบ้หรือไง’”

‘“สมองพิการเหรอ’”

‘“อมิตาภพุทธ เขาน่าสงสารจริงๆ เป็นคนที่ต้องตกทุกข์ได้ยาก’”

แม่งเอ๊ย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความตกใจกลัวของพระขี้เรื้อน พลันปรากฏความตระหนักรู้ได้อย่างหนึ่ง นั่้นคือยมทูตทงเฉิงซึ่งก็คือคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่ผนึกอยู่ในร่างกายของยมทูตทงเฉิงคนนั้นที่มีเจ้าสิ่งนั้นผนึกอยู่ในร่างกาย โอ้พระเจ้าตัวเขาเองกับหญิงสาวตัวดำหาเรื่องใส่ตัวเข้าแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าพวกเขาทั้งสองคนเปิดกรงออก แล้วปล่อยคนนั้นที่อยู่ตรงหน้าให้ออกมา!

จำเป็นต้องพูดว่า พระขี้เรื้อนฉลาดมาก ฉลาดมากจริงๆ แต่บางครั้ง เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่ยิ่งใหญ่ ต่อให้ฉลาดแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

โจวเจ๋อเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แสงเงาพระพุทธรูปะที่อยู่ด้านหลังของพระขี้เรื้อนเริ่มบิดเบี้ยวขึ้นมา พระขี้เรื้อนตกใจเพราะพระพุทธรูปะ พระพุทธรูปะกำลังกลัว! พระพุทธรูปะก็กลัวเป็นเหรอ

“นี่…คืออะไร…”

“คือๆๆ…คือพระพุทธรูปะ” พระขี้เรื้อนตอบปากสั่น

“อ้อ…” โจวเจ๋อส่ายหน้า แล้วพูดต่อ “ตอนที่ข้าฉันเกิด…บนโลกนี้ไม่มีพระพุทธศาสนา…”

………………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท