ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 490 โน้ตลึกลับ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 490 โน้ตลึกลับ

ในห้องรับแขก กระเป๋าเดินทางที่ใส่ชายชราไว้ถูกวางไว้กลางห้อง ชายชราที่อยู่ข้างในซี้แหงแก๋ไปแล้ว

โจวเจ๋อเท้าเอวและเม้มริมฝีปาก ส่วนทนายอันก็กระอักกระอ่วนเล็กน้อยพลางสูบบุหรี่ต่อไป

ตอนที่ชายชราถูกจับก็บาดเจ็บสาหัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากนั้นยังถูกจับยัดในกระเป๋าเดินทางอีก อบอ้าวหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ชายชราผู้น่าสงสารสร้างปาฏิหาริย์แห่งชีวิตไม่สำเร็จ เขาฝืนรั้นให้มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ เขาตายแล้ว จากไปแบบไม่สงบนัก

ที่จริงแล้ว แผนเดิมคือจะเริ่มสอบปากคำเมื่อคืนวาน แต่เมื่อคืนวานดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน มันก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดเดาได้ อีกทั้งถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ โจวเจ๋อไม่มีทางโทษทนายอันกับนักพรตเฒ่าหรอก เนื่องจากเขามีส่วนในความผิดพลาดนี้มากกว่าครึ่งอย่างไรล่ะ

เพราะจางเยี่ยนเฟิงบอกว่าเมื่อคืนวานตอนที่พบโจวเจ๋อ ชายชรานี่ยังพยายาม ‘แหกคุก’ อยู่ แต่ก็ถูกยับยั้งไว้ได้ แถมหลังจากกลับถึงโรงแรมแล้ว โจวเจ๋อก็วุ่นอยู่กับการอาบน้ำและนอนพักผ่อนกับอิงอิง ไม่คิดที่จะปล่อยชายชราในกระเป๋าเดินทางออกมาหายใจหายคอ หรือไม่ก็ให้อาหารหรือเครื่องดื่มบ้างเลย

แม้ว่าชายชราจะสวมควรตาย กระทั่งมีความผิดมหันต์ก็ตาม แต่การตายแบบนี้ มันไร้มนุษยธรรมไปหน่อย

“คนก็ตายไปแล้ว แถมสัมผัสวิญญาณไม่ได้อีก คาดว่าคงสลายไปเลยละมั้ง บอกมาเลย เราควรจะทำยังไงต่อไปดี” โจวเจ๋อนั่งตรงขอบเตียงและส่งสัญญาณให้ทุกคนระดมความคิด นี่คือโหมดของผู้นำที่สลัดความผิดทิ้ง

ก่อนหน้านี้พลังชีวิตชายชราเสียหายหนัก หลังจากการทำลายหุ่นเชิดทั้งสาม จิตวิญญาณของเขาก็ได้รับผลกระทบตามเช่นกัน เมื่อร่างกายสูญเสียพลังชีวิต วิญญาณเปราะบางสูญเสียกายหยาบที่เคยปกป้อง ก็มีแนวโน้มว่าจะสลายไปทันที

“นี่มันหมดหนทางแล้วละ” ทนายอันไม่มีความเห็นเช่นกัน

ชายชราเป็นคนจัดการเรื่องต่างๆ ในภูเขา หลินเข่อเองก็ขาดการติดต่อในภูเขาเช่นกัน เดิมอยากขุดข้อมูลของหลินเข่อและเบาะแสเกี่ยวกับฝ่ายนั้นจากปากของชายชรา

ตอนนี้หมดกัน ไม่มีใครรักษาความลับได้ดีเท่าคนตายอีกแล้ว

“อุ๊ย! ไวน์!” จู่ๆ อิงอิงที่ยืนอยู่ข้างโจวเจ๋อก็ตะโกนขึ้น จากนั้นอิงอิงก็รีบวิ่งไปตรงที่วางกระเป๋า แล้วหยิบเอาห่อของออกมา

ไวน์แดงงั้นเหรอ

โจวเจ๋อรู้ เมื่อวานทนายอันจ่ายบิลสั่งไวน์แดงราคาแพงมากหนึ่งขวดที่โรงแรม แต่ว่ายังกินไม่หมด ตอนที่อิงอิงเก็บข้าวของเลยนำมันมาด้วย ตอนนั้นเขายังรู้สึกปลื้มใจอยู่เลย เธอเป็นเด็กดีที่ขยันและประหยัดจริงๆ แต่ตอนนี้…

อิงอิงหยิบสมุดโน้ตและของจิปาถะอื่นๆ ออกมาวางไว้บนเตียง

“เถ้าแก่ นี่เป็นข้าวของของชายชรา ข้าเก็บมันมาหมดเลย แต่ไม่รู้ว่ามีเบาะแสอะไรหรือเปล่าเจ้าค่ะ”

ทนายอันยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ และหยิบสมุดโน้ตเล่มนั้นขึ้นมาก่อน โดยทั่วไปแล้ว ทุกคนดูเหมือนจะชอบจดสิ่งสำคัญลงในสมุดโน้ต

ทว่าหลังจากเปิดสมุดโน้ตแล้ว บนสมุดโน้ตกลับจดแค่วันที่และชื่อเท่านั้น

“ซุนจวน หูซิ่วหย่า ชวีหลานหลาน เหลียงซูหวา…” ทนายอันเอ่ยด้วยความสงสัยเล็กน้อย “พวกนี้มันคืออะไรกันเนี่ย” ทนายอันมึนตึ้บ

“ขอผมดูหน่อย” โจวเจ๋อยื่นมือ

ทนายอันโยนสมุดโน้ตมาทางโจวเจ๋อ และมันก็ตกลงบนเตียงตรงหน้าโจวเจ๋อ

เมื่อโจวเจ๋อยื่นมือหยิบสมุดโน้ตก็พบว่าบนเตียงมีผมสีดำสองเส้น

ตอนแรกไม่ได้สังเกต พอเปิดสมุดโน้ตและพลิกหน้ากระดาษ โจวเจ๋อถึงได้พบว่าระหว่างหน้ากระดาษทั้งหมดมีเส้นผมสีดำสอดอยู่ จากนั้นเมื่อปะติดปะต่อกับเนื้อหาในแต่ละหน้าที่เขียนไว้เพียงแค่วันที่และชื่อเท่านั้น จู่ๆ โจวเจ๋อก็โยนสมุดโน้ตลงบนพื้นด้วยความขยะแขยง รู้สึกสกปรก

“เถ้าแก่เจออะไรแล้วใช่ไหม” จางเยี่ยนเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อหยิบสมุดโน้ตขึ้นมา ก่อนจะเริ่มพลิกเปิดดูตามสัญชาตญาณในอาชีพ

“อย่าอ่านเลย ก็แค่สมุดโน้ต ‘ประจำวัน’” แถมยังเป็นโน้ต ‘จัญไร’ สมราคาคุยอีกต่างหาก

โจวเจ๋อลุกขึ้นไปล้างมือในห้องน้ำ พอเขาออกมาก็พบว่าทนายอันหยิบสมุดโน้ตที่เพิ่งโยนออกไปขึ้นมา แถมยังเริ่มเปิดอ่านมันอีกครั้งอย่างเมามัน

เห็นได้ชัดว่า เขาเข้าใจว่าสมุดโน้ตเล่มนี้เอาไว้สำหรับจดอะไร และตอนนี้ก็ได้กลิ่นตุๆ จากมันแล้ว

“คุณไม่ขยะแขยงเหรอ” โจวเจ๋อสะบัดน้ำบนมือพลางถามขึ้น

“จุ๊ๆๆ…” ทนายอันส่ายหน้า “มันน่าสนใจทีเดียว เห็นของบางสิ่งแล้วนึกถึงคน คิดไม่ถึงว่าตาเฒ่านี่จะเล่นสนุกถึงขนาดนี้ ผมน่ะเคยได้ยินมาก่อนว่ามีข้าราชการทุจริตคนหนึ่งมีเมียน้อยหลายคนมาก ทุกคนจะถูกดึงผมคนละเส้นออกมาแล้วเอาไปทำเป็นพู่กันมาวางไว้เป็นของประดับบนโต๊ะ พอว่างก็ไปเล่นกับมัน”

จางเยี่ยนเฟิงค้นพลิกศพของชายชรา ในด้านนี้เหล่าจางมักจะขยันขันแข็งและมีจิตใจที่รับผิดชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

คุณสามารถพูดได้ว่าเขาไร้ประโยชน์ แต่บางครั้งกลับมีประโยชน์มาก เหมือนอย่างคราวนี้ เหล่าจางคลำทั่วร่างจนได้มือถือมาจากร่างของชายชรา

“ก่อนหน้านี้ไม่เคยค้นตัวเลยเหรอ” จางเยี่ยนเฟิงหยิบมือถือพลางถาม

“ไม่น่ะสิ จัดการพับเขาโยนใส่กระเป๋าเดินทางเสร็จ พวกเราก็ออกจากโรงแรมเลย ยังไม่ทันสอบปากคำด้วยซ้ำ ก็ถูกวางยาสลบไป” ทนายอันขำพลางวางสมุดโน้ตไว้อีกฝั่ง “ในมือถือมีอะไรเหรอ ดูหน่อยสิ”

“แบตหมดแล้ว” จางเยี่ยนเฟิงตอบ “แถมคาดว่าแบตหมดไปนานแล้วด้วย”

ใช่ หากก่อนหน้านี้ยังเหลือแบตเตอรี่ละก็ บางทีชายชราอาจจะเรียกพรรคพวกมาช่วยตัวเองไปแล้ว เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามีคนหนุนหลังชายชราอยู่ แม้แต่เฝิงซื่อเอ๋อร์จากนรกยังต้องช่วยตามล้างตามเช็ดเพื่อสร้างมิตรภาพกับคนหนุนหลัง นี่ก็มากพอที่จะเห็นถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของคนหนุนหลังนั่น

แม้ว่าทนายอันยังยิ้มอยู่ แต่ความจริงแล้วสีหน้าดูไม่ดีเลยสักนิด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขามีอำนาจและสิทธิ์ขาดในการจัดการ แต่มันกลับกลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่

หากเมื่อคืนนี้มือถือของชายชรามีแบตเตอรี่ และโทรเรียกกำลังเสริมตอนที่เขากับนักพรตเฒ่าหลับใหลกันทั้งคู่ อย่างนั้นเขากับคนอื่นๆ ก็มาให้คนอื่นเขาฆ่าตายตรงๆ เลยน่ะสิ

เขาอ้างตนว่าระแวดระวังอยู่เสมอ แต่กลับเกือบจะเกิดเหตุเภทภัยเพราะความประมาทเลินเล่อ

“คราวหน้า เรื่องทำนองนี้ส่งต่อให้ผมเถอะ” จางเยี่ยนเฟิงพูด

ทนายอันพยักหน้ายิ้มๆ แล้วพูดขึ้น “เหล่าจาง ผมรู้แล้วว่าทำไมคุณถึงได้เป็นหัวหน้าตำรวจอาชญากรรมมาทั้งชีวิต”

เมื่อจางเยี่ยนเฟิงออกจากห้องไปที่แผนกต้อนรับเพื่อขอที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ ทนายอันกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาล้วงบุหรี่ออกมาสูบอีกมวน ขณะจุดไฟก็อธิบายคล้ายพึมพำกับตัวเอง

“ถ้าไม่เกิดความวุ่นวายเมื่อวาน ก็สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้ได้”

ทนายอันมั่นใจที่จะใช้วิธีการของเขาเค้นเอาข้อมูลที่เขาอยากได้จากปากของชายชราตอนยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเขาเลยไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งอื่น

“อืม ไม่เป็นไร พวกเราไม่ได้โทษคุณเสียหน่อย” โจวเจ๋อชี้ไวน์แล้วพูด “หาแก้วมาสองสามใบสิ เรามาดื่มกันเถอะ”

“ครับ เถ้าแก่”

รออิงอิงกลับมาพร้อมกับแก้ว จางเยี่ยนเฟิงก็กลับมาด้วย เขาถือพาวเวอร์แบงค์ในมือและเสียบสายชาร์จเข้ากับมือถือของชายชรา

“หาเจอแล้ว” จางเยี่ยนเฟิงตะโกนทันทีที่เข้ามา

ทุกคนไม่รีบร้อนดื่มไวน์และเข้ามาใกล้ๆ กัน แม้แต่หญิงสาวผิวเข้มขาพิการที่นั่งอยู่บนเตียงยังเข้ามาร่วมดูใกล้ๆ ด้วยเลย ถึงจะไม่รู้ว่าเธออยากรู้อะไรนักหนาก็เถอะ

“บนแอปแผนที่นี้ทำเครื่องหมายไว้” จางเยี่ยนเฟิงเปิดแอปชี้หน้าจอแล้วพูด “นี่เป็นแผนที่ของเขตพื้นที่ภูเขานั้น ตรงนี้มีจุดแดงสองจุด”

“สถานที่นี้เป็นหมู่บ้านค้ามนุษย์” นักพรตเฒ่ายืนยัน “ไม่ผิดแน่ ตำแหน่งนี้แหละ” เขาเป็นคนขับรถเข้าไปในภูเขาจึงคุ้นเคยกับลักษณะพื้นพี่มากกว่า

“งั้นเครื่องหมายจุดแดงอีกจุดคือตำแหน่งของอะไร” โจวเจ๋อถาม

“ไม่แน่ใจ ค้นหาดูก็ไม่เจอว่าเป็นหมู่บ้านอะไร” จางเยี่ยนเฟิงตอบ

“งั้นเอาเถอะ เก็บข้าวเก็บของกัน ไม่ว่าหลินเข่อจะอยู่ตรงตำแหน่งนั้นหรือเปล่า พวกเราก็ต้องไปดูสักหน่อย” ขณะที่พูดโจวเจ๋อเหลือบมองหญิงสาวผิวเข้มที่อยู่บนเตียงแล้วบอกนักพรตเฒ่า “นักพรตเฒ่า คุณพาเธอกลับร้านหนังสือไปก่อน และเฝ้าเธอด้วย” แข้งขาของเธอไม่สะดวก แถมยังบาดเจ็บอีกพาไปด้วยย่อมเป็นภาระเสียเปล่าๆ

นักพรตเฒ่ายินดีอย่างยิ่ง รีบตบหน้าอกแล้วพูดขึ้นทันที “เถ้าแก่ ข้าสัญญาว่าจะทำงานให้สำเร็จเรียบร้อย” ความอันตรายจากการเข้าไปที่ภูเขาคราวก่อนนั้นยังติดตาชัดเจน

“ฉันว่านะ คุณไม่กลัวว่าฉันจะควบคุมชายชราคนนี้ระหว่างทางแล้วเอามาข่มขู่คุณหรือไง”

“…” นักพรตเฒ่า

“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงร้องอย่างไม่พอใจ

“ไม่เป็นไรน่า คุณฆ่าเขาผมก็จะไม่ถูกคุณข่มขู่ให้ช่วยแก้พิษให้คุณ ยังมีอีกนะ ในร้านหนังสือยังเหลือคนอยู่อีกตั้งสองคน คุณฆ่าทิ้งได้หมดเลย หรือไม่ก็ลองเอามาขู่ผมดู แล้วแต่เลย แล้วคุณจะได้เห็นว่าผมจะถูกข่มขู่หรือเปล่า”

“…” นักพรตเฒ่า

“ก็ได้ งั้นคุณต้องระวังหน่อยนะ อย่าตายล่ะ ถ้าคุณตายฉันก็จบเห่กันพอดี”

“พูดอะไรที่เป็นมงคลหน่อยได้ไหม”

“เมื่อก่อนเคยดูทีวีกับคุณยาย ในพล็อตทั่วไปที่ชายหญิงต้องแยกจากกัน ถ้าผู้หญิงร้องไห้และตะโกนบอกผู้ชายว่า คุณจะต้องปลอดภัยกลับมานะ ผู้ชายคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน ฉันถึงได้ไม่อวยพรให้คุณไง”

“อืม ไม่เลว คุณเยี่ยมมาก” โจวเจ๋อพูดจบก็เดินไปตรงหน้าหญิงสาวผิวเข้ม โน้มตัวลงและยิ้มบางๆ “คนที่วางยาน่ะ คุณเคยเจอแล้วนี่ คนอื่นหรือว่าตัวคุณเองสามารถแก้พิษนี้ได้จริงๆ หรือเปล่า คุณก็รู้อยู่แก่ใจเช่นกัน”

“ฉันรู้แล้ว” หญิงสาวผิวเข้มตอบอย่างจริงจัง

“เอาละ ทุกคนเก็บของ ที่แยกย้ายก็แยกย้าย ที่ออกเดินทางก็ออกเดินทาง พยายามให้ทันรถไฟความเร็วสูงในช่วงบ่ายด้วย”

หลังจากโจวเจ๋อพาอิงอิง ทนายอัน และจางเยี่ยนเฟิงออกไป ทางฝั่งนักพรตเฒ่าก็เก็บของเสร็จพอดีและพาเจ้าลิงมาด้วย

“สาวน้อย ข้าแบกเจ้าลงไปเอง” นักพรตเฒ่าใจดีกับเด็กอายุน้อยเสมอ ตรงจุดนี้ไม่ได้เสแสร้ง แม้ว่าเขาจะออกไปเที่ยวเล่นก็ไม่ได้เหมือนหนุ่มๆ วัยรุ่นตัวเหม็นพวกนั้นที่ชอบวัยรุ่นเอ๊าะๆ เขารู้สึกว่ามันเลวร้ายและผิดกฎหมาย โดยทั่วไปจึงมองหาแต่สาวใหญ่

หญิงสาวผิวเข้มไม่ต่อต้าน ยอมให้นักพรตเฒ่าแบกเธอออกจากห้อง

ตอนที่ลงบันไดนั้น นักพรตเฒ่าเอ่ยพูด “จริงสิ ในร้านหนังสือมีรถเข็นวีลแชร์คันหนึ่ง รอเจ้ากลับถึงร้านหนังสือจะเอาให้เจ้าใช้ ข้าบอกเจ้าไว้เลยว่ามันใช้ดีมากๆ เจ้าจะต้องชอบมันแน่ๆ”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวผิวเข้มลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ในบรรดาพวกเขา ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนดีคนหนึ่งเลยนะคะ หวังว่าคนดีจะย่อมได้ดี”

“เหอะๆ ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ นั่นน่ะไม่ใช่หรอก ข้าตั้งใจทำความดี ทำความดีมาตลอดชีวิต โชคของข้าถึงได้ดีมาโดยตลอด ไม่ว่าไปไหนก็รุ่งเรืองที่นั่น ทำงานที่บริษัทไหนบริษัทนั้นก็จะโชคดีไปด้วย อย่างเช่นเมื่อปีก่อนข้าอยู่หรงเฉิง…เอ่อ ใครอยู่กับข้ามาก่อนคนนั้นก็จะโชคดี อย่างเช่นครอบครัวหวังหมาจื่อที่เปิดร้านเนื้อสุนัขในเมืองสวีโจว…เอ่อ เอาเป็นว่า สาวน้อย ถ้าเจ้ากลับไปกับข้า ข้าจะปกป้องเจ้าให้สวัสดิภาพตลอดทาง ไม่ต้องกระวนกระวายใจไป!”

……………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท