ตอนที่ 496 พ่อของคุณ!
ทนายอันก้มหน้ามองร่างพี่น้อง ‘ฝาแฝด’ ของตัวเอง จากนั้นเงยหน้าขึ้นอย่างจริงจังมาก พลางชี้ตัวเองแล้วบอกว่า “ผมเป็นตัวจริงนะ”
นี่เป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะเขากังวลว่าโจวเจ๋อจะนึกว่าเขาเป็นตัวปลอมน่ะสิ ในสถานที่นี้ บางครั้งอาจแยกแยะระหว่างของจริงกับของปลอมได้ยาก เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คนนึกสงสัย แม้ว่าทั้งสองจะผ่านการตรวจสอบกันและกันมาแล้วก็ตาม
โจวเจ๋อไม่พูดอะไร
“ให้ตายเถอะ ผมเป็นตัวจริง จริงๆ นะ ทำไมผมมาตายอยู่ตรงนี้ได้ ผมจะไปรู้ได้ไงว่าทำไมไอ้หมอนี่ถึงหน้าตาละม้ายคล้ายกับผมขนาดนี้ อีกอย่างหมวกเขียวนี่มันบ้าอะไรกัน คุณนึกว่าผมมีรสนิยมอย่างนี้หรือไง”
ที่จริงหลังผ่านความตกใจในตอนแรกมาแล้ว พอลองมาคิดๆ อย่างละเอียดก็รู้ได้เลยว่าน่าจะไม่ใช่ตัวทนายอันเอง ก่อนอื่น รูปลักษณ์ตอนนี้ของทนายอันก็ไม่ใช่รูปลักษณ์เดิมของเขาในอดีต หลักการเดียวกันกับรูปลักษณ์ของโจวเจ๋อในตอนนี้ จริงๆ แล้วเป็นรูปลักษณ์ของสวีเล่อ ทุกคนต่างก็ยืมซากศพคืนชีพกลับมา
“มันดูคล้ายกับคุณมากถึงขนาดนั้น หมายความว่าผู้ชายคนนี้ถ้าไม่ใช่พี่น้องฝาแฝดของคุณในร่างนี้ งั้นก็น่าจะเป็นพ่อของคุณหรือเปล่า” โจวเจ๋อเดา
ทนายอันเลียริมฝีปาก ดูเสื้อผ้าบนร่างของศพอย่างละเอียด แถมยังยื่นมือเข้าไปล้วงกระเป๋าของชายคนนี้อีก แต่ทว่าศพเหล่านี้ถูกจัดวางไว้เรียบร้อยจนเกินไป อันที่จริงก็เหลือช่องว่างระหว่างกันไม่มากเท่าไรนัก สอดมือเข้าไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นศพของพ่อเจ้าของร่างผมละมั้ง เจ้าของร่างที่ผมสิงอยู่ชาติก่อนเป็นเพลย์บอยน่ะ ว่ากันว่าพ่อของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็กมาก”
“แล้วไงต่อ” โจวเจ๋อถาม
“ไม่ใช่พ่อผมสักหน่อย ผมจะศึกษาเยอะแยะไปทำไม ตอนที่ผมหนีออกจากนรก ก็เป็นผู้ตรวจสอบอยู่ในนรกมาหลายปีแล้ว ความคิดความอ่านสุกงอมแล้ว หลังจากมาสิงร่างคุณนึกว่ายังจะขาดความรักจากพ่อหรือไง”
“หมายความว่าพ่อของคุณ…”
“พ่อเจ้าของร่างผม” ทนายอันเอ่ยย้ำ แค่โจวเจ๋อโพล่งคำว่า ‘พ่อคุณ’ แค่ได้ยินก็ตื่นตกใจทันที
“พ่อเจ้าของร่างคุณเสียชีวิตที่นี่เมื่อหลายปีมาแล้ว จึงขนย้ายศพมาไว้ตรงนี้ นั่นก็หมายความว่า พ่อคุณ…โทษที วิญญาณพ่อเจ้าของร่างคุณอาจจะยังอยู่ที่นี่ก็ได้ ถูกไหม”
ในเมื่อศพของผีฝรั่งก็อยู่ที่นี่ด้วย และพวกเขาทั้งสองคนก็เพิ่งกินข้าวพูดคุยกับผีฝรั่งเหล่านั้นในงานเลี้ยง ฉะนั้นก็สามารถสรุปได้ว่า วิญญาณพ่อของทนายอันเขาอาจจะยังอยู่ที่นี่ก็เป็นได้
“น่าจะ คงงั้น ประมาณนั้นแหละมั้ง” ทนายอันยักไหล่
“จุ๊ๆ พ่อลูกจะไม่เจอกันสักหน่อยเหรอ” โจวเจ๋อเอ่ยแซว
“พอแล้ว เอาหมวกมาให้ผม” ทนายอันหยิบหมวกในมือโจวเจ๋อไปสวมให้พ่อของเขา “ผู้ชายคนนี้ช่างซวยเสียจริง จริงๆ แล้วเขาหลอกลวงเก่งมาก แม่เจ้าของร่างผมนี้เป็นลูกสาวเศรษฐีมีเงินคนหนึ่ง ถูกเขาหลอกจนสำเร็จได้ แถมยังทำท้องโตอีก จากนั้นเขาดันมาตายในถิ่นทุรกันดารนี่เสียได้”
“ไม่สิ…” โจวเจ๋อมองทนายอันดันหัวศพขึ้นเพื่อสวมหมวก แล้วจู่ๆ ก็เอื้อมมือไปหยุดทนายอัน
“มีอะไรเหรอครับ” ทนายอันถาม
“คุณดูนี่สิ”
โจวเจ๋อยกหัวของศพขึ้นให้มากที่สุดครู่หนึ่ง แล้วปัดผมยาวที่คล้ายกับยุคเอฟโฟร์ออกไปเล็กน้อย ข้างล่างนี้ดันมีรูลูกกระสุนอยู่ด้วย!
“ดูเหมือนพ่อคุณไม่ได้มาสำรวจที่นี่แล้วตายนะ กลับกันดูเหมือนถูกคนยิงตรงนี้จนตายแล้วเอาศพไปทิ้งในถิ่นทุรกันดาร ท้ายที่สุดก็ถูกปีศาจเฒ่าเขาเฮยซานพามาที่นี่”
“จุ๊ๆๆ ยังมีความสัมพันธ์แบบรักฝังแค้นด้วย”
ทนายอันปัดมือพลางเอ่ย “พอแล้ว จะข้ามหัวข้อนี้ไปได้หรือยัง”
“ได้สิ พวกเราออกไปกันเถอะ”
เรื่องแทรกก็ส่วนเรื่องแทรก อันที่จริงหากลองคิดต่างออกไป ตัวอย่างเช่น ถ้าโจวเจ๋อพบศพพ่อของสวีเล่ออยู่ที่นี่ คาดว่าก็คงไม่เป็นที่น่าสนใจอะไรมากนัก
เมื่อผลักประตูเปิดอย่างระมัดระวัง ทั้งสองคนช่างเหมือนกับขโมย…ที่จริงแล้วก็เหลียวซ้ายแลขวาวิ่งออกไปเหมือนกับขโมยนั่นแหละ
อันที่จริงห้องหับที่นี่ถือว่ามีไม่มากนัก พื้นที่ใต้ดินก็ใหญ่แค่นี้ ไม่ได้เวอร์วังเท่ากับสุสานทหารดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้ อีกทั้งหลังจากอ้อมไปได้ครึ่งรอบ ไม่นานนักโจวเจ๋อและทนายอันก็พบผ้าสีแดงและไฟหลากสีแขวนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งจำนวนมากมาย เป็นบรรยากาศของความยินดีปรีดามากเหลือเกิน
ตรงนั้นน่าจะใช่ห้องหอแล้วละ
“เถ้าแก่ คุณเข้าไปดูหน่อย ผมจะดูต้นทางอยู่ข้างนอก ถ้ามีคนมาละก็ผมจะส่งสัญญาณเตือนให้ ถ้าหลินเข่ออยู่ในนั้นจริงๆ ก็รีบพาเธอออกมา พวกเราจะได้รีบออกไป”
โจวเจ๋อพยักหน้า
จริงๆ แล้ว มีสิ่งที่น่ากังวลนิดหน่อยแต่ทนายอันไม่ได้พูดออกไป นั่นก็คือเขาคิดเหมือนโจวเจ๋อ หากสาวน้อยโลลิอยากจะเป็นเมียของหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ที่นี่จริงๆ จะทำอย่างไร
ทนายอันเข้าใจดีว่าสาวน้อยโลลิมีความปรารถนาและทะเยอทะยานที่จะปีนขึ้นไปสู่ที่สูง เธอเป็นคนเดียวในร้านหนังสือที่ไม่ต้องการให้อันปู้ฉี่กระตุ้น ขอแค่สามารถปีนป่ายขึ้นไปได้ คาดว่าเธอยอมทั้งนั้น
หากโจวเจ๋อเข้าไปละก็ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเถ้าแก่ของเธอ ถ้าหากมีเรื่องเลวร้ายสุดๆ เกิดขึ้น อย่างน้อยๆ เลือดวิญญาณของสาวน้อยโลลิก็อยู่ในกำมือโจวเจ๋อ โจวเจ๋อมีอำนาจมอบความเป็นและความตายให้เธอ
เมื่อเห็นโจวเจ๋อผลักประตูเข้าห้องหอไป ทนายอันก็ซ่อนตัวอยู่ในศาลาข้างๆ อย่างเรียบง่าย บนตัวศาลามีม่านคลุมอยู่จึงสามารถซ่อนร่างเขาไว้ได้มิด ขณะเดียวกันยังสามารถดูลาดเลาข้างนอกได้อีกด้วย
บังเอิญมีจานใส่ถั่วลิสงและเมล็ดแตงโมวางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนในศาลาด้วย ทนายอันคว้าเอาไว้ในมืออย่างไม่รู้ตัว เมื่อกำลังจะหยิบเข้าปากก็ได้สติกลับมาทันที จึงวางของกลับคืนไปที่เดิม ปัดมือและทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อย
ทำไมเถ้าแก่ยังไม่ออกมาอีก
…
โจวเจ๋อเปิดประตูเข้าไปในห้องหอ โชคดีหน่อยที่ไม่มีสาวรับใช้ในห้องหอ นี่มันช่วยให้โจวเจ๋อทางสะดวกอย่างมาก
ในเวลานี้ บนเตียงพิธีแต่งงานสีแดงขนาดใหญ่มีสาวน้อยคลุมผ้าสีแดงบนหัวนั่งอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ แม้ว่าโจวเจ๋อจะเปิดประตูเข้ามาแล้ว เธอก็ยังไม่ขยับตัวสักนิด
ถูกจี้สกัดจุดไว้งั้นเหรอ
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อมองผ้าคลุมสีแดงบนหัว สิ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดของโจวเจ๋อคือฉากในเรื่อง ‘เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี’ ที่เคยดูในอดีต เป็นฉากของอิ่นจื้อผิงและเซียวเหล่งนึ่ง แต่เขาดูเวอร์ชันของกู่เทียนเล่อและหลี่รั่วถง จำได้ว่าตอนนั้นดูเหมือนเซียวเหล่งนึ่งจะถูกจี้สกัดจุดไว้ จากนั้นอิ่นจื้อผิงเอาผ้าขาวโปะบนหน้านาง
บางทีอาจจะเป็นเพราะผ่านเรื่องอันตรายมามากเกินไป โจวเจ๋อรู้สึกว่าทุกครั้งที่ถึงช่วงเวลาสำคัญจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแปล๊บๆ ของวงจรสมองทำให้เขารู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย
“หลินเข่อ หลินเข่อ” โจวเจ๋อเรียกเสียงเบา แต่เจ้าสาวบนเตียงนั่งนิ่งไม่ขยับเลย
โจวเจ๋อจึงเดินเข้าไปตรงๆ คว้าผ้าคลุมหัวสีแดงของอีกฝ่ายเตรียมจะกระชากออก ใครจะไปรู้ว่าในเวลานี้เจ้าสาวดันยื่นมือออกมาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของโจวเจ๋อ!
เจ้าสาวคนนี้เป็นนักมวยปล้ำใช่ไหมเนี่ย มีแรงที่มือมากขนาดนี้เลยเหรอ
วินาทีต่อมา จู่ๆ จุดสีแดงสองจุดปรากฏขึ้นที่ผ้าคลุมหัวสีแดง เมื่อมองไปตำแหน่งนี้ น่าจะเป็นเจ้าสาวที่หลับตาอยู่ก่อนหน้าได้ลืมตาขึ้นแล้ว!
นี่ไม่ใช่หลินเข่อ!
ไม่ใช่เธอ!
แม้ว่าไม่ได้ถอดผ้าคลุมหัวออก แต่ที่โจวเจ๋อรู้ก็คือ หนึ่ง แรงข้อมือของหลินเข่อไม่ได้มากขนาดนั้น สอง ถ้าเธออยากจะหยุดเขาก็คงจะแลบลิ้นออกมาตรงๆ แล้ว
“เจ้าเป็นใคร” เจ้าสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
น้ำเสียงเย็นชาไม่ใช่เสียงของเด็กสาวแน่นอน
ฉิบหายแล้ว
โจวเจ๋อสามารถยืนยันได้ทันทีว่าตามหาผิดคนแล้วจริงๆ อีกทั้งดูเหมือนว่าเขาจะเจอกับตัวละครอย่างแม่เฒ่าเทียนซาน ร่างของสาวน้อยแต่น้ำเสียงที่พูดเป็นผู้หญิงที่โตแล้วอย่างเห็นได้ชัด!
หลังจากนั้น มือของเจ้าสาวยังคงออกแรงอย่างต่อเนื่อง ดึงจนโจวเจ๋อซวนเซไปชั่วครู่และล้มลงบนเตียง ต่อมามืออีกข้างของเจ้าสาวจับหน้าของโจวเจ๋อทันที
โชคดีที่เถ้าแก่โจวไม่ได้ตกใจกลัวเกินไป โดยเฉพาะหลังจากประหารสามอสุภะ ประสบการณ์ต่อสู้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ในตอนแรกเพียงนึกว่าเขาเจอหลินเข่อจึงไม่ทันระวังตัวก็เท่านั้น ตอนนี้หลังจากถูกอีกฝ่ายชิงลงมือก่อน โจอเจ๋อจึงเริ่มตอบโต้กลับทันควัน!
เห็นเพียงร่างของโจวเจ๋อไม่เพียงไม่ถอยกลับ แต่กลับพุ่งชนเจ้าสาวทันที ขณะเดียวกันมือของเขาก็กระแทกเข้าใส่มือเจ้าสาวไปตรงๆ และวินาทีต่อมาเล็บของโจวเจ๋อก็งอกยาวออกมา
“ซี้ด!”
เจ้าสาวหอบหายใจถี่และกระดอนลงมาจากเตียง ใช้มือทั้งสองข้างกดพยุงไว้ งอเท้าทั้งสองข้าง ทำท่าเตรียมแข่งวิ่ง และจ้องโจวเจ๋อที่อยู่บนเตียงอย่างระแวดระวัง
ผ้าคลุมหัวของเธอร่วงลงมาจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเมื่อสักครู่นี้จนเผยใบหน้าของเธอออกมา เป็นใบหน้าที่ไร้เดียงสามาก แต่พอมองแววตากลับแฝงไปด้วยประสบการณ์ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ขณะเดียวกัน เลือดสีดำกำลังไหลหยดตรงมือขวาของเธอ
โจวเจ๋อสะบัดข้อมือของตัวเอง ตำแหน่งที่ถูกเจ้าสาวคว้าไว้ก่อนหน้านี้ตอนนี้กลับมีรอยฟกช้ำขึ้นเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้แรงเยอะจริงๆ
“เจ้าเป็นใครกันแน่” เจ้าสาวถามอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เริ่มมองซ้ายแลขวา ดูเหมือนว่ากำลังจะตะโกนเรียกคน
โจวเจ๋อไม่ลังเล ยื่นเล็บทั้งสิบนิ้วออกไปและเอ่ยเสียงต่ำ “กาแฟ!”
มวลหมอกดำพุ่งออกมาจากนิ้วทั้งสิบอย่างรวดเร็ว ร่างของเจ้าสาวพลิกหลบและคิดหลบหนี แต่ดันถูกมัดเอาไว้
เพียงแต่ว่าโจวเจ๋อยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ ก็เห็นร่างของเจ้าสาวเริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแค่เสื้อผ้าร่วงลงมา จากนั้นงูสีดำตัวหนึ่งมุดออกมาจากในเสื้อผ้า หลังจากร่วงกระแทกพื้นก็เตรียมทะลุหน้าต่างออกไป
โจวเจ๋อจ้องเขม็ง พลางสะบัดมือแล้วเอ่ยว่า “หนังสือพิมพ์!”
‘ตุ้บ!’ เสียงดังฟังชัดมาก งูน้อยที่กระโดดขึ้นมาเมื่อกี้เหมือนกับถูกแมลงวันตัวใหญ่ตะปบเข้าอย่างจัง ร่วงลงบนพื้นในสภาพน่าอนาถอีกครั้ง
โจวเจ๋อก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และใช้เล็บของเขาจับงูตัวนี้ขึ้นมา ขอเพียงงูตัวนี้กล้าตุกติกอะไรอีก โจวเจ๋อมั่นใจว่าเล็บของเขาสามารถเฉือนงูออกเป็นหลายส่วนได้ในเสี้ยววินาที
“คิดไม่ถึงว่ายังเป็นโรคจิต[1] (นางพญางู) ด้วยเหรอเนี่ย”
โจวเจ๋อยิ้มขำอย่างหมดคำจะพูดเล็กน้อย แต่นางพญางูตัวนี้อ่อนแอพอตัวเลย เทียบแล้วแย่ยิ่งกว่าแม่ย่าแปดในสมุดหยินหยางอีก กระทั่งถึงขั้นเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ
งูดำน้อยส่งสายตาวิงวอน กระทั่งแลบลิ้นออกมาเลียนิ้วโจวเจ๋อเพื่อประจบเอาใจ
“ผมเป็นยมทูต มาตามหาคน ไม่ได้มาหาคุณ คุณตอบคำถามของผมอย่างเชื่อฟัง แล้วผมจะไปทันที คุณก็ทำหน้าที่เจ้าสาวของคุณต่อไป ผมขอถามคุณหน่อย เมื่อเร็วๆ นี้คุณเคยเห็นสาวน้อยตัวขาวเนียนน่ารักและมีความสูงพอๆ กับคุณถูกพาตัวเข้ามาบ้างหรือเปล่า”
โจวเจ๋อเพิ่งพูดจบ ความไม่พอใจก็ฉายขึ้นในแววตาของงูดำทันที จากนั้นก็เริ่มดิ้นรน
โจวเจ๋อปล่อยมือออก งูดำร่วงลงพื้น พริบตาเดียวก็กลายร่างมาเป็นสาวน้อยอีกครั้ง แต่กลับไม่สวมใส่อะไรเลย
โจวเจ๋อก็ไม่ได้เขลาจนเกินไป และไม่บ้าพอที่จะเมินหน้าหนีไม่มอง มาถึงเวลานี้ถ้าหันหลังให้คนอื่นมันเป็นเรื่องที่โง่เง่ามากกว่า
“นายท่านมาตามหานางปีศาจจิ้งจอกน้อยตัวนั้นหรือ” เจ้าสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด
“ปีศาจจิ้งจอกน้อยเหรอ” โจวเจ๋อชะงักไปครู่หนึ่ง “นี่ เรื่องระหว่างปีศาจอย่างพวกคุณไม่เกี่ยวอะไรกับผม นั่นน่ะเป็นคน พูดให้ชัดเจนก็คือคนที่มีกายหยาบน่ะ”
“ก็นางปีศาจจิ้งจอกน้อยนั่นไง สามีของข้าพามันกลับมาจากข้างนอกเมื่อสองสามวันก่อน สามีหลงใหลมันจะตายไป!”
“อ๋อ…” โจวเจ๋อเข้าใจแล้ว ‘ปีศาจจิ้งจอก’ ในที่นี้ที่แท้แล้วไม่ใช่ ‘ปีศาจจิ้งจอก’ ที่แท้จริง
“นางชื่อหลินเข่อใช่ไหม” เจ้าสาวเงยหน้ามองโจวเจ๋อ และถามอย่างกระตือรือร้นมาก ราวกับว่าเธอใจร้อนในเรื่องนี้มากกว่าโจวเจ๋อเสียอีก
“ใช่ ผมมาพาเธอออกไปน่ะ”
“เจ้าค่ะ ข้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหน นายท่านข้าจะช่วยนำท่านไปหานาง นางอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก ข้าจะพาท่านไปหานาง!”
ภายใต้ความตื่นเต้นเจ้าสาวกลับลากโจวเจ๋อออกไปโดยที่ไม่สวมใส่อะไรเลย
“เฮ้ นี่ๆ!”
โจวเจ๋อตะโกนเรียกให้เธอหยุด เขามักจะรู้สึกว่าปฏิกิริยาของเจ้าสาวแปลกเกินไป เถ้าแก่โจวเจ๋อไม่ใช่คนที่จะเชื่อคนอื่นได้ง่ายๆ ที่จริง คนที่ฟังเรื่องหลอกลวงไร้สาระทุกวันหากเชื่อคนอื่นได้ง่ายๆ นั่นถึงจะเรียกว่าแปลก แถมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขายังเป็นปีศาจตนหนึ่งอีกต่างหาก
“นายท่าน ท่านไม่เห็นหรือ วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้ากับสามีของข้า สามีของข้ากลับหลงใหลนางปีศาจจิ้งจอกนั่นมากเสียจนไม่แม้แต่จะปรากฏตัวในงานแต่งงานด้วยซ้ำ! ตอนนี้ยังปล่อยให้ข้านั่งรออยู่บนเตียงคนเดียวตั้งนานสองนาน ข้าอยากให้นางปีศาจจิ้งจอกนั่นตะ…ฟ่อๆๆ!” เจ้าสาวแลบลิ้นงูและเปลี่ยนคำพูด “ข้าอยากให้นางปีศาจจิ้งจอกนั่นออกไปให้พ้นๆ เสียที!”
………………………………………
[1] นางพญางูในภาษาจีนอ่านว่า เสอจิง ซึ่งโรคจิตในภาษาจีนอ่านว่า เสินจิง ในกรณีชาวจีนผันเสียงจากเสินจิงเป็นเสอจิง จึงทำให้มีสองความหมาย