ตอนที่ 504 เสียงหัวเราะยังเหมือนเคย
“น้ำตาล อร่อยมากเชียวละ”
ตัวอักษรไม่กี่คำนี้ เจ้าผีดิบน้อยฝืนกัดฟันพูดออกมาทีละคำ
เห็นได้ชัดว่า ‘เพิ่มน้ำตาล’ ของโจวเจ๋อเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมอบความหวาดกลัวให้เขาอย่างสุดซึ้ง เขาในวินาทีนั้นถูกตอกไว้บนกำแพง เหลือเพียงแค่ความสิ้นหวังเท่านั้น
หากเวลานั้นไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อหมดพลังแล้วเหมือนกันละก็ ตอนนั้นเจ้าผีดิบน้อยอาจจะถูกฆ่าไปแล้วก็ได้
อย่าเอาแต่มองว่าเถ้าแก่โจวปกติแล้วแสนจะเกียจคร้าน แต่พอเริ่มทำอะไรสักอย่าง ถึงกับถอนรากถอนโคนอย่างไม่ลังเลโอ้เอ้เลยจริงๆ
“เล็บเพิ่งจะยาว เอามาปอกแอปเปิลน่ะได้”
โจวเจ๋อกางนิ้วทั้งสิบของตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่พูดจริง และไม่มีความคิดที่จะกั๊กความแข็งแกร่งใดๆ ไว้
แน่นอนว่า ถ้าเป็นไปได้ละก็ คาดว่าโจวเจ๋อก็คงไม่เพิ่มน้ำตาล X10 อย่างว่าง่ายอย่างนี้อีกครั้งหรอก
จะให้เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นลูกแกะรอเชือดอีกครั้ง แล้วส่งถึงมือเด็กชายอย่างนั้นเหรอ
ทันใดนั้นผีดิบแมนจูก็กระโจนเข้ามา โจวเจ๋อและเด็กชายพากันหลบออกเป็นสองทาง คนหนึ่งกลิ้งออกไป โจวเจ๋อเงยหน้า แต่ดันพบว่าผีดิบแมนจูกำลังพุ่งตรงมาทางเขา!
ปล่อยเด็กชายที่อยู่อีกฝั่งไปโดยสิ้นเชิง!
แกแม่งสมองกลับหรือไงวะ!
แกไล่ล่าฉันไปเพื่ออะไร!
โจวเจ๋อทำได้แค่รีบลุกขึ้นและหลบหลีกรัวๆ โชคทีที่อีกฝ่ายเหมือนเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ความเร็วและพละกำลังของเขาแข็งแกร่งก็จริง แต่ดูเหมือนจะสติแตกไปหน่อย
ไป๋อิงอิงเคยพูดกับเขาว่า ตอนแรกแม่นางไป๋เคยบอกเธอ ในหมู่ผีดิบมีวิธีการกลืนกินพวกเดียวกันเพื่อเพิ่มระดับความแกร่งที่คล้ายกับวิธีเลี้ยงกู่พิษ แต่นี่ไม่ใช่พวกกระแสหลัก
เนื่องจากผีดิบเป็นแหล่งรวมตัวของความแค้นและพลังชั่วร้าย หากกลืนกินกันและกัน ผลที่ได้คือทำให้ความแค้นและพลังชั่วร้ายครอบงำจิตใจเดิมของตัวเอง ผลลัพธ์ในท้ายที่สุด ดูเหมือนจะแกร่งขึ้นแต่ก็เหมือนฆ่าตัวตายในเวลาเดียวกัน
ในประวัติศาสตร์ เคยมีบันทึกไว้ว่าราชาแห่งผีดิบโจมตีเขาหลงหู่ซานหรือเขาหลิงซานแห่งชมพูทวีปอย่างโง่เขลาอยู่หลายครั้ง ไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาแก้แค้นคนเที่ยงธรรมที่ปฏิบัติตามคำสาบานที่ว่า ‘ไม่รังแกเด็กและคนจน’ แต่เป็นเพียงเพราะกลืนกินอย่างมีความสุขจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร แล้วก็เดินไปบนเส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ จนท้ายที่สุดไม่ได้ถูกสิ่งที่เรียกว่าประตูอารามแห่งความเที่ยงธรรมกดขี่ แต่เป็นตัวเองที่ทำให้ฟ้าร้องฟ้าลั่นผ่าตัวเองจนกลายเป็นซาก
ชายตรงหน้านี้คล้ายกันอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทว่า หากเป็นกรณีนี้ ไอ้หมอนี่คลุ้มคลั่งขึ้นมาก็ไม่ใช่แค่คุยโวโอ้อวดแน่ๆ โจวเจ๋อระวังตัวหลบหลีกมากแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังถูกจำกัดด้วยสภาพร่างกายตนเองอยู่ดี รวมไปถึงพละกำลังและความรวดเร็วที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างทั้งสองฝ่าย จนถูกอีกฝ่ายคว้าไว้ได้
วินาทีต่อมา เขี้ยวของคู่ต่อสู้ก็ยื่นเข้ามา
‘พลั่ก!’
ร่างกายของอีกฝ่ายโดนกระแทกอย่างแรง เป็นเด็กชายที่โจมตีจากทางด้านหลัง
โจวเจ๋อฉวยโอกาสนี้ไขว้มือทั้งสองข้างและเอ่ยเสียงต่ำ “กาแฟ!”
มวลหมอกสีดำสิบสายที่เบาบางกว่าปกติมากถูกปล่อยออกมาจากเล็บ ล็อกตัวผีดิบแมนจูไว้สำเร็จ โจวเจ๋อรีบถอยร่นออกมาเพื่อดึงระยะห่างออกไปทันที
“โฮก!” เด็กชายก็เผยเขี้ยวของตัวเองออกมาพร้อมกับกระโจนเข้าไป!
เขาคิดจะกำจัดคนทรยศพรรค์นี้ให้สิ้นซาก
‘ปัง! ปัง! ตู้ม! ตู้ม! ปัง!’
เพียงแต่ว่า ระยะห่างตอนที่เด็กชายพุ่งเข้าหาผีดิบแมนจูตัวนี้มีไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ หมอกควันบนร่างของเจ้าผีดิบแมนจูก็หายไปพร้อมกัน!
เด็กชายหันหน้าไปเหลือบมองโจวเจ๋อที่อยู่ด้านหลังเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ความโกรธคุกรุ่นในแววตา ‘เจ้าหลอกข้าหรือ’
อันที่จริง เด็กชายเข้าใจโจวเจ๋อผิดจริงๆ เมื่อศัตรูคนเดียวกันยังไม่ถูกกำจัดให้สิ้นซากไป เขาคงจะไม่หงุดหงิดจนเปิดศึกใส่พันธมิตรด้วยความใจร้อนหรอก
เป็นเพียงเพราะ ‘กาแฟ’ ของเขาเบาบางจนเกินไปจึงไม่สามารถยับยั้งอีกฝ่ายไว้ได้นานเกินไป
‘ตู้ม!’
ผีดิบแมนจูหลุดพ้นและได้อิสระคืนมาจึงรีบพุ่งไปทางเด็กชาย ก่อนจะหอบเอาเด็กชายพุ่งออกไปข้างนอก จนกระแทกบานประตูอย่างแรง ทั้งสองพากันกลิ้งออกไปข้างนอกพร้อมกัน
โจวเจ๋อรีบร้อนตามออกไปด้วย พอถึงข้างนอกจึงพบว่ามีบางอย่างผิดปกติในเวลานี้ หมอกสีขาวบางๆ ลอยขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด หมอกสีขาวนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนชุดผ้าดิบงานกงเต๊กในชนบท
ผังฮวงจุ้ยของที่นี่เกิดปัญหา ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมา ไม่น่าแปลกใจที่ก่อนหน้านี้ผีดิบชื่ออาเถี่ยบอกว่ารอให้เด็กชายฟื้นตัวขึ้นมาอีกหน่อยแล้วจะย้ายถิ่นฐาน เพราะจะอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
แต่เวลานี้ผีดิบแมนจูกดเด็กชายไว้ใต้ร่าง ทั้งสองอ้าปากแยกเขี้ยวจนเผยเขี้ยวออกมาพร้อมกับกัดกันและกัน!
โจวเจ๋อสายหน้า สูดหายใจเข้าลึกๆ และเอ่ยเสียงทุ้ม “หนังสือพิมพ์!”
แต่รู้สึกได้เพียงการกระตุกเกร็งตรงนิ้วทั้งสิบลามไปถึงแขนทั้งสองข้างของเขาเท่านั้นเอง มันเจ็บปวดจนแขนของโจวเจ๋อแทบจะไร้ความรู้สึกไปแล้ว
เกินตัว ร้ายแรงเสียจนเกินกำลัง ตามไม่ทันแล้วจริงๆ
แต่โจวเจ๋อไม่อาจนิ่งดูดายทนดูเด็กชายถูกผีดิบแมนจูฆ่าได้ ถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายก็มีขนาดตัวไม่เท่ากันอยู่แล้ว เด็กชายกัดไปหนึ่งทีและผีดิบตัวนั้นก็กัดไปหนึ่งที คล้ายกับปัญหาการกักเก็บแล้วปล่อยน้ำในสระที่น่าเบื่อหน่ายในโรงเรียนมัธยมต้น เด็กชายคงจะถูกกัดจนหมดก่อนและตายในไม่ช้า
“หยกผี!” โจวเจ๋อตะโกน
ไม่มีการเคลื่อนไหว เงียบกริบ
“ถ้าแกไม่ออกมา ฉันจะคว้านรอยสักที่มือออก!” โจวเจ๋อคำราม
‘ฟุ่บ!’
หยกผีรีบลอยออกมาทันที พร้อมกับมุดเข้าไปในหัวของผีดิบแมนจู และไม่รู้ว่ามันเข้าไปทางจมูกหรือปากกันแน่ แต่สรุปว่ามุดเข้าไปแล้ว!
“โฮก!”
ผีดิบแมนจูผุดลุกขึ้นพรวดและปล่อยเด็กชายใต้ร่างตัวเอง มือทั้งสองข้างจับหัวของตัวเองเริ่มคำรามร้องอย่างคลุ้มคลั่ง สะเทือนลั่นจนกำแพงหินด้านบนเริ่มร่วงลงมาทีละก้อน
เด็กชายที่ตัวชุ่มโชกไปด้วยเลือดไม่ยอมแพ้ ร่างผีดิบของเขาอึด ทน นาน ยิ่งกว่าร่างมนุษย์ธรรมดาอย่างโจวเจ๋อมากโข คิดไม่ถึงว่าจะปีนไต่ขึ้นไปบนขาของผีดิบแมนจูและอ้าปากงับลงไปบนคอของอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลใดๆ
‘ฉึก!’
นี่เป็นการทักทายอย่างดุร้ายของเลือดเนื้อและฟัน ที่แฝงไปด้วยสุนทรียะของความป่าเถื่อนแบบดั้งเดิมและความรุนแรงเหลือคณา
โจวเจ๋อพยายามอย่างเต็มที่จะให้แขนทั้งสองข้างของตัวเองรีบฟื้นความรู้สึกกลับมา บอกตามตรงว่าตอนนี้เขาก็อยากรุดเข้าไปกัด แต่ร่างกายดันอ่อนแอเกินไปน่ะสิ แม้แต่เขี้ยวยังไม่งอกออกมาเลยด้วยซ้ำแล้วจะกัดยังไงไหว
โชคดีที่เด็กชายแข็งแกร่งมาก เจ้าหมอนี่แกร่งจริงๆ แกร่งเสียจนโจวเจ๋ออดชื่นชมไม่ได้ หลังถูกเขาตอกเล็บใส่ไปตั้งแปดดอก ตอนนี้ยังกระเสือกระสนดิ้นรนสู้อย่างดุเดือดได้อีก
ในร่างกายเล็กๆ นั่น กลับมีบางอย่างที่โจวเจ๋อไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนซ่อนอยู่ หรือบางที นี่ถึงจะเป็นผีดิบ เป็นผีดิบที่แท้จริง
นับตั้งแต่วันที่ถือกำเนิดขึ้น นับตั้งแต่วันที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ก็ถูกกำหนดให้ต่อกรกับฟ้า ต่อกรกับสิ่งมีชีวิต ต่อกรกับสรรพสิ่ง หากไร้พลังโหดเหี้ยมนี้ ก็ไม่สามารถอยู่รอดต่อไปได้
โจวเจ๋อเม้มริมฝีปาก ระหว่างมึนงงอยู่นั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างดอกไม้บ้านและดอกไม้ป่า ราวกับตัวเองเป็นเพียงเด็กทารกที่อยู่ในเรือนกระจกมาโดยตลอด และเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนนั้นมีประสบการณ์มากกว่าตัวเขาเองอยู่มากโข
“โฮก!” โจวเจ๋ออ้าปากและเริ่มคำราม!
เสียงของเขาแหบแห้งแล้ว ไม่ว่าเขาจะอ้าปากกว้างแค่ไหนก็ทำได้เพียงส่งเสียงแหบแห้งออกมาเท่านั้น
แต่โจวเจ๋อก็ไม่ยอมแพ้ ขณะที่ดูฉากผีดิบสองตัวกัดกันตรงหน้า ก็พยายามร้องคำรามอย่างหนัก ความรู้สึกนี้คล้ายกับโอตาคุที่เอาแต่มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ค้นหาหนังตื่นเต้นเร้าใจพลางช่วยตัวเองอย่างหนักหน่วง!
เรื่องจริงก็คือ โจวเจ๋อไม่รู้ว่าทำอย่างนี้แล้วจะได้ผลหรือไม่ แต่ในเวลานี้เขาก็ไม่สามารถเอาแต่ดูเรื่องสนุกๆ อยู่ข้างๆ หรอกใช่ไหมล่ะ
หรือว่าจะวิ่งพรวดพราดเข้าไปเสิร์ฟลูกเตะให้มันกินดีล่ะ
แค่อย่างนี้ก็กลายเป็นสถานการณ์ที่ตลกโปกฮา แม้กระทั่งไร้สาระอยู่เนืองๆ แล้ว ผีดิบตัวใหญ่ตัวเล็กทั้งคู่ทั้งกัดทั้งฟัดเหวี่ยงกัน เพราะจู่ๆ ก็มีหยกผีเข้าไปร่วมตะลุมบอนด้วย ทำให้ตอนนี้เด็กชายไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบอีก และข้างๆ การต่อสู้อันดุเดือดนี้ ยังมีชายคนหนึ่งที่กำลังฝึกเสียงร้องแสนไพเราะอยู่…
โจวเจ๋อตะโกนจนแทบจะขาดออกซิเจนอยู่แล้ว ศีรษะวิงเวียนและรู้สึกเบาหวิว แต่โจวเจ๋อรีบกัดปลายลิ้นทันที เรียกคืนสติกลับมา และควบคุมความสมดุลของร่างกายตัวเองด้วย
ทันทีที่กัดฟันก็พบว่าความรู้สึกของฟันต่างออกไปเล็กน้อย เขี้ยวสองซี่ดันงอกออกมาแล้ว ขณะเดียวกันยังมีสีเขียวบางๆ ปรากฏขึ้นมาบนแขนของเขาอีกด้วย
‘แฮก…แฮก…แฮก…’
แม่งเอ๊ย ในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาแล้ว ไม่สิ ในที่สุดก็ถูกกระตุ้นออกมาแล้วต่างหาก
โจวเจ๋อไม่กล้าชักช้าไปมากกว่านี้ รีบกระโจนเข้าไปร่วมวงทันที เด็กชายประจันหน้า ส่วนโจวเจ๋อโผเข้าด้านหลัง และกัดลงไปตรงท้ายทอยของอีกฝ่าย!
รสชาติทั้งเปรี้ยวทั้งเหม็นหืนนี้ คล้ายกับกัดปลาซาร์ดีนกระป๋องที่หมดอายุไปนานแล้ว แต่ในเวลานี้ไม่มีเวลามัวมาใส่ใจเรื่องอื่นๆ แล้ว โจวเจ๋อใช้ทั้งมือและเท้าเกี่ยวตัวเองไว้แน่นๆ บนหลังของผีดิบแมนจูเวอร์ชันขยายยักษ์นี้
กัดหนึ่งที อีกหนึ่งที แล้วก็กัดอีกหนึ่งที!
จำไม่ได้ว่าตัวเองกัดไปแล้วกี่ทีกันแน่ แต่โจวเจ๋อรู้แค่ว่าต้องรีบทำเวลา เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพนี้ได้นานแค่ไหน ในช่วงเวลาที่จำกัดนี้จะต้องฆ่าไอ้กร๊วกตรงหน้านี้ให้ได้!
เสียงกรีดร้องโหยหวนของผีดิบแมนจู และเสียงคำรามของโจวเจ๋อกับเด็กชายสอดประสานกันในที่แห่งนี้ ราวกับจะกลายเป็นเสียงซิมโฟนีที่เร่าร้อน แต่ทว่า สิ่งที่แสดงออกมาในที่นี้กลับเป็นเนื้อแท้ของการดิ้นรนเอาตัวรอดเลือดตาแทบกระเด็น
จู่ๆ ผีดิบแมนจูก็สะบัดมือ
‘ตุ้บ!’
โจวเจ๋อถูกตบลอยออกไปทั้งร่างและกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง หลังจากร่วงลงพื้น หน้าอกโจวเจ่อก็กระเพื่อมขึ้นลง กระอักเลือดสดๆ ออกมาจากปาก ยิ่งกว่านั้นร่างกายดูเหมือนจะอยู่เหนือการควบคุม กระทั่งอ่อนแอมากจนไม่สามารถขยับนิ้วได้
เด็กชายก็ร่วงลงมาด้วย ร่วงลงมากองกับพื้นอย่างสิ้นหวัง เขาก็ทำทุกวิถีทางแล้วเช่นกัน
อันที่จริง พูดไม่ออกเลยจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นโจวเจ๋อหรือเด็กชายที่ไม่ได้บาดเจ็บก่อนหน้านี้ละก็ การจัดการผีดิบแมนจูตัวนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่มันก็น่าขันตรงที่ทั้งสองคนเคยทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้แล้วน่ะสิ จนท้ายที่สุดจำเป็นต้องใช้สภาพอ่อนแอที่สุดไปเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาพวกเขามาก่อนเลยด้วยซ้ำ
ร่างของผีดิบแมนจูหมุนเป็นวงกลม ดูเหมือนว่าเขาพยายามที่จะรักษาการทรงตัวยืนของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่กระดูกและเนื้อบนคอของเขาถูกกัดจนกลวงไปแล้ว หลังจากหมุนไปหนึ่งรอบ เสียง ‘กึก’ ดังจากศีรษะของเขาพร้อมกับหลุดลงมาจากคอ และกลิ้งไถลไปกับพื้นออกไปไกลลิบ ร่างไร้ศีรษะของเขากระแทกลงพื้นดัง ‘ตุ้บ’ อย่างแรงก่อนจะแน่นิ่งไป
“ฮ่า…พรืด…”
โจวเจ๋อทั้งขำและกระอักเลือดไปพร้อมกัน เพิ่งรู้สึกว่าเลือดมันไร้ค่าก็ตอนนี้แหละ เขาถึงได้เริ่มระบายมันออกมาไม่หยุด
เด็กชายที่อยู่บนพื้นไกลๆ ดูเหมือนจะขำเช่นกัน จากนั้นคิดไม่ถึงว่าเด็กชายจะคลานโซเซขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาเป็นแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตายจริงๆ ด้วยสินะ
โจวเจ๋ออยากเช็ดปากมาก เขามีนิสัยรักความสะอาด ของเหลวเหนียวๆ ยางๆ ติดอยู่ที่คางและหน้าอกของเขา ทำให้เขาอึดอัดมาก แม้ว่าจะเป็นเลือดของเขาเองก็ตามที
ศัตรูร่วมกันถูกกำจัดทิ้งแล้ว ขั้นต่อไปก็เป็นการเปิดศึกกับพันธมิตรแล้ว
เด็กชายเดินตุปัดตุเป๋มาทางโจวเจ๋อ โจวเจ๋อมองเขานิ่งๆ สิ่งที่เปลี่ยนไประหว่างทั้งสองคนคือระยะห่างที่เข้าใกล้กันมากขึ้น แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือเสียงหัวเราะที่ยังเหมือนเคย
………………………………………………………….