ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 518 สนทนายามเช้า

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 518 สนทนายามเช้า

ยามฟ้าสาง ทนายอันลืมตาขึ้น ลุกนั่งบนเตียงแล้วบิดขี้เกียจ เด็กชายนอนหลับตาอยู่ข้างกายเขา และเมื่อรู้ตัวทนายอันจึงอยากเอาผ้าห่มข้างตัวไปคลุมตัวเขา ฤดูร้อนนับว่าผ่านพ้นไปแล้ว ต่อไปอากาศน่าจะเย็นขึ้น เวลานอนตอนกลางคืนได้พื้นที่นอนแค่เล็กน้อย รู้สึกรับไม่ไหวจริงๆ

ทว่ามือที่จับผ้าห่มของเขากลับหยุดอยู่กลางอากาศ ฉันกำลังเป็นห่วงผีดิบตัวหนึ่งจะไม่สบายเหรอ เมื่อลองคิดดูแล้ว ก็ยังห่มผ้าให้เขาเหมือนเดิม จากนั้นลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่าง

ห้องนอนของทนายอันได้รับการตกแต่งใหม่ตามคำขอของเขา จริงๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวคือกรอบหน้าต่าง ถูกเขาขอให้เปลี่ยนเป็นหน้าต่างยาวจรดพื้น เนื่องจากห้องไม่ใหญ่มาก หน้าต่างยาวจรดพื้นจึงไม่ใหญ่มากอะไร ทนายอันในชุดนอนลายเสือดาวเดินไปนั่งยองๆ ที่หน้าต่าง แล้วจุดบุหรี่หนึ่งมวน

ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตายังคงมีความเหนื่อยล้าและความอ่อนเพลียอยู่นิดๆ ความรู้สึกที่ได้นอนหลับมันเยี่ยมจริงๆ

เวลานี้เด็กผู้ชายได้ลุกนั่งเหมือนกัน แล้วเริ่มใส่เสื้อผ้าของตัวเองอย่างเงียบๆ ทนายอันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงหันไปมองไปหนึ่งที มองเห็นเด็กผู้ชายหลังจากตื่นนอนแล้วก็ใส่เสื้อผ้าโดยไม่พูดอะไรสักประโยค ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนชั่วเล็กน้อย จากนั้นจึงส่ายศีรษะ ยื่นมือเคาะศีรษะเบาๆ สูบบุหรี่เต็มปอดอีกครั้ง แล้วค่อยๆ พ่นออกมาทางปลายจมูก

“เจ้ามีเรื่องในใจเหรอ” เด็กผู้ชายใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย เดินมาที่ริมหน้าต่างยาวจรดพื้น เขาเพิ่งมา ยังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้เขา ที่ใส่อยู่ตอนนี้คือเสื้อผ้าที่ซื้อมาจากร้านแผงลอยที่อยู่ในโรงพยาบาลต่างเมือง

“เดี๋ยวจะพานายไปซื้อเสื้อผ้า” ทนายอันเอ่ย เด็กผู้ชายส่ายหน้า เขาไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้ซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเอง และมักรู้สึกแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา เมื่อนอนเป็นเพื่อนเขา เขายังต้องซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองเรอะ

“ไม่อย่างนั้นนายจะใส่เหมือนคนโง่ แบบนี้จะไปเจอหลินเข่อที่โรงเรียนตอนเย็นได้ยังไง ฉันจะบอกนายให้นะเดี๋ยวนี้สาวๆ ในโรงเรียนเห็นแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวกันทั้งนั้น!”

สาวน้อยโลลิ ยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา

“ตกลง” ผีดิบน้อยส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า ‘ตกลง’

‘ฟู่ว’ ทนายอันพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วเกาผมที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง

“เจ้ามีเรื่องในใจเหรอ” เด็กผู้ชายถามเป็นครั้งที่สอง

ทนายอันยังไม่ตอบ แต่เขาลุกขึ้น แล้วเอียงตัวมองไปด้านล่าง บนถนนด้านนอกร้านหนังสือ มีพนักงานทำความสะอาดขยันทำงานอยู่สองสามคนมาทำงานทำความสะอาดถนนแล้ว

ถนนหนานต้านี้มีปริมาณผู้คนสัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นปริมาณงานของพนักงานทำความสะอาดจึงเยอะเป็นธรรมดา

เมื่อมองไปไกลๆ ไฟริมทางยังไม่ได้ปิดทั้งหมด ผู้ชายสวมเสื้อผ้าสีดำคนหนึ่งกำลังแบกผู้หญิงผิวดำคล้ำเหมือนเสื้อผ้าของผู้ชาย ทั้งสองคนเดินมาทางนี้อย่างช้าๆ และยังมีกระเป๋าหนังงูสองใบอยู่บนเอวของผู้ชายคนนี้ ซึ่งก็คือเดดพูลกับหญิงสาวตัวดำที่ไปอยู่ที่สุสานสาธารณะมาหนึ่งคืน

“พวกเขา ก็เป็นคนในร้านเหมือนกันเหรอ” เด็กผู้ชายถาม

“ผู้หญิง มาก่อนนายสองสามวัน ชอบปลูกผัก ส่วนผู้ชาย เหมือนจะเป็นผีดิบแต่ไม่ใช่เหมือนจะเป็นคนที่ตายแล้วแต่ยังไม่ตาย และเขาก็มาก่อนฉันนานมาก”

“อ้อ” เด็กผู้ชายขานรับ

“คนในร้านหนังสือ เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ” ทนายอันพูดอย่างทอดถอนใจ

“แต่เจ้ากลับไม่ดีใจ” เด็กผู้ชายเอ่ย

“คนเยอะ ก็นานาจิตตัง” ทนายอันยื่นก้นบุหรี่ไปด้านนอกและเขี่ยบุหรี่ แล้วพูดต่อว่า “อย่างเช่นผู้หญิงตัวดำคนนั้น สถานภาพของเธอจริงๆ แล้วก็ไม่ต่างจากนาย นายมอบเลือดวิญญาณของตัวเองออกมา ส่วนเธอโดนพิษ นายเห็นขาของเธอไหม มันขยับไม่ได้ เดินไม่ไหวต้องอาศัยให้คนอื่นแบกขึ้นหลัง”

“อืม”

“พิษของเธอ เหมือนต้องแก้พิษเดือนละครั้ง ต้องอาศัยเล็บของเถ้าแก่ ถ้าหากวันไหนเถ้าแก่หายไปหนึ่งเดือนเธอก็ตายแหงแก๋”

“อืม”

“แต่ปัญหาคือ…” ขณะที่พูด จู่ๆ ทนายอันได้หันหน้าไปมองเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างตัวเอง “อาศัยวิธีนี้ สามารถควบคุมเธอได้ไหม” เธอในที่นี้ สามารถใช้แทนคนอื่นได้ เด็กผู้ชายรู้ดีว่ารวมถึงตัวเขาเองด้วย

“เธอมีคุณยายคนหนึ่ง เดี๋ยวรอให้นายได้คุยกับเธอ ก็จะพบว่าเธอมักจะพูดถึงคุณยายบ่อยๆ คุณยายของเธอดูทีวีเป็นเพื่อนเธอ สอนเธอปลูกผัก อยู่เคียงข้างเธอจนเติบใหญ่ จากนั้นเธอก็ปลูกคุณยายของเธอลงไป” ทนายอันทำท่าทางเหมือนกำลังใช้พลั่วอันหนึ่ง

เด็กผู้ชายฟังอย่างเงียบๆ

“จริงๆ แล้ว พวกเรารู้ดีว่า การใช้ชีวิตมาข่มขู่และควบคุมคนอื่น เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก เพราะเมื่อถูกบังคับจนทนไม่ไหวแล้ว คนเราอาจจะไม่อยากได้แม้แต่ชีวิต โดยเฉพาะคนอย่างเธอ ไม่แน่วันไหนเธอเกิดคึกขึ้นมา ขนาดคุณยายของตัวเองยังปลูกลงไปได้ ทำไมจะไม่ลองปลูกตัวเองลงไปบ้างล่ะ ตอนที่เธอคิดจะฝังตัวเองลงไป พิษที่อยู่บนขาจะแก้ได้ไหม ยังจะมีความหมายอะไร”

เด็กผู้ชายยังคงฟังอย่างเงียบๆ

“ถ้าหากทุกคนล้วนเป็นแกะเชื่อง เช่นนั้นราชวงศ์ในประวัติศาสตร์ คงไม่วายวาง”

เวลานี้ เดดพูลแบกหญิงสาวตัวดำเดินมาถึงหน้าร้านหนังสือแล้ว เขาเงยหน้ามองเห็นทนายอันยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงขอบหน้าต่างชั้นสอง แล้วจึงหัวเราะเหอะๆ อย่างคนโง่

ทนายอันโบกมือให้เขาด้วยใบหน้าที่อบอุ่น จากนั้นหันหน้ามองเด็กผู้ชายแล้วพูดต่อว่า “ไอ้หน้าโง่คนนี้ จนป่านนี้ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่า เขาโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่”

“หืม”

“บนโลกนี้ คนที่แกล้งโง่เป็นคนที่ฉลาด และคนที่ฉลาดกว่า เขาสามารถทำให้คุณสงสัยได้ว่า เขาโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ชาติที่แล้วเขาเป็นบาทหลวงชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง เคยกินกระดูกอัฐิของเถ้าแก่ หลังจากถูกเถ้าแก่จับได้โดนราดและเผาด้วยน้ำมัน สุดท้ายกลับโดนปลูกอย่างไม่มีสาเหตุ ออกดอกออกผลเติบโตกลายเป็นเขา”

ทนายอันโยนก้นบุหรี่ทิ้งในที่เขี่ยบุหรี่ แล้วจุดบุหรี่อีกหนึ่งมวน เขาติดการสูบบุหรี่มาก โดยเฉพาะเวลาตื่นนอนตอนเช้า ต้องสูบสองสามมวนถึงจะพอใจ

“ดังนั้น เขาถูกปลูกออกมา ดังนั้น ผู้หญิงตัวดำเพิ่งมาได้สองวัน แต่ก็สนิทกับเขาแล้ว คนหนึ่งทำไร่ทำนา คนหนึ่งเกิดออกมาจากดิน จึงใกล้ชิดกันแบบธรรมชาติ ใช่ไหม”

“อืม” เด็กผู้ชายฟังต่อ

“แต่มีครั้งหนึ่ง ฉันเห็นเขากำลังอ่าน ‘พระคัมภีร์’ เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น เหอะๆ” ทนายอันพ่นควันบุหรี่ออกมา “ฉันไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ฉันจำได้ขึ้นใจ ไอ้หมอนี่ถึงจะเหมือนคนโง่ นอกจากหัวเราะ ‘เหอะๆๆ’ แล้วก็ ‘เหอะๆๆ’ กับทำความสะอาดร้านหนังสือ หลังจากทำงานดูแลทำความสะอาดของตัวเองมาทั้งวันแล้ว ก็จะกลับไปที่ห้องแล้วแอบอ่าน‘พระคัมภีร์’ เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นต่อ

นายคิดว่า เขาจำเรื่องราวเมื่ออดีตชาติของตัวเองได้ไหม หรือถ้าเปลี่ยนวิธีการอธิบาย เถ้าแก่บอกว่าเขาสามารถรับรู้ได้ถึงความสนิทสนมที่เดดพูลปฏิบัติต่อตัวเอง เป็นความรู้สึกเคารพเป็นเหมือนพ่อลูกกันแบบนั้น

แต่ดูเหมือนเถ้าแก่จะลืม ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ฆ่าพ่อแย่งบัลลังก์มีให้เห็นถมไป ในครอบครัวธรรมดา เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเล็กน้อยและสิ่งอื่น พ่อกับลูกต้องแตกกันกลายเป็นศัตรูก็มีไม่น้อย ‘พ่อลูก’ สองคำนี้ จริงๆ แล้วไม่นับว่ามั่นคงมากเท่าไร”

“อ้อ” เด็กผู้ชายมองทนายอัน แล้วพูดด้วยความสงสัย “ทำไมเจ้าพูดแบบนี้ ข้ารู้สึกว่าในร้านหนังสือนอกจากผู้หญิงที่เป็นผีดิบเหมือนข้าคนนั้นแล้ว ไม่มีใครเป็นคนดีเลย”

“ใช่แล้ว ผีดิบผู้หญิงเป็นคนดี” ทนายอันยิ้ม “เธอทำดีกับเถ้าแก่คนเดียว ดีแบบฟ้าดินถล่มทลาย แต่ชาติก่อนของเธอ แม่นางไป๋คนนั้น หลังจากได้ยินเรื่องราวในอดีตของเธอ ฉันยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีปัญหาเล็กน้อย

ผู้หญิงตัวเล็กๆ ในยุคราชวงศ์ชิงคนหนึ่งถูกจับจมน้ำตายกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนแล้ว ได้สร้างวัดให้ตัวเอง และยังเคยได้รับการเขียนคำขวัญจางเจี่ยนบัณฑิตในสมัยปลายราชวงศ์ชิง ลงนรกมุ่งแสวงหาความก้าวหน้าใหม่ แต่ดันมอบกายเนื้อของตัวเองให้แก่เถ้าแก่ที่ตอนนั้นเป็นแค่ยมทูตชั่วคราวยังไม่รู้ชะตาตัวเอง

อิงอิงทั้งน่ารักและไร้เดียงสา แต่แม่นางไป๋คนนั้น ฉันรู้สึกมาตลอดว่าจุดประสงค์ของเธอไม่ธรรมดาแน่นอน อีกอย่างเทศกาลเสื้อกันหนาวดูเหมือนจะใกล้ถึงแล้ว ฉันมักรู้สึกว่าอาจจะเกิดเรื่องเล็กน้อย”

“แบบนี้นี่เอง”

“ใช่ แบบนี้แหละ คนในร้านหนังสือยิ่งนานวันยิ่งเยอะขึ้น แต่ปัญหาก็เยอะตามไปด้วย พ่อครัวสาวในร้านไม่พูดสักแอะ แต่ซ่อนเรื่องราวไว้มากมาย ทำกับข้าวให้ทุกคนกินพร้อมกับวางแผนให้ตัวเองไปพลาง เขาอยากจะขึ้นสวรรค์หรือไง คิดเลียนแบบเถ้าแก่ อยากให้มีอะไรผนึกอยู่ในร่างกายของตัวเอง เป็นทางลัดและได้ประสิทธิภาพสูง”

ทนายอันหยิบขวดน้ำที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาหนึ่งขวด แล้วดื่มคำโต ‘เอื๊อกๆๆ’ จากนั้นวางลงแล้วพูดต่อ “แต่คำพูดอย่างทางลัดที่มีประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ จริงๆ แล้วยังหมายถึงหายนะแอบแฝงอย่างใหญ่หลวงอีกด้วย เหมือนกับรถคันหนึ่ง ขับเร็วเกินไป จะทำให้ตัวเองรถคว่ำได้ง่าย ยังดีที่เถ้าแก่ไปเมื่อวาน ตอนนี้ไม่ได้โทรศัพท์กลับมา น่าจะจัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว เหอะๆ เขาคิดได้ซับซ้อนมาก วางแผนอย่างรอบคอบ แต่ก็คิดง่ายเกินไป และออกแบบได้แคบเกินไป

อยากผนึกเทพเจ้าแห่งท้องทะเลไว้ในร่างของตัวเอง เขาเคยคิดไหมว่าตัวเขาเองมีความสามารถที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้โดนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลหรือไม่ ตัวละครอย่างปีศาจที่ดิ้นรนอยู่ในคลื่นลมทะเลจนเป็นใหญ่ มีตัวไหนบ้างที่คุยง่าย แม่งเอ๊ย พูดถึงตรงนี้แล้ว ฉันยิ่งรู้สึกเคารพเถ้าแก่ของตัวเองจริงๆ คนนั้นที่อยู่ในร่างของเขา ก็คือบรรพบุรุษของนาย…”

“…” เด็กผู้ชาย

“เถ้าแก่ เขาเป็นหนึ่งในผู้คนทั้งหมดที่ผนึกสิ่งของอยู่ในร่างกายที่ฉันเคยเจอมา แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่นอกจากไม่โดนอิทธิพลจากสิ่งนั้นแล้ว ตรงกันข้ามกลับสามารถส่งผลกระทบกับคนนั้นได้ เหอะ ที่แท้บางครั้งที่มองคนอื่นโง่และยังกระหยิ่มยิ้มย่อง แท้จริงแล้วระดับของตัวเองต่ำเกินไป มองคนอื่นไม่ออก ตัวเองจึงกลายเป็นคนโง่เสียเอง”

ทนายอันพูดพลางยื่นมือลูบศีรษะของเด็กผู้ชาย “คนเมื่ออยู่ด้วยกัน แต่ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ทีมยิ่งใหญ่ขึ้น แต่กลับคุมทีมได้ยากขึ้น เถ้าแก่ชอบนอนอยู่บนโซฟาอ่านหนังสือพิมพ์ดื่มกาแฟคุณภาพต่ำ เรื่องพวกนี้จึงต้องอาศัยฉันที่เป็นกังวลและจัดการแทน โอ้ ขับรถกลับมาแล้ว พวกเถ้าแก่กลับมาแล้ว ดีเลยๆ เตรียมตัวกินข้าวเช้า ฮิๆ”

ทนายอันเตรียมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาในตอนนี้ มีความกระตือรือร้นต่ออาหารสามมื้อเป็นอย่างยิ่ง

“เฮ้” เด็กผู้ชายเรียกเขาในทันใด

ทนายอันเพิ่งจะเปิดประตู หันกลับไปมองเด็กผู้ชายด้วยความสงสัย “นายมีเรื่องอะไร”

“เมื่อวานตอนที่อาบน้ำ เจ้าสั่งให้ข้าขึ้นไปคนเดียวก่อน ข้าไม่ได้เดินไปผิดห้อง ข้าเดินไปตามที่เจ้าบอก ผลักประตูเข้าไป”

ทนายอันพยักหน้า แล้วยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้งให้กับเด็กผู้ชาย ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “นั่นเป็นเพราะฉันไม่ระวังจึงพูดผิด”

…………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท