ตอนที่ 526 หลินอี้
อันที่จริง ด้วยตัวตนของโจวเจ๋อในตอนนี้ หากจะแก้แค้นตอบโต้คนธรรมดาสักคนละก็ สามารถทำได้หลากหลายวิธีเลยทีเดียว
สามารถให้ทนายอันสะกดจิตประธานหยางคนนี้ให้แก้ผ้าและเต้นโยกย้ายส่ายสะโพก เต้นสวอนเลกตอนนักศึกษาใหม่ฝึกทหารวันพรุ่งนี้ ทั้งยังสามารถให้เจ้าลิงแอบหาสถานที่ปลอดคน แปลงร่างกลายเป็นปีศาจลิง สอนเขาร้อง ‘ท่านแบกภาระ ส่วนข้าจูงม้า[1]…’
สามารถให้นักพรตเฒ่าตามหาเขา เลี้ยงข้าวเขาสักมื้อและเรียกขานเขาเป็นพี่ชายน้องชาย รู้ไว้เสียด้วยว่าครั้งก่อนพวกกลุ่มค้ามนุษย์ที่กินข้าวและเรียกขานพี่เอยน้องเอยกับนักพรตเฒ่าได้ตายตกตามกันไปหมดแล้ว แถมยังตายอย่างน่าอนาถเสียด้วย
แต่โจวเจ๋อไม่ต้องการใช้วิธีเหล่านี้ที่กล่าวมา
ยามนี้ ในขณะที่เดินไปถึงตรงหน้าประธานหยาง
‘ผัวะ!’ เสียงดังฟังชัด
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของเหล่านักศึกษาโดยรอบ ประธานหยางของสมาคมนักศึกษาที่ ‘ศักดิ์สิทธิ์ห้ามล่วงเกิน’ และ ‘สูงส่งทรงอิทธิพล’ ศีรษะและขวดเบียร์ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก
ขวดเบียร์แตกละเอียด หน้าผากของประธานหยางถูกฟาดจนเลือดอาบเช่นกัน เห็นเศษแก้วร่วงกราว เห็นสีหน้าหวาดกลัวของประธานหยางจนลืมแม้กระทั่งกรีดร้อง ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกว่าโลกช่างสวยงามเพียงนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายอกสบายใจดีแท้
แน่ละ ในเมื่อมีความสุขก็ต้องมีความสุขต่อไป
โจวเจ๋อเอื้อมมือคว้าต้นคอของประธานหยางและทุ่มลงบนพื้นทั้งตัว จากนั้นยืนอยู่ด้านข้างพร้อมเตะอัดเข้าไปเต็มๆ!
“ผู้มีอำนาจสำคัญมากหรือไง”
‘ตุ้บ!’
“แกหยิ่งยโสมากหรือไง”
‘ตุ้บ!’
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใครหา”
‘ตุ้บ!’
“แค่สมาคมนักศึกษาต่ำๆ แกคิดว่ายอดเยี่ยมมากสินะ!”
‘ตุ้บ!’
“สมาคมนักศึกษาเป็นองค์กรที่ให้บริการนักศึกษา แกเข้าใจไหม”
‘ตุ้บ!’
“แกรับใช้ประชาชนอย่างนี้เองน่ะเหรอ”
‘ตุ้บ!’
การทะเลาะวิวาทตามแผงขายของในตลาดโต้รุ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่นานนักรอบข้างก็มีฝูงชนมามุงดูกัน
ประธานหยางล้มหงายตึงบนพื้น คลุกเคล้าไปกับขยะและน้ำเน่าที่อยู่ใกล้ๆ กลิ้งเกลือกบนพื้นไปตามแรงเตะซ้ำๆ ของโจวเจ๋อไม่หยุด
พวกนักศึกษาที่นั่งกินข้าวกับเขาและพยายามเลียแข้งเลียขาเขาอย่างเต็มที่ไปหยกๆ เมื่อกี้ ไม่มีใครกล้าเข้ามาเลยสักคน อึ้งเป็นไก่ตาแตกกับท่าทีของโจวเจ๋อที่รุดเข้ามาต่อยโทงๆ อย่างนี้
สั่งสอนไปหนึ่งยก เหนื่อยนิดหน่อย โจวเจ๋อไม่ได้ตั้งใจอัดเขาจนตายจริงๆ ที่จริงเขาได้นั่งดูนักศึกษาและพวกสมาคมนักศึกษาคางคกขึ้นวอเหล่านี้อยู่ตรงโต๊ะข้างๆ มาก่อนแล้ว รู้สึกเพียงแค่น่าสนใจมากเท่านั้น
จนกระทั่งไอ้สารเลวนั่นเริ่มพูดจาสกปรกสร้างข่าวโคมลอยเกี่ยวกับหลินอี้ เถ้าแก่โจวถึงได้โมโหจนเลือดขึ้นหน้า
โจวเจ๋อรู้สึกผิดต่อน้องภรรยา หากตอนแรกเขาสังเกตเห็นตอนจบสักหน่อย และให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาแก่เธอ บางทีเธอคงไม่เกือบจะลาออกจากโรงเรียน และคงไม่พลาดสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยในอุดมคติในตอนท้ายหรอก
ต่อยจนน่วมแล้ว รู้สึกโล่งแล้ว โจวเจ๋อหันกลับมาและชี้เหล่าจาง
เหล่าจางนั่งอยู่ที่เดิมตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยเห็นเขาสวมเครื่องแบบตำรวจ
“คุณจัดการหน่อยสิ”
โจวเจ๋อทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้แล้วก็ออกไปทันที แผ่นหลังนี้หยิ่งผยองสิ้นดี อัดคนเสร็จก็ปล่อยให้ตำรวจจัดการให้ตัวเอง
เหล่าจางนั่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่ชั่วขณะ เวลานี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นสุนัขรับใช้ความชั่วร้าย นี่ไม่สอดคล้องกับหลักความเชื่อในชีวิตปกติของเขา แต่เขาก็ไม่อาจจับกุมโจวเจ๋อได้จริงๆ
เหล่าจางถอนหายใจ เดินไปตรงหน้าประธานหยางที่ถูกอัดจนหน้าบวมปูดเขียวช้ำพลางย่อตัวลงถาม “นักศึกษาจะแจ้งความไหม” เมื่อถามคำนี้ไป เหล่าจางระบายรอยยิ้ม
ประธานหยางที่หน้าบวมเป่งเหมือนหัวหมูส่ายหน้าทันที “ไม่แจ้ง ไม่แจ้งครับ!!!!”
“ครับผม ในเมื่อไม่แจ้งงั้นผมไปแล้วนะ”
พูดจบ เหล่าจางยืนขึ้น ความจริงชายที่นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงหน้าคนนี้น่าสงสารมาก เป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่งชัดๆ แต่กลับแสดงตนเป็นข้าราชการ เหล่าจางบอกใบ้นิดๆ หน่อยๆ เขาก็ขี้ขลาดตาขาวเสียแล้ว
หลายคนมักคิดว่าคนแต่ละรุ่นจะรอบรู้เปิดกว้างมากขึ้น และตั้งตารอคอยอนาคต แต่เมื่อเห็นประธานหยางที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ คุณก็จะรู้สึกสิ้นหวัง
เหล่าจางก็ไปแล้ว สะบัดแขนเสื้อกว้าง ไม่พรากไปแม้ม่านเมฆสักผืน
เขารู้สึกว่าวันนี้เขากลายเป็นคนชั่วและได้ละเมิดข้อวินัยไปแล้ว ก่อนอื่นเลยคือร่วมแสดงละครตบตากับเถ้าแก่ ดูการแก้แค้นของแมวปีศาจ แล้วมองดูเถ้าแก่ทุบตีสั่งสอนประธานคนนั้นจนน่วมไปหนึ่งยก เมื่อครู่เขายังคร่ำครวญว่าอารมณ์เถ้าแก่แปรปรวนอย่างเห็นได้ชัด แล้วตัวเขาเองล่ะ
จริงๆ แล้วก็เหมือนกันนั่นแหละ
แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว กฎหมายบังคับใช้กับคน ดูเหมือนจะไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับผี อย่างนั้นจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ถือว่าผิดวินัยใช่ไหม
โจวเจ๋อสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย เมื่อเหล่าจางเดินมา เขาไม่พูดอะไรแค่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ
“คราวหน้าถ้าพวกเราออกมาไม่ต้องสวมเครื่องแบบตำรวจแล้วนะ”
เหล่าจางพยักหน้า ใช่น่ะสิ
“ที่เขาพูดหมายถึงน้องภรรยาของคุณเหรอ” เหล่าจางถาม
“อืม” โจวเจ๋อตอบ
“อ๋อ” เหล่าจางตอบรับ
“ช่างเหอะ ผมกลับก่อนแล้วกัน” ขณะที่พูด โจวเจ๋อก็เดินถึงทางแยกและเตรียมเรียกรถ
ผ่านไปครู่หนึ่ง โจวเจ๋อก็เดินกลับมาอีก เหล่าจางสูบบุหรี่ครึ่งมวนยังไม่ทันจะหมดด้วยซ้ำ
“ช่างเหอะ ผมจะเข้าไปเยี่ยมเธอหน่อย”
“อืม” เหล่าจางพยักหน้า หรือเวลาอย่างนี้จะให้เขาพูดว่าแม้แต่พี่สาวแท้ๆ ของเธอคุณยังไม่ไปเยี่ยมด้วยซ้ำแล้วทำไมต้องไปเยี่ยมเธอกันล่ะ
“คุณช่วยไปซื้อส้มที่แผงขายผลไม้ฝั่งตรงข้ามให้ผมสักหน่อย…” โจวเจ๋อโบกมือปัดๆ “ไม่ต้องซื้อแล้ว ก็แค่ไปเยี่ยมเอง เอาละ คุณกลับได้เลยนะ”
“งั้นผมไปนะ เถ้าแก่”
“อืม”
โจวเจ๋อกลับเข้าไปในมหาวิทยาลัยและเดินข้ามสนามกีฬาไปยังเขตพื้นที่นั่งเล่น มองเห็นหญิงสาวตัวดำนั่งอยู่บนม้านั่งยาวริมสนามกีฬาตรงนั้น
“ไง เจินกั่วลี่” โจวเจ๋อเอ่ยทักทาย เธอน่าจะมาพร้อมกับนักพรตเฒ่าและคนอื่นๆ
“ชื่อเหม่ยลี่ต่างหาก” หญิงสาวตัวดำเอ่ยแก้
“ยุ่งอยู่หรือไง” โจวเจ๋อทักทายด้วยประโยคที่ไร้ประโยชน์มาก เขากำลังจะออกไปเยี่ยมน้องภรรยา ไม่อยากโอ้เอ้เสียเวลาอยู่ที่นี่
“ใช่น่ะสิ ยุ่งกับการเก็บศพให้คุณไง”
“…” โจวเจ๋อ
“เริ่มปรับปรุงตกแต่งแล้ว รอปรับปรุงเสร็จ ฉันก็จะปลูกดอกพลับพลึงแดงในร้านข้างๆ ได้แล้ว ปลูกในพื้นที่น้อยไม่ต้องใช้วัตถุดิบอะไรมากมายนักหรอก”
“อืม ดี” ทนายอันจับตาดูเรื่องนี้อยู่ โจวเจ๋อก็ไม่จำเป็นต้องกังวล
“ว่าแต่นี่คุณจะไปไหนน่ะ” หญิงสาวตัวดำถาม “อีกเดี๋ยวไม่กลับพร้อมพวกเราเหรอ”
“พวกคุณจัดการเสร็จแล้วก็กลับไปก่อนได้เลย ผมจะเดินเล่นคนเดียวต่ออีกหน่อย”
“โอเค จริงสิ ตาคุณเป็นอะไรน่ะ” หญิงสาวตัวดำสังเกตเห็นจนได้
“ไม่มีอะไรหรอก”
หญิงสาวตัวดำยกมือขึ้นแล้วโยนขวดเล็กๆ ออกไปให้พลางเอ่ย “ทาสิ”
“ขี้ผึ้งที่คุณปรุงออกมาใหม่เหรอ” โจวเจ๋อหยิบไว้ในมือแล้วถาม
“บนนั้นมีชื่อแบรนด์ร้านค้าแปะอยู่ ฉันขโมยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมาจากพ่อครัวในร้านหนังสือ คุณทาสิ”
“…” โจวเจ๋อ
“เอาละ อีกเดี๋ยวพวกเขาจัดการศพเสร็จแล้วก็จะมารับฉันกลับไปด้วย คุณไปทำธุระเถอะ”
โจวเจ๋อพยักหน้าพลางหยิบผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากไป
หญิงสาวตัวดำมองแผ่นหลังของโจวเจ๋อพลางยักไหล่ เธอมักจะรู้สึกว่า ‘เจ้านายทาส’ คนนี้ให้ความรู้สึกว่ายุ่งเอามากๆ อยู่เสมอ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขายุ่งอยู่กับอะไรนักหนา
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว โจวเจ๋อเดินไปหาคุณป้าที่ดูแลหอพัก เพราะก่อนหน้านี้จางเยี่ยนเฟิงพาเข้าไปในหอพักด้วย ดังนั้นคุณป้าที่ดูแลหอพักเลยพลอยนึกว่าโจวเจ๋อเป็นตำรวจด้วยเช่นกัน
เมื่อโจวเจ๋อบอกว่ากำลังตามหาคนคนหนึ่งอยู่ คุณป้าที่ดูแลหอพักก็หยิบใบรายชื่อส่งให้ทันที แถมยังยื่นแก้วน้ำให้โจวเจ๋อพลางพูดว่า “ลำบากสหายแล้ว”
โจวเจ๋อรับเอาแก้วน้ำมาจิบพลางพยักหน้าตอบกลับ “บริการรับใช้ประชาชน”
หาเจอแล้ว ห้องพักของหลินอี้อยู่ชั้นหนึ่ง ประตูห้องพักไม่ได้ล็อก ภายในมืดสนิทแถมไม่ได้เปิดไฟไว้อีกต่างหาก
ระยะนี้น้องใหม่ปีหนึ่งมีฝึกทหารตอนกลางวัน หลังอาหารมื้อเย็นยังจัดตำรวจไปให้คำปรึกษาด้านการปฏิบัติงานเพื่อสังคมอีก ยากที่จะมีเวลายามว่าง ดังนั้นนักศึกษาหลายคนจึงออกไปเที่ยวเล่นจนดึกดื่นถึงกลับหอพัก แถมช่วงนี้กิจกรรมชมรมก็มีเยอะ เพราะน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาจะมีความกระตือรือร้นในกิจกรรมเหล่านี้สูงมาก และหลอกล่อได้ง่ายมากเช่นกัน
แน่นอนว่าจริงๆ แล้ว งานของคนส่วนใหญ่หลังจากเข้าร่วมชมรมในมหาวิทยาลัย แม้จะเป็นแค่การทำธุระ ทำความสะอาด และย้ายเก้าอี้ แต่น้องใหม่ก็ยังคงกระตือรือร้นไฟแรงอยู่ดี
เมื่อยื่นมือไปผลัก ประตูห้องพักไม่ได้ปิด แค่ถูกผลักก็เปิดออกทันที
ห้องพักสำหรับหกคน ในตอนนี้มีแค่เตียงชั้นบนตำแหน่งเดียวที่มีคนนอนสวมหูฟังเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น
ประตูถูกผลักออกแล้ว มีคนเข้ามาแล้ว เธอก็ยังไม่รู้ตัวอีก
แม่เด็กนี่ ใจกว้างโดยแท้ ไม่กลัวคนน่าสงสัยตีเนียนเข้ามาเลย ห้องมืดสนิทแบบนี้ คงไม่ใช่เพราะคราวก่อนได้หลงเหลือเงามืดในจิตอะไรไว้หรอกนะ ถึงได้ชอบพาตัวเองมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดมน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความรู้สึกผิดในใจของโจวเจ๋อก็ยิ่งบาดลึกขึ้น อันที่จริงเรื่องพวกนั้นโจวเจ๋อเองคิดตกแล้ว และต่อให้คิดเล็กคิดน้อยขึ้นมาว่าใครถูกใครผิด จริงๆ แล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับหมอหลินและน้องภรรยาเลย
ใครจะไปรู้ว่ายมทูตที่อาศัยเกาะร่างคนอื่นเหมือนกับหลินเข่อตนนั้นจะเสียสติไปเสียได้
โจวเจ๋อเดินไปใต้เตียงและเอื้อมมือไปเลิกผ้าห่มของเธอหมายจะแกล้งให้เธอตกใจเล่นเสียหน่อย อันที่จริงก่อนเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างน้องภรรยากับเขาถือว่าใช้ได้ เป็นเด็กที่ค่อนข้างฉลาดและซนเอาการทีเดียว ทั้งยังใจดีกับคนอื่นอีกต่างหาก
เมื่อก่อนเถ้าแก่โจวยังช่วยจัดการเพื่อนรักของเธอ พร้อมกันนั้นก็เอากระเป๋าสตางค์คืนมาให้ด้วย
ผ้าห่มถูกกระชากออก เผยให้เห็นขาขาวทั้งสองข้าง โอ้โห เด็กนี่สูงขึ้นแล้วเหรอเนี่ย ขายาวจัง
แม้ว่าในหอพักจะมีแต่สาวๆ ก็ตาม แต่ก็ควรใส่กางเกงนอนจะดีกว่า เด็กสาวน่ะจะต้องคอยระมัดระวังป้องกันตัวเอง เผื่อถูกเพื่อนร่วมห้องที่ไม่เข้าท่าแอบถ่ายและเผยแพร่ออกไป ผลกระทบจะต้องแย่มากแน่ๆ
ที่แผงขายปิ้งย่างเมื่อกี้ก็มีสาวใช้ผู้ต่ำต้อยเริ่มเกลียดคนรวยแล้ว
ว่าแต่ขาขาวจังเลยวุ้ย ถ้าชอบใส่ถุงน่องเหมือนพี่สาวละก็…อะแฮ่ม ฉันเป็นญาติผู้ใหญ่นะ!
“ฉันมาเยี่ยมเธอ เพิ่งรู้ว่าเธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยนี้ สมาคมนักศึกษาอะไรนั่นของเธอน่ะพรุ่งนี้ไปถอนตัวออกเถอะ”
‘แปะ!’ จู่ๆ ไฟในห้องพักก็เปิดขึ้น หลินอี้น้องภรรยาที่ผมเปียกโชกยืนถือตะกร้าพลาสติกอยู่ตรงหน้าประตู พร้อมตะกร้าที่ใส่ของอย่างแชมพูและสบู่อาบน้ำ น่าจะเพิ่งกลับจากการไปอาบน้ำที่ห้องน้ำของมหาวิทยาลัย
“เฉินหย่า เธอนอนอยู่ตรงนั้นแล้วทำไมถึงเปิดประตูอ้าซ่า…”
หลินอี้วางตะกร้า เมื่อลุกขึ้นยืนถึงได้เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ในห้องพักของเธอ
“นาย…” หลินอี้อยากถามมากเหลือเกินว่าทำไมนายถึงโผล่มาอยู่ที่นี่ได้
“ฉันมาเยี่ยมเธอ เพิ่งรู้ว่าเธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยนี้ สมาคมนักศึกษานั่นของเธอ…” โจวเจ๋อค้างเติ่ง เพราะจู่ๆ เขาก็รับรู้ได้ถึงปัญหาร้ายแรง มันค่อนข้างร้ายแรงทีเดียว!
……………………………………………..
[1] เพลง 《敢问路在何方》หรือหนทางอยู่ทิศใด ร้องโดยเตาหลัง เป็นเพลงประกอบไซอิ๋ว