ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 529 ธาตุแท้วีรบุรุษ!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 529 ธาตุแท้วีรบุรุษ!

“อิงอิง มา ปล่อยหมัด!”

“ฮ่า!” อิงอิงชกหมัดออกไป รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด!

ตอนที่มือกระดูกของทนายอันกดลงไปยังอยู่ห่างออกไปประมาณครึ่งเมตร คลื่นอากาศพลันสูงขึ้น เมื่อหมัดของอิงอิงซัดเข้ามา พละกำลังถูกลดลงไปถึงสามส่วน จากนั้นทนายอันพลิกฝ่ามือพร้อมดันขึ้น พละกำลังหายไปอีกสองส่วน

เมื่อหมัดกระแทกเข้ามาจริงๆ ความเร็วของมือกระดูกทนายอันคล้ายเล่นเกมพันด้ายก็ไม่ปาน ดึงไปลากมาเปลี่ยนสลับต่อเนื่อง นี่ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตา แต่ทนายอันกลับยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางของปรมาจารย์

‘ผัวะ!’ ในที่สุดหมัดของอิงอิงก็กระแทกเข้ากับมือกระดูกของทนายอัน ร่างของทนายอันสั่นสะท้าน เท้ากดจิกกับพื้นแน่น ทั้งร่างแกว่งไหวไปมาเหมือนแก้วน้ำอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่ขยับถอยเลยแม้แต่ครึ่งก้าว

“อูย…” อิงอิงถอนหมัด ไม่เข้าใจอยู่บ้าง กระดกกาแฟห่วยแตกมากขนาดนี้ทุกวันแล้ว ทำไมร่างกายถึงไม่ทรุดโทรมเลยเล่า หรือว่ากาแฟนั่นจะให้ผลมหัศจรรย์ต่อร่างกาย เอาให้เถ้าแก่ดื่มบ้างดีไหม

ถุยๆๆ!

อย่านะ!

ห้ามเลย!

ไม่อนุญาต!

ทนายอันนึกว่าอิงอิงทึ่งในเทคนิคของตัวเองจึงพูดด้วยความภูมิใจทันที “อิงอิงเอ๋ย การต่อยตีน่ะ ไม่แนะนำให้ใช้แค่กำลังดุร้ายเพียงอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ที่ขอให้คุณไปเรียนเทควันโด คุณก็น่าจะได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้มาบ้างแล้ว แต่พวกนั้นน่ะยังไม่พอหรอก ของพรรค์นั้นเอาไว้โชว์เสียมาก อาศัยโอกาสนี้ ผมจะสอนคุณใช้พลังอย่างแม่นยำ เมื่อกี้คุณใส่มาสุดแรงแล้วสินะ เห็นไหมล่ะ ผมแค่พึ่งทักษะเพื่อ…”

“ไม่ใช่เสียหน่อย”

“หือ” ทนายอันชะงักไป

“เมื่อกี้ยังไม่สุดแรงเกิดเลยนะ” อิงอิงมองทนายอัน “ข้าแค่ปล่อยหมัดไปงั้นๆ เอง”

“อ๋อ ฮ่าๆ” ทนายอันหัวเราะ นึกว่าผีดิบสาวแค่ไม่ยอมลงให้เขา เด็กสาวน่ะก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น ทนายอันผู้ช่ำชองเข้าใจดี

“ก็ได้ งั้นคุณก็ชกมาอีกหมัด คุณต้องสังเกตและสัมผัสมันโดยเฉพาะว่าผมใช้ทักษะผ่อนลดความแข็งแกร่งของคุณลงไปยังไง ถ้าผ่อนแรงลดลงไปได้ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน”

“ได้” อิงอิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว ตั้งท่าเตรียมพร้อม

ทนายอันยืนเอามือไพล่หลังด้วยมาดของปรมาจารย์

“ข้าลุยละนะ”

“มาเลย ใส่สุดแรงเกิดของคุณเลย ปล่อยหมัดชกมา”

“จัดไป!”

ม่านแสงสีดำอำพันไหลเวียนในห้วงลึกแววตาของอิงอิง ตามด้วยผมเผ้าของเธอเริ่มสยาย ผมดำขลับสลวยสวยงามแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวพลัน พลังปราณพิฆาตอันยิ่งใหญ่หลั่งไหลออกมา

“เอ่อ…” มุมปากของทนายอันกระตุกอย่างไม่รู้ตัว แต่นี่มันยังไม่จบ อิงอิงเงยหน้าขึ้น เผยอริมฝีปากแดง เมื่อก้มหน้าลงอีกครั้ง เขี้ยวสองซี่ก็เผยออกมา สีดำอำพันในดวงตาถูกแทนที่ด้วยสีแดงก่ำ! ออร่าพลังกำลังพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น! หนังตาของทนายอันเริ่มกระตุกยิกๆ ใจสั่นระรัว ผีดิบสาวตัวนี้ก้าวข้ามไปอีกขั้นแล้วหรือเนี่ย

“ข้ามาแล้ว!” หมัดซ้ายของอิงอิงกระแทกเข้ามา!

ทนายอันยื่นมือข้างหนึ่งออกไปก่อน จากนั้นยื่นมืออีกข้างตามออกไปอย่างเงียบๆ มือทั้งสองข้างเริ่มยื้อกระชาก แต่ทันใดนั้นตรงกำปั้นซ้ายของอิงอิงดันมีลมปราณสีดำสายหนึ่งเริ่มไหลเวียนประสานเข้ากับความแข็งแกร่งเหลือร้าย!

“เวรเอ๊ย!” ปรมาจารย์ทนายอันผู้ยิ่งใหญ่รีบถอยกรูดทันที จากนั้นไม่สนกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้นตีลังกาตรงไปด้านข้างทันที

‘วืด!’

อิงอิงชกลม พลังกำปั้นระเบิดกลางอากาศ คล้ายกับคนหลายสิบคนถือแส้ฟาดฟันบนท้องฟ้าดังสนั่นจนผู้คนแสบแก้วหู ทนายอันหมอบลงกับพื้นและถอนหายใจเฮือกยาว โชคดีที่เขาตอบสนองรวดเร็ว ถ้าเมื่อกี้ยืนโง่ๆ รับหมัดอยู่ตรงนั้น เขาอาจจะระเบิดเป็นจุณไปแล้ว

“เจ้าหนีทำไมเล่า” อิงอิงพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

ทนายอันลุกขึ้นยืน ส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างขมขื่น

ให้ตายสิ นี่คือวิวัฒนาการของการหลับนอนกับเถ้าแก่เหรอเนี่ย เป็นความก้าวหน้าครั้งใหม่ชัดๆ เลย

ในเวลานี้เอง จู่ๆ ทนายอันก็รู้สึกเสียดายแทนผีดิบน้อยตัวนั้นอยู่บ้างทั้งๆ ที่นอนกับคนเหมือนกัน แต่อิงอิงกลับสามารถรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่เด็กชายคนนั้นกลับไม่ได้ผลอะไรเลย ครู่หนึ่ง ทนายอันรู้สึกผิดที่ทำให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ผิดหวัง ความรู้สึกนี้คล้ายกับดาราและพี่สาวในร้านทำผมริมถนน ทั้งๆ ที่ขายแรงงานและทุ่มเทเหมือนกันกลับได้รับผลลัพธ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

อันที่จริง สิ่งที่ทนายอันไม่รู้ก็คือ มีแผลเป็นที่หากไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็นอยู่บนฝ่ามือซ้ายของอิงอิง แม้แต่อิงอิงเองก็ลืมสิ่งนี้ไปเช่นกัน

“นี่ เอาอีกหน่อยสิ”

หญิงสาวตัวดำที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พลางปรับหน้าดินกล่าวด้วยความไม่พอใจ เดดพูลนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ เธอพลางจับพลั่วเล็กๆ พลิกหน้าดิน ช่วงนี้เดดพูลหมกมุ่นกับการทำสวน ชอบเสียจนไม่รู้จักเบื่อหน่าย

จากคำพูดของหญิงสาวตัวดำ ดินต้องได้รับการบำรุง หากคุณเคารพดินเท่าไร ดินก็จะให้ผลตอบแทนคุณเท่านั้น แน่นอนว่าการบำรุงในที่นี้ไม่ใช่การใส่ปุ๋ยหรือเก็บมูลสัตว์ก้อนใหญ่เบ้อเริ่ม ในเมื่อต้องการปลูกดอกพลับพลึงแดงก็จำเป็นต้องใช้พวกปราณพิฆาต ปราณปีศาจ และปราณภูตผีเพื่อกระตุ้นพลังงานในดินออกมา ด้วยเหตุนี้ถึงได้มีฉากทนายอันประมือกับอิงอิงก่อนหน้านี้

ถึงอย่างไรลมปราณที่รั่วไหลออกมาตอนที่ทั้งสองประมือกันล้วนถูกหญิงสาวตัวดำส่งต่อไปยังดินที่จัดเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว เพื่อให้ดินในที่นี้สามารถทำการดูดซับได้

นักพรตเฒ่าเองก็มาช่วยด้วย จับพลั่วนั่งยองๆ พลิกหน้าดินอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าอมทุกข์ ในช่วงแรกๆ ที่เขาออกไปร่อนเร่พเนจรก็เพราะทนแบกรับชีวิตลำบากทำไร่ทำนาในชนบทไม่ไหว ใครจะไปรู้ว่าหลังจากร่อนเร่มานานหลายปีแล้ว ท้ายที่สุดก็ยังต้องมาจัดการกับดินโคลนอยู่ดี

นักกวีวรรณกรรมเหล่านั้นมักจะชอบทอดถอนใจ ‘โอ้ กลิ่นหอมของไอดิน บ้านเกิดของฉัน!’

กลิ่นหอมบ้านป้าแกสิ!

“มาเลย เจ้าลิง” ทนายอันชี้เจ้าลิงน้อยที่จับพลั่วอยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน

“เจี๊ยกๆๆ!”

“แกมาสู้กับเธอหน่อย แปลงร่างสู้นะ ไม่เป็นไรหรอก แต่ระวังอย่าไปพังกำแพงก็พอ”

หญิงสาวตัวดำได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าหงึกหงัก เจ้าลิงน้อยไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังวางกระเป๋าของมันลงแล้วกระโดดโลดเต้นเข้ามา

ต่อไปจะเป็นการดวลระหว่างปีศาจวานรกับผีดิบสาวแล้ว ทุกคนต่างออมแรงไว้ เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันเท่านั้น ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และไม่มีใครขายหน้า แต่ภายใต้การแลกเปลี่ยน ปราณพิฆาตและปราณปีศาจคลุ้มคลั่งไปทั่วสารทิศในพื้นที่แห่งนี้จริงๆ หญิงสาวตัวดำฉีกยิ้มจนหุบปากไม่ได้ แค่รู้สึกว่าครั้งนี้ดินได้รับน้ำอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ด้านนอกตึกชั้นนี้ติดป้ายโฆษณาและวอลเปเปอร์โรงภาพยนตร์ 5D กำลังรอการเปิดตัว แน่นอนว่า ความจริงแล้วเป็นเพียงการปกปิดความวุ่นวายภายใน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดตัวกิจการ

หลังต่อสู้จบแล้ว อิงอิงและเจ้าลิงน้อยนั่งยองๆ อยู่ด้านข้างพลางมองคนอื่นๆ จัดแจงพื้นที่เพาะปลูกต่อ พวกเขาเหนื่อยเกินกว่าจะไปช่วยได้ ส่วนทนายอันก็ถูกจับมาร่วมทำงานด้วยในฐานะชายฉกรรจ์ แน่นอนว่าเขาก็ไม่มีท่าทีที่ไม่พอใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเต็มใจลำบากเสียด้วยซ้ำ ประชาชนถือว่าอาหารสำคัญเทียมฟ้า ถูกตีความแผ่หลาบนร่างกายเขาอย่างเต็มที่

จนกระทั่งตอนเที่ยง สวี่ชิงหล่างมาแล้ว มือซ้ายถือหม้อหุงข้าว มือขวาถือตะกร้าหนึ่งใบ โดยที่มีชามและตะเกียบอยู่ในนั้น

อาหารมื้อกลางวันคือบะหมี่อบแห้ง สวี่ชิงหล่างตั้งใจถ่อไปซื้อเส้นบะหมี่อบแห้งที่ทั้งหนาทั้งกว้างที่โรงงานเก่าแก่ บะหมี่เส้นหนาเตอะและกว้างชนิดนี้เป็นที่นิยมมากเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ว่าในทุกวันนี้กลับหาในซูเปอร์มาร์เก็ตได้ยากแล้ว ชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ตถูกเส้นบะหมี่อบแห้งชนิดเล็กบางยึดครองไปหมดแล้ว แต่พอได้ลิ้มรสก็มักจะสูญเสียรสชาติและความหอมในความทรงจำไป

เมื่อไม่มีฐานน้ำซุป ก็แค่ลวกบะหมี่ลงในซุปน้ำใส ใส่ผงชูรสและเกลือเล็กน้อย โรยหน้าด้วยต้นหอมก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่ยังมีชามใส่ ‘น้ำมัน’ ที่แข็งตัวเป็นสีขาววางอยู่ในตะกร้าของเหล่าสวี่ ซึ่งในภาษาท้องถิ่นของทงเฉิงเรียกว่า ‘จือโหยว’ ไม่มีบริการในร้านอาหาร ปัจจุบันหลายครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้านถึงจะตั้งใจทำสิ่งนี้

ตอนกินบะหมี่ให้จ้วงลงไปเต็มช้อน จะไม่เลี่ยนแต่กลับได้กลิ่นหอมแรง ทำให้อร่อยเต็มคำ

เมื่อทุกคนกินเสร็จแล้ว เหล่าสวี่ก็เก็บชามและตะเกียบแล้วกลับไปร้านหนังสือข้างๆ ทนายอันมองแผ่นหลังที่ลับออกไปของเขาแล้วครุ่นคิด รู้สึกแค่ว่าตั้งแต่เหล่าสวี่ผนึกลมปราณส่วนหนึ่งของเทพแห่งท้องทะเลไว้ในร่างของเขาในคืนนั้น ราวกับผืนนาแห้งได้รับการรดน้ำในที่สุด ด้านการทำอาหารก็ตั้งอกตั้งใจละเมียดละไมมากกว่าแต่ก่อน โดยรวมแล้วช่วงระยะนี้ทำเอาทนายอันกินอย่างเอร็ดอร่อยไปด้วย

“วันนี้พรวนดินไปพอสมควรแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันดี ฉันจะแก้ฮวงจุ้ย ปรับความแข็งแรงเสียหน่อย รอจนถึงวันมะรืนก็สามารถหว่านปลูกได้แล้ว อีกครึ่งเดือนก็จะงอก แล้วอีกครึ่งเดือนก็ออกดอก อีกครึ่งเดือนถัดไปก็เก็บเกี่ยวได้เลย ถ้ามีแค่พวกคุณไม่กี่คน บวกกับยมทูตข้างนอกอีกสองสามคนละก็ พอมันโตเต็มที่แล้วก็สามารถเอาให้พวกคุณกินได้นานกว่าสามเดือน แถมยังเป็นประเภทที่สามารถกินได้อย่างไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่างหาก”

“ได้ๆ พวกเราจะประหยัดน้ำดอกพลับพลึงแดงก่อนหน้านี้ที่เหลือ เดือนกว่าก็ยังไหวแหละนะ” ทนายอันถูมือเข้าด้วยกัน และดูตั้งตารอคอยเอามากๆ

หลังจากโตเต็มที่รอบแรก แล้วรอจนโตเต็มที่รอบสอง ก็จะสามารถส่งคนไปสานสัมพันธ์ได้ เรื่องพวกนี้เถ้าแก่คร้านจะสนใจด้วยซ้ำ แต่เขาจำเป็นต้องทำ เลือกคนที่ไว้ใจได้สักหน่อย เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ปูทางให้เถ้าแก่ต่อยอดหลังจากเป็นผู้จับกุมต่อไปได้

ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทนายอันล้วงมือถือออกมาชำเลืองดูแจ้งเตือนสายเรียกเข้า กระแอมทีหนึ่งพลางรับสาย “ฮัลโหล เถ้าแก่เหรอ มีอะไรครับ”

“อันปู้ฉี่!”

“เอ่อ…” ทนายอันชะงักไปครู่หนึ่ง ในน้ำเสียงของโจวเจ๋อมีความโกรธเคืองอย่างรุนแรงปนอยู่ แม้แต่พวกอิงอิง หญิงสาวตัวดำ และนักพรตเฒ่าที่อยู่รอบๆ ยังสังเกตเห็นความผิดปกติ อย่างไรเสียการที่เถ้าแก่พูดด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธแบบนี้เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยาก จงรู้ไว้ว่าในเวลาปกติโดยทั่วไปโจวเจ๋อมีนิสัยไม่กระโตกกระตาก

“มีอะไรเหรอครับ เถ้าแก่”

“คุณนี่ สมองกลับไปแล้วสินะ!”

“เอ่อ เถ้าแก่ ใจร่มๆ ใจเย็นๆ ก่อนนะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ มีคนขัดขาคุณระหว่างขั้นตอนสมัครเข้าเรียนเหรอ เป็นไปไม่ได้ ผมกล่าวทักทายสวัสดีไปแล้ว รองผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งนั้นไปหาชู้จนถูกอดีตภรรยาถ่ายรูปไปฟ้องหย่าก่อนหน้านี้ ผมก็เป็นคนช่วยเขาสู้คดี ผมทั้งช่วยเขาโอนย้ายและซักฟอกทรัพย์สินของเขาไปแล้วหนหนึ่ง เขาติดหนี้บุญคุณผมก้อนใหญ่ ชื่อเสียงหรือแม้กระทั่งทรัพย์สินของเขาแทบพังทลายและเกือบจะถูกแบ่งเอาไปแล้ว”

“ผมเห็นชื่อที่ใช้ลงทะเบียนชั้นเรียนของเขาแล้ว”

“อ๋อ แล้วไงต่อ”

“ชื่อนะสิ!”

“ชื่อเหรอ ชื่อไง ก็ต้องใช้แซ่โจวของคุณอยู่แล้ว ผมก็อยากจะให้เขาใช้แซ่ ‘อัน’ ของผมอยู่หรอก ไม่ใช่ว่าผมไม่ยอมสักหน่อย”

“โอเค แซ่โจวก็แซ่โจว อันนี้ไม่พูดถึง แต่ผมอยากจะถามหน่อยสมองคุณกลวงหรือไง ทำไมถึงตั้งชื่อว่า ‘โจวรุ่นฟา’ (โจวเหวินฟะ)[1] กันเล่า”

………………………………………………….

[1] โจวเหวินฟะ เป็นนักแสดงบู๊ แอ็กชั่นชาวฮ่องกงชื่อดัง

*******************

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน