ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 533 แขกในฝันที่ไม่รู้จัก

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 533 แขกในฝันที่ไม่รู้จัก

บนโต๊ะเล็กๆ ในห้องส่วนตัว ผีหัวขาดครึ่งหนึ่งกำลังดื่มเหล้ากินข้าวอยู่ โจวเจ๋อนั่งขนาบซ้าย ทนายอันนั่งขนาบขวา คนอื่นๆ ในร้านหนังสือก็เข้ามารวมตัวกันในห้องส่วนตัวด้วย แม้กระทั่งเจ้าลิงยังเข้ามาดูความแปลกนี้

ใบหน้าหายไปครึ่งหนึ่ง แต่อะไรควรกินก็กิน อะไรควรดื่มก็ดื่ม ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย

“เหล่าอัน”

“หือ เถ้าแก่”

“คุณว่า ผมส่งหมอนี่ลงนรก จะนับแต้มผลงานเต็มๆ หรือว่าครึ่งหนึ่งกันแน่นะ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทางนู้นอาจจะส่งของคืนก็ได้ บอกว่าของมีข้อบกพร่องไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน”

“ยมโลกขี้เกียจกันมากไม่ใช่หรือไง”

“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตนน่ะ พวกเขาไม่เกียจคร้านหรอก”

“ขนาดนั้นเชียว”

‘วิญญาณสภาพอนาถ’ ตัวจริงกินดีดื่มดี สงบเสงี่ยมเจียมตัวมาก แถมยังหยิบเงินกระดาษมาวางกองไว้บนโต๊ะให้ก่อนอีกต่างหาก รู้ว่าอะไรควรไม่ควรและเข้าใจไปเสียหมด เถ้าแก่โจวรู้สึกว่าถ้าผีที่เขาพบเจอในอนาคตเป็นเหมือนผีตรงหน้านี้คงจะดีไม่น้อย เดินทางตามกฎตามระเบียบ แสดงความกตัญญูกตเวที เวียนว่ายตายเกิด หมุนเวียนเป็นวัฏจักร คุณดีมาผมก็ดีตอบ

“เดินทางได้หรือยังครับ” วิญญาณสภาพอนาถถามขึ้น

“อย่าเพิ่งรีบ ขอถามอะไรคุณสักหน่อย” ทนายอันเคาะโต๊ะพลางเอ่ย “ทำไมคุณถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้”

“ผะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“งั้นคุณเป็นอะไรตาย”

“ไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนลูกค้า ดื่มมากไปจนตายน่ะสิ”

“แอลกอฮอล์เป็นพิษเหรอ” โจวเจ๋อถาม

“ผมก็ไม่แน่ใจ น่าจะใช่ละมั้ง ยังไงก็ตามคือดื่มมากไป ตื่นมาก็เป็นอย่างนี้แล้ว”

“งั้นก่อนตายคุณไปที่ไหนมาบ้าง รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่สบายหรือเปล่า” โจวเจ๋อจี้ถาม

“สถานที่ที่เคยไปมีเยอะมากเลย ดื่มเหล้า กินข้าว ร้องเพลง เปลี่ยนสถานที่ทุกวัน”

โจวเจ๋อจนปัญญา ดูเหมือนว่าจะถามอะไรไม่ได้เลยจริงๆ แถมไม่รู้ว่าทำไมแก่นวิญญาณของหมอนี่ถูกตัดไปแล้วถึงไม่คลุ้มคลั่ง

“เหล่าจาง จดชื่อของเขาไว้หน่อย รวมเข้ากับข้อมูลผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าทั้งสามรายก่อนหน้านี้ด้วย คุณตรวจสอบดูหน่อยว่าพวกเขามีบันทึกใช้จ่ายอะไรในช่วงนี้บ้าง ดูซิว่าจะมีอะไรเหมือนกันหรือเปล่า”

“ครับ เถ้าแก่”

หลังจากเหล่าจางถามชื่อและที่อยู่ของวิญญาณสภาพอนาถตนนี้แล้ว โจวเจ๋อก็เปิดประตูนรกและส่งหมอนี่เข้าไปในนรกทันที จากนั้นรีบหยิบสมุดยมทูตออกมา แต้มผลงานไม่เพิ่มขึ้นบนนี้แม้แต่นิดเดียว!

ปัญหาค่อนข้างรุนแรงทีเดียว นี่ถือว่าเป็นเพลงคั่นเวลาในค่ำคืนนี้ แต่หลังจากจบเพลงคั่นเวลานี้แล้ว อารมณ์ของเถ้าแก่โจวค่อนข้างหดหู่เล็กน้อยจริงๆ

คราวก่อนที่เกิดสถานการณ์แบบนี้เป็นเพราะตอนนั้นหญิงสาวตัวดำเปิดไร่สวนในเขตแดนทงเฉิง ทำให้ร้านหนังสือแทบไม่ค่อยมีงานมาเยือนถึงที่อยู่นานสองนาน

อันที่จริงสำหรับโจวเจ๋อแล้ว สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องและไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องใดๆ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกิจการของตัวเองนั้นกลับตาลปัตร ใครแตะต้องมันก็จะตามไปเอาความกับคนนั้น!

ทนายอันหอบโคตรแก้วกาแฟของเขามานั่งตรงข้ามโจวเจ๋อ ยิ้มขำและเอ่ยว่า “เรื่องนี้ ดูเหมือนว่าเราต้องใช้เวลาในการหาต้นสายปลายเหตุ ไม่งั้นหมอนั่นก็จะตัดวันนี้ทีพรุ่งนี้ที อารมณ์ดีหน่อยก็ตัด อารมณ์เสียก็ตัด ถึงยังไงทางนรกก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ผีมีเยอะ แค่ผีไม่กี่ตัวนี้ไม่เป็นไรหรอก แต่ชีวิตของเราจะอยู่ไม่สงบสุข”

“รอผลการสืบสวนของเหล่าจางดีกว่า” โจวเจ๋อพูดและมองไปทางทนายอัน “จำได้ว่าคุณเคยบอกผมว่า คุณสามารถช่วยผมหาคะแนนที่เหลือมาเติมให้เต็มได้ในคราวเดียว ทำไมถึงไม่มีการเคลื่อนไหวเลยล่ะ” เถ้าแก่โจวอยู่ห่างจากตำแหน่งผู้จับกุม จริงๆ แล้วก็แค่เอื้อมมือเท่านั้น แต่ถ้าหากยังนั่งรอปลากินเบ็ดอยู่ที่นี่ทุกวัน อย่างนั้นก็อาจใช้เวลานาน

“มันไม่ยากจริงๆ แค่หาสถานที่ที่ผีดุมาสักที่หรือสถานที่ที่ผีมารวมตัวกัน” ขณะที่พูด ทนายอันก็ชี้ไปทางเด็กชายที่กำลังนั่งเขียนการบ้านอยู่ตรงนั้น “เหมือนอุโมงค์นั่นของเขาคราวที่แล้วไง เราออกปฏิบัติการใหญ่สักครั้งก็สำเร็จแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รีบร้อน ผมมีเอี่ยวกับเบื้องล่าง…” เมื่อพูดถึงความเกี่ยวข้องกับเบื้องล่างแล้ว ทนายอันกับโจวเจ๋อก็ยิ้มพร้อมกัน

เมื่อคนธรรมดาทั่วไปทำตัวอวดเก่งวางโตล้วนบอกว่าเกี่ยวข้องกับเบื้องบน แต่กับพวกเขาในที่นี้มันกลับตรงกันข้าม

“ผมมีเอี่ยวกับเบื้องล่าง อีกสักระยะหนึ่งอาจจะมีผู้พิพากษาจากนรกเรียกรวมยมทูตยอดเยี่ยมในโลกมนุษย์จำนวนหนึ่งมาอบรมหรือไม่ก็ฝึกทดสอบละมั้ง ห้ามพลาดโอกาสนี้ล่ะ”

“ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง”

“อันที่จริง ต่อให้ไม่ได้รับประโยชน์อะไร แต่ถ้าหากเรียนรู้ได้มากก็จะเปิดโลกทัศน์มากขึ้น นับว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวแล้ว และผมเชื่อมั่นในตัวเถ้าแก่ว่าจะต้องได้อะไรมาสมราคาค่างวดแน่นอน ลองคิดดูว่าการฝึกอบรมที่ผู้พิพากษาจัด จะให้ทุกคนกลับมามือเปล่าได้ยังไง”

“ที่นรกเหรอ”

“น่าจะใช่มั้ง”

“จะต้องลงนรกด้วยเหรอเนี่ย”

“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย ไม่เป็นไรน่า”

“จุดประสงค์การทรมานนี้ของเขาคืออะไร”

“โอ๊ะ ตอนตึกจะถล่มก็มักมีคนทนไม่ไหวจนออกมาทำอะไรสักอย่าง อย่างเช่น ลองดูว่าสามารถใช้แรงคนนำตึกกลับมาตั้งได้หรือเปล่า”

“คุณไม่คิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จเป็นไปด้วยดีเหรอ”

“เพราะเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ ก็ต้องใช้บุญคุณและสายสัมพันธ์ไปซื้อมาน่ะ ผมช่วยเถ้าแก่ติดต่อเรียบร้อยแล้ว”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” รากมันเน่าเสียแล้วนี่นา แม้ว่าอยากจะจัดการอบรมขึ้นมาทำเรื่องคล้ายๆ กับโรงเรียนนายร้อยหวงผู่ แต่ดูจากคนที่เลือกเข้าไปแล้ว ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายที่ส่งมาจากค่ายแดนต่างๆ ทั้งนั้น ใช่เล่นๆ กันที่ไหน

“แต่คนที่มีความฝันมักจะควรค่าแก่การเคารพของเรา ท่านผู้นี้น่ะ ตอนที่ผมเป็นผู้ตรวจสอบก็เคารพนับถือเขามาก” ทนายอันพูดเสริม

โจวเจ๋อพยักหน้า “ดังนั้น เพื่อสามารถเข้าร่วมการอบรมในครั้งนั้น ผมก็เลยยังไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมได้ชั่วคราวสินะ ”

“อืม แต่เรื่องในตอนนี้ก็ยังต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นผมก็วางใจไม่ลง” ทนายอันหายใจเข้าลึก แล้วดื่มกาแฟไปอีกหลายอึกใหญ่ด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “อันที่จริง ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากการอบรมฝึกฝนของเถ้าแก่จบลง เราก็รีบผลักดันให้คุณเป็นผู้จับกุมทันที และให้ยมทูตทั้งห้าติดต่อกับคุณอย่างเป็นทางการด้วย ก็ถือว่าเราเปิดจวนเล็กๆ ทำการเองไปเลย หลังจากนี้ ทุกคนก็พุ่งขึ้นไปพร้อมๆ กัน ก่อนพายุฝนจะกระหน่ำลงมา ปล่อยให้เถ้าแก่เป็นผู้ตรวจสอบ แล้วค่อยให้พวกเขาสองสามคนขึ้นเป็นผู้จับกุม”

“ที่คุณต้องการมีแค่นี้เองเหรอ” โจวเจ๋อถามด้วยสายตาล้ำลึก

“ข้าวน่ะ ต้องกินทีละคำ แก้แค้น ก็ต้องชำระทีละนิดทีละหน่อย การเสแสร้ง ก็ต้องหลอกลวงทีละครั้งทีละหน ผมไม่รีบ ผมรอได้” ทนายอันบิดขี้เกียจและหันข้างไปมองทุกคนในร้านหนังสือ ค่อนข้างมีความคาดหวังและพึงพอใจว่านาที่เขาปลูกไว้จะมีพืชผลอุดมสมบูรณ์ในไม่ช้า

แม้ว่าจะเป็นกองทหารสุนัขรับใช้ก็ตาม เขาก็เต็มใจยินดีเช่นกัน

“อ้อ จริงสิ เรื่องอบรมนี่ ผู้พิพากษาผู้นั้นจะคัดเลือกบางคนด้วยตัวเอง ประกอบกับช่วงนี้เรามีชื่อเสียงเลื่องลือ เถ้าแก่คุณอาจจะถูกเลือกเลยทันที โควตาที่ผมหามาอาจจะว่าง ถึงตอนนั้นเถ้าแก่สามารถเลือกพาลูกน้องในร้านหนังสือไปด้วยได้คนหนึ่ง”

“พาสาวน้อยโลลิไปเหรอ”

หากมีผลประโยชน์แล้วตัวเองไม่ได้ใช้ก็สามารถยกให้ลูกน้อง โดยทั่วไปผู้นำมักจะเลือกคนที่สนิทกับเขา ถัดไปก็คือสนิทและมีความสามารถด้วย

“ไม่ พาเหล่าจางไปสิ” ทนายอันเอ่ยพูด

“เหล่าจางเหรอ” โจวเจ๋อประหลาดใจเล็กน้อย ตามเหตุผลแล้วทนายอันดูถูกดูแคลนเหล่าจางมาโดยตลอด มักจะรู้สึกว่าการลงทุนครั้งนี้ขาดทุน

“เถ้าแก่คุณอาศัยความสามารถแท้จริงของตัวเองเพื่อให้ได้ตำแหน่งมา แต่สำหรับเหล่าจางแล้ว มีแนวโน้มว่าเขามีอารมณ์และนิสัยที่เข้ากันได้กับผู้พิพากษาคนนั้น” ทนายอันกอดอกแล้วพูดต่อ “เถ้าแก่คุณสามารถรับประกันผลลัพธ์ต่ำสุดที่ร้านหนังสือของเราจะได้รับจากการอบรมฝึกฝนครั้งนี้ แต่เหล่าจางสามารถไปเสี่ยงโชคครั้งใหญ่ได้ เขาไม่จำเป็นต้องรู้อะไรเลย แสดงออกตามเนื้อแท้ก็พอ อย่างไรก็ตาม คนที่เต็มใจลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างซึ่งเป็นการสวนกระแสในช่วงนี้ ต้องดูโง่และอ่อนต่อโลกไม่มากก็น้อย นี่เหมือนนิสัยของเหล่าจางมาก”

โจวเจ๋อเงียบไป นับว่าเห็นด้วย ทนายอันเหมาะกับการวางแผนชั่วลับหลังเหล่านี้ยิ่งกว่าเขาเสียอีก

ไม่แปลกใจเลยที่ในความเป็นจริงหลายๆ คนที่ถูกปลดจากตำแหน่งเพราะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยินดีให้พวกเขาไปทำงาน เพราะคนประเภทนี้มองเห็นรายละเอียดของความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อนในเครือข่ายอย่างทะลุปรุโปร่ง และสามารถเปิดกว้างกับกฎเกณฑ์ของเกมในวงการได้มากกว่า

“ได้ยินคุณพูดถึงขนาดนี้ ผมชักอยากจะเห็นผู้พิพากษาคนนั้นแล้วสิ”

“เหอะๆ ใช่ไหมล่ะ เรื่องปกติมาก คนเรามักจะชื่นชอบฮีโร และนับถือฮีโรเสมอ เพราะฮีโรสามารถทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าทำ แต่นอกจากเด็กน้อยแล้ว ผู้ใหญ่น้อยคนนักที่อยากจะเรียกตัวเองว่าฮีโร เพราะการเป็นฮีโรคือการเสียสละ เพียงแต่น่าเสียดาย เขาไม่อาจกลายเป็นจางจวีเจิ้ง[1]ของยมโลก อีกทั้งต่อให้เป็นจางจวีเจิ้ง ก็แค่ยืดอายุราชวงศ์ต้าหมิงออกไปอีกไม่กี่ทศวรรษเท่านั้นเอง”

ทนายอันทอดถอนใจเล็กน้อย เขาในตอนแรกจริงๆ แล้วก็นับว่าเป็นผู้ตรวจสอบที่มีความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบเช่นกัน ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนั้น จนในตอนท้ายถูกยึดและลดระดับฐานะเดิมมาจนถึงขั้นนี้

“มองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้ว” โจวเจ๋อพูด

“มองโลกในแง่ร้ายอะไรเล่า ขอพูดอะไรสักประโยคแล้วกัน พี่ชายในปีนั้นเลือดร้อนมากนะขอบอก วะฮ่าฮ่าๆ” ทนายอันหัวเราะร่วนพลางหยิบกาแฟสำเร็จรูปหมดอายุมาดื่มสองสามอึก

กาแฟไหลลงคอแทนเหล้า!

“ผมไปอาบน้ำก่อน คุณก็พักผ่อนไวๆ ล่ะ” โจวเจ๋อลุกขึ้นยืน

“ผมรอให้เด็กน้อยทำการบ้านเสร็จก่อนแล้วค่อยพักผ่อน ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ครูในโรงเรียนแตกต่างจากยุคของเราในตอนนั้นจริงๆ ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบตรวจทานและแก้ไขการบ้าน”

โจวเจ๋อไปอาบน้ำแล้ว ทนายอันก็นั่งดื่มกาแฟอยู่บนโซฟาต่อ

ที่จริง มีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกโจวเจ๋อ บางทีอาจเป็นเพราะสองสามวันมานี้นอนหลับสนิทดีมาก เขาดันฝันเสียได้ ในความฝัน เขามีพัดขนและหมวกขงเบ้งกลับไปยังนรกอย่างสง่างามท่ามกลางทุกคนที่อยู่รายล้อม บรรดาเพื่อนร่วมงานที่สร้างปัญหาให้ในอดีตต่างก็คุกเข่าใต้เท้าของเขาแถมเลียรองเท้าของเขาอีกด้วย

เขาเจอวานรย้ายภูเขา ทั้งยังเห็นศาลาว่าการของไท่ซานฝู่จวินที่ถูกปรับปรุงใหม่ จากนั้นคนที่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่กลับไม่ใช่โจวเจ๋อ

พอคิดมาถึงตรงนี้ ทนายอันก็เรอดังเอิ๊ก หันข้างไปมองนักพรตเฒ่าที่กำลังนั่งตัดเล็บให้เจ้าลิงอยู่ตรงเคาน์เตอร์

เหอะๆ…

………………………………………………………..

[1] จางจวีเจิ้ง เป็นมหาอำมาตย์ แห่งราชวงศ์หมิงของประเทศจีน

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท