ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 544 หยาบคาย

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 544 หยาบคาย

“คุณพ่อคะ วันนี้คุณแม่ต้มซุปเนื้ออีกแล้วเหรอคะ” สาวน้อยโลลิถามพลางเบ้ปาก

แม่ของเธอดีทุกอย่าง แต่ความเคยชินที่ต้องปรุงซุปเนื้อทุกมื้ออาหารนั้นทำให้เธอไม่ชินเอาเสียเลย เด็กสมัยนี้ต่างจากเด็กสมัยก่อน เด็กสมัยก่อนแค่ได้กินเนื้อสักมื้อก็ดีอกดีใจมากทีเดียว แต่ปัจจุบันนี้ความเป็นอยู่ของเด็กดีขึ้นแล้ว กลับกันจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องเหล่านี้เท่าไรนัก

“ไม่ชอบดื่มละก็ จิบพอเป็นพิธีสักหน่อย ถึงยังไงแม่ของลูกยังทำกับข้าวอย่างอื่นด้วย ลูกกินกับข้าวอย่างอื่นได้” หวังเคอพูดพร้อมกับลูบหัวลูกสาวของตัวเอง

ซุปเนื้อน่ะ เขาชอบดื่มมันมาก ขอแค่ภรรยาของเขาทำ เขาจะต้องดื่มมันแน่นอน บางครั้งเขาก็จะช่วยทำพร้อมภรรยา หรือไปซื้อเนื้อซื้อกระดูกหมูกลับมาแทนภรรยา

แต่สิ่งที่จดจำได้ไม่ลืมที่สุด ก็ยังคงเป็นการกินแกลบอยู่ดี

เขาในตอนแรกยากจนข้นแค้น เช่าอาศัยอยู่ในห้องพักรูหนูแคบๆ ส่วนเธอมาจากครอบครัวฐานะใช้ได้ แต่กลับติดสอยห้อยตามเขาไปด้วยความเต็มใจ เพราะรู้ว่าเขาชอบกินเนื้อ ทุกวันก็จะซื้อเนื้อให้เขากิน ตอนนั้นสภาพความเป็นอยู่ไม่ดีนัก เธอก็รู้อีกว่าเขาชอบรักษาหน้าตา ดังนั้นที่แอบขโมยเงินจากแม่ของเธอมาเลี้ยงชีพให้เขาก็ไม่บอกเขาด้วยซ้ำ

จะบอกว่าเป็นการใช้หนี้ก็หยาบคายเกินไป หนี้น้ำใจเยอะเกินไป แถมยังติดค้างมากเกินไป มากเสียจนทำได้เพียงใช้ชีวิตที่เหลือร่วมทางไปด้วยกันอย่างดีเท่านั้น

โชคดีที่หลังจากพาเธอออกไปทำกายภาพบำบัดที่เชิงเขาหลางซานเมื่อไม่นานมานี้ อาการของภรรยาดีขึ้นมาก บางครั้งในตอนกลางคืน หวังเคอยังสะลืมสะลือมองเห็นสุนัขจิ้งจอกขาวเฝ้ามองมาจากขอบหน้าต่างอีกต่างหาก แต่ทุกครั้งที่เขากะพริบตาอีกครั้งมันก็จะหายไป

เขาก็ไม่ได้ตามหาความจริงหรือให้ความสำคัญกับมันเช่นกัน

ทั้งสองเคยนั่งใต้แสงจันทร์ พูดคุยเรื่องในอดีต กระทั่งรวมไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นที่ไปซื้อเนื้อกลับมาแล้วดันไปเจอกับอันธพาลในท้องถิ่น ภรรยาร้องไห้ ตาของเขาก็แดงรื้น โรคทางใจก็ต้องรักษาด้วยหมอยาใจ เมื่อสามารถเผชิญหน้าอย่างใจเย็น ปัญหาก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

หวังเคอในฐานะที่เป็นจิตแพทย์ย่อมรู้เป็นธรรมดาว่า ปัญหาด้านจิตใจของภรรยาเขากำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมาก เขามีความสุขและพอใจกับเรื่องนี้มาก

เมื่อหยิบคีย์การ์ดเปิดประตูบ้านและเดินเข้าไป ในครัวมีกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์โชยออกมา สาวน้อยโลลิยักไหล่อย่างจนใจเล็กน้อยพร้อมกับนั่งบนโซฟา เปิดทีวี รอกินข้าวอย่างไม่สนใจใคร

ส่วนหวังเคอก็เข้าไปในห้องครัวก่อน ภรรยากำลังทำอาหาร เขาก็อยู่เป็นเพื่อนด้วย หลังจากนั้นไม่นาน ภรรยาก็ดันเขาออกมา ซึ่งหมายความว่าเธอสามารถทำคนเดียวได้ ให้เขาไปจัดการทำเรื่องของตัวเองเสีย

หวังเคอทำได้เพียงเดินออกมาและเข้าห้องหนังสือของตัวเองไป เปิดพลิกดูแฟ้มรายงานผู้ป่วยและเอกสารความร่วมมือบางอย่างในมือ สำหรับผู้ชายที่มีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงานและมีความสามารถแล้ว ได้พบเจอผู้หญิงที่สามารถดูแลครอบครัวและชีวิตของคุณให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้ ถือเป็นความโชคดีของเขา แน่ละว่าผู้หญิงแบบนี้หลายคนจะโชคร้ายได้เจอกับผู้ชายที่เอาแต่กินกับนอนไปวันๆ

“ลูกทำการบ้านเสร็จหรือยัง”

หวังเคอได้ยินเสียงคุยกันในห้องนั่งเล่น เสียงของภรรยาดูเหมือนจะแหลมนิดหน่อย นี่มันทำให้หวังเคอรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ปกติแล้วภรรยาของเขาจะไม่ค่อยพูดเสียงดัง โดยเฉพาะกับลูกสาวของตัวเอง แม้แต่เมื่อก่อนตอนที่ภรรยาป่วยหนักร้ายแรงสุดๆ เมื่อเผชิญหน้ากับลูกสาวก็มักจะพูดจานุ่มนวลและอ่อนโยน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ภรรยาฟื้นตัวเกือบจะเป็นปกติแล้วด้วยซ้ำ

หลังจากผลักประตูห้องหนังสือแล้วเดินออกมา หวังเคอก็เห็นสาวน้อยโลลินั่งร้องไห้อยู่บนโซฟา การ์ตูนยังเล่นอยู่ในทีวี ภรรยาสวมผ้ากันเปื้อนยืนดุสาวน้อยโลลิอยู่ข้างโซฟา เรียกได้ว่าตำหนิอย่างรุนแรง

จริงๆ แล้ว เมื่อแม่ลูกทะเลาะกัน สถานการณ์ของผู้ชายคนหนึ่งก็น่าอึดอัดไม่น้อยไปกว่าตอนที่แม่ผัวกับลูกสะใภ้ทะเลาะกัน คนหนึ่งเป็นภรรยาในชาตินี้ของคุณ อีกคนก็คนรักในชาติที่แล้วของคุณ คุณควรจะเลือกเข้าข้างใครมากกว่ากัน

หวังเคอเดินเข้าไปปิดทีวี แล้วนั่งยองๆ ลงมา ลูบหัวลูกสาวพลางเอ่ยว่า “เด็กดี เชื่อฟังที่แม่พูดนะ กินข้าวเสร็จแล้วเราไปทำการบ้านกันดีไหม” เขาขยิบตาให้ลูกสาวทันที ซึ่งหมายความว่าอย่าทำให้แม่โมโหเลย พรุ่งนี้พ่อค่อยพาลูกออกไปเที่ยวเล่น

“ค่ะ” หวังหรุ่ยยังเป็นเด็กที่รู้ความมาก

ได้เวลากินข้าวแล้ว แทนที่จะกินข้าวบนโต๊ะอาหารแต่กลับกินข้าวบนโต๊ะรับแขกแทน ปัจจุบันหลายครอบครัวล้วนกินข้าวด้วยวิธีแบบนี้ทั้งนั้น หันหน้าไปทางทีวี มีกับข้าวสองสามอย่างอยู่บนโต๊ะแล้วก็พากันกินข้าว

ฝีมือทำอาหารของภรรยานั้นใช้ได้เลย ถ้าหากไม่คำนึงถึงเรื่องกินจนเบื่อแล้วละก็ สิ่งที่ภรรยาทำได้ดีที่สุด จริงๆ แล้วก็ยังเป็นอาหารจานเนื้ออยู่ดี

สามคนทั้งครอบครัวนั่งกินข้าวอย่างมีความสุข

หวังเคอพบว่าภรรยาเหม่อลอยเล็กน้อย เธอถือตะเกียบ แต่ดูเหมือนว่าเอาแต่กินข้าวจนลืมกินกับข้าว หวังเคอคีบกับข้าวใส่ชามภรรยา ภรรยาตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่ง มองหวังเคอและไม่พูดอะไร

‘หรือว่าจะมีมีอะไรผิดพลาดอีกครั้ง อาการป่วยกำเริบงั้นเหรอ’ หวังเคอคิดอยู่ในใจ ‘อีกเดี๋ยวตรวจให้ภรรยาสักหน่อยดีไหม’

เมื่อใกล้จะกินเสร็จแล้ว หวังเคอก็ช่วยเก็บชามและตะเกียบ ตอนที่เขาเข้าใกล้ภรรยา จู่ๆ ภรรยาก็ถอยหลังหนึ่งก้าว

“เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหนเหรอ”

“ฉะ…ฉันไม่เป็นไรค่ะ” สายตาของภรรยาไหววูบเล็กน้อย

หวังเคอพยักหน้า “งั้นก็พักผ่อนไวๆ หน่อยนะ”

“หวังหรุ่ย ลูกทำการบ้านเสร็จหรือยัง!” จู่ๆ ภรรยาก็มองสาวน้อยโลลิ

สาวน้อยโลลิลุกขึ้นอย่างเชื่อฟัง และขึ้นไปทำการบ้านชั้นบน

“คุณวางลงเถอะ ฉันจะเก็บเอง” ภรรยาตะโกนใส่หวังเคอ

หวังเคอขมวดคิ้ว มองภรรยาของเขาด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร วางชามและตะเกียบในมือลง แล้วเดินไปห้องหนังสือของตัวเอง

ในห้องนั่งเล่น ภรรยากำลังเก็บกวาดเพียงลำพัง

หลังจากเขารินชาให้ตัวเอง หวังเคอก็นั่งลงและเอื้อมมือไปนวดหว่างคิ้วของตัวเอง เขาหวังว่าตัวเองจะคิดมากไป อาการของภรรยาไม่น่าจะกำเริบได้เร็วขนาดนี้ถึงจะถูก หรือว่าวันนี้ภรรยาแค่อารมณ์ไม่ดี หรือไม่ก็เป็นประจำเดือน หรือว่าเป็นเพราะวัยหมดประจำเดือนกันนะ

หวังเคอคิดไปเรื่อยๆ ก็หัวเราะขึ้นมา เปิดแฟ้มรายงานผู้ป่วยด้านหน้าพร้อมกับศึกษามันอย่างละเอียด ช่วงก่อนหน้านี้เขาผลักภาระงานส่วนใหญ่ทิ้งไปเพื่ออยู่เป็นเพื่อนภรรยา ตอนนี้ทุกอย่างฟื้นตัวขึ้นแล้วจึงหยิบงานบางส่วนมาทำ แต่ทว่าหลังจากวางมันลงไประยะหนึ่งพอหยิบกลับมาทำอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถกลับไปเร่งรีบเหมือนที่เคยแข่งกับเวลาได้อีกแล้ว เพราะว่าสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของการใช้ชีวิต จึงเริ่มสนุกกับมันโดยไม่รู้ตัว

มีภรรยาและลูกสาวอยู่ข้างกาย มีครอบครัว ทำไมถึงเอาแต่กระตุ้นให้ตัวเองกลายเป็นลูกข่างที่หมุนไม่หยุดตลอดเวลากันนะ

ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจความ ‘เหลวแหลก’ ของหมอนั่นที่โตมาด้วยกันกับเขาบ้างแล้ว ชาติก่อนหมอนั่นก็น่าจะใช้ชีวิตเหมือนเขาเมื่อก่อนสินะ ใช้ชีวิตเร็วเกินไปจนมองข้ามทิวทัศน์มากเกินไป ถึงอย่างไรมนุษย์ก็ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะสามารถทำสิ่งเดียวได้โดยไม่เหนื่อยล้า

หวังเคอยกถ้วยชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง และหยิบปากกาเริ่มร่างรูปภาพบนแฟ้มรายงานผู้ป่วย

การบำบัดทางจิตในจีน จริงๆ แล้วยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ ด้านหนึ่งเป็นเพราะคนจีนปฏิเสธการพบจิตแพทย์โดยสัญชาตญาณ มักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าสิ่งนี้จะทำให้ตัวเองถูกคิดว่าป่วยทางจิต ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเพราะการสร้างทีมจิตแพทย์ในจีนยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก การบำบัดทางจิตมันห่างไกลจากความเรียบง่ายอย่างที่คนไข้เข้ามาคุยเรื่องครอบครัวกับเขา แล้วหาข้อสรุปที่สมเหตุสมผลและสั่งจ่ายยาเท่านั้น

หลังจากดูไปประมาณครึ่งชั่วโมง หวังเคอรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เขาหรี่ตาและยกถ้วยชาเย็นชืดขึ้นมาดื่มอึกใหญ่

‘เคร้ง!’ ตอนนี้เอง มีเสียงดังสนั่นมาจากชั้นบน

หวังเคอผุดลุกขึ้นอย่างแปลกใจนิดหน่อย ผลักประตูออกแล้วเดินไปที่ปากบันได “มีอะไรหรือเปล่า”

ไม่มีใครตอบเขา หวังเคอจึงเดินขึ้นไป หลังจากเดินไปถึงชั้นสองแล้วก็ผลักประตูห้องนอนของลูกสาว นี่เป็นห้องนอนของลูกสาว ขณะเดียวกันมันก็เป็นห้องหนังสือของลูกสาวด้วย

เมื่อประตูถูกผลักออก หวังเคอเบิกตากว้าง เขาเห็นลูกสาวของตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงและมีมีดเล่มหนึ่งปักอยู่บนคอ ส่วนภรรยาของเขากำลังยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าเหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“หรุยหรุ่ย หรุยหรุ่ย!” หวังเคอรีบกระโจนไปข้างเตียง คมมีดแทงเข้าไปในคอลูกสาวลึก แทงฝังเข้าไปลึกมาก ลึกเหลือเกิน หวังเคอทำท่าจะอุ้มลูกสาวไปโรงพยาบาล ตอนนี้เขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น แต่จู่ๆ ภรรยาก็พุ่งเข้ามา ชั่วพริบตาก็ชนเขากระเด็นออกไป

หวังเคอล้มลงใต้เตียง ดวงตาเริ่มแดงรื้นและตะโกน “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้!” ภรรยาชักมีดออกมาจากบนคอลูกสาว ร่างกายของลูกสาวสั่นสะท้านครู่หนึ่ง

“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้!” หวังเคอตะโกนเสียงแหบพร่า เขาคิดไม่ออก เขาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจเลย เขายอมให้ความเจ็บปวดพวกนี้เกิดกับตัวเขาเองมากกว่า ไม่อยากให้ลูกสาวของเขาต้องเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

หวังเคอตะโกน ภรรยากรีดร้อง เธอถือมีดในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งทึ้งผมของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง “กรี๊ดดดดดดด!!!!!!!!”

เวลานี้หวังเคอไม่ได้เข้าไปปลอบภรรยา เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาจะพาลูกสาวไปโรงพยาบาล ต้องไปโรงพยาบาล จังหวะที่เขากำลังโน้มตัวลงไปหมายจะอุ้มลูกสาวขึ้นจากเตียง จู่ๆ เสียงฝีเท้าของภรรยารุดเข้ามาใกล้

‘ฉึก!’ หวังเคอรู้สึกถึงเพียงบางอย่างที่ทั้งแข็งและเย็นเยียบแทงร่างของตัวเอง เขาก้มหน้าไปมองตรงหน้าท้องของตัวเองด้วยความตกใจเล็กน้อย มีดเล่มนั้นที่เพิ่งจะแทงร่างของลูกสาว ในตอนนี้มันกำลังเสียบร่างของเขาอยู่

สายตาคลุ้มคลั่งของภรรยามองเขา ก่อนจะปล่อยมือและกรีดร้องต่อไปไม่หยุด

‘ตุ้บ!’ หวังเคอล้มตึงลงบนพื้น พิงขอบเตียง เขามองดูลูกสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง จากนั้นก็มองภรรยาที่ยืนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานตรงหน้าตัวเอง

“ผม…” เขาอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

จู่ๆ ภรรยาก็ล้มป่วยอีกครั้ง อีกทั้งอาการป่วยก็รุนแรงกว่าเมื่อก่อนมาก เธอในอดีตไม่ทำร้ายร่างกายคนอื่นอย่างเด็ดขาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำร้ายครอบครัวของตัวเองด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาเขานึกว่าตัวเองสามารถรักษาเธอให้ดีขึ้นได้แล้วแท้ๆ แม้ในระหว่างมื้ออาหารก่อนหน้านี้ เขาสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับภรรยาของเขาแล้ว แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะคิดเช่นนั้น เขาสามารถรักษาเธอให้หายดีได้ เธอจะสบายดี เธอจะต้องสบายดีแน่ๆ

แต่….

ในหัวของหวังเคอเริ่มขาวโพลน

จนกระทั่ง จู่ๆ ภรรยาของเขาก็มองตรงมาที่เขาอีกครั้ง จากนั้นหันกลับไปหยิบเก้าอี้ข้างตัวยกขึ้นสูงแล้วทุบใส่หวังเคอที่ล้มอยู่บนพื้นอย่างคลุ้มคลั่ง

‘พลั่ก!’

‘ผัวะ!’

‘พลั่ก!’

โลก ในเวลานี้ พร่าเลือน…

……………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท