ตอนที่ 545 ชู่ว ผมเป็นตัวปลอม!
“เถ้าแก่ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“อืม” โจวเจ๋อนั่งลงบนขอบโซฟา จิบกาแฟที่อิงอิงเพิ่งจะยกเข้ามาเสิร์ฟ
“ซี้ด…” กาแฟร้อนไปหน่อย โจวเจ๋อรีบวางแก้วลง กัดริมฝีปากของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“ว้าย เถ้าแก่!” อิงอิงรีบเอนตัวเข้ามาอย่างกระวนกระวายใจและเอื้อมมือไปยกกาแฟ มันร้อนนิดหน่อย แต่ไม่น่าจะถึงกับเป็นอย่างนี้นี่นา
“ไม่เป็นไรๆ” โจวเจ๋อโบกมือ “ผมไม่ระวังเอง”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่ให้ข้าดูหน่อยนะเจ้าคะ” อิงอิงบอกใบ้ให้โจวเจ๋ออ้าปากให้เธอดู เธอไม่อนุญาตให้เถ้าแก่ของเธอได้รับบาดเจ็บใดๆ เป็นอันขาด
โจวเจ๋อส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรน่า ขอน้ำเย็นให้ผมแก้วหนึ่งสิ ไม่เป็นไร”
“อ้อ เจ้าค่ะ งั้นข้ายกกาแฟนี่ไปนะเจ้าคะ”
“ไม่ ไม่ต้อง เสียดายน่ะ” ความหมายก็คือเขาจะดื่มต่อไป แม้ว่าเพิ่งจะถูกมันลวกก็ตาม แค่ผิวโดนน้ำร้อนลวกนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป รู้หรือเปล่าว่ากาแฟแก้วนี้แพงแค่ไหนน่ะ
อิงอิงวิ่งไปเอาแก้วน้ำเย็นมาวางด้านหน้าโจวเจ๋อ และถามอย่างระมัดระวัง “เถ้าแก่ ไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร”
“อ้อ เจ้าค่ะ งั้นข้าไปช่วยเหล่าสวี่ทำกับข้าวก่อนนะเจ้าคะ”
“อืม”
“เฮ้ กลับมาได้เสียทีนะ ฮ่าๆๆ” ทนายอันสวมชุดนอนลายเสือดาวเดินลงมาจากชั้นบน หลังทักทายคิกคักก่อนเป็นอันดับแรกก็รีบเดินไปนั่งลงข้างๆ เด็กชายทันที เมื่อเห็นเด็กชายเพิ่งกลับมาก็จะทำการบ้านจึงรีบพูดว่า “เมื่อวานมีเรื่องนิดหน่อยเลยคุยกับเหล่าจางนานไปหน่อย นอนไม่เต็มอิ่ม เราขึ้นไปนอนกันต่ออีกหน่อยเถอะนะ”
“น่าเอือมระอา” โจวเจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดแทงใจ
“เกี่ยวอะไรกับคุณด้วยไม่ทราบ” ทนายอันหันหน้าไปมองโจวเจ๋อแวบหนึ่งอย่างอารมณ์เสีย จากนั้นก็มองเด็กชายพลางหัวเราะคิกคัก “ดูสิ เช้านี้เล่นกับสาวน้อยสนุกดีหรือเปล่า”
เด็กชายพยักหน้า
“เหนื่อยด้วยแล้วละสิ”
เด็กชายส่ายหน้า เหนื่อยหมายความว่าอะไร
“เด็กนักเรียนชั้นประถมต้องงีบหลับกลางวันให้เป็นนิสัย ไปเถอะ พวกเราไปสร้างนิสัยกัน”
เด็กชายลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็พยักหน้า ถึงอย่างไรก็เป็นทนายอันที่ออกหน้าให้เถ้าแก่พาเขาไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งตอนช่วงเช้า ทนายอันมีความสุขจนห้ามตัวเองไม่อยู่ รีบดันเด็กชายขึ้นไปชั้นบนทันที
“ผ้าปิดตาคุณร่วงตกแล้ว” โจวเจ๋อเอ่ยเตือน
ทนายอันหันกลับมาเก็บผ้าปิดตาที่ทำร่วงออกมาจากในกระเป๋าของตัวเองเมื่อครู่นี้ ก่อนจะถลึงตาใส่โจวเจ๋อคล้ายกำลังประท้วง จากนั้นก็รีบตามเด็กชายขึ้นไปชั้นบนทันที
โจวเจ๋อยิ้มพลางส่ายหน้า มองกาแฟหนึ่งแก้วกับน้ำเย็นหนึ่งแก้วตรงหน้า อืม ดูเหมือนว่ากาแฟจะแพงกว่าหน่อย โจวเจ๋อก็ยังยกกาแฟขึ้นอยู่ดี
“เจี๊ยกๆๆ!” จู่ๆ เจ้าลิงน้อยก็กระโดดพรวดเข้ามาในตอนนี้ ถือโทรศัพท์มือถือในมือและนั่งยองๆ บนโต๊ะน้ำชาตรงหน้าโจวเจ๋อ
“ไปเล่นตรงนู้นไป” โจวเจ๋อโบกมือ
“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงขยับหน้าเข้าไปใกล้โจวเจ๋อ คล้ายกับว่ากำลังพินิจพิเคราะห์ด้วยความสงสัยใคร่รู้มาก
“ไปเล่นตรง…”
เจ้าลิงกระโดดหนีทันที แต่หางมันดันกวาดเอาแก้วกาแฟในมือโจวเจ๋อจนกาแฟทั้งแก้วหกเรี่ยราดบนตัวโจวเจ๋อ
โอเค ไม่มีกาแฟแล้ว
เถ้าแก่โจวกลับไม่ได้โกรธอะไร นำแก้วกาแฟวางบนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหยิบเอาน้ำเย็นๆ มาดื่มรวดเดียว จากนั้นตะโกนทันที “นักพรตเฒ่า”
“โอ้ อยู่ครับ เถ้าแก่” นักพรตเฒ่ากำลังนั่งยุ่งอยู่กับอะไรบางอย่างที่หลังเคาน์เตอร์ เมื่อได้ยินโจวเจ๋อตะโกนเรียกเขาก็รีบลุกขึ้นทันที
“เจ้าลิงของคุณติดสัดแล้ว คุณพาไปดูที่สวนสัตว์หน่อยว่าสามารถผสมพันธุ์ได้ไหม”
“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงร้องอย่างไม่พอใจมาก
“โอ้ๆ ครับผมๆ” นักพรตเฒ่าอุ้มเจ้าลิงไว้ในอ้อมแขน ทั้งยังดึงหางเจ้าลิงออกแล้วแอบดูข้างใน ใบหน้าของเจ้าลิงพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงแปร๊ดทันที
“โตแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย”
“เจี๊ยก…”
“จริงสิ ลิงสามารถผสมพันธุ์ได้ตอนอายุเท่าไร ข้าจะไปตรวจเช็กดูหน่อย” เจ้าลิงทำหน้าสิ้นหวัง เพราะนักพรตเฒ่าเปิดโทรศัพท์มือถือและเริ่มค้นหาในไป่ตู้แล้ว
ขณะเดียวกัน นักพรตเฒ่ายังพึมพำว่า “อย่าตกใจไป คืนนี้เราไปสวนสัตว์กัน แกหาลิงตัวเมียที่ตัวเองชอบแล้วเกี้ยวพาราสีออกมาเอง เราเอาขนมและกล้วยไปเพิ่มสักหน่อย ข้ามั่นใจว่าแกสามารถจัดการได้ จริงสิ ไม่ต้องไปหาลิงตัวเมียตัวเล็กๆ ขี้เล่นแบบนั้นด้วยนะ ต้องหาที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ ถ้าผสมพันธุ์ครั้งเดียวติดจนท้องขึ้นมา ข้าจะช่วยขโมยมันออกมาเอง ให้พวกแกลงหลักปักฐานในร้านหนังสือ ถ้าแกจะทำให้เธอท้องลูกเป็นฝูงได้จริงๆ ข้าก็มีความสุข”
นักพรตเฒ่าพูดเองเออเองอย่างมีความสุข เต็มไปด้วยความภูมิใจเสมือนลูกชายของตัวเองสามารถสอยผักกาดขาว (ลูกรัก) บ้านคนอื่นมาได้
เจ้าลิงกระโดดหนีออกจากอ้อมแขนของชายชราจนเสียงดัง ‘ตุ้บ’ แล้วมองโจวเจ๋อที่เดินไปทางห้องน้ำ จากนั้นรีบวิ่งจากประตูเล็กๆ ด้านหลังร้านหนังสือไปที่แปลงผักบ้านข้างๆ
…
“อิงอิง ช่วยผมเตรียมเสื้อผ้าชุดหนึ่ง ผมจะอาบน้ำ”
“เจ้าค่ะ เถ้าแก่” อิงอิงชินกับความต้องการแบบนี้ไปแล้ว เถ้าแก่ของเธอเป็นโรครักความสะอาดขั้นลึกสุด การอาบน้ำในช่วงกลางวันแสกๆ ช่างเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว
อิงอิงส่งชุดใหม่ให้แล้วหยิบเอาชุดที่สกปรกแล้วกลับไปซัก ส่วนโจวเจ๋อยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดน้ำอุ่นร้อนชโลมทั่วร่างกายตัวเอง พลางโยกศีรษะ ไม่รู้ว่าทำไม หลังกลับจากพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งก็มักจะรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยคล้ายกับเป็นหวัดนิดๆ เสียอย่างนั้น
เด็กชายนอนอยู่ด้านข้าง ในมือกำลังถือไอแพดดูหนังอยู่ สิ่งที่ดูอยู่นั้นคือซีรีส์ผีดิบของหลินเจิ้งอิง รู้สึกว่ามันน่าสนใจมากทีเดียว ตอนแรกที่โจวเจ๋อและอิงอิงดูซีรีส์นี้ด้วยกันก็พบว่ามันน่าสนใจมาก แต่เด็กชายเกลียดหนังที่มี ‘ผีดิบน้อย’ อยู่ในนั้น เขามักจะคิดอยู่เสมอว่าเจ้าผีดิบน้อยนั่นโง่เง่าเต่าตุ่นมาก
เขาดูโดยที่ใส่หูฟังอยู่จึงไม่ได้ส่งเสียงอะไรใดๆ แต่ดูจนเกือบจะจบครึ่งตอนอยู่แล้ว เด็กชายพบว่าทนายอันที่นอนอยู่ข้างๆ ตัวเองยังพลิกซ้ายพลิกขวาไม่หยุด
“มีเรื่องในใจเหรอ” เด็กชายถาม
“ไม่มีนี่” ทนายอันพูดอย่างจนใจ
“งั้นทำไมถึงนอนไม่หลับ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” ทนายอันหลับตา สูดหายใจเข้าลึก เขาเคารพและหวงแหนเวลานอนมาโดยตลอด แต่หลังจากข่มอารมณ์ให้สงบลง เขาก็พบว่าตัวเองยังนอนไม่หลับอยู่ดี ทำไมถึงนอนไม่หลับกันนะ
“ก็ยังมีเรื่องในใจอยู่ดีนี่นา” เด็กชายเอ่ย
“เอ่อ…” ทนายอันเองก็ไม่แน่ใจนิดหน่อยแล้ว “อาจจะละมั้ง” จากนั้นทนายอันก็เริ่มตกอยู่ในความคิด
สรุปว่าฉันมีเรื่องอะไรในใจกันนะ
…
น้ำอุ่นร้อนชะล้างร่างกายอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเกินไปสักหน่อยแล้ว โจวเจ๋อรู้สึกมึนๆ หนักอึ้งเล็กน้อย หลังจากปิดฝักบัว หยิบผ้าขนหนูข้างๆ มาเช็ดตัว เช็ดไปเช็ดมา เตรียมจะสวมเสื้อผ้าและโยนผ้าขนหนูไปอีกทาง กลับพบว่าบนผ้าขนหนูมีรอยดำปื้นอยู่
ร่างกายสกปรกถึงขนาดนี้เลยเหรอ
โจวเจ๋อเดินไปดูตรงหน้ากระจกแล้วพบว่าตรงริมฝีปากและหน้าอกของตัวเองต่างก็มีรอยปานดำเป็นปื้น โจวเจ๋อจึงหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดอีกครั้ง กลับพบว่าปานดำนั้นยิ่งเช็ดยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อไม่มีทางเลือก โจวเจ๋อจึงเปิดฝักบัวและเริ่มเปียกปอนอีกครั้ง หลังจากอาบเสร็จแล้ว โจวเจ๋อก็หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดใหม่อีกรอบ แล้วค่อยเดินไปหน้ากระจก พบว่าปานดำเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนน่ากลัว แม้ว่าจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับตื่นตระหนก โจวเจ๋อยื่นมือไปเช็ดตรงปานดำเบาๆ แล้วค่อยเอามาแตะที่จมูกตัวเอง มีกลิ่นสีติดอยู่
ไม่นานนัก โจวเจ๋อก็เดินเข้าไปในอ่างอาบน้ำ เปิดน้ำและนอนลงไป ผ่านไม่ได้ไม่นาน น้ำเริ่มท่วมตัวเขา จากนั้นน้ำในอ่างอาบน้ำก็เริ่มขุ่นขึ้นมา
“เถ้าแก่ ท่านยังอาบน้ำไม่เสร็จหรือเจ้าคะ” อิงอิงถามผ่านประตูห้องน้ำ วันนี้เถ้าแก่ดูเหมือนว่าจะอาบน้ำช้าเป็นพิเศษ
“ผมอาบจนใกล้จะละลายแล้ว”
…
สาวน้อยโลลิออกมาจากห้องน้ำในห้องทำงานและเปิดประตูห้องทำงานออก เห็นพ่อของเธอ ยังมีคุณอาสวีคนนั้น และหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงคนนั้นยังนั่งดื่มชากันอยู่ตรงนั้น เธอไม่ได้เดินเข้าไป แต่กลับถอยหลังจนเดินมาข้างๆ เด็กชายและถามว่า “นายดูอะไรอยู่น่ะ”
เด็กชายส่ายหน้า
“เชอะ นายไม่บอกฉันใช่ไหม!” สาวน้อยโลลิอารมณ์เสีย เมื่อกี้เธอเพิ่งจะแบ่งปันความลับที่อยากจะสัมผัสหน้าอก แต่คิดไม่ถึงว่านายจะทำอย่างนี้กับฉัน
เด็กชายมองสาวน้อยโลลิ แล้วหันข้างไปมองสามคนที่นั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถงเล็กๆ ก่อนจะเดินไปปิดประตูห้องทำงานอย่างเงียบๆ จากนั้นมองสาวน้อยโลลิ ในแววตาแฝงความกระตือรือร้นและความคาดหวังเล็กน้อย!
“นะ…นาย” สาวน้อยโลลิรู้สึกกลัวนิดหน่อยตามสัญชาตญาณ
“หลินเข่อ ออกมาหน่อย เหมือนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว” เด็กชายพูด
“หลินเข่อเป็นใครเหรอ…มีอะไร” ทันใดนั้นแววตาของสาวน้อยโลลิเปลี่ยนจากความไร้เดียงสาเป็นความล้ำลึกและสูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับว่ามีความขี้เกียจจากการที่เพิ่งตื่นนอนมาหยกๆ
เมื่อลืมตาก็มองเห็นกอเอี๊ยะหนังหมาที่เกาะติดอยู่กับตัวเองตลอดเวลา สาวน้อยโลลิบอกไม่ได้ว่าเธออยู่ในอารมณ์ไหน
“หุ่นขี้ผึ้งที่นี่ โอ้ ไม่สิ ทั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาบางอย่าง” เด็กชายพูด
“งั้นเจ้าก็ไปบอกเถ้าแก่สิ เรียกข้าออกมาแล้วจะมีประโยชน์อะไร” สาวน้อยโลลิถามด้วยความไม่เข้าใจ ที่นี่มีโจวเจ๋อ มีเขาอยู่แล้วทำไมต้องปลุกเธอออกมาด้วย
“อ๋อ ข้าแค่อยากเจอเจ้าน่ะ ข้าคิดถึงเจ้าแล้วละ”
“…” สาวน้อยโลลิ
เด็กชายกระโดดแล้วเอื้อมมือไปเด็ดหัวหุ่นขี้ผึ้งของหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงลงมา จากนั้นก็ยื่นไปตรงหน้าสาวน้อยโลลิ เขาเลียริมฝีปากพลางพูด “ดูสิ มีเลือดและกระดูกอยู่ใต้หัวนี่ด้วย ในหัวนี่เป็นสีขาว เหมือนจะเป็น…”
เด็กชายหยิบหัวแล้วยื่นไปตรงหน้าสาวน้อยโลลิ บางที นี่อาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ที่สุดระหว่างเด็กๆ แต่ถ้าหัวคนในมือเด็กชายเปลี่ยนเป็นลูกแอปเปิลน่าจะเหมาะสมยิ่งกว่า
“ที่นี่มันเป็นสถานที่บ้าบออะไร”
“พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไง” เด็กชายเดินไปด้านหลังโต๊ะทำงาน ตรงนั้นมีหน้าต่างอยู่สามารถมองเห็นภายนอกได้ ซึ่งอยู่ข้างหลังไม้กางเขนของโบสถ์พอดิบพอดี
“เอ๊ะ ข้ามองเห็นคนคนหนึ่ง”
“ถ้าเจ้าเห็นผีแล้วค่อยบอกข้า อาศัยโอกาสที่ตื่นมาจะไปทำธุระแล้วกลับไปนอนต่อ” สาวน้อยโลลิพูดอย่างเกียจคร้าน
เด็กเหลือขอทั้งสองไม่รู้สึกถึงวิกฤตสักนิด ถ้าเอามาอยู่ในหนังผีจะต้องเป็นกลุ่มนักแสดงที่ไม่ผ่านเกณฑ์แน่นอน เป็นประเภทที่ทำลายอารมณ์ร่วมของผู้ชมสูงมาก แต่แน่นอนว่า ถ้าหนังผีเรื่องไหนเชิญพวกเขาไปแสดง นั่นจะต้องเป็นหนังผีที่แท้จริง
เด็กชายเปิดหน้าต่างและมองไปด้านนอกอย่างถี่ถ้วนพลางเอ่ย “ข้าเห็นเถ้าแก่เดินจากโบสถ์มาที่นี่”
“จะเป็นไปได้ยังไง” สาวน้อยโลลิเดินไปที่ประตูแล้วเปิดประตูแง้มออกนิดหน่อย เห็นโจวเจ๋อกำลังนั่งดื่มชาอย่างมีความสุขกับพ่อของเธอแล้วยังมีหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงคนนั้นอีก ทั้งสามคนคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงถูกหยอกล้อจนขำไม่หยุด งามหยาดเยิ้ม
เหอะ ผู้ชายทั้งสองคน
“เป็นเถ้าแก่จริงๆ เจ้ามาดูนี่สิ” ขณะที่พูด เด็กชายก็กระโดดลงจากขอบหน้าต่าง เตรียมอุ้มสาวน้อยโลลิและช่วยชูเธอขึ้นสูง
“เจ้าทำอะไรเนี่ย มือของเจ้าอยู่เป็นที่เป็นทางหน่อยสิ!” สาวน้อยโลลิตำหนิ
“ฮี่ๆ” เด็กชายเอามือลูบหัวอย่างเขินอาย ไม่กล้าทำอะไรอีก สาวน้อยโลลิกระโดดขึ้นบนขอบหน้าต่าง เมื่อมองไปข้างนอกก็เห็นเถ้าแก่ของเธอกำลังเดินมา
“นี่ เถ้าแก่!” สาวน้อยโลลิตะโกนเรียกเสียงเบา
โจวเจ๋อที่อยู่ข้างล่างดูเหมือนจะได้ยินเสียง จึงแหงนหน้าขึ้นมองสาวน้อยโลลิบนขอบหน้าต่าง แล้วพูดอย่างอารมณ์เสียว่า “ชู่ว ผมเป็นตัวปลอม”
………………………………………………………..