ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 546 รื้อที่นี่ซะ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 546 รื้อที่นี่ซะ

น้ำชานั้นขม แต่คนกลับหวาน

หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงอายุประมาณสามสิบปี ท่าทางฉลาดเฉลียวและสวยละมุนละไม อันที่จริงหน้าตาของเธอไม่ได้สวยมาก หากจะพูดถึงหน้าตา แค่หน้าตาธรรมดาเท่านั้นเอง

ทว่าบุคลิกของเธอกลับช่วยเสริมเป็นอย่างมาก กระทั่งได้คะแนนส่วนนี้เพิ่ม นอกจากนี้การพูดจาของเธอ ไม่ว่าเรื่องใดที่เธอพูดล้วนเต็มไปด้วยลักษณะของผู้เชี่ยวชาญสุดๆ

ศิลปิน น่าจะเป็นความรู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่การพูดคุยเรื่องทั่วไปยกย่องว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ และไม่ใช่การตั้งใจดึงดูดสายตาผู้คนเพื่อแสดงท่าทางของศิลปิน แต่เป็นคนที่หลงใหลอยู่ในโลกและจักรวาลเล็กๆ ของตัวเอง เหมือนเด็กที่เที่ยวเล่นอย่างสบายและสนุกสนานอย่างเต็มที่

หวังเคอพูดเก่ง โจวเจ๋อได้แต่ฟังท่าเดียว ไม่ค่อยพูดแทรก แต่ก็รู้สึกว่าน่าสนใจ ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนหัวข้อไปพูดถึงด้านสถาปัตยกรรมแล้ว

เวลานี้ ลั่วซูได้ยื่นมือชี้ไปด้านบนแล้วเอ่ยว่า “จริงๆ แล้วฉันหลงใหล ‘อี้จิง’ ของจีนมากค่ะ รวมทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมของที่นี่ ล้วนยึดตามลักษณะการจัดรูปแบบของ ‘ฟ้ากลมดินเหลี่ยม’ ค่ะ”

โจวเจ๋อเงยหน้ามองหนึ่งที และก็เป็นเช่นนั้นจริง แน่นอนว่าเขาไม่รู้สึกแปลกประหลาดอะไร จริงๆ แล้วสถาปัตยกรรมโบราณในเมืองโบราณหลายแห่งได้ยึดตามรูปแบบนี้เยอะมาก

ลั่วซูโยนเหรียญทองแดงด้วยปลายนิ้ว แล้วตั้งลงบนโต๊ะ เหรียญทองแดงเป็นทรงกลม แต่ส่วนกลวงตรงกลางเป็นสี่เหลี่ยม

“เมื่อหนึ่งศตวรรษก่อนหน้านั้น ความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ทำให้ข้ออนุมานที่ว่า ‘ฟ้ากลมดินเหลี่ยม’ ที่พวกเรายึดมั่นจากบรรพบุรุษต้องแตกย่อยยับอย่างสิ้นเชิง และปัจจุบันนี้ จากการบ่งบอกของวิทยาศาสตร์ที่พวกเรายึดมั่น ทุกสถานที่ที่พวกเราอาศัยอยู่ เป็นลูกโลกใบหนึ่ง และด้านนอกของโลกใบนี้ คือจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล”

“หรือว่าไม่ได้เป็นแบบนั้น” โจวเจ๋อย้อนถาม

หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงส่ายหน้าและกล่าวว่า “ฟ้ากลมดินเหลี่ยม ถ้าหากนำมันมาอธิบายในโลกของความจริง ดูเหมือนจะเป็นความผิดมหันต์ ไม่ว่ายังไงฝีเท้าของผู้คนในปัจจุบันก็ถึงขนาดขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ได้แล้ว แต่ถ้าหากเปลี่ยนมุมมองมาดู ‘ฟ้ากลมดินเหลี่ยม’ ล่ะ”

โจวเจ๋อเม้มปาก แล้วพูดโพล่งออกมา “หยินหยาง”

หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงมองโจวเจ๋ออย่างมีความหมายลึกซึ้งหนึ่งทีแล้วพยักหน้าเอ่ยว่า “ใช่ค่ะ หยินหยาง”

“ดังนั้น พวกเขาตอนนี้เริ่มคุยเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ระดับสูงส่งแล้วใช่ไหม” สาวน้อยโลลิแอบฟังแล้วจึงเบะปาก แค่ยมทูตคนหนึ่ง คุณดันคุยเรื่องหยินหยางกับเธอเหรอ นี่คือกำลังฝืนให้ตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ

และแล้วเวลาที่ผู้ชายอยู่ต่อหน้าผู้หญิงสวยก็จะกลายเป็นลิงกอริลลาทุบหน้าอกเพื่อหาคู่ในพริบตาจริงๆ ด้วย

“เจ้าคิดว่า เถ้าแก่เขาเจอปัญหาที่ซ่อนอยู่ในนี้ไหม” เด็กผู้ชายถาม

“เขาตาบอด ผียืนอยู่ตรงหน้าเขาบ่อย ก็ยังแยกไม่ออกว่าเป็นคนหรือผี”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง”

“หลายครั้งหลายคราแล้ว ถึงแม้กินข้าวกับผี ก็ยังไม่รู้”

“แย่ขนาดนั้นเชียว”

“เป็นคนที่แย่ใช้ไม่ได้คนหนึ่งอย่างมาก”

“อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงโดนเขา…”

สาวน้อยโลลิถอนหายใจ เอ่ยว่า “คนเราต้องไปเกิดใหม่”

“ถ้าหากฟ้ากลมดินเหลี่ยม เป็นแค่ทัศนคติที่มีต่อโลกเท่านั้น แต่ไม่ได้บรรยายถึงรายละเอียดของความเป็นจริงแท้จริงแล้วก็มีเหตุผลของมัน ฟ้ากลมดินเหลี่ยม จริงๆ แล้วเป็นโลกครึ่งหนึ่ง คนใช้ชีวิตอยู่ในแนวราบ ท้องฟ้านั้นกลม และส่วนกลมอีกครึ่งหนึ่ง ก็คือด้านมืด หมายความว่ามันตั้งกลับกัน และหมายถึงสองขั้ว อย่างไรก็ตามถ้าหากดูจากมุมมองของโลก คุณไม่สามารถแยกได้ชัดเจนอย่างสิ้นเชิงว่าด้านไหนคือด้านบน ด้านไหนคือด้านล่าง”

หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงลุกขึ้น พูดพลางขยับมือทำท่าทางไปด้วย ดูเหมือนกำลังตกอยู่ภวังค์แห่งความคิดและคำบรรยาย “ก็เหมือนกระจกบานหนึ่ง กระจกเป็นแนวราบ ด้านหนึ่งของกระจกสว่าง อีกด้านหนึ่งของกระจกคือด้านมืด จริงๆ แล้วก็คือคำบรรยายที่ดีที่สุดของฟ้ากลมดินเหลี่ยม…”

หวังเคอก้มหน้า มองนาฬิกาข้อมือ พบว่าสายมากแล้ว จึงลุกขึ้นเอ่ยว่า “เด็กมีเรียนกวดวิชาตอนบ่าย ผมต้องพาเธอกลับไปกินข้าวก่อนครับ”

“อ้อ อย่างนั้นค่อยคุยกันครั้งหน้าค่ะ” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงยังรู้สึกคุยสนุกอยู่เลย

“อย่างนั้นผมก็ต้องกลับเหมือนกันครับ ลูกของผมก็ต้องเรียนกวดวิชาตอนบ่ายเหมือนกัน” โจวเจ๋อพูดพร้อมลุกขึ้น เตรียมตัวลากลับ

“ลูกของนายก็เรียนกวดวิชาเหรอ” หวังเคอพูดอย่างประหลาดใจ “เรียนที่ไหน”

“ลูกของนายเรียนที่ไหนลูกของฉันก็ไปเรียนที่นั่น”

“…” หวังเคอ

ทั้งสองคนเดินไปทางห้องทำงานพร้อมกัน ตอนที่ประตูห้องทำงานถูกเปิดจากด้านใน สาวน้อยโลลิเดินออกมาอย่างเรียบร้อย หวังเคอขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนโจวเจ๋อกลับหรี่ตา

เด็กผู้ชายก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่นิ่งแต่น่ารัก

“หรุยหรุ่ย กลับบ้านกับพ่อ” ขณะที่พูด หวังเคอได้จูงมือของสาวน้อยโลลิ

สาวน้อยโลลิปล่อยให้หวังเคอจูงมือของเธออย่างว่าง่าย สองคนพ่อลูกเดินออกไปด้วยกัน

เด็กผู้ชายเดินมาอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ แล้วยื่นมือ โจวเจ๋อก้มหน้ามองหนึ่งที จากนั้นเอาสองมือล้วงกระเป๋าเดินไปข้างหน้าไม่สนใจใคร เด็กผู้ชายจึงเดินตามหลังอย่างเงียบๆ ไม่พูดจา

ส่วนหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงที่พูดแซวเล่นเมื่อครู่ กลับยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจากโต๊ะน้ำชา แล้วดื่มด้วยท่าทีที่สง่างาม จากนั้นวางถ้วยน้ำชาลงดัง ‘ปึ้ง!’

“กลับไปแล้ว จะทำการบ้านไหม” หวังเคอถาม

สาวน้อยโลลิพยักหน้า เอ่ยว่า “หนูเป็นห่วงว่าคุณพ่อจะหลงทาง”

“อ้อ” หวังเคอเพิ่งนึกได้ จึงหยุดเดินแล้วพูดว่า “ต้องรอพวกที่อยู่ข้างหลังไหม”

“ไม่ต้อง พวกเราออกไปก่อน หนูหิวแล้ว อยากดื่มน้ำแกง จากนั้นก็นอน” สาวน้อยโลลิเดินไปข้างหน้าต่อ หวังเคอจึงได้แต่เดินตาม

โจวเจ๋อที่เดินตามอยู่ข้างหลังจงใจเดินช้าแล้วถามอย่างสงบนิ่ง “เป็นอะไร” เขามองออกว่าหลินเข่อฟื้นแล้วกระทั่งหวังเคอก็น่าจะสังเกตออก

“ศีรษะ” เด็กผู้ชายพูดพลางทำท่า “ศีรษะจริงๆ อยู่ในห้องทำงาน”

“อ้อ” โจวเจ๋อเม้มปาก艾琳小說

“แล้วก็ ข้ายังเห็นเจ้าอีกคนหนึ่ง” เด็กผู้ชายพูดต่อ

“ฉันอีกคน”

“โน่น อยู่ข้างหน้า”

“นาย…” เมื่อหวังเคอมาถึงหน้าประตูพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งก็เห็นโจวเจ๋อวิ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบ หวังเคออยากจะถามเป็นอย่างมาก นายอยู่ข้างหลังพวกเราไม่ใช่เหรอ และความเร็วขนาดนี้นายกลับเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว

ยังดีที่หวังเคอรู้ว่าตัวตนของโจวเจ๋อไม่ธรรมดา ถึงแม้จะตกใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นยากที่จะรับได้

โจวเจ๋อมองสาวน้อยโลลิ แล้วมองหวังเคออีกที จากนั้นยักไหล่ แล้วพูดกับสาวน้อยโลลิว่า “ผมยังอยู่ข้างในใช่ไหม”

สาวน้อยโลลิพยักหน้า

“อย่างนั้นพวกคุณรีบออกไป ทางที่ดีกลับไปดูที่บ้าน”

สาวน้อยโลลิเหมือนเข้าใจอะไรแล้ว จึงแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา

“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก” โจวเจ๋อตอบ จากนั้นชี้ไปที่ตัวเอง “ผมคิดว่าผมไม่มีปัญหา ดังนั้นพวกคุณก็ไม่น่าจะมีปัญหา”

สาวน้อยโลลิได้ยินดังนั้นจึงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เธอจับมือของหวังเคอแล้ววิ่งไปข้างนอก

โจวเจ๋อกลับเดินเข้าไปข้างในต่อ จากนั้นเขาเห็นตัวเองที่อยู่ข้างใน

“โน่น อยู่ข้างหน้า”

โจวเจ๋อที่อยู่ข้างๆ เด็กผู้ชายกัดฟัน แล้วหันไปมองพิพิธภัณฑ์นี้อีกที จริงๆ แล้วตอนแรกถ้าจะพูดว่าไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร แต่ถ้าหลังจากที่เห็นภาพของอิ๋งโกวแล้วยังคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญอีกละก็ อย่างนั้นโจวเจ๋อก็คงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว

“เกิดอะไรขึ้นกับนาย” โจวเจ๋อชี้ไปที่ตัวเองที่อยู่ตรงหน้าแล้วถาม

“อ้อ ฉันเป็นตัวปลอม” ขณะที่พูด โจวเจ๋อที่อยู่ตรงหน้าได้ยื่นมือฉีกเสื้อผ้าของตัวเอง

“…” โจวเจ๋อ เขามองดูคนที่เหมือนกับตัวเอง กำลัง ‘แสดงความจริงใจ’ กับเขาอย่างเต็มที่ ความรู้สึกแบบนี้ช่างแปลกประหลาดจริงๆ

“พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแห่งนี้ มีปัญหา” โจวเจ๋อใส่เสื้อผ้าใหม่อีกครั้งก่อนจะชี้ไปที่เหนือศีรษะแล้วพูดขึ้น

“อืม ฉันรู้”

“หลังจากที่พวกคุณเข้าไป ผมก็ออกมา จากนั้นถูกตัดความทรงจำระหว่างนั้นพอดี หลังจากผมกลับไปก็อาบน้ำจนเกือบเผลอทำตัวเองละลาย”

“อ้อ” โจวเจ๋อพยักหน้า จากนั้นรีบถามว่า “นายไม่ได้ลงอ่างอาบน้ำใช่ไหม”

“ลงไปแล้ว”

“อย่างนั้นนายทำอ่างอาบน้ำของฉันสกปรกหรือเปล่า”

“ใช่แล้ว”ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

“อย่างนั้นนายรู้ไหมว่าแบบนี้ฉันไม่ชอบใจอย่างมาก” คนอื่นในร้านหนังสือเวลาอาบน้ำ ล้วนไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อ่างอาบน้ำ

“ผมเองก็ไม่รู้ ถ้าผมรู้ก่อนว่าผมเป็นตัวปลอม และสีตกด้วย ก็ไม่มีทางที่จะทำอ่างอาบน้ำสกปรก”

“เฮ้อ”

“เฮ้อ”

เด็กผู้ชายมองโจวเจ๋อที่อยู่ข้างๆ แล้วมองหุ่นขี้ผึ้งโจวเจ๋อที่อยู่ตรงหน้าอีกที จากนั้นจึงแอบ ‘เฮ้อ’ เบาๆ

“คุณสวี ยังไม่กลับเหรอคะ” เวลานี้ หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงเดินเข้ามาช้าๆ พร้อมกับยิ้มมุมปาก

“มีปัญหานิดหน่อย อยากขอคำชี้แนะจากคุณครับ อย่างเช่น คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้” โจวเจ๋อชี้ไปทางตัวเองที่เป็นหุ่นขี้ผึ้ง

“ยกตัวอย่างอธิบายให้เห็นภาพเท่านั้น” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงไม่ยี่หระ

โจวเจ๋อยื่นมือถูคางของตัวเอง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ผมไม่ได้ถามว่าคุณมีฐานะอะไร และไม่อยากถามว่าคุณมาทำอะไรที่ทงเฉิง กระทั่งผมไม่สนใจแม้แต่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งนี้”

“อือฮึ” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงยักไหล่

“แต่คุณอย่าแกล้งทำให้เกิดเรื่องลึกลับซับซ้อน”

“อย่างนั้นฉันต้องขอโทษคุณด้วยค่ะ แต่เป็นการล้อเล่นที่หวังดีเท่านั้น” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงโน้มตัวแสดงความขอโทษ ขณะเดียวกันเธอได้ดีดนิ้วเสียงดังหนึ่งที จากนั้นหุ่นขี้ผึ้งโจวเจ๋อที่ยืนอยู่ไกลๆ จึงเริ่มละลาย กลายเป็นขี้ผึ้งอยู่เต็มพื้น

โจวเจ๋อหลับตา สูดลมหายใจลึกๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นมอง ‘คนจริงใจ’ ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองก่อน แล้วมองตัวเองที่ ‘ละลาย’ แล้วอีกที

“อ้อ สงสัยคุณสวีจะไม่ชอบวิธีการจบแบบนี้เป็นอย่างมากนะคะ” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงจึงดีดนิ้วเสียงดังอีกครั้ง

‘ปึ้ง!’ ขี้ผึ้งที่อยู่บนพื้นระเบิดกระจายโดยตรง

โจวเจ๋อมองตัวเอง…ที่โดนระเบิด!

เด็กผู้ชายทำปากจู๋ ยื่นมือดึงแขนเสื้อของโจวเจ๋อ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าทนไม่ไหวแล้ว”

โจวเจ๋อกลับไม่หงุดหงิด แต่ยกมือพูดกับหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิง “ยังไงก็ต้องมีเหตุผลบางอย่าง”

“ลูผิงจื๋อ” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงยิ้มเล็กน้อย “เหตุผลพอไหมคะ”

โจวเจ๋อเข้าใจอย่างฉับพลันทันที พยักหน้า “พอแล้ว พอจริงๆ” ขณะที่พูด โจวเจ๋อได้ยื่นมือลูบศีรษะของเด็กผู้ชายแล้วผลักไปข้างหน้า เด็กผู้ชายตัวเซ ตัวโอนเอนเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวจนเกือบล้มลงไปบนพื้น เขาหันไปมองโจวเจ๋ออย่างไม่ค่อยเข้าใจ

“รื้อที่นี่ซะ ฉันอนุญาต”

เด็กผู้ชายยิ้มและหัวเราะด้วยความดีใจอย่างมาก เขาพยักหน้าอย่างแรงแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ได้เลย”

………………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท