ตอนที่ 549 นี่คือบัลลังก์ของฉัน!
‘พรืด!’ เถ้าแก่โจวพ่นน้ำชาออกมา
ผู้หญิงเบี่ยงตัวไปด้านหนึ่ง หลบน้ำชาที่กระเด็นออกมา แต่ดวงตากลับหรี่ขึ้นมาอย่างชัดเจน เธอไม่รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองจะน่าขำ และกิริยาท่าทีของโจวเจ๋อ สำหรับเธอแล้ว ยิ่งเหมือนการสบประมาทดูหมิ่นความศรัทธาและความเชื่อมั่นของเธอ
เวลาปกติหรือเวลาอื่นไม่เป็นไรสำหรับเรื่องพวกนี้ เพราะพูดตามจริงแล้ว หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงยกเว้นเรื่องที่เธออาจจะฆ่าเจ้าของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งตัวจริงและพนักงานสองคนแล้ว ตอนที่เธอเจอหน้าโจวเจ๋อกับหวังเคอ จริงๆ แล้วเธอยังไม่เคยแสดงเจตนาเป็นศัตรูออกมาอย่างแท้จริง
เธอลองหยั่งเชิง ร่วมงาน แล้วหยั่งเชิงอีก แล้วร่วมงานอีกอย่างระมัดระวัง เธอเหมือนคนที่ยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง เธอจึงไม่รู้สึกว่าน่าขำ ทว่าโจวเจ๋อได้ฟังแล้วกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ
ไอ้หนู นายทำตัวดีๆ ตั้งใจช่วยพวกเราทำงาน! ถ้าสำเร็จ ตัวนายจะให้รางวัลกับตัวนายเอง! ถ้าไม่สำเร็จ ตัวนายก็จะลงโทษตัวนายเอง! ความรู้สึกแบบนี้เหมือนเวลาเรียนชั้นอนุบาล อาจารย์สอนให้ตัวเองปรบมือให้ตัวเอง
ตอนนั้นคุณสามารถปรบมือได้แรงมาก ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนคนโง่
“ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่เห็นด้วยที่จะหยิบออกมา” โจวเจ๋อลุกขึ้น จริงๆ แล้วเรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงปรารถนาเพียงฝ่ายเดียว เพราะตัวของพวกเธอเองคงคาดไม่ถึงว่า สิ่งที่พวกเธออยากได้จากโจวเจ๋อ ตัวของโจวเจ๋อเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
และด้วยนิสัยของเถ้าแก่โจว เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายบอกสถานที่ฝังศพของลู่ผิงจื๋อ แล้วปล่อยให้พวกเธอไปตามหาเอง
ในเมื่อรู้ว่าตัวเองทำของดีหล่นจากมือ ทำไมฉันต้องไม่เก็บขึ้นมาด้วยตัวเอง
สาเหตุที่ตกลงดื่มน้ำชา นั่งพูดคุย เป็นเพราะว่าโจวเจ๋ออยากหลอกถามข้อมูลออกมาจากปากของหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงเท่านั้นเอง
“ฮู่…” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงเม้มปาก ในดวงของเธอแสดงเจตนาฆ่าออกมาอย่างเห็นได้ชัด
รูปปั้นพระโพธิสัตว์ยังเคยถูกโจวเจ๋อพูดจายียวนกวนโมโหมาก่อน จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่หยิบคนธรรมดามาทำเป็นหุ่นขี้ผึ้งเลย
“ท่ายยมทูต ท่านตัดสินใจแน่วแน่ อยากเป็นศัตรูกับชนเผ่าของเราแล้ว” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงตบมือหนึ่งที แล้วโต๊ะน้ำชาจึงแตกโดยตรง ส่วนตำแหน่งเพดานที่อยู่ข้างหลัง เหมือนมีขี้ผึ้งถังใหญ่เทลงมา บนช่องโหว่ที่อยู่บนกำแพง เริ่มมีแผ่นขี้ผึ้งแทรกซึมเข้ามาอย่างช้าๆ
เด็กผู้ชายเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว ยืนอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ ขณะเดียวกันได้พูดพึมพำว่า “ครั้งนี้ พวกเธอจับข้าไม่ได้หรอก”
โจวเจ๋อจึงยื่นมือตบไหล่ของเด็กผู้ชายเบาๆ “นายจัดการเธอ ใช้คาถาที่เหล่าอันสอนนายต่อสู้กับเธอ ทำให้ฉันเห็นร่างจริงของเธอ แล้วส่วนที่เหลือ นายไม่ต้องเป็นห่วง”
หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงยื่นมือลูบแขนที่หักของตัวเอง พลางหลับตา จากนั้นร่างของเธอเริ่มถอยหลังอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเด็กผู้ชายได้พุ่งเข้าไปต่อสู้โดยตรง!
‘เอี๊ยด!’
‘เอี๊ยด!’
เสียงเสียดสีกันดังขึ้นแสบแก้วหู บนกำแพง บนเพดาน บนพื้น ทุกโซนที่ถูกปกคลุมไปด้วยขี้ผึ้ง ล้วนมีร่างคนแต่ละคนปรากฏออกมา และหน้าตาของคนเหล่านั้นมีความคล้ายคลึงกับหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงถึงเจ็ดแปดส่วน
พวกเธอน้อมคำนับบูชาพร้อมกัน ขับร้องบทสวดอันน่าเกรงขามด้วยกัน ราวกับว่ากำลังทำพิธีโบราณบางอย่างดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ตอนที่เด็กผู้ชายใกล้จะไล่ทันหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิง ขี้ผึ้งทั้งหมดเริ่มแผดเสียงคำราม “พลิกเมฆา!” ชั่วเวลาเดียวโซ่สีดำนับสิบเส้นได้โผล่ออกมาจากใต้ดินอีกครั้ง!
สายตาของเด็กผู้ชายจ้องมองนิ่ง ลดความเร็วของร่างกายอย่างชัดเจน
“ฉันบอกว่านายไม่ต้องสนใจ” โจวเจ๋อตะโกนพูดอยู่ข้างหลัง ขณะเดียวกันเล็บมือทั้งสิบนิ้วของเถ้าแก่โจวได้งอกยาวออกมา พลางตวาดเสียงทุ้มต่ำว่า “กาแฟ!”
โซ่นับสิบเส้นที่ถูกพวกหุ่นขี้ผึ้งเรียกออกมาสูญเสียการควบคุมลงในทันใด มันเริ่มส่ายไปมาอย่างไร้จุดหมาย แต่ไม่ได้พุ่งไปที่ตัวของเด็กผู้ชาย
และเวลานี้เด็กผู้ชายจับหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงที่กำลังถอยไปด้านหลังได้แล้ว ตอนที่อีกฝ่ายกำลังละลายขี้ผึ้งเตรียมหนี เขาได้ท่องคาถาออกไป!
‘ปึ้ง!’ ร่างกายของหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงถูกสร้างใหม่อีกครั้งมาแต่ไกล แต่ครั้งนี้หุ่นขี้ผึ้งของเธอกลับทรุดไปครึ่งหนึ่ง แม้แต่ดวงตาและจมูกก็ยังไม่ถูกตำแหน่ง เหมือนคนที่ทำศัลยกรรมล้มเหลว
และบางทีเมื่อเทียบกับตัวเองที่ถูกโจมตีพ่ายไปอีกครั้ง สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งประหลาดใจคือ โซ่นับสิบเส้นกลับสูญเสียการควบคุมในทันใด!
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เธอยังไม่ได้เลื่อนความสงสัยไปที่ตัวของโจวเจ๋อ และเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะคิดไปทางนั้น ถึงแม้เธอจะพูดถึงชนเผ่าของเธอด้วยใบหน้าที่เคารพเลื่อมใสเสมอ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเชื่ออย่างสนิทใจว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นยังมีตัวตนอยู่จริง แถมยังอาศัยอยู่ในร่างของยมทูตที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
คนเราปากไม่ตรงกับใจไม่มีใครเสมอเหมือน
เวลานี้ พนักงานทั้งสองคนได้วิ่งเข้ามา หลังจากที่พวกเขาเห็นสถานการณ์ดังกล่าว จึงรีบคุกเข่าทันที สองมือแนบแน่นไปที่พื้น
โจวเจ๋อเหลือบตามองเล็กน้อย สองมือชี้ไปที่พวกเขา แล้วกำเบาๆ “หนังสือพิมพ์!” โซ่นับสิบเส้นเหวี่ยงเข้าไปทันที!
‘เปรี๊ยะๆ!’ เสียงดังก้องสองครั้ง
หุ่นขี้ผึ้งของพนักงานสองคนระเบิดทันที เงาสีดำพุ่งออกมาเป็นสองสาย นี่คือการปลอมตัวของพวกเขาถูกทำลายแล้ว เผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริง และยังได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกเขาดังมาจากกลางอากาศ
คาถาที่พวกเธอใช้ควบคุมแต่เดิม ทำไมถึงย้อนกลับมาทำร้ายพวกเธอ
เด็กผู้ชายมองโซ่เหล่านั้น แล้วมองโจวเจ๋ออีกที เขาหัวเราะแล้วพุ่งเข้าหาหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงต่อ
หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงคิดไม่ถึงว่าจะต้องรับมือกับผีดิบตัวนี้ เพราะเธอรู้ดี ถึงจะเห็นว่าเขาเป็นเด็ก แต่ถ้าคุณอยากจะจัดการเขาจริงๆ นั้นยากมาก ยากจริงๆ ต่อให้เขายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าคุณ ถ้าอยากจะฆ่าเขา ก็ต้องเปลืองแรงสุดฤทธิ์ และอาจจะไม่สำเร็จด้วยซ้ำ
ผีดิบผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้ แม้แต่เทพเซียนก็ยังปวดหัว การต่อสู้กับไอ้หมอนี่ จะใช้ไม้แข็งไม่ได้ จึงเลือกได้แค่ปราบไว้เท่านั้น!
“ด้วยชื่อของข้า ขอเชิญอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่า!” ชั่วเวลาเดียว หุ่นขี้ผึ้งภายในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งทั้งหมดเริ่มร้องเรียก艾琳小說
“ฝุ่นธุลีที่สะสมบนกระดูก สุดท้ายถูกปัดออกไป! ความเงียบเหงาของวันเวลา ในที่สุดก็สิ้นสุดลง! คลื่นโหมซัดสาดในความมืด จะต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง!” ขับขานเพลงโบราณพร้อมกับท่วงทำนองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สายตาของโจวเจ๋อกวาดมองไปรอบๆ ไม่หยุด พูดจริงๆ นะ เขากังวลอยู่บ้าง กังวลว่าคนนั้นที่อยู่ในร่างของตัวเองตอนนั้นได้ทิ้งอะไรไว้ให้คนเผ่านี้กันแน่
ถ้าหากตอนนั้นคนโง่นั่นได้มอบอาวุธที่มีกำลังทำลายล้างสูงอะไรให้ ถึงตอนนี้กลับวกมาฆ่าตัวเองอีก ไม่น่าขำเกินไปหน่อยหรือ
เสียดาย ตอนนี้อิ๋งโกวยังนอนหลับสนิท ไม่สามารถฟื้นขึ้นมา จึงไม่สามารถสื่อสารได้ชั่วคราว หรือพูดอีกอย่างคือ ไม่สามารถแอบบอกให้โจวเจ๋อรู้ล่วงหน้าได้
ด้วยเหตุนี้ เถ้าแก่โจวจึงรู้สึกหวั่นไหวอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเหลวไหลเหมือนกัน ตอนนี้ฉันกำลังทำให้ตัวเองตกใจตัวเองอย่างแท้จริง!
‘วืด!’ เสียงทุ้มต่ำพลันดังขึ้น เงาของคนชราคนหนึ่งลอยขึ้นมาจากกองขี้ผึ้ง “เหตุใดต้องรบกวนอาวุธศักดิ์สิทธิ์!”
“ปราบศัตรูชนเผ่าของข้า พวกที่คิดแย่งทุกอย่างของชนเผ่าข้า!” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงโดนเด็กผู้ชายไล่ตามพร้อมกับตะโกนไปด้วย
“เหอะ” หุ่นขี้ผึ้งคนชราหายตัวไปอีกครั้ง ชั่วเวลาเดียว ขี้ผึ้งที่อยู่บนพื้นเริ่มเดือดขึ้นมา ทั่วทั้งพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งเหมือนเหยือกขนาดใหญ่มหึมาและมีน้ำมันเดือดปุดๆ อยู่ในนั้น!
ขี้ผึ้งเริ่มรวมตัวแน่น สร้างเป็นบันไดแต่ละขั้นออกมา ต่อจากนั้นคือกระดูกขาวทับถมกันมากมาย ราวกับว่ามีวิญญาณมากมายนับไม่ถ้วนกำลังแผดร้อง ถึงแม้จะตายไปแล้วก็ยังไม่ยอม!
ใบหน้าล้วนน่าเกลียดน่ากลัวทั้งหมด ไม่ว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่จะเหิมเกริมยิ่งใหญ่แค่ไหน ท้ายที่สุดก็ต้องถูกฆ่าตายทับถมเป็นบัลลังก์นี้!
บัลลังก์กระดูกขาว รวมตัวกันอยู่ตรงนี้! มันไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่ของจริงแน่นอน และอาจจะเป็นเงาของบัลลังก์กระดูกขาวเท่านั้น แต่อานุภาพที่น่าเกรงขามนี้ กลับน่าสะพรึงกลัวสุดๆ! กระทั่งทรงอานุภาพมากกว่าตอนที่ร่างแยกของเซี่ยจื้อเยื้องกรายมาถึง!
“ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี สลาย!” เด็กผู้ชายจับหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงอีกครั้ง แล้วร่ายคาถาทันที หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงกรีดร้องน่าสงสาร ครั้งนี้เธอเหลือเพียงร่างที่เลือนราง พลังงานสีดำกระจายออกมาจากร่างของเธอ เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ร่างจริงก็ยังกระเด็นออกมา และได้รับบาดเจ็บหนักมาก
แต่เวลานี้เธอกลับไม่ลนลานแม้แต่นิดเดียว กลับฝืนยกมือขึ้นแล้วตวาดเสียงต่ำ “ด้วยนามของข้า จงปราบศัตรูของชนเผ่าข้า!” วินาทีต่อมา สายตาของหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงได้กวาดตามองไปที่เด็กผู้ชาย
‘แกร๊ก!’ บัลลังก์สั่นสะเทือนขึ้นมา แม้แต่กระดูกขาวอันน่ากลัวที่อยู่ด้านล่างก็ยังสะเทือนขึ้นมาเหมือนกัน
ตอนแรกเด็กผู้ชายไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่ทันใดนั้นทั้งตัวของเขาก็ถูกเหวี่ยงลงไปบนพื้น
‘ปึ้ง!’ พื้นถูกเขากระแทกจนเป็นหลุม จากนั้นทั้งตัวของเขาเริ่มถูกพลังงานที่น่ากลัวบางอย่างห่อหุ้ม แล้วลากเขาไปยังบัลลังก์กระดูกขาวที่สร้างขึ้นจากขี้ผึ้ง!
“โกรลๆๆ!!!!!” เด็กผู้ชายดิ้นสะบัดอย่างบ้าคลั่ง เขากำลังแผดเสียงและดิ้นรนอย่างเต็มที่ เล็บข่วนพื้นเกิดเป็นร่องขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะต่อต้านอย่างไร เขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ถูกดึงไปทางบัลลังก์นั่นได้เหมือนเดิม!
ความรู้สึกหวาดกลัวถาโถมเข้ามา ราวกับสัญญาณของวันสิ้นโลกดังขึ้นข้างหูของเขา ถึงแม้จะเป็นเขา แต่ถ้าถูกดึงลงไปใต้บัลลังก์นั่น สุดท้ายก็ไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้ตลอดไป!
“โกรลๆๆ!!!!!” สัญชาตญาณของการอยู่รอด ทำให้เขาเผยเขี้ยวที่น่ากลัวออกมา แต่การดิ้นรนแบบนี้ กลับยิ่งทำให้เห็นความซีดขาวและหมดแรงชัดเจนขึ้น
กระดูกสีขาวที่อยู่ใต้บัลลังก์ยื่นมือออกมา เริ่มดึงข้อเท้าของเด็กผู้ชาย พวกเขากำลังต้อนรับเขา ต้อนรับเพื่อนร่วมทางที่ถูกกักขังพร้อมกับพวกเขาไปตลอดกาลหลังจากที่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานกี่ปีแล้ว
“ในอดีต หัวหน้าเผ่าของพวกเราควบคุมทะเลแห่งความตาย นรกที่กว้างใหญ่ ไม่มีใครที่จะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจ!บรรพบุรุษชนเผ่าของฉันได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่สะเทือนฟ้า ช่วยปกป้องบัลลังก์กระดูกขาวของหัวหน้าเผ่า!” ขณะที่พูดหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงมองไปทางโจวเจ๋อที่อยู่อีกด้าน
“ต่อไป ถึงตาของคุณแล้ว ฉันเคยพูดแล้ว คุณจะต้องเสียใจกับการติดสินใจของคุณก่อนหน้านี้!” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงเห็นโจวเจ๋อสีหน้าเปลี่ยน เธอคิดว่าโจวเจ๋อกลัว โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นสภาพของเด็กผู้ชายแล้ว เขาจะต้องหวาดกลัวอย่างแน่นอน และเสียใจเป็นอย่างยิ่ง แต่มันสายไปแล้ว!
“ด้วยนามของบัลลังก์นี้ จงปราบศัตรูของชนเผ่าข้า!” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงลงมือกับโจวเจ๋อแล้ว
โจวเจ๋อเริ่มเดินไปที่บัลลังก์อย่างช้าๆ
หืม ยอมรับชะตากรรมแล้วเหรอ หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงคิดอยู่ในใจ เงาดำสองสายที่เคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศก็คิดเช่นนี้
ความกล้าหาญถูกโจมตีพังทลายด้วยอำนาจของบัลลังก์ จึงเลือกที่จะยอมแพ้ใช่ไหม
โจวเจ๋อเดินไปข้างบัลลังก์ กระดูกสีขาวที่อยู่ใต้บัลลังก์มากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังกวักมือเรียกเขาก่อนหน้านั้นพยายามจะดึงเขาเข้าไป ให้โดนจองจำไปด้วยกัน!
พวกเขาแค้น พวกเค้าเกลียด ถึงแม้จะผ่านไปพันปีหมื่นปี ก็ไม่อาจลบเลือน! ดังนั้นพวกเขาอยากให้มีคนมากมายมาอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา ลำบากไปพร้อมกับพวกเขา ทนทุกข์ทรมานไปด้วยกันชั่วนิรันดร์!
ทว่าตอนที่เท้าของโจวเจ๋อเหยียบขั้นบันได พวกกระดูกสีขาวที่เผชิญหน้ากับเขาและแผ่กระจายความน่ากลัวเหล่านั้นออกมากลับเงียบกริบในชั่วพริบตา พวกมันเริ่มถอยหลังอย่างบ้าคลั่งราวกับเห็นผี ร้องตะโกน กรีดร้อง เกรงกลัว และหวาดผวา!
หลังจากที่โจวเจ๋อก้าวขึ้นบันไดต่อไป เหล่ากระดูกสีขาวอีกด้านหนึ่งที่เดิมทีดึงตัวครึ่งหนึ่งของเด็กผู้ชายลงไปใต้บัลลังก์ รีบปล่อยมือพร้อมกันทันที ทั้งหมดเริ่มร้องโหยหวน!
พวกเขากำลังกลัว พวกเขากำลังตื่นตกใจ เวลานี้พวกเขานึกถึงความทรงจำอันน่ากลัวตอนที่ถูกควบคุมในปีนั้น!
หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงยิ่งนิ่งเหมือนหุ่นไก่ สมองของเธอไม่สามารถเข้าใจฉากที่อยู่ตรงหน้าได้!
พนักงานสองคนที่อยู่ข้างบนได้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ผู้ชายและผู้หญิงเป็นวิญญาณชั่วมีเขายาวอยู่บนศีรษะ
โจวเจ๋อเหยียบโครงกระดูกสีขาวเดินขึ้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายเขาได้ยืนอยู่ตรงหน้าบัลลังก์
“ฮือๆๆๆ!!!!!!”
“โอ๊ยๆๆๆ!!!!!!”
พวกโครงกระดูกสีขาวที่อยู่ใต้บัลลังก์เริ่มดิ้นรนสุดฤทธิ์ด้วยความไม่ยินยอม ไม่ยอมรับโชคชะตา หรือไม่ก็อาศัยสัญชาตญาณ
โจวเจ๋อหมุนตัว หันหลังให้บัลลังก์ จากนั้นจึงค่อยๆ นั่งลงไป วินาทีนั้นพวกกระดูกสีขาวที่อยู่ใต้บัลลังก์จึงเงียบพร้อมกัน เหมือนกลายร่างเป็นก้อนหินในพริบตา ไม่มีใครกล้าทำตัวกำเริบเสิบสาน!
พวกมันกลายเป็นก้อนหินพร้อมกัน และยังมีพวกหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงทั้งสามคนด้วย
เด็กผู้ชายที่เพิ่งเผชิญหน้ากับความเป็นความตายเมื่อครู่เงยหน้าขึ้น มองเงาร่างที่อยู่ด้านบน วินาทีนี้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนกับต้นไม้ที่สูงใหญ่หาที่เปรียบมิได้ ขณะเดียวกัน ฉากนี้ทำให้เขานึกถึงหุ่นขี้ผึ้งน่ากลัวที่เห็นอยู่ในห้องด้านในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งก่อนหน้านี้ เงาของทั้งสองคนเหมือนทับซ้อนกันในเวลานี้
เด็กผู้ชายยังจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองถามด้วยความสงสัย ‘เขาเป็นใคร’
‘ไม่รู้จัก’
ตอนที่สองมือของโจวเจ๋อวางอยู่บนที่นั่งอย่างสบาย พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่เสียงดังเอะอะโวยวาย กลับเข้าสู่ความเงียบงันได้ยินแม้แต่เสียงของเข็มหล่นในชั่วพริบตา!
โจวเจ๋อหลับตา ดื่มด่ำกับความรู้สึกแบบนี้ สักพักหนึ่งเขาจึงค่อยๆ ลืมตามองไปทางพวกหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงทั้งสามคนที่ยืนอยู่ไกลๆ
พวกหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงทั้งสามคนรู้สึกเหมือนตกนรกทันที ราวกับว่าถูกปีศาจร้ายตัวจริงจ้องมอง!
พวกเธอเริ่มวิ่งหนีโดยสัญชาตญาณ ภารกิจอะไร ของอะไรของลู่ผิงจื๋อ จุดประสงค์อะไร พวกเธอไม่สนใจแล้ว และไม่กล้าที่จะคิด
ทัศนคติที่มีต่อโลกของพวกเธอกลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง ไม่ ถ้าจะพูดให้ถูกคือ พวกเธอเหนภาพมากพอที่จะทำให้ความเชื่อเกี่ยวกับชนเผ่าของพวกเธอถูกล้มล้าง!
มีหลายสิ่งที่พวกเธอไม่กล้าคิด ไม่กล้าคิดจริงๆ ตอนนี้พวกเธอกล้าวิ่งหนีอย่างเดียว วิ่งหนีโดยสัญชาตญาณ!
บัลลังก์กระดูกขาวนี้ชนเผ่าของพวกเธอเคารพบูชามาไม่รู้กี่ปี เรื่องเล่าและตำนานเกี่ยวกับหัวหน้าชนเผ่าถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นภายในชนเผ่า แต่ตัวของพวกเธอเองอาจจะลืมไปนานแล้วว่า พวกเธอกำลังกราบไหว้บูชาคนนั้นที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ หรือว่ากำลังกราบไหว้บัลลังก์เท่านั้นกันแน่!
วิ่งๆ รีบวิ่งหนี จำเป็นต้องวิ่ง ปีศาจร้ายกำลังอ้าปาก พวกเธอจำเป็นต้องวิ่ง!
หนีกลับไป หนีกลับไปยังชนเผ่า กลับไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่!
แต่ที่น่าขำคือ ทั้งๆ ที่มีคนนั่งอยู่บนบัลลังก์ การตอบสนองอย่างแรกของพวกเธอไม่ใช่การเคารพกราบไหว้ หรือยอมอยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นความตกใจลนลานทำตัวไม่ถูก ราวกับถูกขโมยของที่สำคัญที่สุดไป!
ความเร็วของหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงไวยิ่งกว่า ความเร็วของสองคนที่เหลือก็ไม่ช้า ชั่วพริบตาเดียวพวกเธอก็วิ่งมาถึงหน้าประตูพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแล้ว
และในตอนนี้เอง ผู้ชายที่อยู่บนบัลลังก์จึงยกมือขึ้นช้าๆ พูดเบาๆ ว่า “เชิญนั่ง!”
………………………………………………………………………..