ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 550 คำสัญญา!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 550 คำสัญญา!

“เชิญนั่ง!” ดูเหมือนจะเป็นประโยคเรียบง่าย แต่กลับเหมือนเปิดกรงของปีศาจร้าย ชั่วเวลาเดียว พวกกระดูกขาวใต้บัลลังก์ที่เดิมทีเงียบกริบจู่ๆ ได้เริ่มแผดเสียงคำรามน่ากลัวอีกครั้ง เงาดำแต่ละสายยืดขยายออกมาจากตัวของพวกเขา พวกเขาคำราม พวกเขาแผดเสียงสุดฤทธิ์ พวกเขาตื่นเต้น ก่อนหน้านี้ พวกเขาโกรธ พวกเขาไม่ยอม พวกเขาดิ้นรน แต่หลังจากที่คนนั้นกลับมานั่งบัลลังก์นี้ใหม่ กลับกลายเป็นสุนัขไซบีเรียนฮัสกีแสนเชื่องที่สุดในทันใด กลายเป็นสุนัขล่าเหยื่อที่ซื่อสัตย์และว่องไว คิดแต่จะพุ่งออกไปท่าเดียว กระโจนเข้าใส่เหยื่อที่เจ้าของบัลลังก์ชี้!

ชั่วเวลาเพียงครู่หนึ่ง เดิมทีพวกหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงทั้งสามคนกำลังจะออกจากพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งแล้วกลับถูกดึงกลับไปอีกครั้ง ร่างของพวกเธออยู่ตรงหน้าเงาปีศาจยักษ์ที่น่าประหลาดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเธอตัวเล็กขนาดไหน

ใครจะไปรู้ว่าตอนนั้นอิ๋งโกวเบื่อจัดเลยฆ่าเทพและปีศาจไปมากมายแค่ไหน!

แต่จากความเข้าใจของโจวเจ๋อที่มีต่ออิ๋งโกว ไอ้หมอนี่ถึงแม้ตอนนั้นจะเป็นแม่ทัพใหญ่ของจักรพรรดิเหลือง หลังจากยกทัพจับศึกไปทั่วแดน ทำความดีความชอบในการศึกเป็นที่เลืองชื่อ กระทั่งสามารถพูดได้ว่าอำนาจสูงกลบนายก็ไม่ถือว่ามากเกินไป

ส่วนในสมัยโบราณยุคนั้น เป็นเพราะว่าเขาหยิ่งผยองทำผิดต่อจักพรรดิเหลืองหรือไม่ หรือเป็นเพราะว่าเขามีอำนาจสูงกลบนายเป็นเหตุให้จักพรรดิเหลืองเกิดความระแวงจึงลดตำแหน่งของเขา กลัวว่าเขาจะออกมา ‘ช่วงชิงอำนาจได้สำเร็จ’ ตามแบบฉบับโบราณ ความจริงของเรื่องนี้ มีเพียงตัวของอิ๋งโกวเท่านั้นที่รู้ดี

สิ่งที่อยู่ในประวัติศาสตร์ไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมด นับประสาอะไรกับเรื่องราวที่อยู่ในตำนาน ควรทราบว่าในช่วงราชวงศ์ฮั่นตะวันตกไห่ฮุนโหวหลิวเฮ่อที่ครองราชย์ยี่สิบกว่าวัน ตามบันทึกระบุว่าเขาทำเรื่องชั่วมากมายนับพันเรื่องระหว่างที่ครองราชย์อยู่

ซึ่งหมายความไอ้หมอนั่นนอกจากกิจวัตรประจำวันกินดื่มขี้ฉี่นอนแล้ว ก็ทำแต่เรื่องชั่วไม่หยุดหย่อน เป็นไปได้ไหม

ตอนนั้นในนรก มีเทพและปีศาจที่ไม่ลืมหูลืมตากี่มากน้อยพยายามกระโจนเข้าต่อสู้กันเพื่อชิงอำนาจของเจ้าทะเลแห่งความตายอย่างไม่ขาดสาย โจวเจ๋อไม่รู้ แต่พอลองคิดดู พวกเทพและปีศาจทั้งหลายไม่น่าจะปุบปับก็มีแนวคิดสูงส่งรวมตัวกันต่อต้านเผด็จการ

และคาดว่าอาจจะเป็นวันนี้ อิ๋งโกวรู้สึกว่าบัลลังก์ไม่ค่อยนิ่งเท่าไร จึงไปฆ่าเทพและปีศาจเพื่อเป็นขารองเก้าอี้ วันพรุ่งนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยนิ่งเท่าไร จึงไปฆ่าอีก วันมะรืน… และอาจเป็นเพราะเขาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ถึงทำให้บัลลังก์กระดูกขาวนี้มี ‘ศพซ้อนทับกันสูงเป็นพีระมิด’ เหมือนอย่างทุกวันนี้

ระยะห่างก่อให้เกิดความสวยงาม แต่โจวเจ๋อไม่มีระยะนี้เลยจริงๆ โจวเจ๋อกำลังคิดฟุ้งซ่าน ส่วนพวกหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงทั้งสามคนกลับกำลังตัวสั่นงันงก

กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวรายล้อมอยู่รอบตัวพวกเธอ พวกเธอรู้สึกคุ้นเคยมากจริงๆ ชนเผ่าของตัวเองนับพันปีก่อน ไม่เพียงแต่กราบไว้บูชาบัลลังก์กระดูกขาวนี้เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือข้อตกลงกับเงาเสมือนของเหล่าปีศาจและเทพที่อยู่ใต้บัลลังก์นี้ โดยบูชายัญด้วยเลือด เพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือตัวเอง แต่ตอนนี้พวกปีศาจและเทพที่ได้รับการบูชายัญด้วยเลือดจากชนเผ่าของตัวเองนานนับพันปี กลับกลายเป็นเพชฌฆาตที่จับกุมพวกเธอ ไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือและไร้ซึ่งความน่าสงสาร!

เจ้าท้องทะเลแห่งความตาย ถึงแม้จะดับสูญไปนานหลายปีแล้ว แต่พวกกระดูกขาวทั้งหลายในฐานะผู้ที่เคยประสบกับความน่ากลัวของเขาด้วยตัวเอง ในส่วนลึกสุดของจิตวิญญาณ ยังคงตราตรึงความน่ากลัวอันยิ่งใหญ่อยู่เหมือนเดิม!

พูดจริงๆ นะ เถ้าแก่โจวตอนนี้กำลังเป็นสุนัขจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือ อย่างไรก็ตามอิ๋งโกวยังไม่ตื่น และกำลังนอนหลับใหล

แท้จริงแล้ว ต่อให้อิ๋งโกวตื่นขึ้นมาในเวลานี้ เขาก็ไม่ใช่อิ๋งโกวคนเดิมที่ชอบตะโกนว่า ‘ขาโต๊ะเอียงแล้ว’ ออกไปหาที่รองหนังสือมารองขาโต๊ะหน่อยอีกต่อไป

สถานการณ์ในตอนนี้ จึงสามารถพูดได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงจะมีฐานะเช่นนี้ และใครจะคาดคิดว่าโจวเจ๋อสามารถปลดล็อกให้ขยับด้วยคำว่า ‘กาแฟหนังสือพิมพ์’ ทำให้ตัดสินความสามารถของโจวเจ๋อผิดไป สุดท้ายจึงต้องเรียกเงาเสมือนของบัลลังก์กระดูกขาวนี้ออกมา

‘พลั่ก!’ เธอลองหยั่งเชิง เธอลองปะทะแบบแข็งชนแข็ง เธอลองใช้อุบายต่อสู้ เธอลองหนีแล้วก็จริง แต่ตานี้กลับไม่มีผลกระทบต่อการคุกเข่าของเธอในเวลานี้!

“หัวหน้า ท่านกลับมาแล้วใช่ไหม หัวหน้า ท่านกลับมา…แล้วจริงๆ ใช่ไหม” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิง ‘ร้องไห้น้ำตาอาบหน้า’ ร้องไห้น้ำมูกไหล ด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นและไม่อยากจะเชื่อ

เสียดายที่เราจะไม่พูดถึงฝีมือการแสดงของเธอ ลำพังแค่ร่างกายของเธอ ก็เกือบเละเพราะถูกเด็กผู้ชายใช้คาถาที่ทนายอันสอนเขาก่อนหน้านั้นแล้ว การร้องไห้กระซิกของเธอในตอนนี้ ยิ่งเหมือนหนอนผีเสื้อในร่างคนกำลังสะอื้นไห้คลานยุกยิก

โจวเจ๋อหันหน้าเล็กน้อย มองดูเธอ หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงยังคงแสดงต่อไป “หัวหน้า ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้วเผ่าของพวกเรา รอคอยท่านด้วยความทรมานอย่างยิ่ง!”

โจวเจ๋อไม่พูดอะไร เด็กผู้ชายยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ และรู้สึกว่าน่าสนุกดี ทว่ารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เขาอายุมากแล้ว แต่หลังจากที่ตัวเองตื่นขึ้นมาในฐานะของผีดิบเป็นต้นมา เขาต้องใช้ชีวิต ‘หลบๆ ซ่อนๆ’ มาตลอด

ตอนแรกเขาช่วยชีวิตชาวเขาจากในป่าใหญ่ ผลปรากฏว่าพวกชาวบ้านได้สร้างศาลให้เขา แต่เขากลับทำลายมัน เขาคือตัวตนที่ไม่อาจให้ใครล่วงรู้ได้ แต่กลับสร้างศาลขึ้นมาเพื่อบอกสวรรค์ว่าตรงนี้มีผีดิบตัวหนึ่ง จะรีบให้ฟ้าผ่าลงมาฆ่าเขาให้ตายเหรอ

ดังนั้นเด็กผู้ชายจึงรักษาความบริสุทธิ์สดใสของเขาไว้ในระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเหตุการณ์โดนลูกน้องหักหลังอยากจะกลืนกินเขา

“หัวหน้า ข้าจะไปบอกข่าวคนในเผ่า บอกเหล่าผู้เฒ่าที่อยู่ในเผ่า ถ้าหากพวกเขารู้ว่าหัวหน้ากลับมาแล้ว จะต้องดีใจยกใหญ่เป็นแน่! เผ่าของพวกเรากราบไหว้บูชาเจ้าของบัลลังก์นี้นานนับพันปี รอคอยการกลับมาของท่านตลอดเวลา!หัวหน้ากลับไปนรกอีกครั้ง เผ่าของพวกเรายินดีเป็นข้าหน้ารถม้าคอยรับใช้ท่าน จะเป็นสุนัขเฝ้าประตูที่ซื่อสัตย์อยู่แทบเท้าของท่าน ให้ท่านได้ใช้งาน!”

ตอนที่ได้ยิน ‘สุนัขเฝ้าประตู’ สามสี่คำเหล่านี้ เถ้าแก่โจวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ขมวดคิ้ว เธออยากจะแย่งชิงความเป็นที่โปรดปรานกับฉันเหรอ อ้อไม่ ไม่ใช่ ไม่ว่าอย่างไรคำว่าสุนัขเฝ้าประตูนี้ ทำให้เถ้าแก่โจวไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก

เพราะไอ้อิ๋งโกวเอาคำนี้มาสัพยอกเขาทุกครั้ง และจริงๆ แล้วมีนิดหน่อยที่โจวเจ๋อสงสัยมาตลอด ด้วยนิสัยของอิ๋งโกว ก่อนที่จะดับสูญจะยอมมอบบัลลังก์ของตัวเองให้คนอื่นเหรอ

อิ๋งโกวไม่น่าจะเรียกทุกคนที่ใกล้ชิดมาแบ่งทรัพย์สมบัติเพื่อให้ทุกคนอยู่สุขสบายก่อนที่ตัวเองจะเกิดเรื่อง และมีความเป็นไปได้สูงว่าต่อให้เขารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ในวันพรุ่งนี้ วันนี้เขาก็น่าจะนอนหลับแล้วก็นอนหลับอย่างเดียว พยายามใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่ ถึงแม้น้ำจะท่วมโลกหลังจากที่ตัวเองตายแล้วก็ตาม!

แบบนี้ถึงจะเป็นนิสัยที่แท้จริงที่สุดของอิ๋งโกว ดังนั้นบัลลังก์นี้ตกอยู่ในมือชนเผ่าของพวกเธอได้อย่างไร

ทนายอันเคยพูดว่า จากบันทึกลับของยมโลก หลังจากที่อิ๋งโกวดับสูญไปตอนนั้น แหล่าขุนนางที่โดนกดข่มอยู่ในนรกรวมตัวกันเพื่อแย่งชิงอำนาจ กระทั่งแบ่งแยกทะเลแห่งความตาย จากทะเลที่กว้างใหญ่เหลือเพียงแม่น้ำปรภพสายหนึ่งเท่านั้น

ซึ่งเหมือนก่อนการล่มสลายของสหภาพโซเวียต นักธุรกิจทั่วโลกและรัฐบาลต่างถือเงินสดใช้เส้นสายเพื่อแบ่งฮุบดินแดนซึ่งเป็นทรัพย์สินของสหภาพโซเวียต

และบัลลังก์ตัวนี้ ก็เป็นชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ ตกไปอยู่ในมือของชนเผ่ากลุ่มนี้ได้อย่างไร ถ้าหากอิ๋งโกวเป็นฝ่ายมอบให้เองกับมือ เถ้าแก่โจวที่ต้องประหยัดมัธยัสถ์ คงจะเจ็บปวดใจมากจริงๆ!ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

“หัวหน้า ข้าจะไปบอกผู้เฒ่าในเผ่า บอกข่าวดีกับพวกเขาว่าหัวหน้ากลับมาแล้ว!” หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงแบมือข้างหนึ่ง เตรียมจะแจ้งข่าวดี

โจวเจ๋อพูดสองคำออกมาอย่างเงียบๆ ว่า “ฉีกร่าง”

“โกรลๆๆๆ!!!!” เสียงคำรามของเหล่าเงาเสมือนของเทพและปีศาจดังขึ้นโดยรอบ กลบพวกหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงทั้งสามคนในพริบตา

นี่คือเสียงโห่ร้องดีใจของปีศาจ หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงได้แต่ร้องกรี๊ดเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจึงโดนตัดแขนขาจนเกลี้ยง แม้แต่วิญญาณของพนักงานทั้งสองคนก็ยังถูกบดขยี้และกลืนกินไปด้วยกัน

เถ้าแก่โจวยื่นมือลูบคางโดยไม่รู้ตัว รู้สึกปลื้มใจอย่างลึกซึ้ง พวกเทพและปีศาจกลุ่มนี้รู้คุณค่าของอาหาร ทันใดนั้นโจวเจ๋อจึงลุกขึ้นเดินอออกจากบัลลังก์

เงาเสมือนของเทพและปีศาจที่อยู่โดยรอบล้อมรอบตัวของเขากำลังจ้องมองเขา เด็กผู้ชายยืนอยู่ด้านล่างบัลลังก์เฉยๆ เหมือนกำลังคุ้มกันกษัตริย์ โจวเจ๋อจึงยื่นมือผลักเด็กผู้ชายเบาๆ ให้เดินลงขั้นบันไดของบัลลังก์อย่างช้าๆ

เวลานี้บัลลังก์ค่อยๆ ละลาย เดิมทีมันคือ ‘เงาเสมือน’ ที่หัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงใช้ขี้ผึ้งสร้างขึ้นมา คล้ายกับการฉายภาพจริงของบัลลังก์ หลังจากหัวหน้าพิพิธภัณฑ์หญิงตายแล้ว การพังทลายของบัลลังก์นี้จึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ตอนนี้โจวเจ๋อยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องทำ และเรื่องนี้ โจวเจ๋อรู้สึกว่าต้องทำด้วยตัวเอง อาจจะได้ผลดีกว่าตอนที่อิ๋งโกวตื่นขึ้นมา

ไม่มีเหตุผลอย่างอื่น แค่นึกถึงตอนนั้นที่คนโง่นั่นรอให้ ‘ประตูแห่งพุทธะ’ เปิดที่สวีโจวอย่างโง่เขลา รอให้พระพุทธเจ้าเสด็จลงมา โจวเจ๋อก็รู้สึกโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ซึ่งเทียบได้กับสามีภรรยาใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่มีข้าวจะกรอกหม้อแล้ว แต่ผู้ชายของตัวเองก็ยังออกไปเล่นพนันเลี้ยงคนอื่นหน้าใหญ่หน้าโต!

“ข้ายังไม่ตื่น” โจวเจ๋อเอ่ย เงาเสมือนของเหล่าปีศาจและเทพไม่ขยับ แต่บรรยากาศโดยรอบเหมือนจับตัวนิ่ง

“พวกเจ้า น่าจะมองออกแล้ว” โจวเจ๋อยักไหล่

“ตอนนี้ข้า อ่อนแอมาก ถึงขนาดพูดได้ว่า ข้า ยังไม่ใช่ข้า”

เงาเสมือนของเหล่าปีศาจและเทพเริ่มกระสับกระส่ายร้อนรน การคาดเดาของพวกเขา ถูกกดทับด้วยภาพลักษณ์อันน่ากลัวของอิ๋งโกวในตอนนั้น แต่ตอนที่โจวเจ๋อเป็นฝ่ายพูดออกมา พวกเขาเริ่มมีความคิดอื่นและความตื่นเต้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“พวกเจ้าสามารถเข้ามาพร้อมกัน ลองดูว่าจะสามารถแยกร่าง กลืนกิน แก้แค้น ทำให้ข้าเป็นเหมือนเธอได้ไหม” โจวเจ๋อหัวเราะแล้วชี้มาที่ตัวเอง

เงาเสมือนของเหล่าปีศาจและเทพเริ่มรวมตัวแน่นขึ้นมา

“สามารถลองดูก็ได้ รอให้เงาเสมือนของบัลลังก์ตัวนั้นพังลงมา พวกเจ้าก็สามารถกลับไปยังบัลลังก์ที่แท้จริงได้เหมือนเดิม และไปบอกคนในเผ่าของเธอ บอกว่า พบร่องรอยของข้าแล้ว” โจวเจ๋อพูดต่อ

เด็กผู้ชายเม้มปาก เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะเงาเสมือนของเหล่าปีศาจและเทพที่อยู่รอบๆ กำลังบีบอัดเข้ามา อีกครึ่งหนึ่งคือสิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึงก่อนหน้านั้น ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะนำมาซึ่งเกลียวคลื่นและความวุ่นวายมากแค่ไหน!

“ข้าคือเขา และข้าก็ไม่ใช่เขา” โจวเจ๋อมอบไปรอบๆ พูดเสียงดังก้อง “ปิดปาก เรื่องในวันนี้! ข้าสัญญากับพวกเจ้าอนาคตไม่นานหลังจากนี้ วันที่ข้ากลับมาอย่างแท้จริง จะเป็นคนปลดผนึกของพวกเจ้า ปล่อยพวกเจ้าเป็นอิสระ ช่วยพวกเจ้ากลับคืนสู่กายเนื้อ พาพวกเจ้าออกไปรบที่นรกอีกครั้ง นำสิ่งที่ข้าและพวกเจ้าสูญเสียไปทุกอย่างกลับคืนมาด้วยกัน!ตอนนั้น นรกเป็นของพวกเรา อนาคต นรกก็ยังเป็นของพวกเราเหมือนเดิม! พวกเจ้าจะไม่ใช่นักโทษที่ถูกขังอยู่ใต้บัลลังก์นี้อีกต่อไป พวกเจ้าจะกลายเป็นเพื่อนทหารของข้า นรกนั้นกว้างใหญ่ ใหญ่มากพอที่จะแบ่งปันให้ข้ากับพวกเจ้าใช้ร่วมกัน!”

เงาเสมือนของเหล่าปีศาจและเทพเอนไหวไปมา ตอนที่บัลลังก์ละลายได้ครึ่งหนึ่ง เงาเสมือนของเหล่าปีศาจและเทพทั้งหมดได้คุกเข่าดัง ‘พลั่ก!’ ต่อหน้าโจวเจ๋อ

ซี้ด…สบายใจ! เถ้าแก่โจวสูดลมเย็นเข้าปากโดยไม่รู้ตัว

เพื่อแสวงหาความรู้สึกที่อยู่เหนือคนอื่น หลายคนจึงไปเป็นข้าราชการ หลายคนจึงแสวงหาความเผด็จการ เกียรติยศและความมั่งคั่ง พวกเขาไม่สนใจจริงๆ สิ่งที่พวกเขาต้องการ แท้จริงแล้วก็คือความสุขที่ได้รับการกราบไหว้บูชาเช่นนี้!

แต่ตัวเขาเองกลับได้รับการคุกเข่าจากเทพและปีศาจกลุ่มนี้! ความรู้สึกเบิกบานใจเช่นนี้ แทบจะแสดงออกมาจากสีหน้า! ถ้าหากไม่มีเด็กผู้ชายกำลังเดินประคองอยู่ข้างๆ เถ้าแก่โจวคงหกล้มไปบนพื้นแล้ว

บัลลังก์ได้พังทลายในท้ายที่สุด เงาเสมือนของเหล่าปีศาจและเทพได้กระจายหายไปพร้อมกัน กลับไปยังสถานที่อยู่ของบัลลังก์อย่างแท้จริง

เด็กผู้ชายประคองโจวเจ๋อ แล้วถามอย่างสงสัยว่า “แค่นี้ก็จัดการได้แล้วเหรอ” พวกเขาแค่นี้ก็เชื่อแล้วเหรอ เฮ้อพวกเทพและปีศาจเอ๋ย ทำไมถึงโดนหลอกง่ายแบบนี้ นี่เหมือนคนโง่ที่เถ้าแก่มักจะพูดถึงเป็นประจำไม่ใช่เหรอ

โจวเจ๋อพยักหน้ากล่าวว่า “สามารถพูดได้ว่า ชื่อเสียงของไอ้หมอนั่นดีเกินไปต่างหาก” ตายแล้วก็ยังอยากรักษาหน้า แต่เป็นเพราะตายก็อยากรักษาหน้าไว้ ดังนั้นโจวเจ๋อจึงยอมทำข้อตกลงกับอิ๋งโกว และไม่กลัวว่าอิ๋งโกวจะเสียใจภายหลังหลังจากที่โดนหลอก ดังนั้นพวกเทพและปีศาจที่ถูกอิ๋งโกวฆ่าเอามาเป็นที่รองขาโต๊ะในตอนนั้น พวกเขาก็คือคนที่รู้จักอิ๋งโกวดีที่สุด ถึงได้เชื่อคำสัญญาของ ‘อิ๋งโกว’!

เสียดายที่อิ๋งโกวเกิดเร็วเกินไป ไม่ทันยุคชังเจี๋ยประดิษฐ์อักษร ไม่อย่างนั้นอาจจะมีสำนวนภาษาจีนคำว่า ‘คำสัญญาของอิ๋งโกว!’

………………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท