ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 569 ทหารปีศาจ!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 569 ทหารปีศาจ!

หนึ่งเมือง หนึ่งสุสาน

ข้ากลับมาแล้ว นี่เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้นรก สายตาของอิ๋งโกวทอดมองออกไปไกล มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะเขย่งเท้าเบาๆ เหนือพระจันทร์สีเลือดแล้วเหาะออกไป

ต้าฉางชิว เจ้ารีบหนีไปหน่อยสิ หนีให้เร็วอีกหน่อยสิ ตอนนี้ก็ยังช้าเกินไปอยู่ดี

ภายใต้ซากปรักหักพัง อิ๋งโกวไม่ได้ใส่ใจว่า ‘ผู้มีอำนาจ’ ที่เมื่อก่อนทำตัวสูงส่งอยู่ในนรกถูกฝังไปแล้วเท่าไรกันแน่ อิ๋งโกวคร้านจะสนใจไยดี และเขาก็ไม่ชายตามองปลาเล็กปลาน้อยที่ลอดผ่านตาข่ายเหล่านั้นเลยสักนิด กระทั่งซ่งตี้หวังอวี๋ที่ร่างธรรมถูกทำลายจนสิ้นซาก เขาก็ไม่ไปตามหา เพียงแต่จากไปอย่างกะทันหันและทิ้งสุสานขนาดมหึมาเอาไว้ ซากปรักหักพังนี้อาจยังคงอยู่ในอีกหลายพันปีต่อมา และจะถูกผู้คนในนรกเล่าขานตำนานพระจันทร์ทำลายล้างโลกสืบต่อกันไป

บัดนี้ ทั้งนรกได้สั่นสะเทือนและเดือดพล่านขึ้นมาแล้ว ความคิดนับไม่ถ้วนถูกส่งออกไป ไม่ต้องเอ่ยถึงเสียงพลังปะทะกันดังลั่นอันน่าสะพรึงกลัว แค่คุณว่างๆ เลยเงยหน้าขึ้นมองฟ้าก็จะพบว่า ‘บ้าจริง พระจันทร์หายไปได้อย่างไร’

หลายๆ คนต่างพากันถามว่า

‘ใครกันนะ’

‘ใครกันแน่’

‘ใครกันเล่า’

กระแสน้ำเชี่ยวกรากกำลังถาโถมอย่างรวดเร็ว คนที่ไม่รู้ก็ตื่นตระหนก คนที่รู้ก็กลับคิดไปต่างๆ นานา

แน่นอนว่า จำนวนคนที่ไม่รู้นั้นมีมากกว่า เพราะยุคสมัยของอิ๋งโกวห่างไกลจากปัจจุบันนานโข ห่างไกลจนของเก่าแก่ของโบราณในปัจจุบันหลายชิ้นยังไม่เกิดขึ้นเลยในยุคสมัยนั้น

‘ไม่เขมือบคนต่อแล้วหรือไง’ โจวเจ๋อถาม

‘ไม่…ทัน…แล้ว…’ ไม่ใช่ทุกคนจะ ‘ย่อย’ ตัวเองเหมือนผิงเติ่งหวังแล้วส่งเข้าปากให้เขาเสร็จสรรพ ขณะเดียวกันการย่อยพวกเขาก็ต้องใช้เวลานาน กระทั่งอาจจะถึงขั้นหลับสนิท

เขารอช้าไม่ได้และไม่อยากเสียเวลาด้วย ชีวิตคนเรานั้นสั้น ต้องฉกฉวยวันเวลาไว้ใช้ชีวิตให้มีความสุขกับปัจจุบัน

‘จะเสี่ยงเกินไปไหม ตอนนี้คุณฟื้นตัวเท่าไรแล้ว หนึ่งส่วนเหรอ’

‘พอ…ใช้…น่า…’

ลมนรกพัดผ่านข้างกายราวกับคมมีด ไม่ใช่ว่าลมแรง แต่ความเร็วของอิ๋งโกวรวดเร็วเกินไปแล้วจริงๆ โจวเจ๋อสามารถมองเห็นแผ่นดินที่เปลี่ยนแปลงไปใต้ฝ่าเท้าของเขาตลอดเวลา ราวกับตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินมองเห็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของนรกแห่งนี้

ร่างของต้าฉางชิวค่อยๆ ปรากฏให้เห็นแล้ว เขาพยายามซ่อนลมหายใจของตัวเองและพยายามทิ้งร่างแยกไว้เพื่อให้ผู้ที่ไล่ตามมาเข้าใจผิด เขาคิดหาวิธีต่างๆ นานา แต่ก็ไร้ประโยชน์ คนผู้นั้นเอาแต่ไล่ตามเขามาเรื่อยๆ อย่างแน่วแน่ ช่างทำให้สิ้นหวังเหลือเกิน!

นายพรานล่าสัตว์ ไม่จำเป็นต้องมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการล่าเหยื่อ เฉกเช่นเดียวกับหลายๆ คนที่ออกล่าสัตว์ในปัจจุบันนี้ แค่พอสนุกกับขั้นตอนกระบวนการนี้ก็เท่านั้นเอง สำคัญที่การเข้าร่วมต่างหาก

ต่างจากการเดินเล่นสบายๆ ของอิ๋งโกว ต้าฉางชิวยิ่งหนีก็ยิ่งร้อนใจ แม้จะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็ไร้หนทาง ใครจะตายก็ตายแต่จะเสียสละตัวเองไม่ได้ ก่อนพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์จะเสด็จออกมา เขาจำเป็นต้องหาคนให้มากพอที่จะช่วยตัวเองหยุดยั้งการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวเบื้องหลังของเขาไว้!

บัดซบ ชายด้านหลังผู้นั้นโผล่พรวดมาจากไหนกันแน่

แต่น่าเสียดายที่ต้าฉางชิวไม่กล้าหยุดแล้วหันกลับไปถามคำถามนี้กับอีกฝ่าย ส่วนแมวดำยักษ์ที่ดูเหมือนจะรู้รายละเอียดก็ถูกเหยียบตายไปแล้ว

ด้านหน้ามีสุสานปรากฏขึ้น นี่เป็นสถานที่ฝังศพหมู่แห่งหนึ่ง ตามตำนานกล่าวว่าเป็นโบราณสถานที่หลงเหลือจากสมัยโบราณ ที่หลุมศพด้านหน้าสุดป้ายหลุมศพพังทลายลงครึ่งหนึ่ง แต่กลับเผยให้เห็นแสงอึมครึม ด้านหลังหลุมศพนี้ มีหลุมศพขนาดใหญ่หลายพันหลุมตั้งตระหง่านอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดูเหมือนว่าหลุมศพนี้จะเป็นแกนหลัก!

ในนรกมีซากโบราณสถานอย่างนี้มากมาย บางแห่งหลงเหลือจากการล่มสลายของผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต อย่างเช่นพระราชวังของอิ๋งโกวในอดีต และมีการอพยพมาจากที่อื่นด้วย เนื่องจากลักษณะพิเศษของนรก ดังนั้นสถานที่คล้ายกันแบบนี้จำนวนมากจึงถูกปล่อยให้มีอยู่ มันดูเหมือนกับเป็นกองขยะขนาดยักษ์

หลายสิ่งที่ไม่อาจปรากฏออกไปสู้แสงตะวันบนโลกมนุษย์ได้ สามารถซ่อนอยู่ใต้เงานรกได้

ยมโลกเป็นเพียงหน่วยงานปกครองอย่างเป็นทางการของนรก ถือได้ว่าเป็นราชสำนักที่อยู่ในด้านสว่าง พวกเขาควบคุมอำนาจสับเปลี่ยนหมุนเวียนระหว่าง ‘ชีวิต’ และ ‘ความตาย’ แต่นรกนั้นใหญ่เกินไปจริงๆ ยังมีกองกำลังอีกมากมาย และยังมีเจ้าครองนครอื่นๆ อีกด้วย ดูจากภายนอกทุกคนก็เหมือนจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขดี เว้นเสียแต่ว่ากองกำลังใดอยากแทรกแซงอำนาจ ‘ชีวิตและความตาย’ ไม่อย่างนั้นยมโลกก็จะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ถึงอย่างไร พวกระดับสูงของยมโลกเอง จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยเป็นหนึ่งเดียว

ในขณะที่ต้าฉางชิวหนีก็หยิบเอาสายคาดสีขาวออกมามัดไว้บนหน้าผากของตัวเอง จากนั้นเหมือนร้องไห้คร่ำครวญและตะโกน “ท่านปู่ ช่วยข้าน้อยด้วยขอรับ ช่วยข้าน้อยด้วย ข้าน้อยถูกคนไล่ฆ่า มีเพียงท่านที่สามารถช่วยหลานชายของท่านได้!”

หลานชายจะใช่หลานชายจริงๆ หรือไม่ และท่านปู่จะใช่ปู่จริงๆ หรือไม่ เรื่องพวกนี้ไม่สลักสำคัญอะไร ประเด็นสำคัญก็คือเมื่อต้าฉางชิวร้องห่มร้องไห้มันหนักยิ่งกว่า เศร้ายิ่งกว่า และสะเทือนอารมณ์ยิ่งกว่าลูกหลานกตัญญูส่วนใหญ่อย่างแน่นอน!

ทำเอาคนฟังก็เศร้าจนน้ำตาไหลพรากไปด้วยจริงๆ

เบื้องล่าง หลุมศพครึ่งหนึ่งแห่งนั้นที่อยู่ด้านหน้าสุดปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้น ร่างนั้นสลัวๆ เล็กน้อย แต่หลังจากปรากฏขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงผีสางคร่ำครวญโหยหวนดังขึ้นโดยรอบอย่างพร้อมเพียงกัน ราวกับผู้นำทัพยืนขึ้นและผู้ใต้บังคับบัญชาข้างหลังเริ่มชักธงและตะโกนกู่ก้อง!

“วันนี้ช่วยข้าน้อยหยุดผู้ที่อยู่เบื้องหลัง วันข้างหน้าจะถวายเครื่องบรรณาการบูชายัญสิบเท่า!” ต้าฉางชิวทำสัญญาโดยตรง

‘ปุ…ปุ…ปุ…ปุ…’ ท่ามกลางหลุมศพเบื้องล่างมีเสียงกระแทกดังแหวกอากาศขึ้นมาเป็นระยะ ราวกับตื่นเต้นด้วยเหตุนี้

ต้าฉางชิวหันกลับไปมองร่างที่กำลังไล่ตามมาในระยะไกลอย่างชั่วร้าย

เจ้ามาเลย เจ้าเข้ามาได้เลย ขอเพียงเจ้าเข้ามาในที่แห่งนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดอยากจะออกไปก็สามารถออกไปได้!

หากพื้นที่สุสานเชียนหลี่ฮวงนี้ไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดพิเศษที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขาออกจากพื้นที่นี้ แม้แต่พญายมแห่งตำหนักทั้งสิบก็ยังไม่กล้าแตะต้องขอบของมัน!

ขันทีทั้งสิบที่ต้าฉางชิวเป็นผู้นำเต็มใจอยู่เบื้องหลังเป็นเวลาหลายพันปีโดยไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่น เพราะยุคสมัยของพวกเขายังมาไม่ถึง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรเลยจริงๆ

เฉกเช่นปุถุชนคนธรรมดาเช่นนี้ แม้แต่สถานที่ที่กองกำลังแห่งยมโลกไม่ยินดีกระทั่งคร้านจะแตะต้อง มักจะเป็นสวรรค์ของพวกเขา

เวทีของพวกเขาไม่ได้อยู่ในวิหาร แต่อยู่ในที่แห่งนี้ เพราะวิหารนั้นถูกกำหนดไว้แล้วว่าหลังจากผ่านไปหกสิบปีจะถูกพวกเขาโค่นล้ม!

“ยี่สิบเท่า” เสียงดุดันน่าเกรงขามดังมาจากเบื้องล่าง

ต้าฉางชิวเผยสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ยังพยักหน้า “ขอรับ!” จะทุ่มเทและจ่ายไปเท่าไรก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของตัวเอง!

ต้าฉางชิวเหาะเข้าไปในพื้นที่สุสานเชียนหลี่ฮวงพร้อมตะโกน “เขาอยู่ข้างหลัง ปล่อยเขาเข้ามา!” ต้าฉางชิวรู้ว่าผู้ที่ดำรงอยู่ที่นี่ล้วนไม่สามารถออกจากที่นี่มาเป็นเวลานานจนนับไม่ถ้วน ดังนั้นจำเป็นจะต้องปล่อยให้ชายคนนั้นเข้ามาก่อนถึงจะลงไม้ลงมือได้สะดวก!

ดูเหมือนว่าอิ๋งโกวจะไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ ร่างนั้นแล่นเข้ามาทันทีโดยไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย

ต้าฉางชิวหยุดร่างไว้แล้วหัวเราะร่วน “ดูซิว่าคราวนี้เจ้าจะหนีไปทางไหน!”

“ใคร…หนี…กัน…”

“…” ต้าฉางชิว

‘วืด!’

หลุมศพครึ่งหนึ่งด้านหน้าสุดที่อยู่เบื้องล่างจู่ๆ ก็สั่นสะเทือน ตามด้วยเงาคนคลานออกมาจากข้างใน ร่างนั้นสวมชุดเกราะทรุดโทรมแต่ดูเรียบง่ายและน่าเกรงขาม บนใบหน้ายังมีอักขระโบราณเปล่งประกายอยู่ แม้ว่าทั้งร่างกายจะไร้ชีวิตชีวา แต่พลังนั้นกลับสะเทือนฟ้าสะเทือนดินจริงๆ!

‘วืด!’

‘วืด!’

‘วืด!’

ทั้งสุสานเชียนหลี่ฮวงเริ่มสั่นสะเทือนพร้อมกัน!

หลุมศพหลายแห่งเริ่มเปิดออก ทหารปีศาจและนายพลคลานออกมาจากหลุมศพ พวกเขาหัวเราะลั่น พวกเขาร้องตะโกน พวกเขาโห่ร้อง ไม่รู้ว่าพวกเขาเงียบสงบมาตลอดตั้งกี่ปีแล้ว เมื่อนานมาแล้วยังมีผู้ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือบุกเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ต้องห้ามของนรก!

เป็นวันที่หายากนัก ได้เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อและกระดูกเสียบ้าง แถมยังมีการถวายอาหารเลือดที่สามารถเพลิดเพลินมีความสุขอย่างเป็นธรรมชาติ

ใจกลางสุสานเชียนหลี่ฮวงมีต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่ยักษ์ต้นหนึ่ง แม้ว่ามันจะเหี่ยวเฉา แต่กลับแผ่ใบปกคลุมดูดี และมีจิตวิญญาณแห่งความเป็นอมตะ!

ธงผืนใหญ่ค่อยๆ คลี่ออกมาจากใต้ต้นแปะก๊วย สามารถมองเห็นคำว่า ‘อี๋ตะวันออก’ บนธงรบที่ทรุดโทรมและเสียหายได้รางๆ

“ทะเลทรายกว้างใหญ่ เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของวีรชน

ฝุ่นตลบอบอวล เป็นสุสานของวีรชน!

ท้องฟ้าสีครามตะวันสาดส่อง ลูกผู้ชายเลือดร้อน

ท้องฟ้าอันยิ่งใหญ่ คุ้มครองข้าจิ่วหลี!”

ชุดเกราะผุพัง ร่างกายบุบสลาย อาวุธหักบิ่น กลิ่นอายแห่งความตาย

เพลงแห่งสงครามอ้างว้างกลับร้องออกมาได้อย่างฮึกเหิมและอหังการ์!

ที่ด้านหน้าสุด นายพลที่มีร่างกายขาดวิ่นค่อยๆ ทรงตัวขึ้น แขนข้างหนึ่งของเขาขาดไปแล้ว ตรงหน้าอกของเขาเผยให้เห็นกระดูกเปลือยเปล่า ภายใต้ผมกระเซิงกลับมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ไม่ย่อท้อ!

ต้าฉางชิวเห็นฉากนี้จากด้านหลัง แม้ว่าเขาจะเป็นชายไร้ไข่ แต่ก็รู้สึกถึงความเร่าร้อนของชายชาตรี!

ยอดชายเป็นเช่นนี้! ขณะมีชีวิตขอเป็นวีรบุรุษ ตายแล้วก็ยังขอเป็นผีอาจหาญ!

แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญก็คือ เขารู้สึกว่าถ้าอาศัยพลังของทหารยมโลกนี้จะต้องฆ่าไอ้สารเลวที่ไล่ล่าเขาได้อย่างแน่นอน!

จงรู้ไว้ว่า ตอนแรกที่เขาบอกพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ว่าสถานที่แห่งนี้ใช้ได้ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เพียงส่ายศีรษะและกล่าวว่า ‘ตอนนี้พวกเขาออกมาไม่ได้ถือเป็นเรื่องที่ดี’

เห็นได้ชัดว่า แม้แต่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็ไม่ยินยอมไปยุ่งวุ่นวายกับสถานที่แห่งนี้ หากไม่เป็นเพราะพวกเขาปฏิบัติตามข้อห้ามมาเป็นเวลานานจนนับไม่ถ้วน ไม่สามารถก้าวออกจากพื้นที่นี้ได้ นรกในปัจจุบันนี้จะไม่มีที่ยืนให้พวกเขาได้อย่างไร

เทพปีศาจและนายพลปีศาจนับพันจงใจยืนตั้งแนวรบ กวัดแกว่งอาวุธและร้องเพลงแห่งสงคราม ดูเหมือนว่าเพลงแห่งสงครามนี้จะถูกขับร้องตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงปัจจุบันนี้!

ร่างเทพปีศาจขาดวิ่นใต้ธงจ้องมองอิ๋งโกวที่อยู่ด้านบนตรงหน้าอย่างเย็นชา ต้าฉางชิวรีบกระโดดขึ้นทันที พลางโบกไม้โบกมือถีบแข้งขาและพูดว่า “ท่านปู่ ข้าหลานชายท่านถูกไอ้คนชั่วนี่ตามไล่ฆ่า ท่านปู่โปรดช่วยหลานชายระบายความโกรธด้วย!”

ฆ่าเขา ทำลายเขาซะ ดูซิว่าเขายังกล้าหยิ่งผยองอีกหรือไม่!

ความอัปยศอดสูของการถูกไล่ล่าเหมือนกระต่ายมาตลอดทางก่อนหน้านี้ ในเวลานี้ต้าฉางชิวได้ระบายความโกรธของเขาอย่างสมบูรณ์

อิ๋งโกวยืนอยู่กลางอากาศและอมยิ้ม

เทพปีศาจขาดวิ่นเบื้องล่างแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาฉายแววสงสัย ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เพียงแต่ว่าความรู้สึกที่สัมผัสได้นี้อยู่ไกลแสนไกลและแปลกหน้าจนเกินไป!

แปลกหน้าเสียจนเลือนราง เกือบลืมไปหมดสิ้นแล้ว

“นาย…พล…ทัพ…อี๋…ตะ…วัน…ออก…หึ…หึ” ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเหยียดหยามบางๆ การดูถูกนั้นเปิดเผยออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย ด้านล่างนั้น ทหารปีศาจนับพันกู่ก้องคำรามพร้อมเพรียงกัน พวกเขาขอให้เปิดศึกเพื่อฉีกทึ้งศัตรูที่กล้าดูถูกพวกเขา!

“มิอาจดูแคลน เผ่าจิ่วหลี!” นายพลปีศาจกล่าวเสียงขรึม

“อ้อ…” อิ๋งโกวพยักหน้าและเอ่ยด้วยความผิดหวัง “ลืม…แล้ว…หรือ…ปี…นั้น…ถูก…หวังไฮ่…ไล่…ฆ่า…ใคร…กัน…ที่เก็บ…เจ้า…เอา…ไว้…”

เมื่อได้ยินดังนั้น ร่างนายพลปีศาจสั่นเทิ้ม ความจำฝุ่นเขรอะถูกเปิดออกทันที ชั่วขณะหนึ่ง บนใบหน้าของเขาเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ในสมัยโบราณจักรพรรดิเหลืองรบกับชือโหยว ชือโหยวตายในสนามรบ จิ่วหลีพ่ายแพ้ จักรพรรดิเหลืองสั่งแม่ทัพหวังไฮ่นำกองทหารออกตามล่าเผ่าจิ่วหลีที่เหลืออยู่ หวังจะถอนรากถอนโคน!

นายพลปีศาจแย้มรอยยิ้ม จากนั้นคุกเข่าลงทันที!

เบื้องล่างนั้น ทหารปีศาจนับพันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นคุกเข่าลงพร้อมกัน!

ทั้งกองทัพเงียบสงัดลงในชั่วพริบตา!

เพลงแห่งสงครามหยุดลง เสียงอึกทึกครึกโครมเงียบลง เหลือเพียงบรรยากาศเคร่งขรึมน่าเกรงขาม!

“ทัพอี๋ตะวันออก คารวะท่านแม่ทัพ!”

“คารวะท่านแม่ทัพ!”

“คารวะท่านแม่ทัพ!”

“…”

เสียงแสดงความเคารพดังกึกก้องขึ้นราวกับคลื่นสึนามิ ตอนนี้นับตั้งแต่นายพลปีศาจไปจนถึงทหารปีศาจล้วนจำได้แล้วว่าบุคคลตรงหน้าคือใคร

ในตอนนั้นหลังจากชือโหยวตายในสนามรบ เผ่าจิ่วหลีก็พ่ายแพ้ แม่ทัพใหญ่หวังไฮ่นำหมายคำสั่งของจักรพรรดิเหลืองตามล่าสังหารทัพอี๋ตะวันออกที่เหลืออยู่ ทำลายร่าง ทำลายทวยเทพ และตั้งใจทำลายเทวาลัยให้สิ้นซาก!

ทัพอี๋ตะวันออกที่เหลือหนีไปในนรก หวังไฮ่นำกองทัพเข้าไปในนรก แต่กลับประสบน้ำท่วมมีทะเลแห่งความตายขวางกั้นไว้ หวังไฮ่อ่านคำสั่งของจักรพรรดิเหลืองในที่สาธารณะ ในช่วงปีนั้นจักรพรรดิเหลืองเป็นจักรพรรดิผู้ปกครองมนุษย์แล้ว ภูติผีและทวยเทพทั้งปวงไม่กล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา แต่ส่วนลึกของทะเลแห่งความตายนี้กลับพ่นคำง่ายๆ ออกมาหนึ่งคำ ‘ไสหัวไป!’

หวังไฮ่ถอยทัพ

“รายงานท่านแม่ทัพ ฝ่ายข้าปฏิบัติตามคำสั่งของท่านแม่ทัพมาโดยตลอด เป็นเวลานับหลายปีแล้วที่ไม่ได้ก้าวออกจากสถานที่แห่งนี้!” หลังจากนายพลปีศาจรายงานเสร็จก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ากระตือรือร้น มองโจวเจ๋อที่อยู่ด้านบนและพูดด้วยเสียงสั่นอย่างตื่นเต้น “บัดนี้ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว ฝ่ายข้ายินดีเป็นทัพหน้าของท่านแม่ทัพติดตามท่านแม่ทัพไปพิชิตนรกอีกครั้ง!”

“ยินดีเป็นทัพหน้าของท่านแม่ทัพ!”

“ยินดีเป็นทัพหน้าของท่านแม่ทัพ!”

“…” ทหารปีศาจเบื้องล่างตะโกนพร้อมกัน!

เมื่อพูดจบ จู่ๆ นายพลปีศาจก็หันกลับมามอง ‘หลานชาย’ ของตัวเองที่ยืนอยู่ด้านหลังหรือก็คือต้าฉางชิวพร้อมเอ่ยโดยตรง “นายพลคนสุดท้ายยินดีให้ท่านแม่ทัพตัดหัวเจ้าอัปลักษณ์นี่สังเวยธงนี้ก่อน!”

“…” ต้าฉางชิว

……………………………………………………….

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท