ตอนที่ 575 เจ้าโง่มะเร็งชายแท้
“สรรพ…ชีวิต…ล้วน…เท่า…เทียม…กัน…” ตราลัญจกรผนึกลงไปพร้อมกับพายุฝนฟ้าคะนอง เทียบกับฉากที่พญายมผิงเติงหวังลู่สำแดงอิทธิฤทธิ์ก่อนหน้านี้ มันยิ่งใหญ่กว่าหลายเท่าจนนับไม่ถ้วน!
เฉกเช่นเดียวกับดาบวิเศษ คนธรรมดาวาดฝีไม้ลายมือเป็นที่น่าประทับใจ แต่หากตกอยู่ในเงื้อมมือของปรมาจารย์แห่งดาบ ก็จะเป็นรูปแบบและบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป
จงรู้ไว้ว่าในตอนนั้นคนที่ผิงเติ่งหวังลู่ทุบเป็นเพียงชายดุจสตรีที่บาดเจ็บสาหัส แต่ผู้ที่อิ๋งโกวจะทุบในเวลานี้คือพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์!
วิชาเหมือนกัน แต่ผู้ที่ถูกทุบต่างกัน ฉากก็ต่างกันอีกด้วย!
ภายใต้เสียงฟ้าร้องคำรามกึกก้อง ราวกับฟากฟ้าเปล่งวาจาคน สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน หากไม่เท่าเทียมจะแก้อย่างไร
ไม่สู้ถล่มไปเลยดีกว่า!
‘ตู้ม!’ ศาลบรรพชนเล็กหายวับไปกับตา แม้แต่ยอดผา ‘ไท่ซาน’ สูงชันก็ถูกถากราบเป็นหน้ากลอง!
ในอดีต ที่นี่เป็นศาลบรรพบุรุษของเชื้อสายไท่ซานฝู่จวิน และเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วที่กลายเป็นอาศรมของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ แต่ปัจจุบันนี้ ตอนนี้ เวลานี้กลับแผดเผามอดไหม้ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า!
เมื่อหวนกลับสู่นรกอีกครั้งได้พบเจอผู้คนมากมาย พวกเขาก็นับว่าเป็นผู้นำกระแสของนรกในยุคปัจจุบันนี้ ทว่าผู้ที่เข้าตาอันเฉียบแหลมของอิ๋งโกวอย่างแท้จริงคือผิงเติ่งหวังลู่ พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ที่อยู่เบื้องหน้านับได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะผิงเติ่งหวังไม่เต็มใจคุกเข่า! ส่วนพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์องค์นี้ที่อยู่ตรงหน้า แท่นบูชาของพระองค์ว่างเปล่านั้นไม่ผิด แต่สิ่งที่พระองค์กระทำ กลับพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาผู้ที่ทำให้พระองค์คุกเข่าได้
ทอดสายตามองไป ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งทั้งนรกล้วนแต่เป็นกลุ่มคนที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อลาภยศและครองตำแหน่งโดยไร้ความสามารถ โดยเฉพาะฉากที่พญายมพวกนั้นพนมมือข้างเดียวและสวดพระนามของพระพุทธเจ้า ยิ่งทำให้เจ้าทะเลแห่งความตายในอดีตโมโหจนแทบกระอักเลือดออกมาเต็มปาก หรือนี่จะเป็นเส้นทางที่เลือกเดินต่างกัน จึงไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ละมั้ง
นี่คือหนทาง นี่คือความเชื่อ ดูเหมือนจะไม่มีอะไร มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ แต่สำหรับอิ๋งโกวแล้วมันกลับน่าขยะแขยงเหลือทนจริงๆ
เมื่อครั้นยากจนและเยาว์วัยกล้าพูดกล้าทำนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อวังเถียนไห่ยังเด็กก็เคยมีช่วงที่ ‘แม้จะถูกตัดหัวก็ไม่ยอมเปลี่ยนความคิด มีชีวิตอยู่เพื่อความภาคภูมิใจในวัยเยาว์’ แต่หลังจากขึ้นสู่ตำแหน่งสถานะสูงส่งแล้ว คนที่กล้าไม่คุกเข่ากล้าไม่ไหลตามฝูงชนนั้นมีน้อยมาก น้อยมากจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ หากไม่ได้พบผิงเติ่งหวังลู่ พญายมที่ถูกไล่ฆ่าและตายอย่างไม่เสียดายในท้ายที่สุดผู้นั้น บางทีการเดินทางในนรกหลังจากกลับมาครั้งนี้ ก็น่าผิดหวังเหลือเกิน ช่างไร้สีสันสดใส
ท่ามกลางซากปรักหักพังบนยอดเขา พระวรกายสีทองของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ยังคงอยู่เช่นเดิม อิ๋งโกวรู้สึกว่าไม่ต้องเอ่ยถึงความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่แท้จริงของอีกฝ่ายว่าเป็นอย่างไร แต่ความสามารถในการต้านทานการโจมตีนั้น ช่างสุดยอดจริงๆ!
แม้ว่าจะตัดสินจากประสบการณ์ของอิ๋งโกว ในบรรดาคนที่เขารู้จักทั้งหมด คนที่สามารถทัดเทียมกับพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์นั้นมีไม่มากเช่นกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วมันไร้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าอิ๋งโกวไม่เคยเห็นสัตว์อสูรดุร้ายที่ต้านทานการโจมตีได้ดียิ่งกว่า ในสมัยที่เพิ่งมาถึงนรก ในทะเลแห่งความตายมีเต่าดำโบราณอยู่ตัวหนึ่งเป็นญาติกับเทพเต่างูดำ[1] ซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีได้จริงๆ แบบที่ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ แต่อิ๋งโกวทุบตีมันในทะเลแห่งความตายอย่างแข็งขันไม่หยุดเป็นเวลาสามปี จนในที่สุดมันก็ถูกทุบแหลก
พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ในเวลานี้ยังไม่ได้ตระหนักว่าถูกคนตรงหน้าเอาพระองค์ไปเปรียบเทียบกับเต่าชรา ยังคงกล่าวว่า “ในเมื่อสรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน เหตุใดท่านถึงกระทำเรื่องเช่นนั้นในกาลก่อน หยินหยางดำรงอยู่แบ่งเป็นโลกมนุษย์และนรก เดิมมันก็ไม่เท่าเทียมกัน! มีเขตกั้นระหว่างชีวิตและความตาย ความทุกข์ทรมานของสิ่งมีชีวิตจะไม่มีวันได้รับการแก้ไข! ท่านเอาแต่พูดว่า ‘สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน’ ทว่าเป็นเพียงคำพูดที่ท่านรู้สึกว่ามันเข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ สำหรับสิ่งที่ท่านคิดอยู่ในใจคือสิ่งใด เดาว่าก็คงจะไม่สนใจไยดีใช่หรือไม่”
“เหอะ…”
บางที ในสายตาของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ตัวพระองค์เองเป็นตัวแทนของสายธรรมะอย่างแท้จริง เป็นศีลธรรมและสัจธรรมอย่างแท้จริง เป็นนักปฏิรูป ส่วนระบบยมโลกรวมถึงพญายมผิงเติ่งหวังลู่ล้วนเป็นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ของพรรคอนุรักษ์นิยม แต่อิ๋งโกวเป็นบรรพบุรุษของพรรคอนุรักษ์นิยม!
ตอนแรกหากอิ๋งโกวไม่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางภูเขาศพทะเลเลือดและตัดนิ้วทั้งสิบ นรกอันเจิดจรัสนี้คงเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงตามที่พระองค์คาดหวังไปนานแล้ว
อิ๋งโกวไม่เต็มใจอธิบาย และคร้านจะอธิบาย การตอบสนองของเขาง่ายมาก ซึ่งคล้ายกับการปล่อยหมัดก่อนหน้านี้ เขาถือตราลัญจกรและตะโกนเสียงดังอีกครั้ง “สรรพ…ชีวิต…ล้วน…เท่า…เทียม…กัน…”
“…” พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
อันที่จริง มีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่นี่ แต่พวกเขาได้ยินเพียงเสียง ‘สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน’ ดังมาเป็นระลอก และเสียงคำรามดังสนั่นเป็นพักๆ ซึ่งผ่านมานานแล้วก็ยังไม่หยุดเลย
…
ก่อนหน้านี้อิ๋งโกวแบ่งร่างแยกนับพัน ร่างแยกหนึ่งในนั้นที่แบกรับน้ำหนักของโจวเจ๋ออยู่ได้เดินทางข้ามระยะทางไกลด้วยความเร็วที่น่าเวียนหัว จนในที่สุดก็ถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง ทางข้างหน้าเป็นสะพาน สะพานแห่งนี้ใหญ่มากแค่ไหนยากที่จะใช้ตัวอักษรพรรณนาออกมา ก่อนลงนรก โจวเจ๋ออ่านข่าวและจำได้ว่าสะพานฮ่องกง จูไห่ มาเก๊าเปิดให้สัญจรแล้ว แต่เมื่อเทียบกับสะพานที่อยู่ข้างหน้าแห่งนี้ ไม่สิ เทียบกันไม่ได้เลยสักนิด
คุณเคยเห็นสะพานกว้างไร้ขอบเขตหรือไม่
คุณเคยเห็นสะพานที่ทอดยาวไปถึงบนท้องฟ้าหรือไม่
ในที่สุดโจวเจ๋อก็ได้เห็นมันจริงๆ ในวันนี้แล้ว แต่ใต้สะพานและบนสะพาน มีพวกวิญญาณที่เดินเฉื่อยชาตลอดทางมาจากเส้นทางน้ำพุเหลืองตรงนั้น กำลังจะลืมสิ้นชาตินี้และไปยังชาติหน้า
ณ ที่แห่งนี้ ชีวิตและความตายกลายเป็นเรื่องคลุมเครืออย่างยิ่ง เดิมทีสองคำนี้ดูเหมือนจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้จะปรากฏพื้นที่สีเทาขึ้นมา
อิ๋งโกวมองหาโขดหินบนภูเขาแล้วนั่งลง โจวเจ๋อไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไปอีก พูดให้ชัดตามตรง หลังจากอิ๋งโกวใช้วิชาร่างแยกออกมา โจวเจ๋อก็ตะลึงงันอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้
ไม่ใช่ว่ายอมตายในสนามรบหรอกหรือ
หากตั้งใจสู้จนตายในสนามรบจริงๆ จะอ้อมไปโค้งมาตั้งมากมายขนาดนี้ไปทำไม
ในตอนนี้เอง โจวเจ๋อมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาจากเชิงเขา หญิงสาวสาวเท้าก้าวยาวๆ ไม่นานก็ถึงไหล่เขา และไม่นานก็ถึงยอดเขา
เธอสวมชุดสีม่วงทองหรูหรา แม้ว่าจะมีผ้าคลุมหน้าบดบังอยู่ก็ตาม แต่กลับเต็มไปด้วยความร่ำรวยและสง่างาม!
โจวเจ๋อเคยเจอหญิงสาวคนนี้มาก่อน เมื่อตอนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมผิงเฉาก็เป็นผู้หญิงคนนี้ที่นำสมุดหยินหยางมาส่งถึงมือของเขา ทั้งยังสอนให้เขายืนยันความเป็นเจ้าของ โจวเจ๋อคิดถึงเธอมาโดยตลอด คิดถึงเธอมากๆ ทุกครั้งที่เห็นเจ้าลิงเล่นสมุดหยินหยางก็จะคิดถึงเธอ อยากจะเจอเธออีกครั้ง และขอ ‘คู่มือการใช้งาน’ ที่เธอดูเหมือนว่าจะลืมให้ในตอนแรก แต่ว่าเวลานี้วินาทีนี้ได้เจอกับหญิงสาวคนนี้ที่นี่ มันช่างน่าสนใจจริงๆ
‘เฮ้ สิ่งสุดท้ายคือการได้พบกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่เหรอเนี่ย’
เพื่อนเก่าของอิ๋งโกว นั่นก็แสดงค่อนข้างแก่จริงๆ สินะ
เหลือนางสนมผมขาวอยู่ เอาแต่นั่งคุยเรื่องเสวียนจง
เมื่อเทียบกับเธอแล้ว ไร้สาระชะมัด!
แต่ทว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่โจวเจ๋อไม่เข้าใจเอามากๆ ทักษะการซ่อนตัวของอิ๋งโกวนั้นเยี่ยมยอดมาก แม้แต่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ยังมองไม่ออกว่าในร่างกายคนตรงหน้า จริงๆ แล้วมีอยู่ถึงสอง ‘คน’ ส่วนแมวดำตัวนั้นเพราะว่ามันเคยเลียเลือดของอิ๋งโกวในตอนนั้น จึงเกิดประสาทสัมผัสพิเศษและสัมผัสรับรู้ได้ถึงอิ๋งโกว นี่ก็ไม่เป็นไร มันอยู่ในขอบเขตที่สามารถเข้าใจได้
ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนนี้ ถ่อไปตามหาเขาที่โลกมนุษย์ในตอนแรกได้อย่างไร อีกทั้งเป้าหมายของเธอไม่ใช่ตัวเขา แต่ชี้ชัดว่าเป็นคนนั้นในร่างของเขา
แมวดำเลียเลือด แล้วเธอ…
“คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอท่านอีกครั้ง” เสียงของหญิงสาวไพเราะมาก ราวกับสาวน้อยวัยแรกแย้ม แต่ในคำพูดกลับแฝงไปด้วยสองอารมณ์ที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง นั่นคือความโกรธแค้นและยินดี
อิ๋งโกวไม่ตอบ เอาแต่นั่งเงียบๆ
โจวเจ๋อรอจนใจร้อนเล็กน้อยและเอ่ยเร่งเร้า
‘เจ้าโง่ พูดสิ’
‘ก๊อกๆๆ! เจ้าโง่ รีบพูดเข้าสิ!’
‘เฮ้ๆๆ เจ้าโง่ เน็ตหลุดไปแล้วหรือไง’
อิ๋งโกวก็ยังไม่พูดไม่จา
“ข้ารอท่านมานานมาก ข้าเกลียดท่าน!” ต่อให้จะเป็นสตรีสูงส่งสักแค่ไหน ต่อให้จะเป็นสตรีอายุยืนยาวสักเพียงใด ก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี
ในความสัมพันธ์ชายหญิง ผู้ชายมีคำหลอกลวงที่หวานไพเราะมากกว่า…
เมื่อได้สิ้นสุดแล้วก็จะอยู่ในสภาวะนักบุญ รู้สึกเหมือนวางมีดลงแล้วตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทันที ในความสัมพันธ์ส่วนใหญ่ ผู้หญิงมักจะเป็นห่วงเป็นใยและพะวงกังวลมากกว่า
“ท่านพูดสิ ท่านพูดมาสิ กี่ปีมาแล้ว ข้ารอท่านตั้งกี่ปีมาแล้ว ท่านพูดมาเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวตะโกนและเกือบจะร้องไห้ออกมา
ในขณะเดียวกัน ฝั่งสะพานไน่เหอมีเมฆพัดปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้วิญญาณนับไม่ถ้วนเบื้องล่างประหลาดใจสุดที่จะพรรณนา และคิดว่าการลงโทษจากสวรรค์ได้มาถึงแล้ว!
ผู้หญิงคนนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับสะพานไน่เหออย่างลึกซึ้ง!
โจวเจ๋อนึกสงสัยมาโดยตลอด เธอใช่ยายเมิ่งในตำนานหรือไม่ เธอทำน้ำแกงเก่งมากเลยใช่ไหม แต่เจ้าโง่ยังไม่เอ่ยปากพูด ส่วนเขาเองก็ไม่สามารถเอ่ยปากถามด้วย ทำเอาร้อนใจจะตายอยู่แล้ว ก่อนตายมาเล่นเกมไขปริศนาสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน
“ท่านพูดสิ พูดสิ ข้ารู้ว่าท่านฟื้นแล้ว ข้ารู้ว่าตอนนี้เป็นท่านตัวจริง ข้ารู้ว่าเป็นท่าน เมื่อท่านเพิ่งกลับมา เมื่อกลิ่นอายของท่านเผยออกมา ข้าก็รู้ว่าท่านกลับมาแล้ว ข้ารอท่านอยู่ ข้ากำลังรอท่านอยู่ ข้าก็แค่รออยู่ว่าท่านจะมาเยี่ยมเยือนข้าหรือไม่!”
หญิงสาววางมือบนหน้าอกของอิ๋งโกว จากนั้นฉากที่ทำให้โจวเจ๋อตกตะลึงก็ปรากฏขึ้น เจ้าโง่ใช้มือข้างเดียวผลักหญิงสาวจนเซถลาไปด้านหลังและล้มลงกับพื้น
เอาละ อย่าสบถด่าเลย เรื่องจริงมันเป็นอย่างนี้ ต่อให้เป็นบุคคลในตำนานปรัมปราถูกผลักขนาดนี้ก็ต้องล้มลงอยู่แล้ว
ใครจะไม่สามารถ ‘อ่อนแอ’ ได้บ้างล่ะ
“น่า…รำคาญ…” อิ๋งโกวเอ่ยพูดแล้ว เอ่ยพูดแค่สองคำนี้
บ่อน้ำโบราณไร้คลื่น ขาดก็แค่คีบบุหรี่ในมือหลังเสร็จเรื่อง และพูดด้วยเสียงติดรำคาญ ‘นอนไกลๆ หน่อย มันร้อน’
“ท่านมันไร้ยางอาย ท่านมันชั่วช้า ข้าจะฆ่าท่าน ข้าจะฆ่าท่านให้ตาย พวกเขากำลังจะมากันแล้ว ข้าจะฆ่าท่านพร้อมกับพวกเขา! ข้าได้รับคำสั่งจากยมโลกและพระโพธิสัตว์แล้ว พวกเขาใกล้จะมาแล้ว ไม่สิ พวกเขามาแล้วต่างหาก ตอนนี้ท่านอ่อนแอมากและอ่อนแอลงเรื่อยๆ ท่านต้องตาย ท่านต้องตายจริงๆ แน่!”
หญิงสาวนั่งลงบนพื้นและตะโกนเสียงดัง ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเธอไม่ได้ต้องการฆ่าคนจริงๆ เธอต้องการการปลอบโยน
พูดสรุปง่ายๆ ก็คือ ขอให้กอด ขอให้จูบ ขอให้อุ้มสูงๆ จากนั้นเธอก็จะร่วมต่อสู้กับกองกำลังของยมโลกไปพร้อมกับคุณ!
ตรงจุดนี้ เป็นเรื่องยากที่คนโสดจะเข้าใจ
แต่ต่อมา คำพูดของเจ้าโง่ทำให้โจวเจ๋อผู้ป่วยที่ถูกลิขิตให้โดนคนจำนวนไม่น้อยหัวเราะเยาะสมน้ำหน้าในชาติก่อนเพราะเป็นโสดขั้นรุนแรงตกตะลึงอ้าปากค้างเล็กน้อย กระทั่งทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว!
“หาก…ไร้…แก่น…กาย…ของ…ข้า…ใน…วัน…นั้น…เจ้า…จะ…สามารถ…อยู่…ได้…นาน…ถึง…เพียง…นี้…หรือ…”
………………………………………………………….
[1]เต่างูดำ เป็นสัตว์เทพประจำทิศเหนือ