ตอนที่ 577 รุ่นแรก!
ถึงอย่างไรเถ้าแก่โจวก็ไม่เคยเห็นคนประเภทนี้มาก่อน
‘หากไร้แก่นกายของข้าในวันนั้นเจ้าจะสามารถอยู่ได้นานถึงเพียงนี้หรือ’ ให้ตายสิ แกหน้าใหญ่ขนาดไหนถึงได้กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ ตอนแรกแกขืนใจเธอ แต่กลายเป็นว่าเธอต้องซาบซึ้งในบุญคุณของแกหรือไง
เมื่อก่อนโจวเจ๋อดูละครหรือพวกนิยายอิงประวัติศาสตร์จำนวนหนึ่ง ในนั้นมักจะมีคำพูดเช่น ‘ฟ้าผ่าหยาดฝนน้ำค้างล้วนเป็นพระคุณของพระเจ้า’ เดิมคิดว่ามันเป็นแค่การปลอบประโลมผู้คนในเหตุการณ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอย่างน้อยคนระดับสูงมากมายก็คิดอย่างนั้นจริงๆ
ยกตัวอย่างเช่น เจ้าโง่ในตอนนี้
หญิงสาวสวมอาภรณ์งดงามดูเหมือนจะสำลักและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี รอมานานเพียงนี้ เฝ้ารอมานานเพียงนี้ เกลียดมานานเพียงนี้ ปรากฏว่าหลังจากได้พบหน้ากลับเป็นประโยคเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็สับสนงุนงงด้วยกันทั้งนั้น
โชคดีที่บรรยากาศกระอักกระอ่วนคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะเมฆครึ้มในระยะไกลใกล้เข้ามาแล้ว!
โจวเจ๋อมองไปทางนั้น เขาก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง นับตั้งแต่เหยียบแมวดำในพระราชวังกระจุยก่อนจะออกมาแล้วเอาพระจันทร์ทุบทำลายเมืองซ่งตี้ จากนั้นเข่นฆ่าสังหารไปตลอดทาง อันที่จริงได้เห็นฉากใหญ่ๆ มาเยอะแล้ว แต่ ณ เวลานี้โจวเจ๋อเพิ่งเข้าใจว่าอย่างไหนถึงจะเรียกว่าฉากอลังการที่แท้จริง!
ก่อนหน้านี้ปะทะกับห้าขันที แม้ว่าจะมีผู้ยิ่งใหญ่มากมายรวมตัวกันอยู่รอบทิศ ทว่าตอนนั้นมีเมฆดำทะมึนปกคลุมอยู่ ราวกับอุ้มพิณปิดหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้เป็นสถานการณ์ตึงเครียดเปิดฉากทำลายความสัมพันธ์ลงอย่างแท้จริงแล้ว
ภายใต้คนมืดฟ้ามัวดิน ฝูงสัตว์อสูรดุร้ายถูกต้อนเข้ามาทางด้านนี้ ยังมีดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนขับเคลื่อนรถม้าศึกกู่ก้องคำรามขึ้นมา ผู้พิพากษาและผู้ตรวจสอบเรียงรายอยู่เบื้องบน ส่วนเบื้องล่างมีดวงวิญญาณแน่นขนัดมากมายถืออาวุธรบ มากมายจนมองไม่เห็นสุดขอบแดน
นี่ยังนับว่าเป็นเรื่องปกติ มีการชูธงรบของตำหนักพญายมทั้งหมดเจ็ดผืน ซึ่งหมายความว่ามีพญายมทั้งเจ็ดตำหนักประทับอยู่ในกองทัพ ขณะเดียวกัน ขบวนแถวหน้าสุดยังมีทาสรับใช้ชุดเกราะกลุ่มหนึ่ง ทั้งร่างกายท่อนบนและท่อนล่างปกคลุมไปด้วยเกราะ อีกทั้งยังมียันต์แปะอยู่บนตัวอีกด้วย
“เหล่านี้ล้วนเป็นคนทรยศที่ยมโลกควบคุมเอาไว้มาเกือบพันปี” หญิงสาวข้างกายอธิบาย
ผีธรรมดา ถ้าถูกทัณฑ์ก็จะถูกลงทัณฑ์ทันที แม้ว่าจิตจะแตกดับก็เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ สบายๆ แต่ผู้ที่ถูกยมโลกตัดสินอย่างเคร่งครัดจริงจังว่าเป็นนักโทษจากบัญชาจักรพรรดิ จะต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดาแน่นอน สังหารไปเลยก็น่าเสียดายจึงผนึกตราประทับขังเอาไว้ เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็บังคับเรียกใช้ให้เข้าร่วมสงครามได้
ความแข็งแกร่งของอิ๋งโกว ยมโลกนั้นทราบดี แม้ว่าตอนนี้พลังจะรั่วไหลออกไปได้ที่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าเขายังเหลือพลังที่แท้จริงอีกมากเท่าไร
แมลงร้อยขาตายอย่างไรก็ไม่ล้ม!
ด้วยเหตุนี้ ใช้ผีทหารเหล่านี้มาฆ่าเวลาในตอนนี้เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด โจวเจ๋อจำได้ว่าทนายอันเคยบอกไว้ว่า เป็นเพราะเขาลอบส่งข้อมูลให้นักโทษจากบัญชาจักรพรรดิถึงได้ทำให้เขาแพ้ภัยตัวเองจนถูกไล่ออกและถูกไล่ฆ่า ไม่รู้ว่าในนี้น่ะ มีคนที่เกี่ยวข้องกับทนายอันอยู่ในนี้ด้วยหรือเปล่า แน่นอนว่าสิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็ยังเป็นโลงศพขนาดมหึมาสี่โลง ทุกโลงล้วนวาดอักขระและแปะยันต์ โดยแบ่งผู้พิพากษาคุ้มกันสามคนตามลำดับ เดินเรียงแถวอยู่ด้านหน้าภายใต้การขับเคลื่อนของกลุ่มผู้ตรวจสอบ 艾琳小說
เมื่อเห็นโลงศพทั้งสี่โลง อิ๋งโกวหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเกิดโทสะแล้ว
“นี่คือโลงศพของไท่ซานฝู่จวินสี่รุ่น!” หญิงสาวถอนหายใจยาว
หลังการหายสาบสูญของไท่ซานฝู่จวินรุ่นสุดท้าย ยมโลกได้ก่อตั้งขึ้น ปกครองฟ้าดินนรก ในฐานะ ‘ผู้นำ’ ของฝั่งสะพานไน่เหอนี้ เธอเคยได้ยินมาก่อน ดูเหมือนว่ายมโลกจะขุดสุสานของราชวงศ์ไท่ซานฝู่จวินออกมานานแล้ว เดิมทีเธอไม่เชื่อ แต่ในเวลานี้กลับเชื่อหมดใจ
อย่าคิดว่าเป็นผีแล้วจะเป็นอมตะ ในความเป็นจริงการเป็นผีแค่อายุยืนกว่าคนธรรมดาเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ตาย ทุกสรรพสิ่งล้วนมีขีดจำกัด และในโลงศพทั้งสี่โลงนี้ ร่างที่นอนอยู่ไม่ใช่ไท่ซานฝู่จวินอย่างแน่นอน เดาว่าเป็นเศษซากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เหลือของศพ แต่ยมโลกมีวิธีควบคุมพวกเขา เมื่อถึงเวลาสู้รบวิญญาณแห่งไท่ซานฝู่จวินทั้งสี่รุ่นจะถูกอัญเชิญลงมาจัดการกับศัตรูของพวกเขา
ไม่แปลกใจที่อิ๋งโกวจะบันดาลโทสะ ไม่ต้องเอ่ยถึงนรก ต่อให้เป็นราชวงศ์ทางโลกในโลกมนุษย์ล้วนมีกฎจารีตประเพณี นั่นก็คือการปฏิบัติต่อสุสานของราชวงศ์ในอดีตให้ดี เพราะคำพูดจากปากนั้นน่าฟัง ห่วงเหล็กหนึ่งถังอยู่ได้นานนับหมื่นปี แต่หากว่าไม่ล่ะ
ทว่าในนรกนั้น ผู้คนในตำนาน ‘เทพเจ้าภูตผี’ เหล่านี้ดูเหมือนว่าจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นัก ยมโลกขุดสุสานของไท่ซานฝู่จวินกลั่นเอาคนหลังความตายให้กลายเป็นอาวุธสงคราม วิธีการประเภทนี้ มันช่างหน้าอายอยู่บ้างก็จริง บางทียมโลกเองก็รู้เรื่องประเภทนี้ดีอยู่แล้ว แต่ไม่มีทางเลือก หากไม่งัดของพรรค์นี้ไปถ่วงเวลาอิ๋งโกวไว้ ก็จำต้องใช้ชีวิตของพวกพญายมและพวกผู้พิพากษาภายใต้บังคับบัญชาไปถ่วงเวลา รบชนะน่ะสามารถรบชนะอย่างแน่นอน แต่หากสังหารอิ๋งโกวแล้วดันทำให้ตัวยมโลกพลอยถูกตัดแขนตัดขาไปด้วย เช่นนั้นใครจะเป็นผู้ดูแลนรกอันเจิดจ้าแห่งนี้กันแน่ ถึงตอนนั้นก็พูดยากแล้ว
หญิงสาวโบกมือขาวเนียน ผ้าพันคอสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นแต่กลับถูกอิ๋งโกวเอื้อมมือไปฉีกมันลงมา
“เพราะเหตุใดกัน” หญิงสาวไม่เข้าใจ “สะพานไน่เหอของข้าเป็นเอกเทศจากยมโลก มีหน้าที่ดูแลชีวิตและความตาย เป็นเพราะยมโลกมีใจเมตตาเห็นแก่ที่ข้าตรากตรำจนมีผลงานใหญ่หลวงมานานนับไม่ถ้วนจริงหรือไม่”
นี่คือวางแผนจะเรียกคนมาช่วยเจ้าโง่ต่อสู้
แม้พี่น้องจะทะเลาะกันในบ้าน แต่ร่วมมือต้านการรังแกจากภายนอกได้
หญิงสาวก็เช่นกัน ทุบตีคุณ กระจองอแงกับคุณ แต่ในเวลาคับขันก็ยังอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณอยู่ดี
โจวเจ๋อรู้สึกว่าพี่สาวที่สงสัยว่าเป็นยายเมิ่งผู้นี้จะต้องเป็นโรคสต็อกโฮล์มซินโดรม[1]หนักมากแน่นอน ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนหนึ่งถึงทำเพื่อชายที่หักหาญทำร้ายน้ำใจตัวเองในตอนแรกได้ถึงขั้นนี้!
หรือว่าจะมีความสัมพันธ์อะไรซ่อนอยู่ในนั้น น่าเสียดาย นี่ไม่ใช่ละครโรแมนติกไร้สมองในความเป็นจริง และเจ้าโง่ก็คงจะไม่เบื่อหน่ายจนบอกโจวเจ๋อเกี่ยวกับ ‘อดีตวัยเยาว์ของตัวเอง’ ในเวลานี้หรอก
“ชาย…ชาตรี…สู้…รบ…สตรี…อย่า…เข้า…มา…ยุ่ง…”
“เหอะๆ” หญิงสาวถอยหลังไปหลายก้าวและเงยหน้าขึ้น ดูเหมือนจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แล้ว
อันที่จริง โจวเจ๋อกลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้หญิงคนนี้เล็กน้อย อีกทั้งโจวเจ๋อก็รู้สึกว่าเหตุผลที่เจ้าโง่ไม่ต้องการให้เธอช่วยเหลือ ไม่ใช่เหตุผลที่เขาพูดออกมาทั้งหมด ก่อนหน้านี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เคยพูดไว้ เจ้าโง่มีตัวช่วยมากมายก็ไร้ประโยชน์ กระทั่งยังจงใจแยกร่างนับพันมาถึงที่นี่ จริงๆ แล้วยิ่งเพิ่มความอ่อนแอให้กับตัวเอง
เขามีแผนอะไรกันแน่
“ก็ดี วันนี้ท่านจะล่มสลายที่นี่อย่างสมบูรณ์ วันข้างหน้าข้าจะสร้างอนุสาวรีย์และหลุมศพให้ท่านที่นี่ อีกหน่อยในวันเวลาเปล่าเปลี่ยวไร้ที่สิ้นสุดเหล่านี้ ท่านก็สามารถอยู่ที่นี่กับข้าได้”
รักเขา ก็ฝังเขาไปเสียเถอะ!
อิ๋งโกวเพียงโบกมือและกล่าวว่า “อีก…ประ…เดี๋ยว…ข้า…จะ…ไป…ไน่…เหอ…รอบ…หนึ่ง…”
“ท่านจะกลับชาติมาเกิดหรือ” หญิงสาวประหลาดใจมาก “ท่านเสียสติไปแล้ว!”
การกลับชาติมาเกิด จริงๆ แล้วไม่ได้ธรรมดาทั่วไปเหมือนที่กล่าวขานไว้ในตำนานเรื่องพิสดาร นี่มันคล้ายกับยศถาบรรดาศักดิ์ในสมัยโบราณ เมื่อบิดาสิ้นชีพ ผู้สืบทอดยศถาบรรดาศักดิ์รุ่นต่อไปก็จะถูกลดฐานะลง จากนั้นก็ลดลงไปตลอดทาง คนที่กลับชาติมาเกิดมักจะเป็นคนที่ค่อนข้างยอดเยี่ยม แต่ก็หมายความว่าเป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ในระดับชีวิตของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น ก็เป็นคนสองคนไปแล้วจริงๆ
หากอยากหวนคืนสู่โลกมนุษย์ ก็ต้องขึ้นไปจากเส้นทางน้ำพุเหลือง อยากกลับชาติมาเกิดก็ต้องผ่านขั้นตอนอย่างเป็นทางการที่สะพานไน่เหอ นอกจากนี้ผู้ปกครองสะพานไน่เหอก็เป็นของเธอ…เอ่อ ดังนั้นจึงไม่ประสบกับสถานการณ์ที่ถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลี้ยงลูกไปมาหรือต้องผ่านหลายขั้นตอน
อันที่จริง การกลับชาติมาเกิดหลายครั้งหลายคราของอิ๋งโกวก่อนหน้านี้ ไม่ใช่การกลับชาติมาเกิดตามความหมายที่แท้จริง และไม่ได้ผ่านสะพานไน่เหอ ส่วนเหตุผลที่หญิงสาวบอกว่าอิ๋งโกวเสียสติไปแล้ว เพราะเธอรู้ดีว่า สำหรับคนของยมโลกแล้ว ไม่ว่าอิ๋งโกวจะตายในสนามรบหรือผ่านสะพานไน่เหอก็ล้วนแต่สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่ยมโลกต้องการ ดังนั้นพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ส่งกองกำลังทหารไปเฝ้าเส้นทางสู่น้ำพุเหลืองไว้ แต่กลับไม่ส่งคนมาที่สะพานไน่เหอ ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้
“จะ…มี…หน…ทาง…รอด…”
“ท่านเสียสติไปแล้ว ท่านเสียสติไปแล้วจริงๆ!”
อิ๋งโกวยิ้มขำ ไม่ได้อธิบายอะไร บนสะพานไน่เหอแบ่งเป็นสองโลก แต่หากมีคนเปิดทางให้ล่ะ
“ท่านตัดสินใจดีแล้วจริงๆ หรือ” หญิงสาวถามด้วยความลังเลเล็กน้อย
อิ๋งโกวพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ไปเถิด”
อิ๋งโกวส่ายศีรษะ “ไม่…รีบร้อน…”
“จะรออะไรอยู่เล่า”
“รอ…สั่ง…สอน…พวก…เขา…สัก…หน่อย…”
“เหอะ” ราวกับเกลี้ยกล่อมสามีที่ดื่มสุราเล่นไพ่ข้างนอกแล้วไม่ฟัง หญิงสาวจนใจจึงปล่อยเขาไปเลยตามเลย อย่างที่เธอเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าหากเขาตายแล้วจะสร้างอนุสาวรีย์ให้ จะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอพอดี
กองทัพของยมโลกใกล้เข้ามาแล้วเต็มที ขบวนทัพแบบนี้น่ากลัวมากทีเดียว ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
สีหน้าของหญิงสาวก็มืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจู่เธอๆ ก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือครั้งนี้ที่ยมโลกรวบรวมขบวนทัพเคลื่อนกำลังมามากมายขนาดนี้ หากไม่เพียงต้องการฆ่าอิ๋งโกว แต่ยังฉวยโอกาสกวาดล้างอำนาจของสะพานไน่เหอไปด้วย และนำสถานที่เชื่อมต่อวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดแห่งนี้หลอมรวมเข้าไปในยมโลกด้วยล่ะ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หญิงสาวตกตะลึงครู่หนึ่ง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าผ้าเช็ดหน้าของเธอถูกอิ๋งโกวเอาไปแล้ว เขาปฏิเสธกองกำลังทหารช่วยเหลือของเธอ หรือว่าเพื่อให้เธอ…
ครู่หนึ่ง ดวงตาภายใต้ม่านหวากวานอันงดงามดูเหมือนจะมีความแวววาวไหลเวียนอยู่เป็นพิเศษ
‘คุณยังสู้ไหวอยู่หรือเปล่า’ โจวเจ๋อถาม
‘สู้…ไม่…ไหว…แล้ว…’ นี่คือความจริง.
‘งั้นคุณต้องการจะทำอะไร’
‘นี่…’
‘หือ’
‘หาก…ข้า…ตาย…แล้ว…’
‘อืม’
‘เจ้า…รอด…ละ…ก็…ใช้…ชีวิต…ให้…ดี…เถิด…’
‘…’ โจวเจ๋อ
พูดจบ อิ๋งโกวก็เอี้ยวตัวหันไปนั่งเผชิญหน้ากับกองทัพยมโลก ชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งตัวตรงบนภูเขา และเบื้องหน้าของเขาเป็นกองทัพอันล้นหลามของยมโลก!
อิ๋งโกวเอ่ยพูดเบาๆ “มอบ…ให้…อีก…สัก…ทาง…” สิ้นเสียงนั้น ทางระยะไกลไม่มีที่สิ้นสุดหรือก็คือภูเขาไท่ซานทั้งลูกในนรกที่ถูก ‘สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน’ หั่นแบนเรียบไปก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็สั่นสะเทือนในทันใด อักษร ‘ไท่ซาน’ ที่ถูกอิ๋งโกวทุบออกมา เปล่งประกายแวววาวแยงตา พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ประทับอยู่ที่นี่ไม่ได้จากไปไหน ในเพลานี้ทรงเพ่งพระเนตรและเหาะขึ้นไปกลางอากาศทันที
พระองค์มองเห็นเขาไท่ซานกำลังถล่ม พระองค์มองเห็นภูเขาทั้งลูกสั่นไหว พระองค์ทรงเห็นว่า ขณะที่ภูเขาเคลื่อนตัว ร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์น่าสะพรึงกลัวค่อยๆ ปรากฏขึ้นในส่วนลึกที่สุดของเขาไท่ซาน!
“คิดไม่ถึงว่า…จะซ่อนตัวอยู่ที่นี่! ใช่ไท่ซานฝู่จวินรุ่นแรกซ่อนไว้หรือไม่!”
นับตั้งแต่เข้ายึดอำนาจยมโลก แม้แต่สุสานของไท่ซานฝู่จวินทุกรุ่นล้วนถูกขุดขึ้นมา มีหรือยมโลกจะลืมร่างเจ้าทะเลแห่งความตายที่ทิ้งไว้ในกาลก่อนได้ แต่การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก และเป็นเพราะยุคสมัยที่ยาวนานจนเกินไป แม้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์รู้ว่าแมวดำยักษ์เคยมีโอกาสเลียเลือดจากศพของอิ๋งโกวหลังสงคราม แต่ศพอยู่ที่ไหนกันแน่นั้น หาไม่เจอจริงๆ และอนุมานไม่ได้!
ใครจะคาดคิดว่าซ่อนเอาไว้ใต้เขาไท่ซานแห่งนี้!
นี่เป็นลายมือของไท่ซานฝู่จวินรุ่นแรกอย่างแน่นอน!
…
อิ๋งโกวที่นั่งอยู่บนภูเขามองกองทัพยมโลกที่รุดใกล้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง สลับกับมองธงรบของพญายมที่ปลิวไสวอยู่ในระยะไกลๆ พลางโบกมือเบาๆ และกล่าวว่า “กลับ…มา…เถิด…กาย…หยาบ…รุ่น…แรก…ของ…ข้า…!”
…
‘ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!!!!!!!!!!!!’
ชั่ววินาทีนี้ ในที่สุดพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ก็เข้าใจแล้วว่า อิ๋งโกวมีตัวช่วยมากมายขนาดนี้แต่ทำไมเขาไม่ใช้ ใช่แล้ว เขาอาจจะซ่อนตัวอยู่และมีแผนอื่น แต่หากมีกายหยาบนี้อยู่ละก็ ทหารปีศาจจิ่วหลีเอย ดวงวิญญาณในบึงว่านหลี่เอย ของพรรค์นี้จะเทียบได้อย่างไร
จงรู้ไว้ว่า นี่ไม่ใช่ร่างกายที่โจวเจ๋อเคยเจอในศูนย์วิจัยของชาวญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ นั่นเป็นเพียงร่างตอนที่อิ๋งโกวกลับชาติมาเกิดบนโลกมนุษย์อย่างต่อเนื่องและได้รับเชื้อจากปราณวิญญาณก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ แต่ร่างนี้ฝังซ่อนไว้อยู่ใต้เขาไท่ซาน ในกาลก่อนอิ๋งโกวติดตามจักรพรรดิเหลืองพิชิตฟ้าดินและพิชิตนรกอีกครั้ง สุดท้ายพึ่งพามือคู่นั้นจากบนฟ้าเข่นฆ่าอย่างแท้จริง!
ถ้าจะให้ชัดเจนกว่านี้ละก็ กาลก่อนมีควาฟู่วิ่งไล่ตามพระอาทิตย์ แต่เขาเป็นคนรุ่นเดียวกับอิ๋งโกวในกาลก่อน!
“อมิตาภพุทธ ผนึก!” พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์อัญเชิญตราประทับพุทธะออกมาในชั่วพริบตา ตั้งใจจะผนึกกายหยาบที่ปรากฏออกมาเมื่อครู่นี้!
พระองค์รู้ว่า หากกายหยาบนี้ไปถึงสนามรบฝั่งนั้นละก็ สำหรับกองทัพยมโลกและพญายมเหล่านั้นจะมีความหมายว่าอย่างไร!
…
บนภูเขา
อิ๋งโกวขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ออกไป!”
…
“ออกไป!”
จู่ๆ ซากศพเบื้องล่างก็อ้าปากตะโกนคำนี้ออกมา ในพริบตาเดียว ตราประทับพุทธะขนาดมหึมาพังทลายลงทันที และร่างนั้นก็พุ่งทะลวงผ่านค่ายกลที่ตัวเองคลายออกไปก่อนหน้านี้ พุ่งตรงออกไปยังสนามรบอันไกลโพ้นอย่างรวดเร็ว!
…
อิ๋งโกวยืนขึ้น เผชิญหน้ากับกองทัพยมโลกมากมายล้นพ้นเบื้องล่างพลางเอ่ยว่า “ต่อ…ไป…ถึง…จะ…เป็น…ความ…ยอด…เยี่ยม…ที่…ข้า…อยาก…ให้…เจ้า…เห็น…”
…………………………………………………….
[1]โรคสต็อกโฮล์มซินโดรม เป็นอาการของคนที่ตกเป็นเชลยหรือตัวประกันเกิดมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่เป็นคนร้าย หลังจากต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง และอาจจะลงเอยด้วยการแสดงอาการปกป้องคนร้ายหรือยอมเป็นพวกเดียวกัน