ตอนที่ 116 กลับบ้าน (1)
สถานีรถไฟ
ฟางผิงคว้าจับมือหนึ่งที่พุ่งโฉบเข้ามา บีบจนแขนของอีกฝ่ายขึ้นสีม่วงช้ำในพริบตา
ผลลัพธ์กลับทำให้คนคาดไม่ถึง อีกฝ่ายไม่ได้ดิ้นรนสุดชีวิต ไม่ได้ควักมีดออกมา แต่พยักหน้าค้อมตัวให้ฟางผิงด้วยแววตาอ้อนวอน
ฟางผิงส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยมือของอีกฝ่าย
รอจนเห็นอีกฝ่ายวิ่งหนีหายวับไป กระทั่งเพื่อนร่วมขบวนการของหมอนี้ที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็วิ่งไปแทบไม่เห็นฝุ่นอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงถอนหายใจ โลกนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว พวกหัวขโมยใช้ชีวิตอย่างน่าอนาถ
โลกแห่งนี้ไม่มีใครรู้ได้ว่าคนที่อยู่ข้างๆ นั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือเปล่า?
ขโมยมือไวคนนี้พบเข้ากับผู้ฝึกยุทธ์ ต่อให้สู้เก่งขนาดไหน ก็จำต้องศิโรราบ
เห็นได้ชัดว่า พอถูกฟางผิงคว้ามือไว้ อีกฝ่ายจึงรับรู้ได้ทันทีว่าเจอกับผู้ฝึกยุทธ์เข้าเสียแล้ว
—
เรื่องที่สถานีรถไฟเป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
บ่ายสี่โมงยี่สิบนาที ฟางผิงมาถึงสถานีรถไฟหยางเฉิงอย่างราบรื่น
กลับมาหยางเฉิงอีกครั้ง ช่วงเวลาที่เขาออกมาจากสถานีรถไฟ ฟางผิงก็อดจมดิ่งในความคิดไม่ได้
จำได้ว่าครั้งแรกที่เจอหวังจินหยาง อีกฝ่ายคล้ายจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน
เวลานั้นฟางผิงไม่อาจเข้าใจอารมณ์ที่ลึกซึ้งเช่นนี้
แต่กลับมาหยางเฉิงครั้งนี้ แม้ฟางผิงจะไม่มีภารกิจอะไร ไม่ได้สัมผัสประสบการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แต่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาเพิ่งฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อายุยังน้อยตั้งสองคน
เมืองเล็กๆ อย่างหยางเฉิง มักจะมีแต่ความสงบสุข ไร้เรื่องตึงเครียด
ผู้ฝึกยุทธ์ถูกวางในตำแหน่งที่สูงส่ง ห่างไกลจากชีวิตจริงของทุกคน
ตลอดทั้งปีแทบจะไม่มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่
แล้วจะมีคนรู้เรื่องที่หวังจินหยางตามกวาดล้างผู้ฝึกยุทธ์ สร้างชื่อเสียงไปทั่วอย่างนั้นเหรอ?
มีคนรู้เหรอว่านอกจากฟางผิงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ยังฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายมาอีกสองคน?
แน่นอนว่าไม่มีคนรู้!
พวกเขารู้แค่เรื่องราวใหญ่ๆ บนอินเทอร์เน็ต รู้ว่าปรมาจารย์หม่าของเพนกวินกรุ๊ปทะลวงขั้นแปด รู้ว่าหม่าต้าซือของอาลีบาบากลายเป็นปรมาจารย์อย่างเป็นทางการแล้ว
ในสายตาพวกเขา โลกนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ผู้ฝึกยุทธ์เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ
“แบบนี้ก็ดีแล้ว…”
ด้านนอกสถานีรถไฟ ฟางผิงพึมพำเสียงเบา
เข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ได้หนึ่งเดือน บางเรื่องไม่ใช่ว่าฟางผิงไม่รู้อะไรเลย
ทุกปีมีผู้ฝึกยุทธ์ตายเป็นจำนวนมาก ทุกปีมีผู้ฝึกยุทธ์ที่กดดันและบ้าคลั่งจนก่อคดีสะเทือนขวัญผู้คนออกมา
แต่เรื่องพวกนี้ล้วนถูกปิดเงียบ
ภายในนี้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้มีส่วนร่วมในการปกปิดเช่นกัน
หากเป็นชาติก่อน ฟางผิงคงจะทำตัวเป็นนักเลงคีย์บอร์ดออกมาพิมพ์อะไรบางอย่างแล้ว!
แต่ชาตินี้ฟางผิงกลับรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ควรปกปิดไว้
คนธรรมดาใช้ชีวิตอย่างธรรมดา เรียบง่ายสงบสุข แม้จะไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าใครหิวตายมาก่อน
เรื่องพวกนี้เปิดเผยออกมามีประโยชน์อย่างนั้นเหรอ?
นอกจากสร้างความหวาดกลัวแล้ว แทบจะไม่มีประโยชน์อย่างอื่นเลย!
หากพบเจอผู้ฝึกยุทธ์ที่โฉดชั่วจริงๆ คนธรรมดาสู้ไม่ไหวอยู่แล้ว รังแต่จะตายมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าคุณไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แม้จะพบคนไม่ดีพวกนี้ อีกฝ่ายอาจจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคุณเสมอไป
ฟ้าถล่มยังมีคนตัวสูงใหญ่คอยต้านให้ ถ้าคนพวกนี้ต้านไม่ไหว ก็ยังมีพวกฟางผิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์อยู่
ความคิดพวกนี้แวบเข้ามาในหัวครู่เดียว ก่อนฟางผิงจะส่ายหัวไม่คิดอะไรอีก เดินไปยังบ้านตัวเอง
—
กวนหูหยวน
หน้าประตูใหญ่
ฟางผิงเพิ่งมาถึงปากประตู ก็มีคนเรียกทันที “ฟางผิง!”
ฟางผิงได้ยินเสียง ชั่วขณะนั้นรู้สึกชื้นใจอย่างยิ่ง ใบหน้าเผยรอยยิ้มกว้าง
“ยัยตัวแสบ นึกไม่ถึงมาจะมารับฉันที่หน้าประตู ฉันไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะกลับวันนี้”
พี่น้องก็คือพี่น้อง ครอบครัวก็คือครอบครัว
แม้ไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาหรือเปล่า พวกเขายังคงตั้งตารอด้วยความหวัง รอคุณอยู่ตลอด
ความจริงฟางผิงอยากจะบีบแก้มนุ่มนั่นสักหน่อย ตอนนี้กลับรู้สึกกระดากอายที่จะลงมืออยู่บ้าง
“ฟางหยวนรู้ความขึ้นมาแล้วนี่ แต่ไม่ต้องมารับหรอก พี่ชายเธอเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว กระเป๋าเดินทางเล็กๆ ใบเดียว ถือได้สบายๆ”
ฟางผิงเดินไปหาฟางหยวนพลางเอ่ยชมน้องสาว
ฟางหยวนทำหน้าราวกับเห็นผี เอ่ยอย่างตึงเครียดว่า “ฟางผิง ทำไมนายถึงกลับมาตอนบ่ายล่ะ?”
“ตอนเช้าคนเยอะ ตอนบ่ายคนน้อย กลับมาตอนบ่ายดีกว่า…”
“อ๋อ อย่างที่นายว่าจริงๆ แหละ…”
ฟางหยวนกลืนน้ำลาย ก่อนจะละล่ำละลักเอ่ย “กลับมาก็ไม่โทรมาบอกก่อน ใช่สิ พวกเรารีบขึ้นข้างบนเถอะ!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องรีบหรอก เธอรอตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว? จริงๆ เลย อากาศร้อนแบบนี้น่าจะรออยู่ในบ้าน…”
“พี่ใหญ่!”
“พี่ฟาง พวกเรามาแล้ว!”
“พี่ใหญ่ วันนี้พวกเราต้องสั่งสอนคนพวกนั้นให้เข็ดหลาบ คาดไม่ถึงว่ายัยบ้าพวกนั้นจะกล้าแย่งอาณาเขตของพวกเรา!”
“พี่ใหญ่ยังพาผู้ชายมาด้วยเหรอ? เอาผู้ชายมาร่วมกลุ่มไม่ค่อยดีเท่าไหร่รึเปล่า?”
“จะหาก็ควรหาที่แข็งแรงหน่อย คนนี้ไม่ผอมเกินไปหน่อยเหรอ?”
“…”
ฟางผิง “…”
ฟางผิงหันไปมอง เห็นเพียงเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับฟางหยวนเจ็ดแปดคนกระโดดเต้นเร่าๆ อยู่ด้านข้าง
แม้คนพวกนี้อายุยังน้อย คำพูดกลับทำให้คนคิดไปไกล
“พี่ใหญ่?”
ฟางผิงหน้าดำเป็นก้นหม้อในชั่วพริบตา!
ฉันไม่อยู่บ้านสองเดือน ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ยัยหน้ากลมกลายเป็นพี่ใหญ่แล้ว?
หมายความว่าเมื่อกี้ไม่ได้รอตัวเอง แต่รอเด็กสาวพวกนี้อยู่ วางแผนจะไปแย่งอาณาเขตด้วยกัน?
ฉันพลาดอะไรไปกัน?
ฟางหยวนทำหน้าราวกับหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง พูดคล้ายจะร้องไห้ “ถ้าฉันบอกว่านี่คือการเข้าใจผิด นายจะเชื่อหรือเปล่า?”
“ฮ่าๆ!”
“พี่ฟังฉันอธิบาย…”
“พี่?”
เมื่อคำว่า ‘พี่’ ออกจากปากฟางหยวน จู่ๆ ในหมู่เด็กสาวพวกนั้นก็มีคนพูดอย่างดีใจ “พี่ใหญ่ฟางกลับมาแล้ว พวกเรามีที่พึ่งแล้ว!”
“พี่ผิงกลับมาแล้ว!”
“พี่ผิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สมาคมหยวนผิงของพวกเราจะดังแล้ว!”
“สวัสดีพี่ใหญ่!”
“…”
เด็กสาวตะโกนแย่งกันพูดอย่างลิงโลด มีคนสังเกตเห็นใบหน้าผิดปกติของฟางหยวน
เด็กสาวสองคนที่ค่อนข้างสนิทกับเธอ จู่ๆ ก็แผดเสียงดังว่า “รีบหนีเร็ว!”
“พี่ชาย พวกเราทักผิดคนแล้ว ไม่ได้มาหาหยวนหยวน!”
“รีบวิ่งสิ!”
“วิ่งทำไมกัน?”
“ยังจะถามอีก วิ่งก่อนค่อยว่ากัน!”
“…”
พวกเด็กสาวโกลาหลวุ่นวายขึ้นมา ฟางผิงแทบไม่ทันได้พูดอะไรก็เห็นพวกเธอโกยแน่บแทบไม่เห็นเงาแล้ว
ฟางผิงมุมปากกระตุก ยื่นมืออกมาบีบแก้มฟางหยวนทันที เอ่ยด้วยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เอาเรื่องจริงๆ มีฝีมือแล้วสินะ!”
“พี่ใหญ่!”
“ยัยหน้ากลมกลายเป็นพี่ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ยังมีสมาคมหยวนผิงอีก!”
“ฉันให้เธอตั้งสมาคมหยวนผิง ฉันให้เธอเป็นพี่ใหญ่ ฉันให้เธอทำตัวเป็นเด็กอันธพาลอย่างนั้นเหรอ!”
ฟางผิงโมโหอย่างมาก บีบแก้มน้องสาวพลางเขกหัวเธอ
นี่ฉันเพิ่งไปนานแค่ไหนเอง?
ยัยตัวแสบทำตัวนอกลู่นอกทางขนาดนี้แล้ว!
“อี้ อันอูกใอ่อ้าย (พี่ ฉันถูกใส่ร้าย)…”
ฟางหยวนถูกบีบจนแก้มบวม เผยสีหน้าขุ่นเคือง อธิบายด้วยเสียงอู้อี้
“ใส่ร้ายกับผีนะสิ! ฉันเห็นกับตาตัวเอง ฟางหยวน ตอนนี้เธอมีฝีมือล่ะนี่ พี่เธออยู่ที่มหาวิทยาลัยยังไม่กล้าเป็นลูกพี่ใคร เธอกลับทำก่อนฉันแล้ว! อีกอย่างฉันคือพี่ของเธอ สมาคมหยวนผิงมันหมายความว่าอะไร? ทำไมไม่ชื่อผิงหยวน? ไม่ใช่สิ ถุ้ย ไม่ว่าจะสมาคมอะไรยุบทิ้งไปซะ!”
ฟางผิงมือหนึ่งดึงแก้มน้องสาว อีกมือลากกระเป๋าเดินไปที่บ้าน
ฟางหยวนรีบตามไปอย่างน่าสงสาร คร่ำครวญในใจ ใครจะรู้ว่านายกลับมาวันนี้ อีกอย่างกลุ่มที่ฉันสร้างก็ต้องเอาชื่อฉันไว้ข้างหน้าสิ
อีกอย่างหยุดบีบแก้มฉันได้แล้ว พูดคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอไง?
————————-