ตอนที่ 159 เซี่ยงไฮ้เป็นฝ่ายชนะ (1)
เว่ยปินถูกหามลงจากเวที
สามคนจากทีมพันธมิตรแทบจะรับกระบวนท่าเคล็ดไม้ตายของฟางผิงซึ่งๆ หน้าทั้งสิ้น
ทั้งต่างมีบาดแผลบนร่างกาย ดูเหมือนไม่ร้ายแรงเท่าช่วงเช้า ในความเป็นจริงกลับเจ็บหนักกว่าพวกไป๋อิ่นซะอีก
—
“ชนะสามรวด”
ด้านหลังเวที ฟู่ชางติ่งไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
หากฟางผิงชนะห้าคนรวด เขาคงไม่จำเป็นต้องขึ้นเวทีแล้ว
แต่ทุกคนเตรียมตัวมาตั้งนาน หากไม่มีกระทั่งโอกาสขึ้นเวที นี่ถือเป็นเรื่องที่อับจนหนทางอย่างยิ่ง!
จ้าวเหล่ยไม่พูดอะไร เผยสีหน้ายังไงก็ได้
ฟางผิงอยากจะต่อยตีก็ต่อยตีไป ไม่ว่าจะยังไงเขาคงหาโอกาสให้ตัวเองขึ้นเวทีไม่ได้อยู่ดี
ข้างหน้าเขายังเหลืออีกตั้งสามคน จ้าวเหล่ยไม่คิดว่าทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยจะสามารถบุกเอาชนะสามคนก่อนหน้าเขาได้
—
ด้านล่างเวที ฟางหยวนตกตะลึงอยู่บ้าง
ฟางผิงแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวเหรอ?
ในสายตาของทุกคน ฟางผิงแทบไม่ต้องเสียแรงก็เอาชนะอีกฝ่ายได้ถึงสามคน ทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นหัวหน้าทีม
ผ่านการแข่งขันไปสามครั้ง ฟางผิงไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
“เขาไม่ได้โกหก…”
ฟางหยวนพึมพำเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้ก็ดี ยิ่งเก่งเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น…”
—
แถวด้านหลัง
อู๋จื้อหาวมองไปทางคนอื่นๆ ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “กวนอูกลับชาติมาเกิด?”
ดาบเฟิ่งจุ่ยในมือของฟางผิง ทุกดาบระเบิดพลังอย่างรุนแรง ทำให้เขานึกถึกวนอูขึ้นมา
หลิวรั่วฉีเอ่ยแย้งว่า “นั่นคือดาบเฟิ่งจุ่ย หวงจง[1]ใช้อาวุธนี้ไม่ใช่กวนอู”
“คิดเป็นจริงเป็นจังไปได้…”
อู๋จื้อหาวไร้คำจะพูด ก่อนจะบ่นกับตัวเอง “หมอนี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“ใช่ แข็งแกร่งมาก”
คำพูดนี้ไม่มีคนเห็นต่าง ฟางผิงแข็งแกร่งจริงๆ ไม่งั้นแม้จะสามารถฟื้นฟูปราณได้ ก็คงไม่อาจเอาชนะสามคนรวดได้ง่ายๆ แบบนี้หรอก
—
บนเวที ฟางผิงกลืนยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งอีกสองเม็ด
การแข่งผ่านมาสามครั้ง ฟางผิงใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งไปแล้วหกเม็ด ตอนนี้ขั้นหนึ่งหมดไปแล้ว ส่วนยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดายังเหลืออีกเยอะ ขั้นสองเหลืออีกสี่เม็ด
“สิ้นเปลืองซะแล้ว”
ฟางผิงพึมพำ ใช้ยาบำรุงพวกนี้สิ้นเปลืองเกินไปจริงๆ มีประโยชน์อย่างเดียวคือเพิ่มปราณขึ้นมาเล็กน้อย หลอมกระดูกและเส้นเลือดให้เขาต่อเท่านั้น
จางจิ่งต้งจากทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยขึ้นมาบนเวทีด้วยความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากต่อสู้!
แต่เจอคนอย่างฟางผิง จะให้ต่อสู้ยังไงกัน
การแข่งขันสามครั้งผ่านไป ปราณของฟางผิงฟื้นฟูถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง
นึกถึงคำพูดของอาจารย์ก่อนขึ้นเวที แม้ว่าปราณของฟางผิงจะฟื้นฟู แต่ต้องมีความอ่อนเพลียจากการต่อสู้อยู่แล้ว ร่างกายมีขีดจำกัดเช่นกัน
แม้ว่าทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยจะแพ้ ก็ไม่อาจถูกฟางผิงเอาชนะห้าคนรวดได้
นี่ไม่ใช่ปัญหาของเรื่องแพ้ชนะแล้ว แต่ถ้าถูกเอาชนะห้าคนรวดจริงๆ ทีมพันธมิตรแปดมหาลัยคงหมดสิ้นชื่อเสียงอย่างแน่นอน
—
จางจิ่งติ้งจำคำของอาจารย์ขึ้นใจ เปลี่ยนไปใช้กระบองยาวระดับ D ที่อาจารย์เพิ่งเอามาให้
พอขึ้นเวทีจางจิ่งต้งก็เริ่มเตรียมการณ์เฝ้าระวังอย่างเข้มงวดทันที
ต้องผลาญกำลังกายของฟางผิง
ใช่แล้ว แม้ว่าปราณจะสามารถเพิ่มกำลังกาย แต่ไม่ได้หมายความว่าปราณคือกำลังกาย
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือผลาญกำลังกายของฟางผิง
แต่ความเร็วของเขาสู้ฟางผิงไม่ได้
เขาเพิ่งจะถอยหลัง ฟางผิงกลับประกบขึ้นมา ยกดาบฟันทันที
จางจิ่งต้งกัดฟันรับกระบวนท่า ก่อนจะถอยหลังอย่างรวดเร็ว หลบออกไปอีกครั้ง
ฟางผิงไม่ยอมเลิกรายังคงตามต่อ
ไล่ตามทันแล้วก็ฟันดาบลงอีกครั้ง!
จางจิ่งต้งโจมตีกลับ ฟางผิงไม่เกรงใจเขาเช่นกัน ฟันดาบออกมาดาบแล้วดาบเล่า
—
“ปราณของฟางผิง…แม้จะไม่ฟื้นฟู แต่ปกติคงเกินกว่าสามร้อยแคลแล้ว”
ด้านล่างเวที หลิวหวาหรงถอนหายใจอีกครั้ง เฉินเสวี่ยเยี่ยนรวบรวมสมาธิ เอ่ยว่า “ไม่น่าจะแค่นั้น เกรงว่าอาจจะเกือบสามร้อยยี่สิบแคลแล้ว ฉันไปสืบค้นข้อมูลของฟางผิง เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้ง!”
“หลอมกระดูกสามครั้ง?”
หลิวหวาหรงตกใจ ก่อนจะรู้สึกว่านี่สมเหตุสมผลแล้ว “ไม่น่าล่ะ ขึ้นชื่อว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้ง ตอนที่ยังไม่ได้ทะลวงด่าน ปราณนั้นสูงทะลุกว่าสองร้อยแคล คนแบบนี้ถึงได้ถูกเรียกว่าผู้ฝึกยุทธ์หลอมกระดูกสามครั้ง! โลกภายนอกไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ทุกคนรู้แค่ว่าผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้ปราณและกระดูกจะแข็งแกร่งกว่าคนอยู่ระดับเดียวกัน”
“ทุกคนอย่าคิดว่าสามารถทำตามได้ง่ายๆ ประเทศใหญ่อย่างจีน ทุกปีมีผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้งไม่ต่ำกว่าห้าคน ทั้งไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ต้องหลอมกระดูกหลายครั้งด้วย”
หลิวหวาหรงอธิบาย ก่อนจะเตือนอีกหลายประโยค
บางเรื่องในเมื่อวางแผนจะค่อยๆ เปิดเผยออกมาแล้ว ไม่ใช่ว่าควรจะบอกข้อมูลบางอย่างที่พวกเขาไม่เข้าใจให้รับรู้ทั่วกันหรอกหรือ อย่างเช่นเรื่องหลอมกระดูกสามครั้ง…
เมื่อก่อนไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่ตอนนี้กลับสามารถเผยแพร่ให้ทุกคนได้แล้ว
หลิวหวาหรงพูดจบ ด้านล่างเวทีก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นเล็กน้อย
หลายคนเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ในตอนที่ยังเป็นคนธรรมดา นึกไม่ถึงว่าจะสามารถบ่มเพาะปราณได้สูงถึงขนาดนี้!
ท่ามกลางฝูงชน ถานเจิ้นผิงตกอยู่ในภวังค์เนิ่นนาน
คนธรรมดามีปราณสูงถึงสองร้อยแคล?
งั้นเขาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ปราณสองร้อยห้าสิบแคล ตกลงถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดหรือไม่?
อีกอย่างผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้ เขาไม่เห็นใครมีปราณต่ำกว่าตัวเองเลย ไม่สิ ทุกคนปราณสูงกว่าเขาทั้งสิ้น!
กระบวนท่าที่ระเบิดปราณออกมา อานุภาพนั้นทำให้ถานเจิ้นผิงแทบจะสิ้นหวัง พวกเขาสามารถโจมตีเขาตายได้ในครั้งเดียวด้วยซ้ำ
—
ระหว่างที่พูด สถานการณ์บนเวทีก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
กระบองยาวของจางจิ่งต้งหายไปจากมือแล้ว มือสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ให้ตายยังไงกลับไม่ยอมแพ้ วิ่งวนอยู่รอบเวทีอย่างสุดชีวิต
ทำเอาผู้ชมที่นั่งแถวหน้าแทบจะได้ยินเสียงหอบหายใจกันทุกคน
จางจิ่งต้งไม่สนใจภาพลักษณ์แล้ว บางครั้งกลิ้งตัวหลบหลีก บางครั้งถูกฟางผิงโจมตี ลอยกระเด็นออกไป คว้าจับขอบเวที พลิกตัวขึ้นมาเล่นซ่อนแอบกับฟางผิงต่อ
เสื้อผ้าบนร่างขาดวิ่นจนดูไม่ได้ มุมปากยังมีเลือดไหล
หน้าผากของฟางผิงมีเหงื่อซึมเล็กน้อยเช่นกัน หอบหายใจอยู่พักหนึ่ง
การเคลื่อนไหวของเขาเร็วกว่าอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายแทบไม่ป้องกันตัว เอาแต่วิ่งหนีสุดชีวิต
ฟางผิงยังต้องระวังเขาโต้กลับอีก จึงสิ้นเปลืองพลังงานเยอะกว่าเขา
ไล่ตามสักพัก ฟางผิงเอ่ยอย่างหมดคำพูดว่า “ถ้ายังไม่ยอมแพ้อีก นายตายแน่ๆ!”
เขาไม่ได้โกหก จางจิ่งต้งถูกเขาโจมตีโดนหลายครั้งแล้ว บาดแผลมีให้เห็นเต็มไปหมด
หากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป เลือดไหลหมดตัวได้ตายจริงๆ แน่
จางจิ่งต้งใบหน้าซีดเผือด กลับไม่ยอมปริปากส่งเสียง ยังคงหลบหลีกฟางผิงต่อ
ปรมาจารย์ของทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยที่อยู่ชั้นสอง ถอนหายใจเบาๆ “ยอมแพ้”
จางจิ่งต้งเผยให้เห็นความตั้งใจของเขาแล้ว ได้รับบาดเจ็บหนัก หากไม่ยอมแพ้อีก คงจะเป็นเหมือนที่ฟางผิงพูด ตายอยู่บนเวที
ปรมาจารย์เอ่ยปากยอมแพ้แทนเขา จางจิ่งต้งก็ทิ้งจิตวิญญาณของการต่อสู้ไปทันที ทิ้งตัวลงบนเวทีเสียงดังลั่น
หน่วยแพทย์รีบเข้าไปยกเขาลงจากเวที
ผู้ตัดสินมองฟางผิงด้วยแววตาซับซ้อนอยู่บ้าง “ฟางผิง ยังจะสู้ต่อหรือเปล่า?”
ฟางผิงคลำยาในกระเป๋า เอ่ยด้วยยิ้มแหยๆ “ไม่แล้วดีกว่า ให้โอกาสคนอื่นหน่อยแล้วกัน”
ปรมาจารย์ชั้นสองบางส่วนสมองฉับไว มีคนหัวเราะเบาๆ ทันที “ยาบำรุงหมดแล้ว!”
“ใช้ไปหกเม็ดแล้ว อาจจะถึงขีดจำกัดจริงๆ”
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งก็เป็นแบบนี้แหละ คงถึงขีดจำกัดจริงๆ แล้ว”
“ดีเหมือนกัน หากเป็นแบบนี้ต่อไป ทีมพันธมิตรคงขายหน้าอย่างยิ่ง”
“ฉันว่าอาจไม่เป็นอย่างนั้น แต่หมอนี่น่าจะกลัวพวกนายผูกบัญชีแค้นไม่เลิกรามากกว่า…”
มีคนเอ่ยหยอกขำๆ ขึ้นมา คนอื่นๆ ต่างไม่คิดเป็นจริงเป็นจัง
———————–
[1]หวงจง เป็นตัวละครในเรื่องสามก๊ก หนึ่งในห้าทหารเสือของหลิวเป้ย