ตอนที่ 170 ใช้หน้าตาหากินไม่ได้ (2)
“ประธานเฉินใจเย็นๆ ก่อน…”
สื่อเทาที่อยู่ด้านข้างยิ้มประนีประนอม “ประธานเฉิน วันนี้เป็นงานชุมนุมของผู้ฝึกยุทธ์ในหยางเฉิง เรื่องของคุณและผู้อำนวยการถาน…”
“ผู้อำนวยการสื่อ ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้หน้า พอผู้บัญชาการไป๋เชิญชวน ผมก็วางมือจากงานทันที รีบเดินทางไกลกลับมา! แต่ในหยางเฉิงใครไม่รู้บ้างว่า ผมไม่ชอบคนแซ่ถาน! ตอนนี้กลับมาจัดฉากเล่นตลกกับผม? นี่คือการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ผู้บัญชาการไป๋พูดถึงน่ะเหรอ?”
ผู้บัญชาการไป๋ที่เฉินฉี่เทาพูดถึง นับเป็นมือหนึ่งของหยางเฉิง
หยางเฉิงขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองระดับอำเภอ ผู้ฝึกยุทธ์มือหนึ่งก็ถูกเรียกว่าเป็นผู้บัญชาการแล้ว ความจริงเป็นการเรียกแค่ในนามเท่านั้น
ปัจจุบันผู้บัญชาการแทบจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทั้งสิ้น
ทางหยางเฉิง กลับเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม
เฉินฉี่เทาทำให้ผู้บัญชาการของหยางเฉิงเชื้อเชิญด้วยตัวเองได้ เพราะความสามารถเขาไม่อ่อนด้อย เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุด
สิบปีก่อนเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเช่นกัน
แต่หลายปีมานี้ กิจการของเขาไปได้ดี มีเงินซื้อยาบำรุงต่างๆ จึงไม่เหมือนถานเจิ้นผิงที่หยุดในขั้นหนึ่งมาโดยตลอด
ฟางผิงที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
เด็กหนุ่มข้างเฉินฉี่เทา จู่ๆ กลับพูดว่า “พ่อ จะคิดเล็กคิดน้อยกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งคนเดียวไปทำไมกัน ไม่มีประโยชน์ ช่างมันเถอะ พวกเราเข้าไปด้านในกัน”
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มแฝงความดูแคลนอยู่บ้าง
ถานเจิ้นผิงขมวดคิ้วแน่น เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “อาหาว ฉันและพ่อเธอ…”
“พอเถอะ ผู้อำนวยการถานสินะ ผมและคุณไม่สนิทกัน”
เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าอาหาวทำเป็นไม่สนใจ เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “เรื่องของคุณและพ่อผม ผมไม่อยากสนใจแล้ว แต่พ่อผมเห็นคุณแล้วอารมณ์ไม่ดี คุณว่าควรจะหลีกดีกว่าหรือเปล่า ขวางทางคงไม่ดีเท่าไหร่?”
ชั่วขณะนั้นถานเจิ้นผิงจึงโมโหขึ้นมาอยู่บ้าง…
สื่อเทาดึงเขาไว้ เฉินฉี่เทาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุด ลูกชายของเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเหมือนกัน ทั้งยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนาน
สื่อเทาคิดว่าไกล่เกลี่ยเพื่อจบเรื่องจะดีกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้วุ่นวายใหญ่โต
แน่นอนว่าทุกคนแค่ใช้ปากทะเลาะกันเท่านั้น ไม่ได้กล้าจะจัดการอะไรกับถานเจิ้นผิงจริงๆ ตอนนี้ฐานะของเขาก็เป็นหลักประกันที่ใหญ่ที่สุด
เวลานี้ฟางผิงจำเป็นต้องสาวเท้าออกมาข้างหน้า
ถานเจิ้นผิงช่วยดูแลพ่อแม่ของเขาที่หยางเฉิงมาโดยตลอด ทั้งยังปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี
ตอนแรกลูกชายสองคนของเขายังเคยสอนจวงกงให้ฟางผิง ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนกัน
เห็นถานเจิ้นผิงถูกคนฉีกหน้า เรื่องของคนรุ่นก่อน ฟางผิงคงไม่อาจพูดอะไรได้
แต่คนหนุ่มสอดปากเข้ามา นั่นไม่เหมาะสมแล้ว
ทั้งถานเจิ้นผิงเหมือนจะรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้อย่างเห็นได้ชัด ไม่แน่ว่าเมื่อก่อนอาจจะคุ้นเคยกันอยู่
การช่วยเหลือต้องดูที่เหตุผลเป็นหลัก นี่เป็นธรรมเนียมอันดีงามที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
อีกอย่างดูท่าพ่อลูกสองคนนี้ไม่เหมือนคนมีอำนาจใหญ่โตอะไร ความจริงหยางเฉิงมีผู้ฝึกยุทธ์ที่มีอิทธิพลแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ฟางผิงก้าวเท้าไปข้างหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ล้วนเป็นคนหยางเฉิงด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องแข็งกร้าวใส่กัน…”
“นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
ฟางผิงยังไม่ทันพูดจบ เด็กหนุ่มก็แค่นเสียงขึ้นมา เผยสีหน้าดูแคลน
ฟางผิงลูบจมูกตัวเอง อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “นายไม่รู้จักฉัน?”
เมื่อครู่สื่อเทาบอกว่าเขาเรียนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนาน เด็กของหวาหนานไม่ได้ดูการแข่งขันแลกเปลี่ยนหรือยังไง?
“นาย…”
เด็กหนุ่มยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยด้วยใบหน้าเยือกเย็น “นายเป็นนักศึกษาของเทคโนโลยีหวาหนานใช่หรือเปล่า? ฉันว่านายน่าจะเพิ่งทะลวงขั้นหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะดูถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเหมือนกัน เอาแบบนี้ฉันจะอ่อนข้อให้ ใช้แค่มือเดียว ใช้มือเดียวซัดนายตายไม่ได้ นายค่อยมาอวดดีกับฉัน!”
“นาย!”
เด็กหนุ่มมีโทสะขึ้นมาทันที เฉินฉี่เทาขมวดคิ้วคิดจะพูดอะไรบางอย่างเช่นกัน
ฟางผิงแค่นเสียงขึ้นมาอีกครั้ง “จะไว้หน้าพวกนายละกัน จบเรื่องนี้ไปซะ ถ้ายังก่อเรื่องอีก พวกนายพ่อลูกเข้ามาพร้อมกันเลย เชื่อหรือเปล่าว่าฉันจะซัดให้แหลกทั้งคู่!”
สองพ่อลูกที่อยู่ตรงข้ามแทบจะหยุดลมหายใจ พวกเขาเดาไม่ถูกที่ไปที่มาของฟางผิงอยู่บ้าง
สื่อเทาเห็นแบบนั้นรีบกระซิบว่า “คนๆ นี้คือคุณฟางผิงจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้…”
“ฟางผิง?”
เฉินฉี่เทาเหมือนจะไม่รู้จัก แต่ลูกชายของเขากลับหน้าเปลี่ยนสี อดมองฟางผิงไปอีกทีไม่ได้
เวลานี้ฟางผิงค่อยรับได้อยู่บ้าง แม่งเหอะ ขอบคุณนายที่ยังรู้จักฉัน!
ชำเลืองตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนฟางผิงจะยิ้มเย็นว่า “ว่ายังไง คิดดูแล้วฉันไม่ใช้สองมือยังได้! หน้าตาของนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ถูกนายทำขายหน้าหมดแล้ว! การแข่งขันครั้งสุดท้ายของทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย แม้หวังเยวี่ยหลงของมหาลัยพวกนายจะแพ้ แต่ใครไม่นับถือเขาบ้าง! รองอธิการมหาวิทยาลัยพวกนาย ปรมาจารย์เฒ่าหลิวพูดว่า ‘ผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่หวาดกลัวสงคราม ไม่ครั่นคร้ามการต่อสู้ ทุกครั้งล้วนลงสนามรบด้วยใจที่ไม่เกรงกลัวต่อความตาย’ ทำให้นักศึกษาศิลปะการต่อสู้อย่างพวกเรามีกำลังใจฮึกเหิมขึ้นมา แล้วนายถือเป็นตัวอะไรกัน? แบกชื่อเป็นนักศึกษาศิลปะการต่อสู้ กลับแสร้งโง่ไม่รู้เรื่อง! ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เสื่อมเสียเพราะคนโง่งมอย่างพวกนายนี่แหละ! ความแค้นของพ่อนายและผู้อำนวยการถาน นั่นเป็นเรื่องบาดหมางของผู้ใหญ่ ฉันดูแล้วน่าจะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร นายกลับอ้าปากพูดว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งไม่มีค่าอะไร ให้ลุงถานหลีกทางนาย นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
ฟางผิงสั่งสอนอีกฝ่ายราวกับเป็นลูกหลานตัวเอง เด็กหนุ่มใบหน้าแดงก่ำ กลับไม่กล้าปริปากพูดขัดอะไร
“ครั้งหน้าทางที่ดีอย่าให้ฉันเห็นนายที่เซี่ยงไฮ้ เห็นครั้งหนึ่งจะอัดครั้งหนึ่ง คนของมหาวิทยาลัยพวกนาย ใครไม่ยอม ฉันจะทำให้พวกเขาได้เห็นว่านักศึกษามหาวิทยาลัยของเขาอยู่ระดับไหนกันแน่!”
“นาย…”
เด็กหนุ่มใบหน้าแข็งทื่อ อยากจะโต้แย้ง กลับพูดไม่ออกสักคำ
ตอนนี้พ่อของเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว ไม่เอ่ยอะไรเช่นกัน
สื่อเทาดูอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะดึงสติกลับมา เอ่ยยิ้มไกล่เกลี่ยว่า “ทุกคนใจเย็นๆ กันดีกว่า เป็นคนบ้านเดียวกันทั้งนั้น หยางเฉิงไม่ได้ใหญ่โตอะไร ผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกไปมีไม่เยอะ ประธานเฉิน คุณว่าคุณและลูกชายเข้าไปนั่งพักข้างในก่อนดีหรือเปล่า?”
เฉินฉี่เทามองฟางผิงแวบหนึ่ง ทั้งมองลูกชายไปอีกที ก่อนจะพยักหน้าพาเด็กหนุ่มที่ปิดปากเงียบเข้าไปด้านในด้วยกัน
พวกเขาไปแล้ว ถานเจิ้นผิงคล้ายหมดอารมณ์อยู่บ้าง ถอนหายใจว่า “ขอบใจเธอด้วย ครั้งนี้หากไม่ได้เธอ เกรงว่าลุงถานของเธอคงจะเสียหน้าครั้งใหญ่แล้ว”
“ลุงถานไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ถ้าพวกถานเฮ่ารู้ว่าคุณถูกรังแกโดยที่ผมไม่สนใจ คงจะด่าผมตาย”
ฟางผิงหัวเราะ ถานเจิ้นผิงพูดขึ้นมาทันที “ฉันคิดได้แล้ว ยังต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ ฉันเองไม่ไหวแล้ว แต่อาเฮ่าและอาเทายังมีอนาคตอีกไกล ครั้งนี้กลับไป แม้ต้องทุบหม้อข้าวไปขายก็ต้องให้พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ให้เร็วที่สุดให้ได้”
ฟางผิงมีคนสนับสนุนเหรอ?
ไม่มี!
แม้จะมี แต่พ่อลูกตระกูลเฉินก็ไม่รู้
แต่แค่ชื่อของฟางผิงหลุดออกมา ลูกชายของเฉินฉี่เทาก็ทำท่าคล้ายหมดความมั่นใจขึ้นมา ถูกสั่งสอนราวกับเด็กน้อยกลับไม่กล้าขัดสักประโยค
เพราะอะไร?
ฟางผิงแข็งแกร่ง!
จากความสามารถของฟางผิง มือเดียวคงสามารถซัดเขาแหลกได้แล้ว
พ่อของเขาสู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ผู้ฝึกยุทธ์ปราณขั้นสองปะทะกับฟางผิง ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?
ลูกชายของเฉินฉี่เทาเพราะรู้เรื่องพวกนี้จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา แม้จะถูกฟางผิงฉีกหน้าอย่างแรงก็ตาม
ถานเจิ้นผิงรู้สึกซาบซึ้งในใจ ฟางผิงกลับไม่ได้คิดอะไรมาก
ทำเพียงลอบด่าในใจ คาดไม่ถึงว่าหมอนั่นจะลืมหน้าของฉัน!
ฉันคิดว่าตัวเองสามารถใช้หน้าตาหากินได้ซะอีก อย่างน้อยอยู่ท่ามกลางผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองน่าจะใช้ประโยชน์ได้!
หรือหลังจากนี้เจอปัญหาต้องพูดชื่อของตัวเองก่อน บอกว่าเขาคือฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้?
นั่นโคตรขายหน้า!
ดูท่ายังต้องใช้หน้านี้ของตัวเองเผยแพร่ชื่อเสียงให้กว้างกว่านี้ เหมือนครั้งก่อนที่เหล่าหวังไปที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
คนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เห็นเหล่าหวังถึงกับต้องร้องออกมาว่า “ว้าว หวังจินหยาง อย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่า” ต้องแสดงท่าทีแบบนี้ถึงจะถูก
—————–