ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 195 เพิ่งรู้ว่าฉันเก่งขนาดนี้ (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 195 เพิ่งรู้ว่าฉันเก่งขนาดนี้ (1)

หลายวันต่อมา ฟางผิงพึ่งตัวเองในการบ่มเพาะกระดูก

จากวันที่ยี่สิบเจ็ดจนถึงวันที่หนึ่งเมษายน

เวลาห้าวันฟางผิงเพิ่งจะหลอมกระดูกอกสำเร็จ

จากความเร็วนี้ กว่าเขาจะถึงขั้นสามตอนปลาย ต้องใช้เวลาแปดเดือนขึ้นไป

อันที่จริงความเร็วนี้ก็น่าตกใจพอแล้ว เวลาแปดเดือนจะถึงช่วงสิ้นปีพอดี

แต่ฟางผิงกลับไม่พอใจอย่างมาก ผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่เขารู้จักต่างก้าวหน้าด้วยความรวดเร็ว

ไม่พูดถึงเหล่าหวัง แต่ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงทะลวงขั้นสามสูงสุดแล้ว เดือนมกราคมปีที่แล้วเขาเพิ่งจะขั้นหนึ่งสูงสุด เดือนกรกฎาคมเข้าสู่ขั้นสาม จนถึงตอนนี้จากขั้นสามตอนต้นถึงขั้นสามสูงสุดใช้เวลาแค่แปดเดือนเท่านั้น

นี่รวมถึงเวลาฝึกในขั้นสูงสุดไปแล้วด้วย

และเซี่ยเหล่ย เดือนตุลาคมปีก่อนเข้าสู่ขั้นสาม ตอนนี้อยู่ขั้นสามตอนปลาย ก็ใช้เวลาประมาณครึ่งปีเหมือนกัน

ผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะพวกนี้ พัฒนาในช่วงเวลานี้อย่างรวดเร็ว

ฟางผิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้ง เดิมทีก็ไม่ควรช้าลงไปกว่านี้

ตอนนี้ลองเทียบกับเซี่ยเหล่ยแล้วยังจะช้ากว่า เกรงว่าเซี่ยเหล่ยน่าจะมีจังหวะโอกาสดีๆ อย่างอื่นช่วยเหมือนกัน

“นักศึกษาขั้นห้าพวกนั้นฝึกวิชากันยังไงนะ?”

ตอนนี้ฟางผิงสงสัยจริงๆ นักศึกษาขั้นห้าพวกนั้นฝึกมาถึงจุดนี้ได้ยังไง?

แม้จะเป็นหวังจินหยาง เขาก็ใกล้ขึ้นปีสามแล้ว ปีสี่น่าจะสามารถทะลวงขั้นห้า?

บางทีอาจทำได้ แต่ถ้าพูดว่าเขาอาจเข้าขั้นหกก่อนจบการศึกษา ฟางผิงยังไม่กล้าเชื่อเท่าไหร่

“มีโอกาสดีๆ กันทั้งนั้น!”

ฟางผิงถอนหายใจ เขามีระบบช่วยเหลือ แต่คนอื่นฐานะทางบ้านเอื้ออำนวย ทั้งยังมีโอกาสอย่างอื่นอีก

คิดจะย่นระยะห่าง ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายขนาดนั้นเหมือนกัน

วันพุธที่ 1 เมษายน

ฟางผิงไปถึงห้องเรียน ฟู่ชางติ่งก็เข้ามาหาทันที “การจัดอันดับขั้นสองมีการเปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว นึกไม่ถึงว่านายจะอยู่อันดับสิบแปดเท่านั้น จะดูถูกนายเกินไปแล้ว!”

ฟางผิงหันหน้าไปมองเขา ก่อนจะพูดว่า ‘อ่อ’ ออกมาคำเดียว

“นายไม่โกรธหรือไง?”

ฟางผิงไม่มีอารมณ์จะสนใจเขา เดือนหน้านายเห็นว่าฉันหายไปจากการจัดอันดับเลย จะโกรธอยู่หรือเปล่าล่ะ?

ก่อนหน้านี้บอกกับเฉินอวิ๋นซีว่าตัวเองทะลวงขั้นสามแล้ว ปรากฏว่าเฉินอวิ๋นซีเป็นคนพูดน้อย

ไม่เหมือนคนอื่นที่ปากมาก จนถึงตอนนี้แทบไม่มีใครรู้ว่าฟางผิงเข้าสู่ขั้นสามแล้ว

ส่วนมากอาจารย์ในเซี่ยงไฮ้นั้นรู้แล้ว แต่คนพวกนี้ไม่ใช่พวกชอบคุย

ตอนนี้ฟู่ชางติ่งจึงยังคิดว่าฟางผิงอยู่ในขั้นสอง

“ฟางผิง ยี่สิบอันดับแรก ตอนนี้มีนักศึกษาเซี่ยงไฮ้ของพวกเราอยู่หกคน นอกจากนายยังมีอีกห้าคน ในนั้นมีสามคนอยู่ในสิบอันดับแรก นายอยากไปท้าประลองเพื่อเลื่อนอันดับหน่อยหรือเปล่า? ฉันว่าการจัดกลุ่มคลาสฝึกพิเศษครั้งนี้ พวกเขาน่าจะเข้าร่วมด้วย…”

“อ่อ”

“ถ้าอยู่ในคลาสเดียวกันฉันว่าไม่ช้าก็เร็วคงได้ปะทะกันแน่ อย่างการเลือกหัวหน้าอะไรงี้ มีคะแนนรางวัลให้ นายจะยืนเฉยๆ มองคนอื่นคว้าเอาไปได้หรือไง?”

“อืม”

“ฟางผิง นายพูดแบบนี้แสดงว่าเตรียมตัวที่จะท้าประลองพวกเขาแล้ว?”

ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างฮึกเหิม “งั้นถึงเวลานั้นฉันจะดึงคนในคลาสพวกเรามาช่วยเบ่งอำนาจให้นาย…”

ฟางผิงชำเลืองตามองเขา ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ทำไมนายต้องกระตือรือร้นขนาดนี้?”

หมอนี่ วันนี้เพิ่งมาก็สร้างเป้าหมายให้เขาทันที รู้สึกแปลกๆ ชอบกล

“เอ่อ…”

ฟู่ชางติ่งพูดไม่ออก ถังซงถิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “สองวันก่อนเขาไปแลกเปลี่ยนความรู้ที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ถูกคนซ้อมมา ก็คือเฉินเผิงเฟย คนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่แปดตอนนี้แหละ”

ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “ใจกล้าไม่เบา นึกไม่ถึงว่านายจะกล้าแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ฝึกยุทธ์สิบอันดับแรกของขั้นสอง?”

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองต้องหลอมกระดูกทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบหกชิ้น

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งที่หลอมกระดูกช่วงล่าง ขั้นสองต้องหลอมกระดูกเก้าสิบสามชิ้นถึงจะนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตอนกลาง

ขั้นหนึ่งหลอมกระดูกช่วงบน ขั้นสองต้องหลอมกระดูกเก้าสิบห้าชิ้นถึงจะเรียกว่าผู้ฝึกยุทธ์ตอนกลาง

กลางเดือนกุมภาพันธ์ฟู่ชางติ่งหลอมกระดูกเจ็ดสิบเอ็ดชิ้น ตอนนี้ผ่านไปไม่ถึงห้าสิบวันไม่ได้พัฒนาช้าเลย

หลอมกระดูกถึงแปดสิบแปดชิ้นแล้ว เฉลี่ยสามวันต่อหนึ่งชิ้น

แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นสองตอนกลาง…ตอนนี้ท้าประลองผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่ากู้สยง ถือว่ารนหาที่ตายจริงๆ

ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ใช่ที่ไหนกันล่ะ ซงเชาเชาชอบปั้นเรื่องใส่ร้ายฉัน”

ถังซงถิงแค่นเสียงออกมา เขาเกลียดฟู่ชางติ่ง ไอ้เวรนี้ตั้งฉายานี้ให้เขา!

“เพื่อรักษาหน้าต้องยอมรับความลำบาก ไม่กี่วันก่อนรองประธานสมาคมฉินเฟิ่งชิงประมือกับประธานสมาคม ฉินเฟิ่งชิงเอะอะโวยวายว่าเขาเป็นที่หนึ่งในขั้นสาม จางอวี่อยู่ขั้นสาม เขาสามารถซ้อมจางอู่จนเรียกหาพ่อได้ ปรากฏว่า…ฉินเฟิ่งชิงถูกคนยกออกมาจากสมาคม ฟู่ชางติ่งอยู่ที่นั่นพอดี จะเลียนแบบรุ่นพี่ฉินให้ได้ บอกว่าตัวเองไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสองเช่นกัน…ไม่พอแค่นั้น ยังบอกว่าการจัดอันดับขั้นสองเป็นเรื่องไร้ประโยชน์…ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่นายรู้…”

ฟางผิงนิ่งไปเล็กน้อย เอ่ยอย่างตกใจว่า “นึกไม่ถึงว่านายจะรอดชีวิตกลับมา?”

รนหาที่ตายชัดๆ!

คนพวกนี้หุนหันพลันแล่นกันขนาดนี้แล้ว?

เรื่องที่ฉินเฟิ่งชิงบอกว่าตัวเองไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสาม ฟางผิงรู้เรื่องเช่นกัน ตอนนั้นเขาก็อยู่ในเหตุการณ์

แต่ยังไงฉินเฟิ่งชิงก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด เขาถึงได้กล้ากำแหงขนาดนี้

ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงถูกจัดในอันดับที่สิบสี่ของขั้นสาม นี่พิสูจน์ถึงความสามารถของเขาแล้ว

แต่ฟู่ชางติ่ง หากพูดให้เห็นภาพเขาเพิ่งจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตอนต้นเท่านั้น ต่อให้รนหาที่ตายก็ควรจะหาวิธีอื่นสิ?

ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างหงุดหงิด “อย่าฟังคำโกหกของเขา ใครบอกว่าไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสอง? ฉันบอกว่าตอนที่ฉันอยู่ขั้นสองสูงสุดต่างหาก…ปรากฏว่าเจ้าพวกนี้เมินเฉยคำว่า ‘ขั้นสองสูงสุด’ ของฉันไป จากนั้นเฉินเผิงเฟยคนนั้นก็อยู่ในสมาคมพอดี แม่งเหอะ รังแกคนเกินไปแล้ว จงใจท้าทายฉัน!”

ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างโมโห “ต่อให้แพ้ก็ไม่อาจปล่อยให้คนดูถูก ฉันยอมได้งั้นเหรอ? จากนั้นก็เลยตีกันขึ้นมา!”

“นายถูกซ้อม ไม่ได้เรียกว่าตีกัน” ถงซงถิงพูดฉีกหน้า

ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครถูกซ้อม? ฉันก็ซ้อมเขาเหมือนกัน!”

“ใช่ น่าขายหน้าชะมัด นึกไม่ถึงว่าจะถูกตีก้นต่อหน้าผู้คนมากมาย…”

ฟางผิงเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเองตาย ละล่ำละลักว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“หุบปาก!” ฟู่ชางติ่งร้อนใจทันที

ถังซงถิงกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฟางผิง ก็ช่วงนี้ที่นายทำตัวลึกลับไม่ยอมโผล่หน้าออกมาเลยไม่รู้เรื่องนี้ ความจริงถูกเล่าเป็นวงกว้างตั้งนานแล้ว เฉิงเผิงเฟยรู้เหมือนกันว่าฝีมือเขาแข็งแกร่งกว่าฟู่ชางติ่งเยอะ ไม่ได้คิดจะจริงจังกับเขา แต่น่าขายหน้ามากกว่า เฉินเผิงเฟยใช้สันดาบตีก้นเขาไปตั้งหลายสิบที นายไม่เห็นเหรอว่าหลายวันนี้เขายืนจวงกงเข้าเรียนอยู่ตลอด?”

ฟางผิงรีบก้มหน้ามองด้านล่างของเขาทันที

ฟู่ชางติ่งโทสะสุมหัว ถลึงตามองถังซงถิงอย่างดุดัน

ก่อนจะอดลูบก้นตัวเองไม่ได้ เอ่ยกระอึกกระอักว่า “หายตั้งนานแล้ว…ฉันก็ซ้อมเขาเหมือนกัน!”

ฟางผิงอดหัวเราะไม่ได้ เอ่ยว่า “จากนั้นนายเลยเป่าหูฉันให้ไปหาเรื่องเขา?”

“เป่าหูที่ไหนกัน ฉันถามนายว่าถ้าเลือกหัวหน้าจริงๆ นายจะแย่งหรือเปล่าต่างหาก?”

“ต้องดูว่าผลประโยชน์เพียงพอหรือเปล่า”

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์เห็นผลประโยชน์ ใครจะไม่แย่งบ้าง เขาอยู่ในอันดับแปด นายอยู่ตั้งสิบแปด นายว่าเขาจะให้นายไหมล่ะ?”

ฟู่ชางติ่งแก้ต่างว่า “ดังนั้นนายจึงถูกกำหนดให้ปะทะกับเขาอยู่แล้ว ฉันแค่มาเตือนนายเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”

“ฉันกับเขาน่าจะประมือกันไม่ได้…ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน”

ฟางผิงไม่พูดมากอีก หากเขาอยู่ขั้นสามตอนปลาย งั้นเฉินเผิงเฟยคงโง่แล้วที่กล้าแข่งกับเขา

แต่เขาเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสามตอนต้น มีผลประโยชน์ เฉินเผิงเฟยอาจจะไม่เกรงกลัวฝีมือของฟางผิงเสมอไป

พวกเขาคุยกันสักพัก ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยอย่างอยู่ไม่สุขว่า “ฟางผิง นายจะก้าวหน้าเร็วเกินไปแล้ว จนถึงตอนนี้ฉันเพิ่งจะหลอมกระดูกได้แปดสิบแปดชิ้น ยังเหลืออีกตั้งสามสิบแปดชิ้นถึงจะเข้าสู่ขั้นสองสูงสุด อย่างน้อยต้องใช้เวลาสี่เดือน อาจจะทะลวงได้เดือนสิงหากันยานู่น คิดจะทะลวงขั้นสาม น่าจะหลังเปิดเทอม…”

พวกเขาไม่นับว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ทะลวงสามขั้นในหนึ่งปี เพราะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยตั้งนานแล้ว

รอเปิดเทอมถัดไป แม้ว่าจะทะลวงขั้นสามก็นับว่าทะลวงสองขั้นในหนึ่งปีเท่านั้น

เทียบกับฟางผิงแล้ว ตอนนี้ฟู่ชางติ่งคิดว่าตัวเองพัฒนาช้าเหลือเกิน

——————-

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท