ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 210-2 เติบโตในความล้มเหลว (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 210 เติบโตในความล้มเหลว (2)

“เกรงว่าพวกเขาคงอยากจะทำสงครามในหมู่บ้าน แม้หมู่บ้านผานสือจะเป็นหมู่บ้านชนบท แต่สิ่งก่อสร้างยังคงสูงใหญ่ บ้านหลายหลังสร้างจากหินในภูเขา หากเข้าไปทำสงครามในนั้น คงเกิดความสูญเสียอย่างหนัก ตอนนี้เป้าหมายของพวกเขาคือสร้างความสูญเสียให้กับพวกเรามากหน่อย คนพวกนี้เดิมทีก็ไม่เกรงกลัวต่อความตาย ยืดเยื้อเวลากับพวกเราแบบนี้ แค่อยากจะทำให้พวกเราหมดความอดทนเท่านั้น รอพวกเราไม่มีความอดทน เคลื่อนทัพเข้าไปในหมู่บ้านทั้งหมด คงจะถูกแยกตัวอย่างรวดเร็ว โดนล้อมฆ่าเป็นจำนวนมากแน่…”

ฟางผิงเอ่ยว่า “ตอนนี้พวกเขาอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ จุดไฟเผาหมู่บ้านเป็นยังไง?”

นักศึกษาจากเซี่ยงไฮ้คนหนึ่งส่ายหัวว่า “หมู่บ้านผานสือสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ทำจากหิน เผาหมู่บ้านให้ประสิทธิภาพค่อนข้างจำกัด ทั้งนี่ไม่ใช่หมู่บ้านร้างที่ถูกปิดกั้นทางเข้าออก…”

“งั้นพวกนายว่าควรทำยังไง? หรือจะมองอยู่อย่างนี้?”

ในฝูงชนมีคนปรึกษากันยกใหญ่ ท้ายที่สุดจึงมีคนเอ่ยว่า “ตอนนี้พวกเราต้องทำลายความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของพวกเขา บีบเค้นให้พวกเขาทำสงครามกับเราซึ่งๆ หน้า หากเป็นแบบนั้น พวกเขาคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเรา ไม่งั้นคงไม่งัดสารพัดเล่ห์เหลี่ยมออกมาแบบนี้หรอก พวกเราเสนอว่าอย่างแรก เคลื่อนไหวพร้อมกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามอยู่ด้านหน้าค่อยๆ ทลายสิ่งก่อสร้างในหมู่บ้านให้เรียบ ยังไงก็เป็นแค่หมู่บ้าน บ้านช่องห้องหับไม่เยอะอยู่แล้ว ทำลายให้เกลี้ยงอาจจะเสียเวลาอยู่บ้าง แต่จะสามารถกวาดล้างบ้านหลายหลังพวกนี้ให้เรียบไปด้วย อย่างที่สองให้คนจากสาขาศึกษาวิจัย สร้างเครื่องยิงหินง่ายๆ ขึ้นมา พวกเราจะใช้หินโจมตีเช่นกัน พวกเราต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เป้าหมายก็เพียงให้สิ่งปลูกสร้างในหมู่บ้านราบเป็นหน้ากลอง แต่เกรงว่าต้องสิ้นเปลืองเวลาหน่อย อาจจะไม่สำเร็จภายในวันนี้”

ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “พวกนายก็สร้างของพรรค์นี้เป็นด้วย?”

“แค่อุปกรณ์ยิงง่ายๆ เท่านั้น ไม่นับว่าเป็นเครื่องยิงหินอะไร หลักๆ จะอาศัยพลังของผู้ฝึกยุทธ์ หากสร้างตามเงื่อนไขของคนธรรมดา คงจะสิ้นเปลืองเวลา ไม่อาจจะสำเร็จในเวลาสั้นๆ ได้ นี่ไม่ใช่เมืองใหญ่อะไร เป็นแค่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เป้าหมายของพวกเราคือทำลายสิ่งก่อสร้าง บีบเค้นให้ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตออกมาจากที่ซ่อน น่าจะทำได้ไม่ยาก”

พวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามอย่างฟางผิงต่างมองหน้ากัน ไม่นานก็มีคนถามว่า “ใช้เวลาเท่าไหร่?”

“สร้างข้ามคืน พรุ่งนี้เช้าน่าจะได้ประมาณเจ็ดแปดอัน…”

“งั้นถ้าอีกฝ่ายขึ้นเขา…”

“ขึ้นเขา พวกเราก็ใช้วิธีโจมตีด้วยไฟ อันที่จริงเขาด้านหลังหมู่บ้านผานสือ มีต้นไม้ไม่เยอะ ส่วนมากเป็นก้อนหิน เผาต้นไม้พวกนั้น เมื่อเทียบกับพวกเรา พวกเขาก็ไม่มีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์แล้ว”

“งั้นถ้าให้ผู้ฝึกยุทธ์บุกกวาดล้าง…”

“กลัวว่าจะสิ้นเปลืองปราณอย่างหนัก อีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ฟื้นฟู”

ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย “หากทุกคนยินดีสนับสนุนยาบำรุงให้ฉันบางส่วน ฉันสามารถเป็นเครื่องจักรทำลายล้างได้ คิดว่าไง?”

ทุกคนอึ้งไปพักหนึ่ง ฟางผิงเอ่ยต่อ “ปราณฉันฟื้นฟูได้รวดเร็ว ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตอาจไม่รู้เรื่องนี้ ให้พวกเขาคิดไปว่าพวกเราสูญเสียปราณอย่างหนักเพราะกวาดล้างสิ่งก่อสร้าง ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้พวกเขาเป็นฝ่ายออกมาจู่โจมก็ได้ ส่วนอุปกรณ์การยิง ต้องรอถึงวันพรุ่งนี้ ตอนเย็นใครก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรหรือเปล่า…คนอื่นๆ คอยระแวดระวังให้ดี ประคองปราณให้เต็มอยู่ตลอด พลังของฉันคนเดียวมีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสิบคนทำลายล้างร่วมกัน พวกนายคิดดู หากอีกฝ่ายคิดว่าพวกฉันใช้ปราณหมดเกลี้ยงแล้ว จะปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างนั้นเหรอ?”

เดิมทีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามก็มีน้อย หากอีกฝ่ายคิดว่าพวกนักศึกษาที่แข็งแกร่งใช้ปราณจนหมดสิ้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะฉวยโอกาสฟื้นฟูปราณบุกออกมาฆ่า

จ้าวหยางถามว่า “ต้องการยาบำรุงเลือดและปราณเท่าไหร่?”

“ขั้นสามสามสิบห้าเม็ด…”

ทุกคนพากันเงียบกริบ ผ่านไปพักใหญ่ ฟางเหวินเสียงจึงเอ่ยว่า “งั้นรอสร้างอุปกรณ์ยิงหินดีกว่า”

ฟางผิงจะเสนอเงื่อนไขสูงเกินไปแล้ว!

“ยี่สิบเม็ดก็ได้!”

ฟางผิงเห็นทุกคนยังคงเงียบ ก็เอ่ยอย่างกลัดกลุ้มว่า “พวกนายขี้เหนียวเกินไปแล้ว ต่อให้พวกนายสู้เอง รวมถึงยิงหินด้วย ปราณจะไม่ลดเลยหรือไง? ยังต้องเติมปราณ สิ้นเปลืองยาบำรุงเหมือนกัน เอาแบบนี้ สิบห้าเม็ด น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว ฉันก็ต้องควักเองเหมือนกัน…”

ทุกคนสบสายตากัน ผ่านไปพักหนึ่ง จ้าวหยางจากปักกิ่งค่อยเอ่ยขึ้นว่า “ทุกคนคิดว่ายังไง? หากให้ฟางผิงลงมือจริงๆ ยาบำรุงพวกนี้จะถูกหักจากสินสงครามภายหลัง มีใครคัดค้านหรือเปล่า?”

“สิบเม็ด พวกเรารับได้ ถ้ามากกว่านี้ รางวัลภายหลังอาจจะไม่คุ้มค่าเท่ากับยาบำรุงสิบห้าเม็ดนี้เสมอไป!”

ยาบำรุงสิบห้าเม็ด ในเซี่ยงไฮ้ต้องใช้สี่สิบคะแนนต่อหนึ่งเม็ด

แค่นี้ก็ใช้ตั้งหกร้อยคะแนนแล้ว ตีเป็นเงินสิบแปดล้าน

รางวัลที่ได้ภายหลังอาจไม่ได้มากมายขนาดนี้ ตอนนี้เป็นเรื่องที่พูดยากจริงๆ

ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตพวกนี้รู้ว่าตัวเองต้องตาย เกรงว่าจะใช้ยาบำรุงไปตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะเหลือไว้ก่อนตาย

รางวัลภายหลังอย่างแท้จริงก็เป็นอาวุธโลหะผสมในมือผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น

ทั้งผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตยังมีอาวุธโลหะผสมไม่เยอะ

ฟางผิงคำนวณเล็กน้อย ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสามสิบเม็ด มูลค่าประมาณสิบสองล้าน

นี่ยังเป็นแค่มูลค่าของยาบำรุง นอกจากนี้เขายังจะสามารถเพิ่มค่าทรัพย์สินให้ตัวเองได้กว่าแปดล้าน

ภายหลังขายยาบำรุงอีกครั้ง สรุปแล้วน่าจะเพิ่มค่าทรัพย์สินให้ตัวเองได้กว่าสิบล้าน

แม้เขาจะสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินมหาศาล แต่มูลค่ายาบำรุงยังอยู่ นี่ถือเป็นกำไร

นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงจึงเอ่ยด้วยความเด็ดเดี่ยว “ทุกคนต่างทำเพื่อภารกิจ งั้นสิบเม็ด กวาดล้างพร้อมกัน! ทำลายสิ่งก่อสร้างให้ราบเป็นหน้ากลอง หากพวกเขาไม่ขึ้นเขาก็ต้องปะทะซึ่งๆ หน้ากับพวกเรา ขึ้นเขา…ฉันคิดว่าโอกาสไม่สูงเท่าไหร่ คนพวกนี้เตรียมตัวตายอยู่แล้ว ถึงเวลานั้นเกรงว่าจะคิดแค่ฆ่าให้ได้มากเท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่อาจหนีตายต่อ พอรู้สึกว่าพวกเราไม่สามารถจู่โจมพวกเขาได้ หน่วยทหารและพวกอาจารย์ที่ล้อมอยู่ด้านนอกอาจจะลงมือ? พวกเราคิดว่าไม่อยู่แล้ว แค่อีกฝ่ายอาจไม่คิดอย่างนั้น พวกเขาประจันหน้ากับพวกเรา บางทีอาจมีประโยชน์กว่า แค่ถ้าเผชิญหน้ากับพวกอาจารย์ คงจะตายกันอย่างเสียเปล่า”

ระหว่างที่พูด ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามมารวมกันกับฉัน คนอื่นๆ เว้นระยะห่างจากพวกเราเล็กน้อย ทุกคนต้องสร้างสถานการณ์ร่วมกันว่าหมดแรง ล่อให้อีกฝ่ายโจมตีพวกเรา หากมีคนจู่โจมจริงๆ พวกเราก็ปลดปล่อยเต็มพลัง รับรองพวกเขาต้องตกใจ!”

จู่ๆ ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยว่า “นายไหวจริงๆ นะ? ปราณนายฟื้นฟู แต่ต้องสิ้นเปลืองกำลังเหมือนกัน ถึงเวลานั้น…”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไหวอยู่แล้ว หากยืนหยัดไม่ไหวจริงๆ ฉันจะถอยทัพก่อน ทุกคนคงไม่คัดค้านอะไรใช่ไหม?”

“ได้ หากทำลายล้างสิ่งก่อสร้างในหมู่บ้านแล้ว ให้อีกฝ่ายประจันหน้ากับพวกเราไม่มีปัญหา นอกจากอีกฝ่ายจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายขึ้นไปปรากฏตัวขึ้นหลายคน ไม่อย่างนั้นคงไม่คณามือพวกเราอยู่แล้ว”

กู้สยงพยักหน้า “จำนวนคนของพวกเราเยอะกว่าพวกเขา ขอแค่พวกเขาไม่มีขั้นสาม โอกาสที่ขั้นสองอย่างพวกเราจะบาดเจ็บล้มตายก็จะมีน้อยลง ต่อสู้ตัวต่อตัว ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตแทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ระดับเดียวกับพวกเรา อาวุธของพวกเขาล้าหลัง เคล็ดวิชาไร้คุณภาพ หากสองต่อหนึ่ง พวกเรายังฆ่าพวกเขาได้อย่างรวดเร็วอยู่ดี!”

เขาเอ่ยต่อว่า “ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามอย่างพวกเรามีแรงกดดันมากที่สุด ต้องสกัดขั้นสามของพวกเขาถึงกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนกลางหรือสูงสุด ไม่งั้นหากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่น เกรงว่าจะสร้างความสูญเสียขึ้น”

“ขั้นสามตอนปลายขึ้นไปคงมีไม่เยอะ ถ้าเยอะจริงๆ คงบุกมาฆ่าพวกเราโดยตรงแล้ว มากสุดน่าจะสองสามคน ยึดตามแผนเดิม หากคนพวกนี้ปรากฏตัวจริงๆ พวกเราขั้นสามต้องสกัดไว้ ขั้นสองที่ถูกจัดในอันดับให้เผชิญหน้ากับขั้นสามคนอื่นๆ”

“…”

เปลี่ยนแผนใหม่อีกครั้ง ทุกคนพักผ่อนกันสักพัก ก่อนจะเริ่มรวมตัวมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านผานสือ

ส่วนฟางผิงได้รับยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสามสิบเม็ดที่ทุกคนรวบรวมมาแล้วเช่นกัน

ต่อจากนี้เขาต้องทุ่มเทสุดกำลังแล้ว

——————–

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท