ตอนที่ 218 ใครกล้าเด็ดลูกท้อของฉัน (2)
“ตอนนี้ที่ฉันมีทุกอย่างล้วนพึ่งพาจากสมองของฉัน พึ่งพาความสามารถของฉัน จางจื่อเวยเธอมีอะไร? อาศัยแค่เซี่ยเหล่ยเป็นแฟนของเธอก็ไม่คิดว่าฉันอยู่ในสายตา? ดูท่าครั้งก่อนแพ้ให้ฉันคงยอมรับไม่ได้? รอเธอทะลวงขั้นสามแล้ว มาท้าประลองกับฉันได้ทุกเมื่อ! ส่วนเรื่องแพลตฟอร์ม มีฝีมือก็ให้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไปเกลี้ยกล่อมมหาวิทยาลัยบังคับเอาอำนาจไปจากมือฉันเอง ไม่งั้นก็ให้เขามาหาฉันได้ทุกเมื่อ!”
จางจื่อเวยแค่นเสียงเบาๆ กลับไม่คิดจะโต้แย้งเขาอีก
ฟางผิงคร้านจะสนใจเธอเช่นกัน มองไปทางคนอื่นๆ “เรื่องของฉันและสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ พวกนายไม่ต้องเข้ามายุ่ง ไม่งั้นอย่าโทษว่าฉันหักหน้าแล้วกัน!”
เห็นว่าอาจทำเงินได้ รวมทั้งปีแล้วอาจจะได้กำไรกว่าร้อยล้าน
ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าจะมีคนอยากเด็ดลูกท้อ ฟางผิงจะยินยอมได้ยังไง
แพลตฟอร์มของมหาวิทยาลัย ตอนนี้อยู่แค่ขั้นเริ่มต้น ฟางผิงยังคิดจะทำแพลตฟอร์มบนอินเทอร์เน็ตข้ามระหว่างมหาวิทยาลัยถึงกระทั่งข้ามประเทศด้วย
ตอนนี้มีคนจะขโมยแผนของเขา นั่นก็เท่ากับคิดจะขโมยชีวิตทั้งชีวิตของเขา
หากเซี่ยเหล่ยมาจริงๆ ฟางผิงตัดสินใจแล้ว จะถ่วงเวลาจนเขาตายทั้งเป็น ครั้งนี้ต้องสู้ประจันหน้า ผลาญปราณให้เขาตาย!
ทุกคนต่างอยู่ในความเงียบ
ปัญหาของฟางผิงและสมาคม แม้ทุกคนจะเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แต่ก็เป็นแค่สมาชิกเท่านั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขาเท่าไหร่
ฟางผิงเพิ่งจะปีหนึ่ง ตอนนี้ทะลวงขั้นสามตอนกลาง สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดไปแล้ว
เซี่ยเหล่ยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด ฝีมือห้าวหาญ
นอกจากนี้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ยังมีประธานที่อยู่ขั้นสี่…
เพราะกฎของมหาวิทยาลัย เว้นเสียแต่ว่าฟางผิงจะเป็นฝ่ายท้าประลองจางอวี่ ไม่งั้นจางอวี่ที่อยู่ขั้นสี่ก็ไม่อาจท้าประลองฟางผิงก่อนได้
แต่รอให้ฟางผิงทะลวงขั้นสี่แล้ว กฎนี่คงใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ทั้งหากเขาเข้าสู่ขั้นสี่จริงๆ จางอวี่อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเสมอไป เรื่องนี้ทุกคนไม่อาจคาดเดาตอนจบได้ ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
ระหว่างที่ตกอยู่ในความเงียบ ถังเฟิงก็กลับมา “มหาวิทยาลัยตัดสินใจเปลี่ยนรางวัลเป็นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของคะแนนทดสอบให้ทุกคน นักศึกษาที่ไม่ถึงคะแนนมาตรฐานก็ได้คะแนนเช่นเดียวกัน แต่ว่านักศึกษาที่ทำคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ภายในเดือนนี้จำเป็นต้องทำภารกิจขั้นสองสามภารกิจขึ้นไป! หากไม่มีประสบการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเยอะหน่อย พวกเธอคงไม่อาจเติบโตได้! มีแค่ทรัพยากร อบรมสั่งสอนออกมาก็เป็นได้แค่ผู้ฝึกยุทธ์ปราณเท่านั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่มหาวิทยาลัยอยากเห็น”
ฟางผิงกลับไม่สนใจ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา แต่เปลี่ยนเป็นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เขาก็ได้กำไรไม่น้อยแล้ว ตั้งสี่ร้อยคะแนน
ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนฟางผิงจะเอ่ยว่า “อาจารย์ คลาสฝึกพิเศษจะมีจนถึงเมื่อไหร่เหรอครับ? กำหนดการลงถ้ำออกมาหรือยัง?”
“ปลายเดือนพฤษภาคมก็สิ้นสุดแล้ว ต่อไปทุกคนสามารถเคลื่อนไหวโดยอิสระ ทำภารกิจ เรียนรู้ฝึกฝนหรือเตรียมความพร้อมต่างขึ้นอยู่กับพวกเธอ รวมถึงการรวมกลุ่มเล็กๆ เป็นเรื่องที่พวกเธอจำเป็นต้องปรับตัวเช่นกัน กำหนดการเข้าถ้ำ ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปออกมา หลักๆ น่าจะเข้าประมาณเดือนมิถุนายน”
ฟางผิงพยักหน้า เอ่ยต่อว่า “งั้นผมเบิกสามร้อยคะแนนของเดือนนี้ล่วงหน้าได้หรือเปล่า?”
ถังเฟิงขมวดคิ้ว
ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ก่อนหน้านี้ผมบอกไปแล้ว อีกนิดเดียวก็จะสามารถทะลวงขั้นสามตอนปลายได้ หากทะลวงขั้นสามตอนปลาย นั่นไม่เหมือนกันแล้ว ส่วนเพื่อนร่วมชั้น ผมจะให้โอกาสทุกคนด้วย สามารถท้าประลองผมได้ หากชนะผม คะแนนพวกนี้จะกลายเป็นของพวกเขา เข้าถ้ำแล้ว ฝีมือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทุกคนคงไม่ปฏิเสธหรอกมั้ง? แน่นอนว่าหากจะแข่งขันด้วยการสอบ แข่งขันเอาตัวรอด ผมก็ยินดีจะแข่งกับทุกคน ผมไม่คิดว่าจะมีใครเอาชนะผมได้”
ถังเฟิงกวาดสายมองทุกคน เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “มีใครอยากท้าประลองหรือเปล่า?”
ทุกคนพากันเงียบ ก่อนหน้านี้ฟางผิงเพิ่งฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดไป ใครจะไปประลองกับเขา
“ในเมื่อทุกคนไม่อยากประลอง งั้นฟางผิงสามารถเบิกคะแนนล่วงหน้าได้!”
ถังเฟิงพูดเสียงดังว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ต้องห้าวหาญ ทุกคนจำคำพูดนี้ไว้ให้ดี! วันนี้ให้โอกาสทุกคน พวกเธออาจไม่สามารถเอาชนะเขาได้เสมอไป แม้จะเวียนกันต่อสู้ ฉันก็จะให้โอกาสพวกเธอเหมือนกัน แต่ตอนนี้ทุกคนกลับละทิ้งโอกาส งั้นจะมาโทษว่ามหาวิทยาลัยไม่ให้โอกาสไม่ได้เช่นกัน ว่าตามนี้ พรุ่งเข้าเรียนตามเดิม แยกย้ายได้!”
ถังเฟิงพูดจบก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงสาวเท้าเดินออกไปข้างนอก คำนวณแล้วเขาก็จะได้เจ็ดร้อยคะแนน
แต่ว่า…มองพวกฟู่ชางติ่งแวบหนึ่ง ฟางผิงถอนหายใจ
รับปากไปแล้ว ตอนนี้กลับมาเสียดาย แต่ไม่เป็นไร ยังต้องแบ่งให้พวกเขาหนึ่งร้อยคะแนน
สรุปแล้วเขาจะได้แค่หกร้อยคะแนนเท่านั้น
พวกฟู่ชางติ่งกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย เฉินอวิ๋นซีกระซิบว่า “นาย…ตะกี้นายกับจางจื่อเวย…”
ฟางผิงเดินไปด้วยพูดไปด้วย “ขี้เกียจจะสนใจเธอแล้ว! เซี่ยเหล่ยคงคิดว่าตัวเองเป็นประธานจริงๆ ของของฉันแย่งง่ายขนาดนั้นหรือไง ตอนนี้ใกล้จะเข้าถ้ำ เขาคงไม่ท้าประลองฉันตอนนี้ รอฉันออกมาจากถ้ำ ทะลวงขั้นสามตอนปลายหรือสูงสุดแล้ว หากเขากล้ามา ฉันก็จะฟันเขาให้ตาย!”
ฟางผิงไม่ได้กังวลเรื่องนี้จริงๆ ตอนนี้โอกาสที่เซี่ยเหล่ยจะหาเรื่องเขามีน้อยมาก
คนของคลาสฝึกพิเศษต่างเตรียมความพร้อมในการลงถ้ำใต้ดิน เซี่ยเหล่ยมีฝีมือสูงกว่าฟางผิงถึงสองระดับเล็กๆ
เขาลงมือตอนนี้จะสร้างชื่อเสียงที่ไม่ดีได้
หากสู้จนฟางผิงบาดเจ็บหนัก สุดท้ายฟางผิงเกิดปัญหาในถ้ำ
เซี่ยเหล่ยคงหนีไม่พ้นคำครหา เป็นเพราะอิจฉาหรือเปล่าเลยจงใจถ่วงความก้าวหน้าของฟางผิง ทำให้เขาตายในถ้ำใต้ดิน
คำเรียกขานปรมาจารย์ ไม่ใช่แค่ความสามารถ แต่ยังเกี่ยวถึงการกระทำทุกอย่าง รวมถึงนิสัยใจคอด้วย
เซี่ยเหล่ยที่อยู่ขั้นสามจงใจทำร้ายอัจฉริยะคนหนึ่งเพราะอิจฉาความสามารถ แม้เขาจะทะลวงขั้นเจ็ดก็อาจจะไม่สามารถคว้าคำเรียกขานที่ว่าปรมาจารย์ได้เสมอไป
ไม่ใช่ว่าปรมาจารย์ห้ามทำเรื่องเลวร้าย แต่อย่างน้อยต้องไม่มีคนรู้หรือผลกระทบไม่ใหญ่มาก
ฟางผิงที่เป็นอัจฉริยะขั้นสาม ไม่ใช่คนที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม เบื้องหลังยังมีพวกปรมาจารย์ของมหาวิทยาลัยจับตามองอยู่
เพราะตระหนักถึงเรื่องพวกนี้ ฟางผิงจึงวางท่าอวดดี ไม่ได้กังวลจนเกินไป
หยางเสี่ยวม่านเบะปากว่า “นายมั่นใจดีนะ เซี่ยเหล่ยไม่ได้อ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีฉินเฟิ่งชิง…”
“ฉินเฟิ่งชิง?”
ฟางผิงแค่นหัวเราะ “เว้นเสียว่าฉินเฟิ่งชิงจะเป็นประธานสมาคม ไม่งั้นจากนิสัยของเขา คงอยากจะให้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เสียประโยชน์มากกว่า เธอคิดว่าฉินเฟิ่งชิงจะลงมือ?”
ทางฉินเฟิ่งชิงฟางผิงแทบไม่ได้กังวลอะไร
ตอนนี้เหล่าฉินงัดข้อกับจางอวี่แล้ว หากเขาเอาชนะจางอวี่ไม่ได้ นั่นหมายความว่าก่อนจบปีสี่คงไม่มีวาสนาได้เป็นประธาน ฉินเฟิ่งชิงไม่ยอมอยู่แล้ว ชีวิตในมหาวิทยาลัยสี่ปีตกเป็นเบี้ยล่างมาโดยตลอด ตอนนี้เป้าหมายของเขาคือทะลวงขั้นสี่เอาชนะจางอวี่ ทางฟางผิงฉินเฟิ่งชิงไม่เข้ามายุ่งอยู่แล้ว
“งั้นจางอวี่ล่ะ?”
“รอฉันมั่นใจว่าเอาชนะเขาได้ค่อยว่ากัน”
ฟางผิงไม่ใส่ใจเช่นกัน หากไม่มั่นใจ อะไรที่เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง จางอวี่อยู่ขั้นสี่ไม่อาจเป็นฝ่ายหาเรื่องเขาก่อนได้
หากมีความมั่นใจแล้ว แค่คำเดียวเท่านั้น…สู้!
ใครจะกลัวกัน!
เวลานี้จู่ๆ ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยว่า “นายเป็นคนเปิดบริษัทหยวนฟาง?”
“ไร้สาระ หรือนายดูไม่ออก?”
ฟางผิงไม่คิดจะปิดบัง มาถึงขั้นนี้แล้ว กระทั่งคนโง่ยังรู้ว่าแพลตฟอร์มหยวนฟางและฟางผิงมีส่วนเกี่ยวข้องกัน
ฟู่ชางติ่งพูดแขวะว่า “ฉันว่าแล้วนายตั้งใจขนาดนี้ ตอนแรกยังคิดว่าอีกฝ่ายให้ประโยชน์อะไรนาย ความจริงกลับเป็นบริษัทของนายเอง”
จ้าวเหล่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ดังนั้นความจริงแล้วพวกเราต่างทำงานให้เขาอยู่!”
ฟางผิงแค่นหัวเราะ “พวกนายทำอะไร? แทบไม่ได้ทำอะไร คว้าแต่ผลประโยชน์ จะพูดพล่ามเยอะแยะทำไม! มีฝีมือก็ออกไปตั้งแต่ตอนนี้ พอดีเลยจะได้เหลือตำแหน่งไว้ให้คนอื่น”
จ้าวเหล่ยแค่นเสียงทันที “ไม่ออก!”
เรื่องกู้ยืมคะแนนฟรีเป็นที่รู้กันแล้ว จะออกไปทำไม ฟางผิงคำนวณเป็น คิดว่าคนอื่นทำไม่เป็นหรือไง?
“งั้นก็อย่าพูดมาก”
พูดจบฟางผิงก็มองไปทางพวกเขา “ตามฉันมาทำไม ฉันจะไปเอาคะแนน พวกนายมีอะไร?”
“พวกเราก็จะไปเอาคะแนน นายนี่แปลกคนจริงๆ!”
“เศษคะแนนแค่นั้นยังจำเป็นต้องไปเอาตอนนี้ด้วย? รับบนแพลตฟอร์มหยวนฟางก็ได้…”
“พวกฉันสะดวกแบบนี้!”
“…”
———————