ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 226-2 ขั้นสามตอนปลาย (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 226 ขั้นสามตอนปลาย (2)

“ตอนนี้ฉันไปแสดงหนังเรื่องสิบแปดมนุษย์ทองคำ น่าจะไม่ต้องแต่งหน้าด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ควรต้องเรียกว่ามนุษย์เลือดมากกว่า”

ฟางผิงพึมพำเบาๆ ประตูห้องฝึกวิชาถูกเปิดออก หลู่เฟิ่งโหรวชำเลืองตามองเขาแวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย “ทำได้ดี แต่น่าเสียดาย”

ทำได้ดีเพราะการเปลี่ยนร่างของฟางผิงครั้งนี้ผิวหนังกระดูกล้วนหลอมจนถึงขีดจำกัดใหม่ อยู่ห่างจากขั้นสามสูงสุดเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

ขอเพียงฟางผิงปรับตัวสักหน่อย ย่อยทุกอย่างผสมรวมกัน เขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดแล้ว

สิ่งที่น่าเสียดายคือฟางผิงไม่สามารถหลอมจนถึงไขกระดูกได้

นี่หมายความว่าข้ออ้างของฟางผิงยังขาดอีกนิดถึงจะเสร็จสมบูรณ์

แน่นอนว่าหากพลังจิตใจของเขาเยอะกว่านี้หน่อย คงแตะถึงจุดเดียวกับหลู่เฟิ่งโหรวแล้ว งั้นแม้จะไม่ได้หลอมไขกระดูกก็คงไม่เป็นอะไร

ตอนนี้ถ้าหลู่เฟิ่งโหรวต้องการ ก็สามารถทำถึงขั้นปล่อยปราณไม่ขาดสายเช่นกัน…แต่เทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามแล้ว

ตาเฒ่าหลี่สาวเท้าเดินเข้ามา

ฟางผิงเอ่ยขึ้นมาทันที “อาจารย์หลี่ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะเอาคะแนนให้ผมใช่หรือเปล่า?”

ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างแปลกใจ “เมื่อไหร่?”

“งั้น…งั้นคุณเคยพูดว่าจะชำแหละสมองผม?”

ตาเฒ่าหลี่แปลกใจขึ้นไปอีก เอ่ยอย่างจนใจ “พูดอะไรกัน?”

ฟางผิงสะบัดหัว เอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “งั้นผมน่าจะฟังผิดไป”

ตาเฒ่าหลี่ไม่สนใจเขา คิดเสียว่าเธอหูแว่วก็ดีแล้ว

ไม่พูดถึงประเด็นนี้ต่อ ตาเฒ่าหลี่มองเขา ก่อนจะพยักหน้าว่า “ไม่เลว ตั้งใจฝึกวิชาดีๆ ขั้นตอนนี้อย่าได้รีบทะลวงอีก ต้องสั่งสมความสามารถและเก็บรายละเอียดให้ดี ไม่งั้นเธอจะได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ปราณจริงๆ แล้ว เคล็ดวิชาต่อสู้ต้องฝึกจนถึงขั้นทะลุปรุโปร่ง อย่างน้อยควรแตะถึงขั้นที่ควบคุมพลังได้…”

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ควบคุมพลัง? ครองกระบวนท่าไม้ตายไม่ได้ นั่นเท่ากับไร้ความสามารถ!”

ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันแค่แนะนำเท่านั้น ขอตัวล่ะ ไม่ก้าวก่ายหน้าที่ใครแล้ว”

ฟางผิงรีบเอ่ยอย่างว่องไว “ขอบคุณครับอาจารย์หลี่”

คนพวกนี้น่าจะอยู่ที่นี่มาหลายวัน

ตาเฒ่าหลี่ไม่รับบทสนทนาอีก โบกไม้โบกมือก่อนจะออกไปอย่างรวดเร็ว

เขาไปแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวจึงเอ่ยว่า “อยู่ในห้องฝึกวิชาต่อ ทำความคุ้นเคยกับเขตแดนนี้ก่อน ขั้นสามตอนปลายใกล้กับขั้นสูงสุด ปราณเกือบพันแคลแล้วสินะ?”

“ครับ อาจารย์ ผมรู้สึกเหมือนว่าปราณจะถึงขีดจำกัดแล้ว…”

“ปกติ” หลู่เฟิ่งโหรวอธิบาย “ประโยชน์ของการหลอมกระดูกสามครั้ง ตอนนี้น่าจะถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกัน ความได้เปรียบเพียงอย่างดัยวอยู่ที่ขั้นปรมาจารย์ในอนาคต สามารถแตะถึงขั้นแปดได้เร็วกว่าหน่อย ยังไงหลอมกระดูกสามครั้งในตอนนั้นก็เป็นการหลอมกระดูก ไม่ใช่ทั้งร่างกาย อวัยวะภายในของเธอยังเหมือนกับคนอื่นๆ ดังนั้นหลังจากเข้าสู่ขั้นสาม พวกเธอและผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปจะไม่แตกต่างกันมาก แน่นอนว่าความได้เปรียบที่สั่งสมมาช่วงแรกจะไปปรากฏเด่นชัดในระดับสูงกว่าขั้นสาม ไม่ได้มีความใกล้เคียงกันอีกแล้ว ก้าวไปก่อนหนึ่งก้าวก็จะก้าวนำไปเรื่อยๆ เธอทะลวงขั้นสามตอนปลายแล้ว คนอื่นๆ ยังอยู่ขั้นหนึ่ง แม้จะเหมือนอย่างเฉินอวิ๋นซีที่เกือบหลอมกระดูกสามครั้ง แต่ตอนนี้ก็ยังไม่แตะขั้นสองสูงสุด ระยะห่างเช่นนี้ อาจจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ”

ฟางผิงเอ่ยอีกครั้ง “งั้นปราณของผมตอนนี้ทำได้เพียงประคองอยู่ระดับนี้?”

“ไม่เสมอไป เธอเพิ่งจะทะลวงถึงด่านนี้ หลังจากนี้หลอมร่างกายเธอต่อ ให้ร่างกายแข็งแกร่งยิ่งขึ้น บางทีอาจะทะลวงขีดจำกัดไปได้ ขีดจำกัดของปราณ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของกล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในพวกนี้ เธอหลอมกระดูกสามครั้งได้ นั่นหมายความว่าเธอบุกเบิกระดับร่างกายได้สูงกว่าคนอื่น สถานการณ์เช่นนี้ เธอยังมีโอกาสที่จะทะลวงขีดจำกัดนี้อยู่”

“งั้นถ้าปราณผมแตะเกินหนึ่งพันแคล จะระเบิดปราณในระดับเดียวกันหรือเปล่า หรืออนุภาพสูงกว่า?”

“แน่นอนอยู่แล้ว” หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปราณเธอทะลวงพันแคลแล้ว นั่นหมายความว่าคุณสมบัติทุกด้านของเธอแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ระเบิดปราณเท่ากัน พลังเธอแข็งแกร่งกว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”

“งั้นจะทำได้ถึงขั้นหนึ่งแคลเท่ากับสองแคลของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดหรือเปล่า?”

“อยู่ที่คุณสมบัติของร่างกายเธอเอง”

“เข้าใจแล้ว”

ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยต่อว่า “งั้นปราณของผมตอนนี้คงแข็งแกร่งกว่าขั้นสามตอนกลางอยู่เยอะ สามารถเอาชนะพวกเขาได้ง่ายๆ ใช่หรือเปล่า?”

หลู่เฟิ่งโหรวถูขมับ เจ้าเด็กนี่พูดมากจริงๆ

“ลองดูก็จะรู้เอง เอาล่ะ เธอทำความคุ้นชินกับขั้นสามตอนปลายก่อน ฉันขอตัว กลับไปหาฉันทางนั้นด้วย”

“ครับ ขอบคุณอาจารย์”

“…”

หลู่เฟิ่งโหรวไม่ตอบรับ รีบสาวเท้าจากไป

หลู่เฟิ่งโหรวไปแล้ว ฟางผิงไม่คิดชักช้าอีก อาศัยพลังงานจากห้องฝึกวิชา เริ่มฟื้นฟูปราณอย่างรวดเร็ว ส่วนพลังจิตใจลดแค่เล็กน้อย ไม่เป็นปัญหากับพลังต่อสู้กับเขาในตอนนี้ ผ่านไปสามชั่วโมง ปราณของฟางผิงจึงฟื้นฟูเป็นปกติ

ออกมาจากห้องฝึกวิชาอีกครั้ง เวลาก็ล่วงเลยมาถึงคืนวันที่สาม

ระยะห่างจากเจ็ดสิบสองชั่วโมง ยังเหลืออีกประมาณเจ็ดชั่วโมง

ฟางผิงออกจากประตู ก็ไม่พูดมาก ตะโกนว่า “ห้องฝึกวิชาเจ็ดชั่วโมง หกสิบคะแนน มีใครอยากได้หรือเปล่า!”

ตอนนี้โถงใหญ่ยังมีคนอยู่ ได้ยินจึงมีคนพูดขึ้นมา “นานเกินไป”

“หารกันสิ ฝึกเสร็จหนึ่งชั่วโมงก็ให้คนต่อไป ยังต้องสนใจเรื่องเวลาแค่นี้อีกทำไม? ถูกลงตั้งสิบคะแนน พวกนายจะไปหาที่ไหนได้อีก”

“ห้าสิบคะแนน พวกเราจะหารกัน!”

ฟางผิงชำเลืองตามองคนพูด เหล่ตาว่า “หกสิบคะแนน ไม่งั้นฉันจะปิดโควตากู้ยืมคะแนนของนาย!”

คนที่เอ่ยปากตะลึงไปเล็กน้อย เหมือนเพิ่งจะค้นพบว่าอีกฝ่ายคือฟางผิง ได้ยินคำพูดนี้จึงเผยใบหน้าเขียวคล้ำ ไม่อายบ้างหรือไง?

“ซื้อไม่ซื้อ? ไม่ซื้อก็ปิดเหมือนกัน!”

“ฟางผิง นาย!”

“ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ลดให้ตั้งสิบคะแนน ทำเหมือนฉันไปบังคับนายงั้นแหละ…”

“ซื้อ!”

ชายที่อยู่ตรงข้ามทำหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ลดจริงๆ แต่ลดแบบนี้ทำไมถึงรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย?

ซ่งอิ๋งจี๋เห็นทั้งสองคนตกลงกันสำเร็จก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ค่าดำเนินการห้าคะแนน”

ฟางผิงใบหน้ากระตุก ได้ บัญชีนี้ฉันจำไว้แล้ว!

นายมันยิ่งกว่าขโมยเงินซะอีก!

ใช้คอมพิวเตอร์หนึ่งครั้ง นายเก็บฉันห้าคะแนน หนึ่งแสนห้า!

น่าเสียดายที่ครั้งนี้หมดหวัง!

ฟางผิงไม่พูดมาก มองคนที่ทำข้อตกลงกับเขา “ฉันจะหักหกสิบคะแนนจากที่กู้ยืมก่อน นายค่อยคืนเข้าไปทีหลัง ไม่เก็บดอกเบี้ย”

ซ่งอิ๋งจี๋ตะลึงไปเล็กน้อย ยังมีวิธีนี้ด้วย!

ฟางผิงมองเขาอย่างอวดดี นายคิดว่าฉันโง่จริงๆ? จะปล่อยให้นายได้ประโยชน์?

ออกไปอย่างสุขใจแล้ว นักศึกษาคนนั้นยังคงพึมพำกับตัวเอง “นายรู้จักฉันหรือไง?”

ฟางผิงไม่บอกเขาอยู่แล้ว เขามีบันทึกของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามทั้งหมด ประเด็นหลักก็คำนวณว่าใครอายุสั้นอายุยาว ควรเพิ่มดอกเบี้ยเท่าไหร่

อย่างเช่นฉินเฟิ่งชิง ฟางผิงจะเพิ่มเขาเป็นร้อยละสิบ แทบไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าใบหน้าของฉินเฟิ่งชิงคงดูไม่ได้แน่

“ขั้นสามตอนปลาย! ท้องฟ้ากว้างมีไว้ให้นกบิน!”

ออกมาจากห้องฝึกวิชา จู่ๆ ฟางผิงก็ถอนหายใจ วันนี้เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แนวหน้าอย่างเป็นทางการแล้ว

มีเพียงต้องเข้าสู่ขั้นสามตอนปลาย ฟางผิงถึงจะสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมวันนั้นปราณหมื่นแคลถึงสังหารผู้นำลัทธิคนนั้นได้

ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเท่าเป็นอย่างต่ำ!

ตอนนี้แม้เขาจะไม่ใช่ปราณ ไม่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองจู่โจม อาจไม่สามารถทะลวงการป้องกันของกล้ามเนื้อเขาได้เสมอไป

ยังคงเป็นเหมือนที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ อย่าโจมตีสมองเป็นพอ

ทั้งเมื่อใช้ปราณป้องกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนกลางอยากจะทะลวงการป้องกันของเขา อย่างน้อยต้องระเบิดปราณใช้กระบวนท่ากว่าสามร้อยแคลขึ้นไป

“รอฉันฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้สำเร็จแล้ว สั่งสมค่าทรัพย์สินอีกเล็กน้อย จะกวาดล้างขั้นสามจนไม่เหลือคู่ต่อสู้!”

ฟางผิงเผยสีหน้ามั่นใจ ไม่มีเหตุผลอื่น แค่แข็งแกร่งเท่านั้น!

——————

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท