ตอนที่ 230 มีเงินถึงจะสบายใจ (1)
วันที่ 15 มิถุนายน
วันจันทร์
วันนี้ไม่ใช่แค่วันที่ฟางผิงต้องไปเซ็นสัญญา แต่ยังเป็นวันที่ประกาศคะแนนวิชาวัฒนธรรมของการสอบเกาเข่า มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แต่ละแห่งจึงประกาศเกณฑ์รับนักเรียนออกมา
ปี 2008 มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เปิดรับนักเรียนหนึ่งพันห้าร้อยแปดสิบคน เกณฑ์ขั้นต่ำของปราณอยู่ที่หนึ่งร้อยสามสิบแคล วิชาวัฒนธรรมหกร้อยยี่สิบคะแนนขึ้นไป
ปี 2009 มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เปิดรับนักเรียนสองพันคน นอกจากเกณฑ์ขั้นต่ำไม่ได้ลดลงแล้ว ยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ปราณอยู่ที่หนึ่งร้อยสามสิบสองแคล
—
ตอนเช้าออกมาจากมหาวิทยาลัย ได้ยินนักศึกษาบางส่วนกำลังพูดคุยปัญหาการรับนักเรียนของปีนี้ ฟางผิงได้แต่ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เวลานี้เมื่อปีก่อนเขาก็ปวดหัวกับการสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เช่นกัน
พริบตาเดียวตัวเองกลับมาถึงขั้นสามแล้ว
“รอผ่านไปสักพัก นักเรียนสองพันคนเข้ามา ก็ไม่รู้ว่าปีนี้จะมีผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่ควรค่าให้ตกใจหรือเปล่า”
ฟางผิงลอบพึมพำในใจ สาวเท้าออกไปจากอาณาเขตของมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เงียบเหงาขึ้นจริงๆ
ตอนนี้พวกนักศึกษาปีสี่แทบจะออกไปจากมหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว บางส่วนที่ยังรั้งตัวอยู่ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเพราะรับตำแหน่งผู้ช่วยอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีเพียงหลักสูตรสี่ปี ไม่มีมากกว่านั้น
โอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่จะรั้งตัวอยู่ นั่นก็คือรับตำแหน่งผู้ช่วยอาจารย์หรือกลายเป็นอาจารย์ไปเลย แต่ผู้ช่วยอาจารย์เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามได้ ส่วนอาจารย์อย่างต่ำต้องอยู่ขั้นสี่ อันที่จริงส่วนมากอาจารย์จะเริ่มต้นจากขั้นสามทั้งนั้น บัณฑิตที่จบด้วยขั้นสี่อย่างแท้จริง รั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยกลับมีน้อย ทำงานราชการ หน่วยทหาร กระทรวงศึกษาหรือรับตำแหน่งที่อื่น นั่นถือเป็นเรื่องปกติ
ระหว่างทางมือถือของฟางผิงก็ดังขึ้น
ปลายสายเป็นเสียงออดอ้อนของฟางหยวน “พี่ ตกลงพรุ่งนี้กลับมาได้หรือเปล่า?”
วันที่สิบเจ็ด ฟางหยวนต้องสอบเข้ามัธยมปลาย
หากพรุ่งนี้กลับไม่ได้ ฟางผิงเกรงว่าคงไม่ได้กลับแล้ว
ฟางผิงอดเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “น่าจะได้ วันนี้ต้องจัดการธุระนิดหน่อย เสร็จแล้วฉันจะขับรถกลับไป เดี๋ยวก็ถึง”
“จริงๆ นะ?”
“แน่อยู่แล้ว พักผ่อนดีๆ ใกล้จะสอบแล้ว อย่าเอาแต่หมกมุ่นกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
อันที่จริงฟางผิงไม่ได้สนใจคะแนนการสอบเข้ามัธยมปลายของฟางหยวนเท่าไหร่
ยุคสมัยนี้วิชาวัฒนธรรมนั้นสำคัญ แต่ศิลปะการต่อสู้ยังคงสำคัญกว่า
รัฐบาลให้นักศึกษาศิลปะการต่อสู้สอบวิชาวัฒนธรรม เพราะหวังให้นักศึกษาพวกนี้ไม่กลายเป็นพวกที่ถนัดใช้แค่กำลังเพียงอย่างเดียว
ผู้ฝึกยุทธ์อยู่ในแวดวงอื่นก็สามารถทำผลงานออกมาได้ดีเช่นกัน
ถ้ามีดีแค่เรื่องพละกำลัง ผู้ฝึกยุทธ์เช่นนี้คงกระทำความผิดได้ง่าย เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ย่อมยากจะเดินให้ยาวไกล
แน่นอนว่าในเส้นทางนี้ต้องแสดงความโดดเด่นออกมาอย่างแท้จริง สำหรับวิชาวัฒนธรรมไม่ได้ตั้งเงื่อนไขสูงเกินไป อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่ฟางผิงเคยคุยกับนักเรียนศิลปะการต่อสู้ที่หนานเจียงพวกนั้น แม้ว่าคะแนนวิชาวัฒนธรรมของพวกเขาจะแย่ไปบ้าง แต่การสมัครเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้กลับไม่เป็นปัญหามากมาย
พูดคุยกับฟางหยวนอีกไม่กี่ประโยค ฟางผิงก็มาถึงโรงแรมที่นัดหมายกัน
—
ห้องประชุมของโรงแรม
หลี่เฉิงเจ๋อและผู้ดูแลอีกไม่กี่คนของบริษัทหยวนฟาง รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีต่างมาถึงแล้ว นอกจากนี้ยังเชิญทนายจากสำนักงานกฎหมายมาอีกคนหนึ่ง
ฟางผิงมาถึง หลี่เฉิงเจ๋อจึงโล่งใจขึ้นมาทันที
“คุณฟาง”
“ประธานฟาง”
“…”
พวกเขารีบทักทาย ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ ถามว่า “อีกฝ่ายมาถึงหรือยัง?”
“คงใกล้ถึงแล้ว นัดไว้เก้าโมง น่าจะไม่สายกว่านี้”
“ไปเถอะ ออกไปต้อนรับหน่อย ดูสิว่าเป็นใครที่มีสายตากว้างไกล จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่เคยเห็นมาก่อน”
ฟางผิงหัวเราะ บริษัทที่ลงทุนกับหยวนฟางครั้งนี้ ฟางผิงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าไหร่
อีกฝ่ายติดต่อทางพวกหลี่เฉิงเจ๋อมาตลอด ฟางผิงจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน
กล้าจ่ายสามสิบล้านในเวลานี้ซื้อหุ้มสามสิบเปอร์เซ็นต์ของแพลตฟอร์มอาหาร นับว่ามีความกล้าไม่น้อย
องค์กรใหญ่ๆ ทั่วไป สามสิบล้านอาจจะไม่เยอะ
แต่สำหรับบริษัทที่มีชื่อเสียงเล็กน้อยประเภทนี้ ร่วมลงทุนสามสิบล้านไม่ถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยเลย
—
ฟางผิงไม่ได้พาคนเดินไปไกลนัก ยืนอยู่ที่หน้าห้องประชุมสักพัก ไม่นานทางเดินก็มีคนเดินเข้ามาห้าหกคน
ห่างกันอยู่หนึ่งช่วง หลี่เฉิงเจ๋อจึงกระซิบว่า “คนที่อยู่ด้านหน้าสุดคือรองผู้จัดการบริษัทกองทุนผู้ฝึกยุทธ์ใหม่ เจียงหยวนเฮ่า ผู้จัดการเจียง เหมือนจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกัน…”
นี่ไม่จำเป็นต้องให้หลี่เฉิงเจ๋อแนะนำ แค่ห่างออกไปช่วงเดียว ฟางผิงก็สัมผัสถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองได้แล้ว ประเด็นหลักอยู่ที่ขั้นสูงสุดหรือตอนปลาย ฟางผิงยังไม่สามารถแยกออกได้
เจียงหยวนเฮ่าอายุน้อยอยู่เช่นกัน น่าจะประมาณสามสิบ หน้าตาสุภาพเรียบร้อย สวมแว่นตากรอบทอง ขนาดตัวสูงกว่าฟางผิงนิดหน่อย อย่างน้อยคงสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร
หลี่เฉิงเจ๋อพูดจบ ฟางผิงก็เป็นฝ่ายสาวเท้าไปข้างหน้า ยื่นมือด้วยรอยยิ้ม “ผู้จัดการเจียง เพิ่งจะเจอกันครั้งแรก เสียมารยาทแล้ว”
เจียงหยวนเฮ่ายื่นมือออกมานานแล้วเช่นกัน จับมือฟางผิงแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณฟางยุ่งอยู่ตลอด ผมเข้าใจได้ ทุ่มเทเพื่อเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ขนาดนี้ คุณฟางยังหาเวลาว่างออกมาเจอได้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากแล้ว”
“ผู้จัดการเจียง คำพูดนี้ตบหน้าผมซะแล้ว แต่ช่วงนี้กำลังฝึกวิชาอยู่ตลอดจริงๆ ต้องขออภัยด้วย”
“…”
ทั้งสองคนเอ่ยเป็นมารยาทกันพักหนึ่ง เวลานี้ค่อยเข้าไปในห้องประชุมด้วยกัน
เจียงหยวนเฮ่าไม่มีท่าทีกลอกกลิ้งเหมือนนักธุรกิจทั่วไป หรือจะพูดว่าอาจคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้นกับฟางผิง นั่งแล้วก็เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “คุณฟาง สัญญานั้นว่าตามที่พวกเราตกลงกัน สามสิบล้านซื้อหุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ของแพลตฟอร์มอาหารหยวนฟาง ถูกใจแพลตฟอร์มของหยวนฟาง นี่ถึงเป็นเป้าหมายที่พวกเราลงทุน อีกเรื่องหนึ่งคือพวกเราเชื่อว่าในอนาคตคุณฟางจะเดินในเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ได้ไกลยิ่งกว่านี้ ทั้งนำผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่านี้มาสู่พวกเรา แต่ว่า…”
เห็นเขามองตัวเอง ฟางผิงจึงยิ้มว่า “ผู้จัดการเจียงพูดมาตรงๆ มีเงื่อนไขสามารถเจรจาได้ ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดอะไร ทำธุรกิจไม่อาจให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมรับความเสี่ยงคนเดียวได้อยู่แล้ว”
“คุณฟางตรงไปตรงมาจริงๆ งั้นผมไม่อ้อมค้อมเลยละกัน ก่อนที่จะมาทางบริษัทหวังให้ในสัญญาของพวกเราเขียนเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง”
เจียงหยวนเฮ่าเว้นช่วงไปเล็กน้อย เอ่ยต่อว่า “บริษัทกองทุนผู้ฝึกยุทธ์ใหม่นั้นลงทุนกับหยวนฟางที่คุณฟางเป็นเจ้าของ ไม่ใช่คนอื่น ดังนั้นหากหุ้นด้านบริการอาหารของหยวนฟางเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณฟางไม่ได้รับหน้าที่เป็นผู้บริหารส่วนนี้อีก งั้นพวกเรามีสิทธิ์จะขอให้หยวนฟางชดใช้ค่าเสียหาย…”
ฟางผิงเข้าใจความหมายของเขา เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ได้ครับ”
บริษัทกองทุนผู้ฝึกยุทธ์ใหม่นั้น ครึ่งหนึ่งลงทุนกับบริษัท อีกครึ่งหนึ่งลงทุนกับคน
หากฟางผิงตัดสินใจทิ้งหยวนฟาง งั้นค่าตอบแทนที่กองทุนผู้ฝึกยุทธ์ใหม่ลงทุนกับฟางผิงก็เท่ากับลงทุนเสียเปล่า
อีกฝ่ายตั้งเงื่อนไขเรื่องนี้ ฟางผิงสามารถเข้าใจได้
ส่วนชดใช้ค่าเสียหายเท่าไหร่ กองทุนผู้ฝึกยุทธ์ใหม่ร่างสัญญาชดใช้ความเสียหายสามเท่าของเงินในสัญญา
สำหรับเรื่องนี้ฟางผิงไม่ใส่ใจเท่าไหร่เช่นกัน
ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที หากทำกำไรได้จริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจจุดนี้ ยิ่งกว่านั้นหากทำกำไรได้ ฟางผิงคงไม่ถอนตัวอยู่แล้ว
ขาดทุน ล้มละลาย นั่นเป็นปัจจัยอื่น ไม่เกี่ยวกับฟางผิง
ทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญาร่วมมือกันอย่างรวดเร็ว ทำข้อตกลงร่วมกันแล้ว ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยว่า “หากคุณสะดวก…ผมหวังว่าจะสามารถโอนเงินสามสิบล้านนี้เข้ามาให้เร็วที่สุด”
ครั้งนี้เป็นการซื้อ ไม่ใช่ให้เงินลงทุน แต่ไม่ว่าจะซื้อหรือลงทุน ถึงเซ็นสัญญาร่วมกันแล้ว โดยปกติอาจไม่จ่ายเงินออกมาง่ายๆ เช่นกัน
ไม่ได้จ่ายเงิน หมายความว่าสัญญายังไม่เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ ฟางผิงรู้ความฉลาดของระบบดี หากสัญญาไม่สำเร็จอย่างเป็นทางการ ระบบคงไม่อาจประเมินค่าทรัพย์สินออกมาให้เขา
ได้ยินฟางผิงใจร้อนขนาดนี้ เจียงหยวนเฮ่านึกไม่ถึงอยู่บ้าง แต่ยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ครับ พวกเราก็เชื่อว่าหยวนฟางและคุณฟางจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง”
สามสิบล้านไม่ถือว่าเยอะมากมาย แต่ก็ไม่ใช่น้อยๆ เช่นกัน
ทว่าฟางผิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม คงไม่ถึงกับเอาชื่อเสียงมาเสื่อมเสียในเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเซ็นสัญญากันแล้ว จะช้าหรือเร็วคงไม่ต่างกันอยู่ดี
“หากคุณฟางรีบ กลับไปผมจะต่อรองกับบริษัท ภายในสามวันโอนเงินเข้าบัญชีได้แน่นอน”
—————–