ตอนที่ 232 น้องสาวฉันเป็นลูกพี่ใหญ่ (2)
เข้ามาในเขตโรงเรียน หลบจากสายตาของพวกผู้ปกครองได้ ฟางผิงค่อยโล่งใจหน่อย
มองพวกอาจารย์ที่อยู่รอบๆ ฟางผิงทักทายเป็นมารยาท ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์หลิวไม่อยู่โรงเรียนเหรอครับ?”
ผู้อำนวยการรีบเอ่ยว่า “การสอบค่อนข้างวุ่นวาย วันนี้อาจารย์หลิวลาพักร้อน ฉันจะให้คนไปส่งข่าวเขา ให้เขาเข้ามาโรงเรียน…”
“ไม่ต้องหรอกครับ พักร้อนก็อย่ารบกวนอาจารย์เลย”
ฟางผิงคุยอีกไม่กี่ประโยค เห็นทุกคนมองตัวเองอย่างกระตือรือร้นก็ปวดหัวอยู่บ้าง คงจะไปเฉยๆ อย่างนี้ไม่ได้ จึงเปลี่ยนไปประเด็นอื่น “ผู้อำนวยการ การสอบเกาเข่าของโรงเรียนพวกเราปีนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ผู้อำนวยการเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่แย่เลย แน่นอนว่าเทียบกับรุ่นพวกเธอไม่ได้อยู่แล้ว ปีก่อนนักศึกษาฟางสอบได้อันดับหนึ่งของเมือง เข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ได้ นำทีมเซี่ยงไฮ้ชนะเลิศการแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศ…”
ผู้อำนวยการพูดเยินยอฟางผิงแล้ว เวลานี้ค่อยเบนเข้าประเด็นหลัก “ปีนี้โรงเรียนมัธยมหยางเฉิงอันดับหนึ่ง นักเรียนที่ปราณสูงกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบแคลมีทั้งหมดแปดคน สูงกว่าหนึ่งร้อยสามสิบแคลมีแค่สองคน นักศึกษาฟาง เธอคิดว่าพวกเขาสมัครเข้าเซี่ยงไฮ้เป็นยังไง? จะสอบติดหรือเปล่า? ถ้ารู้ก่อนว่าวันนี้นักศึกษาฟางจะกลับมาโรงเรียน พวกเราคงจะรบกวนนักศึกษาฟางให้ช่วยแนะนำนักเรียนพวกนี้แล้ว น่าเสียดายจริงๆ…”
ฟางผิงหัวเราะ ครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “ปีนี้เซี่ยงไฮ้รับสมัครนักเรียนสองพันคน ปราณถึงมาตรฐานสามารถลองได้ แต่ปีนี้หนานเจียงเหมือนกำลังปฏิรูปการศึกษาใหม่เช่นกัน รุ่นพี่หวังที่แก่กว่าผมรุ่นหนึ่ง ตอนนี้ควบคุมดูแลเรื่องการสอนทั่วไปในหนานเจียงแล้ว ถ้าคิดว่าเข้าหนานเจียงได้ อันที่จริงผมแนะนำทุกคนสมัครที่หนานเจียงมากกว่า…”
ไม่ใช่ว่าฟางผิงอิจฉาไม่อยากให้คนอื่นสอบเข้าเซี่ยงไฮ้ แต่ในเซี่ยงไฮ้พูดตามตรง นักศึกษาทั่วไปไม่ได้ใช้ชีวิตง่ายๆ เลย
ถ้าเป็นหนานเจียงจะถูกให้ความสำคัญมากกว่า!
รุ่นของฟางผิง อย่างพวกกัวเซิ่ง อันที่จริงฐานะทางบ้านไม่แย่เลย จนถึงตอนนี้เพิ่งจะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้เท่านั้น
พวกเขาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ อาจารย์ทั่วไปล้วนอยู่ขั้นสี่ ทั้งยังไม่อาจคว้ารางวัลคะแนนอะไรได้ ไปเรียนที่หนานเจียง จะมีโอกาสเยอะกว่าเสียอีก
อันที่จริงสภาพแวดล้อมของพวกอู๋จื้อหาวถือว่าไม่เลวเลย ทั้งใกล้จะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป ให้ความสำคัญกว่าคนพวกนี้มากกว่าอยู่บ้าง
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้อำนวยการพึมพำ ไม่รู้ว่าฟังเข้าหูไปหรือเปล่า แต่ฟางผิงไม่ใส่ใจเช่นกัน เขาแค่แนะนำเท่านั้น
อัจฉริยะอย่างแท้จริง สอบเข้ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ดีกว่าอยู่แล้ว มีโอกาสมากกว่า
กลัวก็แต่ว่าจะไม่แตะถึงมาตรฐานนั้น เข้าเซี่ยงไฮ้กลายเป็นตัวประกอบของคนอื่นแทน
“นักศึกษาหวังจินหยางควบคุมดูแลการสอนทั่วไปของหนานเจียงแล้ว?”
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าตกใจไปอยู่บ้าง
พวกอาจารย์ รวมถึงหัวหน้าคนนั้นต่างตกตะลึงเช่นกัน
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
คนพวกนี้ต่างเป็นคนธรรมดา เรื่องบางอย่างในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนนั้นไม่รู้จริงๆ
พวกเขาประจบฟางผิง เพราะฟางผิงสอบเข้ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ ไม่ใช่เพราะถูกจัดอันดับในการต่อสู้ขั้นสาม ชื่อเสียงเยอะกว่าหวังจินหยางแค่เล็กน้อย
ตอนนี้ได้ยินฟางผิงพูด ทุกคนจึงสติหลุดไปอยู่บ้าง
—
ฟางผิงเดินไปคุยไป ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เปิดบทสนทนาไปกว้างๆ ไม่กี่ประโยค ก่อนจะหาข้ออ้างติดธุระ ขอตัวออกไป
ไม่ได้ไปที่ประตูโรงเรียน ฟางผิงหาจุดที่ไม่ค่อยมีคน ก่อนจะกระโดดข้ามออกไปจากกำแพง
—
สองชั่วโมงต่อมา การสอบสิ้นสุดลง
ฟางผิงไม่ได้รอรับคนที่หน้าประตู พอฟางหยวนเดินออกมาจากฝูงชน ฟางผิงค่อยปรากฏกาย คว้าเธอไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหายไปจากสายตาของทุกคน
—
“ท่านประธานช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”
ในซอยเล็กๆ ที่ไม่มีคน ฟางผิงแทบจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใช้สองมือบีบแก้มฟางหยวน สั่งสอนว่า “เป็นลูกพี่ใหญ่ของคนตั้งสามพันคน เป็นเด็กดีหน่อยเถอะ เล่นเอาซะใจฉันจะเต้นหลุดออกมาข้างนอก!”
“เจ้าเด็กแสบ ฉันให้เธอตั้งใจเรียนหนังสือ กลับไปทำเรื่องแบบนี้!”
ฟางผิงบีบแก้มของเธอยืดออกจากกัน นึกไม่ถึงว่าจะให้ฉันเป็นรองประธาน นี่คือจะก่อกบฏ? ฉันรับคนแค่หนึ่งร้อยเจ็ดคน เธอรับถึงสามพัน?
ฉันอยู่ในเซี่ยงไฮ้ สถานที่แบบนั้นยังเป็นลูกพี่ใหญ่ไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าพวกเธอจะพูดว่าหยางเฉิงเป็นของพวกเธอ?
ทั้งยังบอกว่าเป็นวรยุทธ์ทุกคน!
หากมีผู้ฝึกยุทธ์สามพันคนจริงๆ ถ้าไม่ถูกรัฐบาลควบคุมก็ต้องรอถูกกวาดล้างแล้ว!
ประเด็นอยู่ที่ยังเป็นผู้หญิง กลุ่มของผู้หญิงนั้นน่ากลัวที่สุด เด็กผู้หญิงสามพันคน ผลกระทบนั้นไม่น้อยไปกว่านักเรียนชายสามพันคน
“อะ…”
ฟางหยวนพูดแทบไม่เป็นคำ มองฟางผิงอย่างน่าสงสาร หยุดบีบได้แล้ว บีบอีกหน้าคงบวมไปหมดแล้ว!
เวลานี้ฟางผิงค่อยวางมือ เอ่ยอย่างปวดหัว “เธอรับคนเยอะถึงขนาดนี้ทำไม ก่อเรื่องเล็กๆ คงไม่เป็นไร ตอนนี้มาถึงขั้นนี้ เธอจะให้ฉันบอกกับคนอื่นยังไง? นักเรียนมอต้นกลุ่มหนึ่งคงไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่ผ่านไปอีกหลายปี นั่นต้องเป็นเรื่องใหญ่แล้ว รีบยุบทิ้งไปเดี๋ยวนี้!”
“พี่” ฟางหยวนเอ่ยด้วยใบหน้าขื่นขม “ฉันไม่ได้จะรับเยอะขนาดนั้น พวกเธอดึงดันเข้ามาอยู่นั่นแหละ จริงๆ นะ ไม่ได้หลอกนาย ฉันจำเป็นต้องรับ! หากฉันไม่รับ พวกเธอก็จะสร้างสมาคมหยวนผิงกันเอง จากนั้นส่งคนมาหาฉันที่โรงเรียน บอกว่าช่วยฉันสร้างสาขาย่อยแล้ว ค่าสมัครเข้าก็จ่ายแล้วด้วย!”
“จากนั้นเธอเห็นเงินเลยเปลี่ยนใจตอบรับ?”
“เปล่าสักหน่อย!”
ฟางหยวนรีบปฏิเสธ เอ่ยอย่างน้อยใจ “ฉันบอกไปแล้วว่าไม่รับเงิน แต่พวกเธอไม่เห็นด้วย บอกว่าไม่รับเงินเท่ากับไม่ยอมรับพวกเธอเข้าสมาคม ฉันไม่ยอมรับฐานะของพวกเธอ พวกเธอก็รวมกลุ่มกันมาร้องไห้…”
“หา?”
“รวมกลุ่มไปร้องไห้ที่โรงเรียนฉัน บอกว่าฉันไม่รับพวกเธอ ฉันรำคาญจะตายอยู่แล้ว…”
ฟางผิงรู้สึกว่าหัวใจตัวเองชักกระตุกไปหมด ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “ให้พ่อไปบอกกับลุงถานสักหน่อย แค่เล่นสนุกกันก็แล้วไป ถ้าเกิดเรื่องห้ามเข้าไปยุ่งเด็ดขาด ตอนนี้แทบจะก่อการปฏิวัติได้อยู่แล้ว สร้างเรื่องให้น้อยๆ หน่อย! อีกอย่างคลาสจวงกงสอนเอาสนุกได้ แต่ไม่อนุญาตให้สอนเคล็ดวิชาต่อสู้กับใคร!”
“ไม่อยู่แล้ว…” ฟางหยวนพึมพำ
“ไม่ต้องพูดมาก สรุปแล้วจำไว้ให้ดี อย่าให้ยุ่งมาถึงฉัน ไม่อนุญาตให้ทะเลาะกับคนอื่น ไม่อนุญาตให้ออกหน้าช่วยคนอื่น ไม่อนุญาตให้ติดต่อกับคนสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อฉันไปรังแกใคร คนอื่นรังแกเธอ บอกฉัน ฉันจะจัดการให้ แต่รังแกคนอื่น นั่นไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว ครั้งหน้าฉันกลับมา ถ้าสมาคมเธอขยายไปถึงหนึ่งหมื่นคน ฉันจะซัดฝ่ามือเดียวใส่เธอให้ตายเชื่อหรือเปล่า?”
ฟางผิงไร้คำจะพูดอย่างถึงที่สุด เรื่องนี้ยุ่งแล้วจริงๆ
“รู้แล้ว…” ฟางหยวนถอนหายใจ ไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง “ฉันก็ไม่อยากรับคนแล้ว เหนื่อยจะตาย นายบอกให้พ่อไปบอกลุงถาน แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานลุงถานยังให้ฉันช่วยลัดคิวให้หลานสาวของเขาเข้าสมาคมพวกเราอยู่เลย บอกไปก็ไร้ประโยชน์หรือเปล่า?”
“แค่กๆๆ!”
ฟางผิงตบหน้าอก สำลักไออย่างรุนแรงขึ้นมา แม่งเหอะ ล้อฉันเล่นหรือไง?
ถานเจิ้นผิงบ้าไปแล้วสินะ!
ยังให้หลานสาวตัวเองมาเข้าสมาคมด้วย?
โลกนี้เป็นอะไรกันไปแล้ว!
ฟางผิงหมดแรงอยู่บ้าง ฉันล้าหลังอย่างนั้นเหรอ?
ตอนนี้กำลังฮิตเรื่องนี้กัน?
มองฟางหยวนที่เผยสีหน้าน้อยใจ ฟางผิงจึงยื่นมือไปบีบแก้มเธอ เดินไปถอนหายใจไปพลาง “ไม้สูงเด่นถูกโค่นล้มได้ง่าย เป็นความผิดฉันเอง สรุปแล้วเธอต้องฉลาดขึ้นหน่อย อย่าเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เข้าใจหรือยัง?”
“อืม”
“…”
ฟางผิงคร้านจะพูดอะไรแล้ว เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่สมาคมหยวนผิงเติบโตขึ้นมามีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเอง
พวกไป๋จิ่นซานน่าจะคิดว่าเด็กน้อยเล่นสนุกกัน จึงไม่สนใจเรื่องนี้ กลับโหมคลื่นกระทบเป็นวงกว้างแทน
ยิ่งครอบครัวตัวเองพัวพันกับหยางเฉิงลึกลงไปเท่าไหร่ก็ยิ่งออกห่างจากหยางเฉิงยากขึ้นเท่านั้น
พ่อรับตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกแล้ว ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งอาจกลายเป็นรองผู้อำนวยการ ใครจะรู้กัน
ตระกูลฟางตั้งรกรากที่หยางเฉิง คงย้ายออกไปไม่ได้แล้ว
แม้จะรู้อย่างนั้น ฟางผิงยังคงคิดไปในทางที่เลวร้าย รอวันไหนมีผู้ฝึกยุทธ์หญิงออกมาสามพันคนจริงๆ หวังจิ่นซานคงใจตกไปอยู่ตาตุ่มแน่ ใครใช้ให้พวกนายโหมคลื่นกัน!
——————-