ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 237 คืนแรก (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 237 คืนแรก (1)

โรงแรม

บอกว่าเป็นโรงแรม แต่แทบไม่อาจเทียบได้กับโรงแรมบนโลก

ทว่าเทียบกับสถานที่ประชุมก่อนหน้านี้ของทุกคนแล้ว สภาพแวดล้อมที่โรงแรมดีกว่ามาก

อย่างน้อยก็มีโต๊ะเก้าอี้ครบครัน ทั้งยังเป็นโต๊ะเก้าอี้สมัยปัจจุบัน

ภายในยังมีการตกแต่ง แม้จะไม่ดีเท่าระดับห้าดาว แต่สภาพแวดล้อมนับว่าดีกว่าแผงลอยข้างทางอยู่บ้าง

ในโรงแรมไม่ได้มีการติดตั้งไฟส่องหรูหรา มีแค่คริสตัลเทียมเม็ดกลมเกลี้ยงฝังอยู่รอบๆ ให้ความรู้สึกสว่างไสว ไม่คับแคบจนเกินไป

พวกฟางผิงเข้าประตูมาก็มีคนต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง เชิญห้องส่วนตัวชั้นบนเลยค่ะ!”

พวกฟางผิงเดินตามขึ้นไปอย่างสับสนมึนงงอยู่บ้าง

ห้องส่วนตัวชั้นสอง ฟางผิงเห็นหน้าต่างกระจกสี เวลานี้ค่อยรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาบ้าง

แต่รอจนยกเมนูขึ้นมา ฟางผิงกวาดสายตามองแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็ยื่นเมนูให้เฉินอวิ๋นซี “เธอสั่งสิ เธอเป็นคนเลี้ยง”

เฉินอวิ๋นซีรับเมนูมาดู ก่อนจะเผยใบหน้าแดงก่ำ

“ฉัน…”

ฟางผิงเห็นแบบนั้น มุมปากจึงกระตุกเล็กน้อย เศรษฐีอย่างเธอก็ยังตกใจสินะ?

ไม่พูดมากอีก ฟางผิงหยัดกายขึ้น เอ่ยว่า “ไปเถอะ กลับไปกินที่นู้นดีกว่า!”

ผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่ต้อนรับพวกเขาเมื่อสักครู่เห็นแบบนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนไม่นานจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านมาที่นี่ครั้งแรก น่าจะไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ในถ้ำใต้ดินอาหารเป็นของล้ำค่า อยู่ที่นี่ไม่สามารถใช้ไฟและไฟฟ้าได้ การทำอาหารต้องใช้หินพลังงานเป็นตัวขับเคลื่อน แต่หินพลังงาน ถึงจะเป็นประเภทที่แย่ที่สุด ราคาก็ไม่ใช่น้อยๆ จุดนี้คาดว่าทุกท่านคงจะเข้าใจ อีกย่าง อยู่ที่นี่เอาเสบียงอาหารมาจำนวนเยอะ อันที่จริงเป็นเรื่องยากที่จะผ่านการตรวจสอบจากหน่วยทหาร หน่วยทหารไม่อยากให้เสวยสุขในถ้ำใต้ดินเกินไป ตอนที่พวกคุณเข้ามา นอกจากพวกขนมปังกรอบและยาบำรุง…ของอื่นๆ ฉันคิดว่าคงถูกยึดเหมือนกัน? ดังนั้นอยู่ที่นี่ อยากกินของดีๆ หน่อย ส่วนมากต้องไปหาในป่าข้างนอกเอง และสัตว์ในถ้ำใต้ดิน เพราะที่นี่มีพลังงานดวงอาทิตย์ที่สาดส่องตลอดปี ร่างกายจึงเปี่ยมไปด้วยพลังงาน…”

ฟางผิงรอเธอพูดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดบทว่า “ดังนั้นอาหารจึงราคาแพงมาก?”

ฟางผิงหมดคำจะพูด ไม่ใช่แพงมาก แต่แพงหูฉี่เลยต่างหาก

กินข้าวที่นี่ ไม่รับรูดบัตร…รูดไม่ได้

แต่อีกฝ่ายรับเงินสด ยาบำรุงและหินพลังงาน

ฟางผิงกวาดสายตามอง หลักๆ ต้องใช้ยาบำรุงเป็นการแลกเปลี่ยน ยาบำรุงเลือดและปราณเยอะที่สุด อาหารหนึ่งอย่างปกติใช้ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสี่ห้าเม็ด

หากพวกฟางผิงหลับหูหลับตากินมื้อนี้ไป อย่างน้อยคงต้องใช้ยาบำรุงเลือดและปราณสี่สิบห้าสิบเม็ด

แม้จะเป็นเฉินอวิ๋นซีที่กระเป๋าหนัก แต่เธอเข้าถ้ำใต้ดิน อาจไม่ได้พกยาบำรุงมาเยอะขนาดนั้นเช่นกัน ทั้งยาบำรุงควรจะใช้เพื่อช่วยชีวิต

ไม่พูดมากกับอีกฝ่ายแล้ว ฟางผิงยืนขึ้นเดินออกไปข้างนอก คนอื่นๆ กระดากอายเช่นกัน เฉินอวิ๋นซียิ่งหน้าแดงก่ำไปหมด

ขายหน้าจริงๆ!

บอกว่าจะเลี้ยงข้าว ผลปรากฏว่ามาถึงโต๊ะแล้ว กลับตกใจราคาจนพากันลุกหนี

อยู่บนโลก แม้มื้อหนึ่งจะเสียเป็นล้าน เธอก็จ่ายไหวอยู่ดี

แต่ที่นี่ ใครจะพกเงินสดเข้ามากัน?

ยาบำรุงติดตัวก็มีอย่างจำกัด คงไม่อาจสิ้นเปลืองยาบำรุงไปกับอาหารมื้อเดียวได้หรอก

ฟางผิงเดินออกไปอย่างไม่เขินอายอะไร คนอื่นๆ นั้นแทบจะวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง

ผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่ต้อนรับพวกเขาคนนั้นรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แน่นอนว่าไม่กล้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า

ผู้ฝึกยุทธ์ที่รวมกลุ่มเข้ามาในถ้ำใต้ดิน ทั้งยังอายุน้อยขนาดนี้ แทบจะเป็นนักศึกษาศิลปะการต่อสู้ทั้งหมด

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ไม่ว่าจะถ้ำใต้ดินหรือโลกข้างนอกต่างมีอิทธิพลไม่น้อย

จำนวนของผู้ฝึกยุทธ์ในมหาวิทยาลัย หากรวมกับบัณฑิตที่จบไป ยังเยอะกว่าหน่วยทหารอยู่ดี คนใหญ่คนโตนับไม่ถ้วนล้วนจบจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ เพื่อเรื่องเล็กๆ แบบนี้กลับไปหาเรื่องพวกเขา ผลที่จะตามมาทีหลังแทบไม่อาจคาดเดาได้

ออกมาจากโรงแรม เฉินอวิ๋นซีทำหน้าลำบากใจอยู่บ้าง “อันที่จริง…อันที่จริงจะกินสักมื้อก็ได้…”

ฟางผิงเบะปาก “ช่างเถอะ ยังไม่ทันหาเงินก็ใช้เงินซะแล้ว ไม่สอดคล้องกับความตั้งใจแรกของพวกเรา หากหาเงินได้เยอะจริงๆ หนึ่งมื้อจะเสียเท่าไหร่ก็เท่านั้น ตอนนี้กลับไปกินอาหารแห้งกันก่อนเถอะ”

ระหว่างเดินกลับ ฟางผิงสำรวจรอบๆ ไปพลาง บางครั้งยังเห็นทหารกลุ่มเล็กๆ เดินลาดตระเวนอยู่บนถนน

ในเวลานี้ ประตูทางเหนือที่อยู่ห่างไม่ไกลจากพวกเขากลับถูกเปิดออก

ไม่นาน ฟางผิงก็ได้ยินคนซุบซิบกัน “นั่นคือเหยาเฉิงจวิน?”

“เป็นเขา กลับมาก็กลับมาสิ จัดทัพต้อนรับใหญ่โตจริงๆ”

ผู้คนที่เดินเล่นอยู่ข้างทางยังอายุน้อย น่าจะมาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เช่นกัน ส่วนมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หรือมหาวิทยาลัยอื่น พวกฟางผิงมองไม่ออกเหมือนกัน

พวกฟางผิงไม่คิดสนใจ กำลังจะผละตัวออกมา จู่ๆ ประตูทางเหนือก็มีเสียงดังขึ้นมา

“ไชโย!”

“ไชโย!”

“…”

มีเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงจากทหารและผู้ฝึกยุทธ์ที่วางการป้องกันอยู่ที่หัวเมือง

ไม่นานข่าวทางเหนือก็แพร่กระจายมาตามลม

“ครั้งนี้ผู้บัญชาการเหยาออกไปข้างนอก สังหารศัตรูได้นับไม่ถ้วน ขั้นห้าหนึ่งคน ขั้นสี่ห้าคน!”

“โจมตีหน่วยสอดแนมของเมืองเทียนเหมินได้ราบคาบ!”

“ช่วงนี้ผู้บัญชาการเหยาออกทำภารกิจกี่ครั้งก็สังหารคนได้ทั้งหมด อันดับหนึ่งของรุ่น เสียงชื่อสมคำล่ำลือจริงๆ!”

มีคนเอ่ยอย่างไม่ยอมว่า “นั่นเป็นสถานที่ที่รุ่นพี่ศิษย์เก่าขั้นห้าของมหาวิทยาลัยฉันเคยไปมาก่อน”

“นายบอกแล้วนี่ว่าศิษย์เก่า นั่นไม่นับเป็นคนของมหาวิทยาลัยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเหยาเฉิงจวินเพิ่งจะทะลวงขั้นสี่สูงสุด ทำได้ถึงขั้นนี้ในมหาวิทยาลัยคงไร้คู่ต่อสู้แล้วหรือเปล่า?”

“เหอะ! หลี่หานซงจากปักกิ่ง หวังจินหยางจากหนานเจียง เฉินเหวินหลงจากเซี่ยงไฮ้ หลิวซื่อเจี๋ยจากหวากั๋ว…ไม่มีใครอ่อนแอกว่าเขาทั้งนั้น!”

“…”

ฟางผิงที่อยู่ด้านข้างเหมือนจะนึกอะไรได้ หันหน้าไปมองคนอื่นๆ “เหยาเฉิงจวิน ตอนแรกที่พวกเราเข้าคลาสฝึกพิเศษ การจัดอันดับในขั้นสาม เขาถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่ง?”

ก่อนหน้านี้เพื่อเตรียมตัวแข่งขันแลกเปลี่ยน พวกเขาเข้าร่วมคลาสฝึกเศษ มหาวิทยาลัยส่งตารางจัดอันดับให้พวกเขาหนึ่งแผ่น

ฟางผิงจำได้ว่าตอนนั้นหวังจินหยางถูกจัดในอันดับที่ยี่สิบเจ็ด

ส่วนเหยาเฉิงจวินเหมือนจะอยู่อันดับหนึ่งในขั้นสามของเวลานั้น นั่นเป็นการจัดอันดับขั้นสามทั่วประเทศ

คนอื่นๆ เคยได้ยินมาเหมือนกัน

เฉินเหวินหลงจากเซี่ยงไฮ้ เวลานั้นจัดอยู่ในอันดับที่สิบหก สูงกว่าหวังจินหยางนิดหน่อย หลี่หานซงจากปักกิ่งเหมือนจะอันดับสูงยิ่งกว่าเฉินเหวินหลง

การจัดอันดับฉบับนั้น เห็นตอนที่เพิ่งเปิดเรียนได้ไม่นาน ตอนนี้ผ่านไปเป็นเวลาเกือบปีแล้ว

คนพวกนั้นต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด ทั้งยังเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งในขั้นสามสูงสุด

หวังจินหยางถือดาบประลองไปทั่วทางเหนือยังอยู่อันดับที่ยี่สิบเจ็ด จะเห็นได้ว่าการจัดอันดับไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

ตอนนี้ฟังจากทุกคนพูด เหยาเฉิงจวินเข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดแล้วสินะ?

ก้าวหน้าเร็วจริงๆ!

หวังจินหยางที่ไขกระดูกเป็นหยกเหมือนเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลายเช่นกัน ยังไม่ทะลวงขั้นสูงสุด หลี่หานซงคนนั้น ก่อนหน้านี้ได้ยินจากผู้จัดการเจียงว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลาย

จ้าวเหล่ยพยักหน้าเล็กน้อย “เป็นเขานั่นแหละ คาดไม่ถึงว่าเขาจะรับตำแหน่งผู้บัญชาการกองของที่นี่ ฉันรู้จักเขา”

“นายรู้จัก?”

“เคยคบค้าสมาคมกัน เป็นรุ่นพี่โรงเรียนมอปลายของฉัน แก่กว่าฉันสองปี ฉันอยู่มอปลายปีหนึ่ง เขาอยู่มอปลายปีสาม เวลานั้นถือเป็นคนที่โดดเด่นในโรงเรียนพวกเรา ตอนที่ฉันเข้ามอปลาย เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ช่วงสอบเกาเข่าน่าจะแตะถึงขั้นหนึ่งตอนกลางถึงกระทั่งตอนปลายแล้ว แต่ได้ยินว่าเขาไม่เรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แต่ไปเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร”

——————

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท